Rechercher dans ce blog

Thursday, June 30, 2022

คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบจำกัด | investing.com - Investing.com

[unable to retrieve full-text content]

  1. คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบจำกัด | investing.com  Investing.com
  2. Sideway หุ้นรายงานพิเศษ กลุ่มท่องเที่ยว  กรุงเทพธุรกิจ
  3. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบจำกัด | investing.com - Investing.com
Read More

CZ ออกโรงปกป้อง Michael Saylor กล่าว “ตอนนี้หลายคนอาจหัวเราะเยาะเขา แต่เขาจะเป็นคนหัวเราะในตอนจบ” โดย Siamblockchain - Investing.com

[unable to retrieve full-text content]

CZ ออกโรงปกป้อง Michael Saylor กล่าว “ตอนนี้หลายคนอาจหัวเราะเยาะเขา แต่เขาจะเป็นคนหัวเราะในตอนจบ” โดย Siamblockchain  Investing.com
CZ ออกโรงปกป้อง Michael Saylor กล่าว “ตอนนี้หลายคนอาจหัวเราะเยาะเขา แต่เขาจะเป็นคนหัวเราะในตอนจบ” โดย Siamblockchain - Investing.com
Read More

รายงานเปิดเผยว่า Three Arrows Capital ให้ข้อมูลเท็จและเกินจริงแก่นักลงทุน โดย Siamblockchain - Investing.com

[unable to retrieve full-text content]

รายงานเปิดเผยว่า Three Arrows Capital ให้ข้อมูลเท็จและเกินจริงแก่นักลงทุน โดย Siamblockchain  Investing.com
รายงานเปิดเผยว่า Three Arrows Capital ให้ข้อมูลเท็จและเกินจริงแก่นักลงทุน โดย Siamblockchain - Investing.com
Read More

Tuesday, June 28, 2022

ราคาทองคำขยับลง หลังดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง-บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง - การเงินธนาคาร

สำนักข่าว The Business Times รายงานเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2565 ว่า ราคาทองคำปรับตัวลดลงในการซื้อขายในวันพุธ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนจากทองคำแท่งราคาดอลลาร์

ราคาทองคำสปอตลดลง 0.1% ที่ 1,818.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเวลา 01.05 น. GMT สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าของสหรัฐก็ผ่อนคลายลง 0.1% ที่ 1,820.30 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐทรงตัวหลังจากแข็งค่าขึ้นเมื่อวันอังคาร ทำให้ทองคำไม่น่าสนใจสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่น

ราคาทองคำอยู่ในกรอบแคบในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากนักลงทุนอยู่ระหว่างแรงกดดันจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและการสนับสนุนจากความเสี่ยงจากภาวะถดถอย

ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้คำมั่นว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วต่อไปเพื่อลดอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง แต่ได้ดันกลับท่ามกลางความกลัวที่เพิ่มขึ้นในหมู่นักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ว่าต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจะทำให้เกิดภาวะถดถอยอย่างมาก

แม้ว่าทองคำจะถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ แต่อัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นจะเพิ่มค่าเสียโอกาสในการถือทองคำแท่ง ซึ่งไม่มีดอกเบี้ย โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีของสหรัฐผ่อนคลายลง โดยให้การสนับสนุนทองคำบางส่วน

สหรัฐคว่ำบาตรเป้าหมายมากกว่า 100 เป้าหมาย และห้ามการนำเข้าทองคำรัสเซียใหม่ โดยปฏิบัติตามคำมั่นของผู้นำ Group of Seven ในสัปดาห์นี้ที่จะลงโทษรัสเซียเพิ่มเติมจากการรุกรานยูเครน

ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือนในเดือนมิถุนายน เนื่องจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อสูงทำให้ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญหรือแม้กระทั่งเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงครึ่งหลังของปี

ราคาสปอตเงินลดลง 0.3% เป็น 20.78 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่แพลทินัมเพิ่มขึ้น 0.6% เป็น 915.72 ดอลลาร์สหรัฐ และแพลเลเดียมเพิ่มขึ้น 0.8% สู่ 1,889.46 ดอลลาร์ 

อ้างอิง : https://www.businesstimes.com.sg/energy-commodities/gold-prices-tick-lower-on-dollar-strength

Adblock test (Why?)


ราคาทองคำขยับลง หลังดอลลาร์แข็งค่าต่อเนื่อง-บอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่ง - การเงินธนาคาร
Read More

Nasdaq เป็นผู้นำแดนลบในกระดานซื้อขายหุ้นของวันจันทร์ โดย Investing.com - Investing.com

[unable to retrieve full-text content]

  1. Nasdaq เป็นผู้นำแดนลบในกระดานซื้อขายหุ้นของวันจันทร์ โดย Investing.com  Investing.com
  2. สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดาวโจนส์ย่อตัว หลังทำผลงานได้ดีสัปดาห์ที่แล้ว โดย Investing.com  Investing.com
  3. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

Nasdaq เป็นผู้นำแดนลบในกระดานซื้อขายหุ้นของวันจันทร์ โดย Investing.com - Investing.com
Read More

Sunday, June 26, 2022

CoinMarketCap เผยปัจจุบันมี Cryptocurrency ถูกลิสต์บนเว็บไซต์ทะลุ 20,000 รายการแล้ว โดย Siamblockchain - Investing.com

CoinMarketCap เผยปัจจุบันมี Cryptocurrency ถูกลิสต์บนเว็บไซต์ทะลุ 20,000 รายการแล้ว CoinMarketCap เผยปัจจุบันมี Cryptocurrency ถูกลิสต์บนเว็บไซต์ทะลุ 20,000 รายการแล้ว

ดูเหมือนว่าจำนวน Cryptocurrency ที่ถูกแสดงบนเว็บไซต์ข่าวสารข้อมูลด้านคริปโตระดับโลกอย่าง CoinMarketCap จะได้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2018 โดยในขณะนี้มีจำนวนเหรียญคริปโตที่ถูกลิสต์บนเว็บไซต์ทะลุ 20,000 รายการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้ปัจจุบันจะมี Crypto ทยอยเปิดตัวกันออกมาอย่างมหาศาล แต่ Bitcoin ยังคงครองตำแหน่งอันดับ 1 แบบที่ยังไม่มีใครสามารถโค่นลงได้ ซึ่งคิดเป็น 42.4% ของส่วนแบ่งตลาดคริปโตทั้งหมด

กดอ่านข่าว CoinMarketCap เผยปัจจุบันมี Cryptocurrency ถูกลิสต์บนเว็บไซต์ทะลุ 20,000 รายการแล้ว ต่อที่ Siam Blockchain

Adblock test (Why?)


CoinMarketCap เผยปัจจุบันมี Cryptocurrency ถูกลิสต์บนเว็บไซต์ทะลุ 20,000 รายการแล้ว โดย Siamblockchain - Investing.com
Read More

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดาวโจนส์ย่อตัว หลังทำผลงานได้ดีสัปดาห์ที่แล้ว โดย Investing.com - Investing.com

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดาวโจนส์ย่อตัว หลังทำผลงานได้ดีสัปดาห์ที่แล้ว © Reuters.

โดย Oliver Gray 

Investing.com - สัญญาซื้อขายล่วงหน้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซื้อขายต่ำลงในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ โดยผ่อนคลายจากการดีดตัวขึ้นครั้งใหญ่ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกลัวว่าเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น ซึ่งมาพร้อมกับผลตอบแทนพันธบัตรที่อ่อนตัวลง ส่งผลต่อผลกำไรในกลุ่มภาคส่วนที่อ่อนไหวต่อความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม แม้จะดีดตัวขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ภาพรวมวอลสตรีทกำลังจะทำผลงานย่ำแย่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

เมื่อเวลา 18:40 น. ET (10:40 น. GMT) , และ ลดลง 0.3%

สัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามข้อมูล , และ อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้ง ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่เฟดต้องการเห็น คาดว่าจะผ่อนคลายในเดือนที่สามเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ในระหว่างนี้ คาดว่า จะเผยกิจกรรมโรงงานที่เติบโตช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020 นักลงทุนยังจับตามอง , , และประมาณการการเติบโตของ สำหรับไตรมาสที่ 1

สัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีหลักทั้งหมดสูงขึ้น เพิ่มขึ้น 5.4% ในสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มขึ้น 6.5% และ เพิ่มขึ้น 7.5%

ด้านตลาดตราสารหนี้ อัตรา อยู่ที่ 3.138%

Adblock test (Why?)


สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดาวโจนส์ย่อตัว หลังทำผลงานได้ดีสัปดาห์ที่แล้ว โดย Investing.com - Investing.com
Read More

CTC 2022 : รวมเทรนด์การทำงานแห่งอนาคต Talents อยู่ได้ บริษัทอยู่ยาว - SpringNews

Session : THE FUTURE of EVERYTHING ด้าน People Skills โดย อภิชาติ ขันธวิธิ และเมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ

  • 4. อภิชาติ ขันธวิธิ Managing Director at QGEN / HR The Next Gen

(1) การทำงานแบบ Remote Working จะเป็นแนวโน้มการทำงานที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ และจากงานวิจัยของ QGen พบว่า คนที่คุ้นเคยกับการทำงานแบบ Work from home หรือ Work From Anywhere จะพิจารณาการเข้าทำงานในบริษัทนั้นๆ ว่าเปิดให้ WFH หรือไม่ การสมัครงานของคนที่มีทางเลือก มีความสามารถ ถ้าไม่ยืดหยุ่น เขาไม่สมัคร

(2) คนทำงานต้องต้องปรับตัวเร็วกว่าเดิม รู้ลึกกว่าเดิม และรู้กว้างมากยิ่งขึ้น รู้ลึกหมายถึงลงลึกให้ Advance กว่าเดิม หมายถึง เราสอนคนอื่นได้ แปลว่าคุณรู้ลึกในเรื่องนั้นจริงๆ แล้วเขาทำได้ ในเรื่องของการรู้กว้าง เราต้องการเห็นคนเติบโตขึ้นกว่าเดิม มี 3 ประเด็นที่ทำให้คนทำงานเติบโตขึ้น ได้แก

  • Growth Mindset มีความอยากที่จะเติบโต เพราะโลกเปลี่ยนแปลงเร็วมาก อัตราเร่งของความเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าเดิม แต่ก่อน 3 ปี เดี๋ยวนี้อาจจะใช้เวลาแค่ 1 ปี เราจึงมีโอกาสน้อยลงในการตัดสินใจผิดพลาด โดยใช้ Data Literacy ใช้ Data ประกอบการตัดสินใจ
  • Leadership & People Management ผู้นำกับการบริหารคนผู้นำหรือผู้บริหารจำเป็นต้องพูดคุยกับทีมมากขึ้น เพราะคนมีพลวัต (Dynamic) จะใช้วิธีเดิมๆ ในการบริหารจัดการคนยุคนี้ไม่ได้
  • Problem Solving ต้องมีทักษะในการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น

Session : How Technology Could Transform Thailand to Creative Economy Country โดย จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา

(1) ทีมงานของ Bitkub ใช้มากกว่า 70 แอปพลิเคชัน จ่ายแบบ Subscription รายเดือน เช่นแอป Monday, Slack ประสิทธิภาพของงานที่ได้คือ บริษัทโต 2000% การที่ Bitkub ลงทุนในแอปหลายล้านบาท ให้พนักงานเข้าถึงเทคโนโลยีที่เป็น World Class Technology เพื่อช่วยเพิ่ม Productivity ให้ทีมงาน และต่อไป Revenue per Employee คือ พนักงาน 1 คน จะทำรายได้ให้บริษัท 5 ล้านบาท ถ้าไม่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล บริษัทคงไม่สามารถโตได้ขนาดนี้

(2) เทรนด์ต่อไปที่องค์กรจะใช้งานเพื่อลดต้นทุน เรียกว่า Subscription-based หรือ Subscription Economy ซึ่งจะสมัครใช้บริการหรือเลิกใช้เมื่อไหร่ก็ได้เพราะเป็นแบบการจ่ายรายเดือน เหมือนกับการจ่ายค่า Subscription ให้ Netflix

(3) The way we work จะเปลี่ยนไปอีกมาก ต่อไปจะเป็นยุคของ Satya Narayana Nadella ซีอีโอ ไมโครซอฟท์ โดยสิ่งที่จะมาเปลี่ยนแปลงโลก คือ แว่นตา VR และซอฟต์แวร์ Microsoft Teams (co-operating system) ซึ่งจะนำมาใช้งานแทนอีเมล

(4) ใน 5 ปีข้างหน้า คนในวงการครีเอทีฟจะเป็น Nano Entrepreneur คนที่มีไอเดียที่ดี มีความคิดสร้างสรรค์ และทำงานแบบ Nano contract ลิงก์กับประเด็น Digital Inclusion ที่รัฐจะต้องให้ Connectivity และ Digital ID เพื่อทำให้ผู้คนเข้าเรียนหรือทำงานจากที่ไหนก็ได้ คนที่เกิดต่างจังหวัดก็จะมีโอกาสเท่ากับคนที่อยู่ในเมือง

(5) ปัจจุบัน Talents ไม่พอที่จะขับเคลื่อนธุรกิจ ตอนนี้หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยจึงแย่ง Talents กัน สิ่งที่องค์กรต้องมีเพื่อดึงดูด Talents คือ Digitalization ซัพพอร์ตด้านเทคโนโลยีดิจิทัล, Flexiblility มีความยืดหยุ่น ทำงานจากที่ไหนก็ได้ แล้วนัดเจอนัดประชุมกันบ้าง และสุดท้าย Empathy ความเห็นอกเห็นใจ

Adblock test (Why?)


CTC 2022 : รวมเทรนด์การทำงานแห่งอนาคต Talents อยู่ได้ บริษัทอยู่ยาว - SpringNews
Read More

BIS แหล่งรวมซุปตาร์ - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ มายังไม่ถึง 2 เดือนด้วยซ้ำ สำหรับบริษัท ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIS (เข้าเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2565 ด้วยราคาไอพีโอ 6.00 บาท) แต่ดูเหมือนเข้าปุ๊บ…ก็ออกลายปั๊บ จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องจับขังคุกแคชบาลานซ์แดน 1 (ระดับ 1 หรือเทียร์ 1) ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค.-15 มิ.ย. 2565 เพื่อดับความซ่า..!!

เอาเป็นว่า เข้าเทรดมาได้แค่ 14 วันทำการ ก็กลายเป็นนักโทษแดนประหารไปซะแล้ว…ไม่ธรรมดาจริง ๆ

จะว่าเป็นเพราะ BIS ทำธุรกิจที่อยู่ในกระแสเติบโต เนื่องจากธุรกิจที่เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ยาและเวชภัณฑ์ เครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นเทรนด์ที่มีโอกาสเติบโตสูง

ที่สำคัญกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง การตัดสินใจซื้อเร็ว นั่นหมายถึงมาร์จิ้นที่สูงด้วยเช่นกัน…

เรียกว่าเป็นธุรกิจที่คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ซื้ออะนะ…

ตัวบิสซิเนสก็ดูดีแหละ…แต่ไม่น่าจะใช่สาเหตุที่ทำให้มีการเข้ามาไล่ราคากันอย่างเมามันขนาดนี้..!?

สุดท้ายมาถึงบางอ้อ…เมื่อไปเห็นรายชื่อคนที่ได้รับจัดสรรไอพีโอ บอกเลยว่าแต่ละคนชื่อชั้นไม่ธรรมดา เป็นระดับเซียนเหยียบเมฆทั้งน้านนน…มีทั้งขาใหญ่ หมอนักลงทุน และบิ๊กบจ.ชื่อดัง…

เริ่มจากอันดับแรก ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น “วิชัย วชิรพงศ์” หรือเสี่ยยักษ์ ขาใหญ่ที่มักไปข้องแวะกับหุ้นไอพีโอหลาย ๆ ตัว ได้รับการจัดสรรหุ้นไปมากสุด จำนวน 8.3 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.83%

อ้อ…กลุ่มวชิรพงศ์ไม่ได้มีแค่เสี่ยยักษ์เท่านั้นนะ แต่ยังมี “หทัยชนก วชิรพงศ์” และ “กชกร วชิรพงศ์” ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเท่า ๆ กัน คนละ 1 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.06% ด้วย

แหม๊…มากันทั้งครอบครัวเลยนะเนี่ย…

ไม่เท่านั้น ยังมี “เซียนฮง”-สถาพร งามเรืองพงศ์ นักลงทุนรายใหญ่อีกคน ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นไป 6 แสนหุ้น คิดเป็น 0.64%

ตามมาด้วย “หมอพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี” หมอนักลงทุนที่ชอบทำตัวโลว์โปรไฟล์ ไฮโปรฟิท แต่มักไปเกี่ยวข้องกับหุ้นร้อน ๆ เสมอ ได้รับการจัดสรรหุ้นไป 5.8 แสนหุ้น คิดเป็น 0.62%

ส่วนน้องรักเสี่ยยักษ์ อย่าง “ฐิติ กิตติพัฒนานนท์” หรือ เสี่ยปิง นักลงทุนรายใหญ่อีกคน ก็ได้รับการจัดสรรหุ้น 1 ล้านหุ้น คิดเป็น 1.06%

นอกจากนี้ ยังมี “วรพรรณ จึงทรัพย์ไพศาล” คนนี้เป็นภรรยาของ “เสี่ยจึง”-วิชัย จึงทรัพย์ไพศาล นักลงทุนรายใหญ่ ได้รับการจัดสรรหุ้นไป 8 ล้านหุ้น คิดเป็น 8.51%

ด้าน “อรรณพ ลิ้มประเสริฐ” คนนี้เป็นน้องเขย “เฮียฮ้อ”-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ที่หลายคนรู้จักดี ในความมีชื่อเสียงหลากหลาย ได้รับการจัดสรรหุ้น 7 ล้านหุ้น คิดเป็น 7.45%

อีกชื่อที่คุ้นกันดี คือ “ประทีป ตั้งมติธรรม” บอสใหญ่ศุภาลัย ก็ได้รับการจัดสรรหุ้น 7.2 แสนหุ้น คิดเป็น 0.77%

ดูจากรายชื่อข้างต้นแล้ว ต้องบอกว่า BIS เป็นแหล่งรวมเสือ สิงห์ กระทิง แรด…อุ๊ย ซุปตาร์ของตลาดหุ้นเลยก็ว่าได้..!?

จึงไม่น่าแปลกใจที่ BIS เปิดเทรดวันแรกราคาพุ่งกระฉูดไปอยู่ที่ 11.00 บาท เหนือจอง 83.33% จากไอพีโอ 6.00 บาท และขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 11.30 บาท ด้วยนะ…

ว่าแต่ซุปตาร์ขาใหญ่เหล่านี้ยังอยู่กันครบหรือเปล่าน้อ..? หรือเผ่นแนบเข้าป่ากล้วยไปตั้งแต่วันแรกแล้ว

อันนี้ก็ไม่รู้สินะ…

…อิ อิ อิ…

Adblock test (Why?)


BIS แหล่งรวมซุปตาร์ - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
Read More

Friday, June 24, 2022

ทำไม Solana ถึงสามารถเอาชนะ Ethereum ในแง่ของการทำราคาในช่วงสัปดาห์นี้ โดย Siamblockchain - Investing.com

ทำไม Solana ถึงสามารถเอาชนะ Ethereum ในแง่ของการทำราคาในช่วงสัปดาห์นี้ ทำไม Solana ถึงสามารถเอาชนะ Ethereum ในแง่ของการทำราคาในช่วงสัปดาห์นี้

(SOL) เป็นเหรียญ crypto ที่ราคาวิ่งได้ดีที่สุดในตอนนี้ในบรรดาเหรียญ top 10 ตามมูลค่าตลาด ดูเหมือนว่าตลาดจะตอบรับเชิงบวกต่อหลังจากที่มีการประกาศเปิดสมาร์ทโฟนของ Solana Labs เนื่องจาก SOL กำลังเติบโตเร็วกว่เหรียญอื่น ๆ ในช่วงนี้ โดยในขณะที่เขียน ราคาของ SOL อยู่ที่

กดอ่านข่าว ทำไม Solana ถึงสามารถเอาชนะ ในแง่ของการทำราคาในช่วงสัปดาห์นี้ ต่อที่ Siam Blockchain

Adblock test (Why?)


ทำไม Solana ถึงสามารถเอาชนะ Ethereum ในแง่ของการทำราคาในช่วงสัปดาห์นี้ โดย Siamblockchain - Investing.com
Read More

น้ำมันโลกยังไม่ฟื้น กังวล ศก.สหรัฐฯชะลอตัว จับตาโอเปกพลัส ประชุมปลาย มิ.ย.นี้ - PPTVHD36

น้ำมันโลก ดิ่ง 6 ดอลลาร์ ผวาเศรษฐกิจถดถอย จับตาสหรัฐฯยกเว้นภาษีตรึงราคา

AOT หั่นเป้าเที่ยวบิน-ผู้โดยสาร เหตุ "สงครามยูเครน-จีนล็อกดาวน์"ฉุด

เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2565 สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกยังผันผวนหนัก โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา ตลาดเอเชียราคาปรับขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งมีปัจจัยมาจากความไม่แน่นอนของอุปทาน (ปริมาณการผลิต) ที่เริ่มมีมากขึ้น สวนทางกับอุปสงค์ที่เริ่มชะลอตัว จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มลดลง

ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.37% อยู่ในระดับ 106.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

น้ำมันโลกยังไม่ฟื้น กังวล ศก.สหรัฐฯชะลอตัว จับตาโอเปกพลัส ประชุมปลาย มิ.ย.นี้

ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปรับเพิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 0.82% อยู่ในระดับ 105.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ด้านนักลงทุนสายเทรดเดอร์ มองว่า จากราคาซื้อขายล่วงหน้าทั้ง เบรนท์ และ เวสต์เท็กซัส ยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างหนัก ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปทานน้ำมันยังคงตึงตัวอยู่

โดยก่อนหน้านี้ 2 มิ.ย. ทีผ่านมา ในการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และชาติพันธมิตร หรือ โอเปกพลัส (OPEC+) มีมติเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบ  648,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ก.ค.นี้ หรือ 0.7% ของอุปสงค์ทั่วโลก จนถึงเดือน ส.ค. และมีแผนปรับเพิ่มอีก 432,000 บาร์เรลต่อวันไปจนถึงเดือน ก.ย.

เคาะปรับ! ราคาปุ๋ยหน้าโรงงาน เหตุผลพวงจากสงครามรัสเซีย - ยูเครน

AIS แพ้คดี ฟ้อง กสทช.สั่งปรับวันละ 1 แสนบาท ปมเก็บค่าบริการล่วงหน้า ปี55

โควิด BA.4 BA.5 ไทยพบกว่า 200 ราย จับตา 2 สัปดาห์เห็นแนวโน้มการระบาด

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline

Adblock test (Why?)


น้ำมันโลกยังไม่ฟื้น กังวล ศก.สหรัฐฯชะลอตัว จับตาโอเปกพลัส ประชุมปลาย มิ.ย.นี้ - PPTVHD36
Read More

Thursday, June 23, 2022

"ราคาทองคำ" ร่วงลงสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน เหตุวิตกธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ กระทบดีมานด์ทองคำแท่ง - การเงินธนาคาร

สำนักข่าว The Business Times รายงานเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 ว่า ราคาทองคำทรงตัวในวันศุกร์ แต่ร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางรายใหญ่ที่อาจใช้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่เพื่อกำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งส่งผลต่อดีมานด์ทองคำแท่ง

ราคาทองคำสปอต (Gold Spot) ขยับขึ้น 0.1% ที่ 1,824.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่ 02.15 GMT หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 1,820.99 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ในเซสชั่น สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าของสหรัฐร่วงลง 0.2% สู่ระดับ 1,825.90 ดอลลาร์ ราคาทองคำร่วงลงประมาณ 0.9% ในสัปดาห์นี้ 

ทั้งนี้คำมั่นสัญญาของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปีนั้น แบบไม่มีเงื่อนไข เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ กล่าวกับฝ่ายนิติบัญญัติในวันพฤหัสบดีว่าเขาจะยอมรับว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้การว่างงานเพิ่มขึ้น 

แมตต์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ City Index กล่าวว่า “ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงแข็งค่า และตอนนี้ความคาดหวังโน้มเอียงไปที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75bps ในเดือนกรกฎาคม ค่า TIPS spread  ซึ่งเป็นพร็อกซีที่อิงตามตลาดสำหรับการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อนั้นก็อยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนเช่นกัน และสิ่งเหล่านี้ได้ปิดการขึ้นลงของทองคำ” 

ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าทำให้ทองคำราคาดอลลาร์มีราคาแพงกว่าสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ทรงตัวในวันศุกร์ โดยจำกัดความต้องการทองคำ อัตราดอกเบี้ยและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นจะเพิ่มค่าเสียโอกาสของการถือทองคำแท่ง ซึ่งไม่มีดอกเบี้ย 

“ทองคำดูอ่อนแอในระยะสั้น เนื่องจากไม่สามารถทะลุ 1,850 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย 200 วันในสัปดาห์นี้ หากไม่ได้กลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ทองคำก็น่าจะต่ำกว่านี้แล้ว”

SPDR Gold Trust กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกกล่าวว่าการถือครองลดลง 0.81% สู่ 1,063.07 ตันในวันพฤหัสบดีจาก 1,071.77 ตันในวันก่อนหน้า ราคาสปอตแข็งขึ้น 0.4% ที่ 21.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และแพลตตินั่มเพิ่มขึ้น 0.9% เป็น 915.11 ดอลลาร์  แพลเลเดียมพุ่งขึ้น 1.4% สู่ระดับ 1,870.29 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้นราว 3% ในสัปดาห์นี้

อ้างอิง : https://www.businesstimes.com.sg/energy-commodities/gold-set-for-second-straight-weekly-drop-on-worries-over-big-rate-hikes

Adblock test (Why?)


"ราคาทองคำ" ร่วงลงสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน เหตุวิตกธนาคารกลางขึ้นดอกเบี้ยสกัดเงินเฟ้อ กระทบดีมานด์ทองคำแท่ง - การเงินธนาคาร
Read More

ราคาทองคําเผชิญแรงขายอีกครั้ง หลังยังไม่สามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 - Investing.com

สรุป วานนี้ปิดปรับตัวลดลง 14.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างวันราคาทองคําแกว่งตัวในกรอบ 1,845.62-1,821.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยดีดตัวขึ้นทดสอบกรอบด้านบน หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจํานวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน “แย่เกินคาด” ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นของสหรัฐ ลดลงสู่ 52.4 ในเดือนมิ.ย.จาก 57.0 ใน เดือนพ.ค. และต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 56.0 ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้น สตลงสู่ระดับ 51.6 ในเดือนมิ.ย. จาก 53.4 ในเดือนพ.ค. และต่ํากว่าที่นัก เศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ 53.9 เช่นกัน ซึ่งสะท้อนว่าตลาดแรงงาน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างชัดเจน สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งกระตุ้นความวิตกที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกําลังเติบโต ลดลง และมีความเสี่ยงมากขึ้นที่อาจจะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถถอยในอนาคต สถานการณ์ดังกล่าวกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีให้ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ําสุดที่ 3.005% ซึ่งเป็นต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์จนเป็นปัจจัยหนุนทองคํา อย่างไรก็ดี ราคาทองคําเผชิญแรงขายอีกครั้งหลังจากที่ทองคํายังไม่สามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ 1,844 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ นอกจากนี้ ทองคํายังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากดัชนีดอลลาร์ที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันในระหว่างการแถลงต่อศอง เกรสเป็นวันที่ 2 ว่าเฟดจะเดินหน้าควบคุมอัตราเงินเฟ้ออย่างไม่มีเงื่อนไข ประกอบกับ SPDR ถือครองทองคําลดลง -8.70 ต้น นั่นทําให้ราคาทองคําปรับตัวลดลงมาปิดตลาดบริเวณ 1,821.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สําหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมมิชิแกน

คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อหากยืน $1,811

จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,848

ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,811

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th

Adblock test (Why?)


ราคาทองคําเผชิญแรงขายอีกครั้ง หลังยังไม่สามารถปิดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 - Investing.com
Read More

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกเช้านี้ตามทิศทางดาวโจนส์ แม้ยังวิตกศก.ชะลอตัว - อาร์วายที9

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกเช้านี้ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ แม้นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ว่า เฟดมุ่งมั่นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้ออย่างไม่มีเงื่อนไข

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,228.42 จุด เพิ่มขึ้น 57.17 จุด หรือ +0.22%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,450.68 จุด เพิ่มขึ้น 176.81 จุด หรือ +0.83% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,324.74 จุด เพิ่มขึ้น 4.59 จุด หรือ +0.14%

นายพาวเวลแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ว่า เฟดมุ่งมั่นที่จะควบคุมอัตราเงินเฟ้ออย่างไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากขณะนี้เงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่า 3 เท่าจากเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% อย่างไรก็ดี นายพาวเวลยอมรับว่าการดำเนินการของเฟดมีความเสี่ยงที่จะทำให้อัตราว่างงานสูงขึ้นด้วย

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 229,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย. แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 227,000 ราย

ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 5 เดือน โดยลดลงจากระดับ 53.6 ในเดือนพ.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของภูมิภาคที่รายงานแล้ว ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานของญี่ปุ่นเดือนพ.ค. 2565 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) โดยดัชนี CPI ที่รายงานนั้นสอดคล้องกับผลสำรวจความเห็นของสำนักข่าวรอยเตอร์ อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อราคาผู้บริโภค ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้นเพียง 0.8%


Adblock test (Why?)


ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกเช้านี้ตามทิศทางดาวโจนส์ แม้ยังวิตกศก.ชะลอตัว - อาร์วายที9
Read More

FUND FLOW ยังอยู่ในทิศทางที่ไหลออก เงินบาทอ่อนค่าแรง | investing.com - Investing.com

ความคาดหวังที่จะเห็น Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในอัตรา 0.75% ในการ ประชุมรอบ 27 ก.ค.65 มีเพิ่มมากขึ้น โดย Fed Watch Tool ล่าสุดให้ความน่าจะ เป็นสูงถึง 90.9% ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการตีความถ้อยแถลงของประธาน Fed ที่ยืนยันความจำเป็นในการต้องกดอัตราเงินเฟ้อให้ลดลง แม้จะทำให้เศรษฐกิจ ชะลอตัว ทิศทางด้งกล่าวของ Fed ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อในบ้านเราที่มี แนวโน้มสูงขึ้น โดยอาจแตะระดับ 10% YoY ได้ในเดือน ส.ค.65 จะเป็นตัวเร่งให้ กนง. ต้องปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เพิ่มขึ้น เบื้องต้นฝ่ายวิจัยประเมินว่าอาจเห็น การปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นในการรอบการประชุมที่เหลือของปีนี้ทั้ง 3 รอบ ซึ่งจะ ทำให้ดอกเบี้ยนโยบาย ณ สิ้นปี 2565 ของบ้านเราปรับขึ้นไปที่ 1.25% แต่หาก เทียบกับของสหรัฐฯ แล้วยังต่ำกว่าราว 2% เป็นแรงผลักให้Fund Flow ไหลออก คาด Index ผันผวนกรอบ 1545 – 1570 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ ไม่มีการ เปลี่ยนแปลง โดยให้ถือถือเงินสดสำรองที่ระดับ 25% รอจังหวะซื้อในระยะต่อไป หุ้น Top Pick เลือก CPF, CRC และ OSP

FED ให้น้ำหนักกับการลดเงินเฟ้อ แม้เสี่ยง RECESSION

Jerome Powell แถลงต่อ สส. ว่ามันเป็นสิ่งที่ยากมากที่จะขึ้นดอกเบี้ยแล้วไม่กระทบ ตลาดแรงงาน อัตราการว่างงานสหรัฐกำลังจะปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง (Unemployment Rate ล่าสุดอยู่ที่ 3.6%) และยอมรับว่า FED ไม่ได้มีเครื่องมือที่จะแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อได้ ตรงจุด (เพราะปัญหาหลักใหญ่ๆ คือราคาน้ำมันและอาหารที่ปรับตัวขึ้นจากสงคราม ยูเครน-รัสเซีย) ทำให้การทำ Soft Landing เริ่มยากขึ้นทุกวัน ซึ่งสอดคล้องกับการขึ้น ดอกเบี้ยในอนาคต โดยดูที่ FED Watch Tool จะเห็นได้ว่าตลาดคาดเห็นการปรับขึ้น ดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนหน้า ตามด้วยขึ้น 0.50% ในเดือนกันยายน และมองดอกเบี้ย ปลายปีที่ระดับ 3.5%-3.75%

ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐเองก็ดูไม่ดีนัก โดยจำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ลดลง 2,000 ราย สู่ระดับ 229,000 ราย ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มิ.ย. แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ คาดการณ์ไว้ที่ 227,000 ราย ซึ่งอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ดัชนี (PMI) ภาค การผลิตสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.4 ในเดือนมิ.ย. ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 56 จุด ซึ่ง ต้องดูท่าทีของ FED ในการประชุม FED Minutes วันที่ 7 กค 65 ว่าจะมีทิศทางของ ดอกเบี้ยในอนาคตเป็นเช่นไร

สรุป FED ส่งสัญญาณที่จะใช้นโยบายการเงินเชิงรุกต่อไป เพื่อแก้ไขเงินเฟ้อให้อยู่ใน ระดับต่ำ ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Recession ในอนาคต คาดกดดันให้ สินทรัพย์เสี่ยงแกว่งตัวผันผวนต่อไป

เงินบาทอ่อนค่าแรง และคาดอ่อนค่ากว่านี้หาก SPREAD ดอกเบี้ยไทยสหรัฐฯ ห่างมากขึ้น

ค่าเงินบาทไทยยังคงอ่อนค่าต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 โดยล่าสุดอยู่ที่ 35.51 บาทต่อดอลล่าร์ แล้ว หรือทำสถิติสูงกว่า 35.5 บาทเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี (นับตั้งแต่ปี 2017)และหาก ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อจนดีดทะลุ 36.4 บาทต่อดอลล่าร์ไปได้ (หรืออ่อนค่าไปอีก 2%) ทำให้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าที่สุดในรอบ 16 ปี (ซึ่งนักลงทุนสามารถอ่านบทวิเคราะห์หุ้นที่ได้ ประโยชน์บาทอ่อนในช่วงนี้ได้ในบทวิเคราะห์ Market Talk ประจำวันที่ 23 มิ.ย. 65)

เหตุผลหลักที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าก็เป็นเพราะนโยายการเงินของไทยที่ยังคงดอกเบี้ย อยู่ที่ 0.5% ทำให้ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศสหรัฐที่ทาง FED ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย อย่างต่อเนื่องจนขึ้นไปที่ระดับ 1.75% แล้ว จนอาจเป็นเหตุที่ทำให้เงินไหลออกจาก ประเทศ ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นเดือน Flow ต่างชาติไหลออกทั้งตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ กว่า 3.1 หมื่นล้านบาท และ 3.9 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่ในช่วงปลายเดือน ก.ค. 65 ตลาดคาดว่า Fed มีโอกาสขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% มาอยู่ที่ 2.5%(ตามหัวข้อด้านบน) ส่งผลให้ Spread ดอกเบี้ยไทยกับสหรัฐกว้างถึง 2% (ประชุม กนง.ครั้งถัดไป 10 สค 65) กดดันเงินบาทอ่อนค่า และเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง

สรุป Spread ดอกเบี้ยไทย-สหรัฐฯ ที่ห่างกันมากขึ้นในอนาคต กดดันให้เงินบาทอ่อน ค่า และ Flow ต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นไทย โดยมองภาพ SET Index ระยะกลางยาวอยู่ใน Trend ขาลง ขณะที่วันนี้คาดแกว่งในกรอบ 1545-1570 จุด

สคบ. ยังไม่ได้ข้อสรุปเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อ…ผ่อนคลายแรงกดดันหุ้น กลุ่มเช่าซื้อ

สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยังไม่ได้ข้อสรุปเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อ เช่าซื้อรถจักรยานยนต์ จึงจะกลับไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และนัดประชุมใหม่อีกครั้ง โดย ปัจจุบันมีความเห็นตรงกันในการกำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ที่ 15% รถยนต์ใช้แล้วที่ 20% ส่วนรถจักยานยนต์ยังเห็นต่างกัน โดยสคบ. ต้องการกำหนดที่ 26% (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 20%) แต่ผู้ประกอบการต้องการที่ 30%

ฝ่ายวิจัยประเมินว่าหากสคบ. กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 26% จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เป็นหลัก (แต่ก็ถือว่ากระทบน้อย กว่าเดิมที่สคบ. ต้องการกำหนดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ที่ 20%) อาทิ TK และ S11 เป็นต้น เนื่องจากปัจจุบันคิดอัตราดอกเบี้ยที่ราว 30-35% สูงกว่าเพดานที่สคบ. ต้องการกำหนดที่ 26%

ขณะที่ผู้ประกอบการในกลุ่มจำนำทะเบียนจะกระทบ SAWAD บ้าง โดย SAWAD มีสัดส่วน สินเชื่อจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ราว 20% ของสินเชื่อสุทธิ และคิดอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อเช่าซื้อเฉลี่ยราว 30% โดยฝ่ายวิจัยได้ทำ Sensitivity หากเพดานอัตราดอกเบี้ยเช่า ซื้อลดลงมาที่ 26% โดยสมมติฐานอื่นไม่เปลี่ยนแปลง จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรสุทธิ ปี 2566 ของ SAWAD ราว 6% จากประมาณการปัจจุบัน ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยประเมินว่า SAWAD สามารถปรับกลยุทธ์ โดยการปรับเพิ่มเงินดาวน์จากลูกค้า ปรับเพิ่มรายได้ ค่าธรรมเนียม หรือสามารถปรับกลยุทธ์มาใช้สัญญาสินเชื่อนาโน (เพดานอัตราดอกเบี้ย 33%) ควบคู่กันไปด้วยได้

ส่วน MTC และ TIDLOR ไม่กระทบ เพราะ MTC คิดดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ราว 23% ต่ำกว่าแนวโน้มเพดานใหม่ที่ 26% อยู่แล้ว และ TIDLOR ไม่มีสินเชื่อเช่าซื้อ รถจักรยานยนต์

ฝ่ายวิจัยคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มเช่าซื้อ เท่าตลาด โดยประเมินว่าประเด็นดังกล่าวถือ เป็นการผ่อนคลายแรงกดดันต่อกลุ่มผู้ประกอบการเช่าซื้อ หลังจากที่ราคาหุ้นปรับฐาน ในช่วง 1-2 สัปดาห์ก่อนหน้า จึงมีแนวโน้มที่ราคาหุ้นจะฟื้นตัว แนะนำซื้อ MTC (FV@B52) SAWAD (FV@B60) และ TIDLOR (FV@B42)

ค้นหาหุ้น OUTPERFORM ในช่วงนี้ แนะหุ้น ANTI-COMMODITY, เกราะ ป้องกันเงินเฟ้อ, เปิดเมือง

การเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรงในเดือนนี้ของ Fed 0.75% กดดันให้ Real Yield (Bond Yield 10Y – คาดการณ์เงินเฟ้อ 5 ปี) พลิกกลับขึ้นมาเป็นบวกอย่างรวดเร็ว สอดคล้องกับสถิติในอดีต คือ เวลาที่ Real Yield ยืนในแดนบวก มักกดดันให้ราคา Commodity ต่างๆ ปรับตัวลดลง ในช่วงเวลาต่อมาเสมอ

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยถูกดดันเช่นกันทั้งจาก Spread ดอกเบี้ยไทยสหรัฐที่ห่างกันมากขึ้น กดดันให้ค่าเงินบาทอ่อน (ล่าสุดอยู่ที่ 35.5 บาท/เหรียญ) และ Fund Flow มีโอกาสไหล ออกหุ้นไทย (ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 3.1 หมื่นล้านบาท mtd) รวมถึงราคา Commodity ที่มีโอกาสย่อตัวลงในช่วงถัดไป ซึ่งหุ้นไทยประกอบไปด้วยหุ้น Commodity ถึง 1 ใน 3 ส่วน ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยผันผวนในช่วงนี้ และปรับฐานลงมาแรงถึง -6.4%mtd

ดังนั้นฝ่ายวิจัยได้ทำการศึกษา ในช่วงที่ราคา Commodity ต่างๆ ถูกดดัน หรือช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา (10 – 23 มิ.ย. 65) พบว่า ราคา BCOM Index (Commodity ต่างๆทั้ว โลก 23 ชนิด) ปรับตัวลดลง 11% และในช่วงเวลาเดียวกัน SET Index ปรับตัวลดลงมา - 5.1% แต่ยังมีหุ้นที่ Outperform ตลาดได้อยู่ โดยสังเกตจากหุ้นใน SET100 ที่ให้ ผลตอบแทน >= 0% ในช่วงเวลาเดียวกัน พบว่า สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้ ดังนี้

1. หุ้น Anti-Commodity KEX BGRIM CBG GPSC SCC TASCO

2. หุ้นมีเกราะป้องกันเงินเฟ้อ ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาขึ้น BLA TRUE DTAC

3. หุ้นเปิดเมือง MAJOR CENTEL AOT (BK:) VGI

จากตารางข้างต้น ฝ่ายวิจัยชื่นชอบ KEX, CKP, MAJOR, CBG, TRUE, CENTEL, DTAC, GPSC, SCC เป็นต้น

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ แนะนำหุ้นมีเกราะป้องกันเงินเฟ้อ ต้นทุนจาก Commodity ลดลง อย่าง OSP และหุ้นเปิดเมืองสัดส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำ CRC และหุ้น ได้ประโยชน์บาทอ่อน CPF เป็น Top pick

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

Adblock test (Why?)


FUND FLOW ยังอยู่ในทิศทางที่ไหลออก เงินบาทอ่อนค่าแรง | investing.com - Investing.com
Read More

แกว่งกรอบแคบ - การเงินธนาคาร

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,540 และแนวต้านที่บริเวณ 1,565 / 1,575 เรายังมองตลาดยังขาดปัจจัยใหม่เข้าสนับสนุนการปรับตัวขึ้น ขณะที่เมื่อคืนนี้การแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาของนายเจอโรม พาวเวล เป็นไปตามที่ตลาดคาดไว้ โดยได้กล่าวยืนยันถึงแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมทั้งยังให้มุมมองถึงความเป็นไปได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเกิดภาวะถดถอยจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่ Goldman sachs ได้ออกมาเปิดเผยก่อนนหน้าว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ในช่วงปีหน้าที่ระดับ 30.0% เพิ่มขึ้นจากระดับก่อนหน้าที่ระดับ 15.0% คาดยังเป็นปัจจัยหลักกดดัน-จำกัด Upside ทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ทางด้านสัญญาราคาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวลงแรงเมื่อคืนนี้ปิดที่ระดับ 106.19 ดอลลาร์/บาร์เรล -3.33 ดอลลาร์ (-3.04%) โดยได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสชะลอตัวลงจากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่สำคัญของโลกคาดจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน ผสานแนวโน้มการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน คาดจะเป็นปัจจัยหลักช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบระยะยาวได้ในระยะถัดไป คาดจะเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 22% ของตลาดอ่อนตัวลงถ่วงตลาดหุ้นไทยได้ อย่างไรก็ตามเรามองทิศทางราคาน้ำมันที่เริ่มจำกัด Upside มากขึ้นจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นที่มีต้นทุนเป็นน้ำมันอาทิหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM และ GPSC) และสายการบิน (AAV และ BA) คาดมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป

ในส่วนของปัจจัยในประเทศ เรามองค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยล่าสุดอ่อนค่าขึ้นทดสอบระดับ 35.50 คาดจะกดดันทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกได้ต่อเนื่อง โดยเดือน มิ.ย. มียอดขายสุทธิกว่า 2.9 หมื่นล้านบาท รวมทั้งมียอด Short SET50 Index Futures กว่า 1.34 สัญญา คาดจะกดดันภาพรวมทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ต่อ สะท้อนความไม่มั่นใจในทิศทางตลาดหุ้นไทย  อย่างไรก็ตามการอ่อนค่าต่อเนื่องของค่าเงินบาทมองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มส่งออกอาหารได้ต่อ (CPF, TFG, GFPT, TU, ASIAN และ CFRESH) ขณะที่เมื่อวานนี้ ธปท. เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเดือน มิ.ย. ส่งสัญญาณชัดเจนถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เราคาดอาจมีการปรับขึ้นในช่วงเดือน ส.ค. มองเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารกลาง (KBANK, SCB และ BBL) อีกทั้ง กนง. ยังคาดการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติอาจมากกว่าที่ประเมินไว้ เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว (AOT, MINT, CENTEL และ ERW)

ธีมการลงทุน   “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้   “AAV”

กลยุทธ์  ซื้อสะสม 2.84 / 2.80 Target 3.08 / 3.38 Stop <2.70

https://www.aira.co.th/upload/Market_1655949061_28959.pdf

Adblock test (Why?)


แกว่งกรอบแคบ - การเงินธนาคาร
Read More

Wednesday, June 22, 2022

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์อ่อนค่า กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย - อาร์วายที9

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่าการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.23% แตะที่ระดับ 104.1980

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 136.26 เยน จากระดับ 136.52 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9616 ฟรังก์ จากระดับ 0.9662 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2934 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2919 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหัฐ ที่ระดับ 1.0569 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0534 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2264 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2277 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6932 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6975 ดอลลาร์สหรัฐ

นายพาวเวลแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง และเฟดกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยเฟดมีทั้งเครื่องมือที่จำเป็นและมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเสถียรภาพด้านราคาสำหรับครัวเรือนและภาคธุรกิจของชาวอเมริกัน

เมื่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสตั้งคำถามว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปและรวดเร็วเกินไปนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ ซึ่งนายพาวเวลตอบว่า "มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอย แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เฟดต้องการก็ตาม"

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้แล้ว นายพาวเวลมีกำหนดแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (23 มิ.ย.)

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 8% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์อ่อนค่า กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย - อาร์วายที9
Read More

ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์อ่อนค่า กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย - อาร์วายที9

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (22 มิ.ย.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันต่อสภาคองเกรสว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่าการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.23% แตะที่ระดับ 104.1980

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 136.26 เยน จากระดับ 136.52 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9616 ฟรังก์ จากระดับ 0.9662 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2934 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2919 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหัฐ ที่ระดับ 1.0569 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0534 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2264 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2277 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.6932 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6975 ดอลลาร์สหรัฐ

นายพาวเวลแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า เฟดมีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง และเฟดกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วไปสู่เป้าหมายดังกล่าว โดยเฟดมีทั้งเครื่องมือที่จำเป็นและมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเสถียรภาพด้านราคาสำหรับครัวเรือนและภาคธุรกิจของชาวอเมริกัน

เมื่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสตั้งคำถามว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปและรวดเร็วเกินไปนั้น จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ ซึ่งนายพาวเวลตอบว่า "มีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะถดถอย แม้ว่านั่นจะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เฟดต้องการก็ตาม"

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้แล้ว นายพาวเวลมีกำหนดแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันนี้ (23 มิ.ย.)

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 8% ในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวสูงขึ้น

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากเอสแอนด์พี โกลบอล, ยอดขายบ้านใหม่เดือนพ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลลาร์อ่อนค่า กังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย - อาร์วายที9
Read More

Tuesday, June 21, 2022

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดาวโจนส์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังดัชนีหลักรีบาวน์ โดย Investing.com - Investing.com

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดาวโจนส์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังดัชนีหลักรีบาวน์ © Reuters.

โดย Oliver Gray 

Investing.com - สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ยังคงเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในช่วงการซื้อขายของวันอังคารหลังจากที่ดัชนีหลักเด้งกลับในช่วงเวลาซื้อขายปกติ โดยผู้เข้าร่วมตลาดจะซื้อสัปดาห์ที่ลดลงจากการขาย

ภายใน 18:40 น. ET (10:40 น. GMT) ,

ในข้อตกลงเพิ่มเติม La-Z-Boy Incorporated (NYSE:) พุ่งขึ้น 11% เนื่องจากผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ของบริษัท กำไรต่อหุ้นมาอยู่ที่ 1.07 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.92 ดอลลาร์ ในขณะที่รายรับอยู่ที่ 685 ล้านดอลลาร์ เทียบกับที่คาดไว้ 664.91 ล้านดอลลาร์

ก่อนหน้าในเซสชั่นดังกล่าว นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนด ต่อหน้าสภาคองเกรสในช่วงแรกจากสองเซสชั่น ขณะที่ KB Home (NYSE:) จะรายงานผลประกอบการหลังตลาดปิด

ในช่วงการซื้อขายปกติของวันอังคาร เพิ่มขึ้น 641 จุดหรือ 2.15%,   เพิ่มขึ้น 2.45% เป็น 3,764.8 และ เพิ่มขึ้น 2.51% ถึง 11,069.3

ภาคบริษัทพลังงานขึ้นนำหลังการขึ้นราคา โดย Diamondback Energy Inc (NASDAQ:) เพิ่มขึ้น 8.2%, Exxon Mobil Corp (NYSE: ) ขึ้น 6.2% และ ConocoPhillips (NYSE:) เพิ่มขึ้น 5.9%

บริษัทเทคโนโลยีรุ่นเฮฟวี่เวทก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดย Alphabet Inc (NASDAQ:) เพิ่มขึ้น 4.1%, Microsoft Corporation (NASDAQ:) เพิ่มขึ้น 2.5% และ Apple Inc (NASDAQ:) เพิ่มขึ้น 3.3%

ด้านตลาดตราสารหนี้ อัตรา อยู่ที่ 3.277%

Adblock test (Why?)


สัญญาซื้อขายล่วงหน้าดาวโจนส์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังดัชนีหลักรีบาวน์ โดย Investing.com - Investing.com
Read More

'อีลอน มัสก์' สนับสนุน Dogecoin ต่อเนื่อง พร้อมทำเพื่อนักลงทุน - กรุงเทพธุรกิจ

นายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารของ Tesla และ SpaceX ให้สัมภาษณ์ในงาน Qatar Economic Forum เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2565 ว่าจะสนับสนุนเหรียญ Dogecoin ต่อเนื่อง แม้ว่าตลาดคริปโทเคอร์เรนซีจะปรับลดลง

“ผมตั้งใจที่จะสนับสนุน Dogecoin เป็นการส่วนตัว” และ "ฉันรู้จักคนจำนวนมากที่ไม่ร่ำรวยได้สนับสนุนให้ฉันซื้อ และสนับสนุน Dogecoin ดังนั้นฉันจึงตอบสนองต่อคนเหล่านั้น" นายมัสก์ ระบุ

พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทรถยนต์จะยอมรับ Dogecoin ในการชำระเงินสำหรับสินค้า โดยที่ SpaceX จะเริ่มใช้งานในไม่ช้านี้ ทั้งนี้หากทั้งสองบริษัทได้ซื้อบิตคอยน์จะใช้เงินสดเพียงนิดเดียวจากที่เขามีเท่านั้น

ทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นไปตามคำแถลงในทวิตเตอร์แม้ว่าการกระทำของเขาจะดึงดูดการฟ้องร้องก็ตาม

โดยมัสก์แสดงตัวเป็นผู้สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลมาโดยตลอด และในต้นเดือนมิ.ย. นายมัสก์ก็ได้สนับสนุนให้รวมการชำระเงินเข้ากับทวิตเตอร์  ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนคริปโทฯ ด้วยเช่นกัน รวมทั้งสนับสนุนให้คริปโทฯ อยู่เหนือสกุลเงินเฟียต

พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์  ศิลาวงษ์

Adblock test (Why?)


'อีลอน มัสก์' สนับสนุน Dogecoin ต่อเนื่อง พร้อมทำเพื่อนักลงทุน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

USDD ยังคงหลุด Peg นานร่วมสัปดาห์แล้ว สถานการณ์เริ่มตึงเครียด - Siam Blockchain

bitkub-2022-768x90

หลังจากซื้อขายได้ต่ำกว่าดอลลาร์เกือบ 1 สัปดาห์ Stablecoin ของ Tron ยังไม่สามารถเรียกคืนความเท่าเทียมกันกับดอลลาร์ได้

USDD Stablecoin ที่เพิ่งเปิดตัวได้ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าดอลลาร์มาเกือบสัปดาห์แล้ว หลังจากการร่วงลงต่ำกว่าการตรึงดอลลาร์ในวันที่ 13 มิถุนายน

USDD แตะระดับต่ำสุดตลอดกาลที่ 0.9255 ดอลลาร์ในวันที่ 19 มิถุนายน ก่อนที่จะฟื้นตัวเป็น 0.9608 ดอลลาร์ ณ เวลาที่เขียนนี้ ตามข้อมูลจาก CoinMarketCap โดยมูลค่ายังคงเหลือต่ำกว่า 1 ดอลลาร์ซึ่งเป็นมูลค่าที่ตั้งใจจะซื้อขาย

bitazza-may-768x90

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน Tron DAO Reserve อ้างว่า USDD ไม่ได้ De-pegged ในเธรด Twitter ที่ปักหมุด ไว้ 

“USDD เป็นเหรียญ stablecoin ที่กระจายอำนาจซึ่งขึ้นอยู่กับกลไกบนเครือข่ายและสินทรัพย์ที่ค้ำประกัน”

มีการโต้แย้งต่อไปว่า USDD นั้นแตกต่างจากเหรียญ stablecoin แบบรวมศูนย์ เช่น USDC ของ Circle ที่ ไม่ได้ผูกติดกับดอลลาร์ 

Justin Sun ผู้ก่อตั้ง Tron กล่าวในตอนแรก USDD ถูกลดระดับลงอันเป็นผลมาจากนักลงทุนแบบ short ที่กำหนดเป้าหมายโทเคน TRX ของเครือข่ายในกระดานเทรดคริปโต Binance แม้ว่า Sun จะให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้เงิน 2 พันล้านดอลลาร์จาก Tron DAO Reserve เพื่อต่อสู้กับนักลงทุนสาย short แต่ USDD ก็ยังคงต่ำกว่าดอลลาร์อย่างต่อเนื่อง 

ก่อนหน้านี้ Tron DAO Reserve ได้ประกาศว่าได้ซื้อ 10,000,000 USDD ในการประมูลเพื่อ “ปกป้องอุตสาหกรรมบล็อคเชนโดยรวมและตลาดคริปโต”

USDD คืออะไร?

USDD เปิดตัวครั้งแรกในฐานะอัลกอริธึม Stablecoin โดยได้เปลี่ยนรูปแบบการดำเนินการไปหลังจากอัลกอริธึม Stablecoin UST ของ Terra ล่มสลายเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะนี้ Stablecoin ใช้โมเดลไฮบริดซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหลักประกันรวมถึง Bitcoin , TRX, USDT และ USDC สำรอง

มูลค่ารวมของเหรียญ USDD ทั้งหมดที่ออกโดย Tron อยู่ที่ 723 ล้านดอลลาร์ ตามเว็บไซต์ ของ Tron DAO Reserve และสกุลเงินนี้มีอัตราส่วนสำรอง 324% โดยมีหลักประกัน 2.3 พันล้านดอลลาร์

ระบบนิเวศของ Tron เป็นบล็อกเชนที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ตาม TVL (มูลค่ารวมถูกล็อค) โดยมีมูลค่าเพียง 4 พันล้านดอลลาร์ที่ถูกล็อคใน smart contract ผ่านโปรโตคอลทางการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) ที่แตกต่างกัน 9 รายการตามข้อมูลจาก DeFi Llama

TVL ของมันพุ่งขึ้นสูงสุดในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วที่ 6.74 พันล้านดอลลาร์ และสูงถึง 6.29 พันล้านดอลลาร์ในวันที่ 8 มิถุนายน ลดลง 36% เป็น 4 พันล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่ถึงสองสัปดาห์

ท่ามกลางความผิดพลาดของตลาดคริปโตในวงกว้าง โทเคน TRX ของ Tron ปัจจุบันซื้อขายที่ 0.061 ดอลลาร์ลดลง 1% ในแต่ละวัน และมากกว่า 20% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม Tron DAO Reserve เขียนในทวีตเมื่อวันที่ 17 มิถุนายนว่า “เรามีอายุเพียง 42 วันเท่านั้น เรายังมีผลิตภัณฑ์มากมายให้สร้างและเติบโตอย่างมหาศาลในอนาคต”

Adblock test (Why?)


USDD ยังคงหลุด Peg นานร่วมสัปดาห์แล้ว สถานการณ์เริ่มตึงเครียด - Siam Blockchain
Read More

Monday, June 20, 2022

ฟื้นบ้างอะไรบ้าง - การเงินธนาคาร

คาดตลาดวันนี้ “Sideway Up” มองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,540 และแนวต้านที่บริเวณ 1,570 / 1,580 คาดตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐเปิดเผยว่า ปธน.โจ ไบเดน อยู่ในระหว่างการพิจารณายกเว้นภาษีน้ำมันเป็นการชั่วคราว และพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าบางประเภทจากจีน เพื่อรับมือกับการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ คาดจะผ่อนคลายแรงกดดันจากความกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐได้บ้าง

อย่างไรก็ตามคาดตลาดจะยังรอดูการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาและคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 22-23 มิ.ย. คาดจะเป็นการส่งสัญญาณปรับใช้นโยบายทางการเงินเพื่อรับมือกับการเร่งตัวขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวโน้มเกิดภาวะถดถอยในระยะถัดไป สอดคล้องกับการเคลื่อนไหลของ US Bond Yield ที่ยังเกิดภาวะ Inverted Yield Curve ต่อเนื่องโดยอัตราผลตอบแทนรุ่นอายุ รุ่นอายุ 5 และ 7 ปี ปรับตัวขึ้นสูงกว่ารุ่นอายุ 10 และ 30 ปี คาดจะกดดัน-จำกัด Upside ทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ขณะที่ต้องติดตามทิศทางราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดหลังสหรัฐกำลังเจรจากับแคนาดาและชาติพันธมิตรเพื่อควบคุมราคาน้ำมันรัสเซีย อีกทั้ง ปธน.โจ ไบเดน ได้ยื่นจดหมายต่อบริษัทน้ำมันรายใหญ่ 7 แห่ง ให้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน เพื่อเพิ่มอุปทานเข้าสู่ตลาดและกดดันราคาน้ำมันอ่อนตัวลง รวมทั้งแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสชะลอตัวลงจากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่สำคัญของโลกคาดจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน ผสานแนวโน้มการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน คาดจะเป็นปัจจัยหลักช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบระยะยาวได้ในระยะถัดไป คาดจะเป็นปัจจัยกดดัน-จำกัด Upside ราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงได้ อย่างไรก็ตามเรามองทิศทางราคาน้ำมันที่เริ่มจำกัด Upside มากขึ้นจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นที่มีต้นทุนเป็นน้ำมันอาทิหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM และ GPSC) และสายการบิน (AAV และ BA) คาดมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป

ในส่วนของปัจจัยในประเทศวันนี้แนะนำติดตามการประชุม ครม.ว่าด้วย 1.) ความพยายามในการปรับลดราคาน้ำมันผ่านทางการลดค่าการกลั่นของรัฐบาล โดยกระทรวงพลังงานจะออกมาตรการขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นให้นำส่งกำไรส่วนหนึ่งที่เกิดจากการกลั่นน้ำมันส่วนเกินเข้ากองทุนน้ำมันกำหนระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ก.ค. – ก.ย. ’65 มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซของ PTT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ คาดจะให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ คาดจะกดดันทิศทางตลาดปรับตัวลงได้ 2.) ประเด็นการเก็บภาษีหุ้น (FTT) คาดจะส่งผลให้สภาพคล่อง-มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยลดลงในระยะถัดไป มองปัจจัยดังกล่าวยังเป็นปัจจัยกดดัน-จำกัด Upside ของตลาดได้อยู่

อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารกลาง (KBANK, SCB และ BBL) จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุม กนง. เดือน ส.ค. หลังมองเศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อทำให้ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้า

รวมทั้งเมื่อวานนี้ ตลท. ประกาศรายชื่อหุ้นที่เข้าคำนวณ SET50 ใหม่ในรอบครึ่งปีหลัง คือ BLA, JMT และ JMART ขณะที่หุ้นที่เข้าคำนวณ SET100 ใหม่คือ FORTH, ONEE, PSL และ TIPH คาดอาจมีแรงเก็งกำไรหุ้นดังกล่าวได้บ้างในระยะสั้น

ธีมการลงทุน   “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้   “AAV”

กลยุทธ์  ทยอยซื้อสะสม 2.80 / 2.76 Target 3.08 / 3.38 Stop <2.70

https://www.aira.co.th/upload/Market_1655776190_69487.pdf

Adblock test (Why?)


ฟื้นบ้างอะไรบ้าง - การเงินธนาคาร
Read More

คนวงการน้ำมันชี้ 'คุมค่าการกลั่น' ไม่ง่ายชี้ส่งสัญญาณผิดกระทบความมั่นคงพลังงาน - ไทยโพสต์

21 มิ.ย. 2565 – นายคุรุจิต นาครทรรพ ผู้อำนวยการ สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ช่วงสองสัปดาห์มานี้ โหงวเฮ้ง ของผู้บริหารบริษัทโรงกลั่นน้ำมันในไทยทั้งหกโรง อันได้แก่ Thai Oil, GC, BCP, IRPC, Esso และ SPRC ดูออกจะไม่มีออร่าแจ่มใส สวนทางกับราคาน้ำมันขาขึ้นจากวิกฤติสงครามรัสเซีย-ยูเครนในยุโรปที่น่าจะเป็นผลดีต่อธุรกิจ แต่เหตุที่ไม่เบิกบานนักก็เพราะโรงกลั่นในไทยกำลังจะถูกกล่าวหาจากคนที่มีดีกรีเคยเป็นถึงอดีตขุนคลังของรัฐบาลในอดีตสองคนว่า เป็นโจรปล้นประชาชน หรือเอาเปรียบผู้บริโภคบ้างล่ะ โดยยกอ้างถึงตัวชี้วัด ‘ค่าการกลั่น Gross Refinery Margin (GRM)’ ด้วยการวิเคราะห์ของตนว่ามีค่าสูงมากเกินปกติ

ดังนั้นจึงไปอนุมานว่าบริษัทโรงกลั่นน้ำมันทั้งหกโรงเหล่านี้ต้องมีกำไร “ส้มหล่น” อย่างมหาศาล เกิดเป็นกระแสให้รัฐเข้ามาจัดการควบคุมเพดานค่าการกลั่น GRM พร้อมทั้งมีข่าวว่าจะขอร้องแกมบังคับให้โรงกลั่นให้ความร่วมมือ “บริจาค” เงินก้อนมาให้รัฐนำไปใช้พยุงราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับต่ำ หลังจากที่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำลังจะหมดความสามารถที่จะนำไปใช้พยุงราคาน้ำมันได้อีกต่อไป เนื่องจากใช้ไปจนหมดหน้าตักจนมีภาระเป็นหนี้จะเหยียบหนึ่งแสนล้านบาทภายในสิ้นเดือนนี้อยู่แล้ว

ทั้งนี้ยังมีการยกเอาสถิติตัวเลขส่วนต่าง ระหว่างราคาน้ำมันดีเซลกับราคาน้ำมันดิบในตลาดสิงคโปร์มาเปรียบเทียบย้อนหลังไปในปี 2563 เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือด้วยว่าโรงกลั่นกำลังฟันกำไรบนความทุกข์ของประชาชน กระทรวงพลังงานและรัฐมนตรีว่าการฯ ตกเป็นเป้าโจมตีเช่นเคยว่าไม่ทำอะไรเลย ตามด้วยการกล่าวสบประมาทว่าเป็นเพราะรัฐมนตรีฯ เกรงใจเพื่อนเพราะตัวเองเคยทำธุรกิจนี้มาก่อน ส่วนข้าราชการก็ถูกข้อหาเดิมว่าไปนั่งอยู่ในบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ต้องมีประโยชน์ทับซ้อนแน่เลย ถึงไม่กล้าสั่งโรงกลั่นให้ลดราคา

“ผมติดตามข่าวสารในสื่อมวลชนกระแสหลัก ก็พบว่าสื่อมวลชนและประชาชนส่วนใหญ่ค่อนข้างเข้าใจและยอมรับในระดับหนึ่งว่าราคาหน้าปั๊มที่แพงขึ้นในช่วงสามสี่เดือนกว่ามานี้เพราะต้นทุนเนื้อน้ำมันในตลาดโลก (ทั้งน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ที่กลั่นแล้ว) มีราคาแพงขึ้น อันมีเหตุปัจจัยแวดล้อมหลายเรื่องมาประจวบกัน ผู้ค้าและปั๊มน้ำมันไม่สามารถตั้งราคาเองโดยไม่คำนึงถึงกลไกตลาดและต้นทุนได้”นายคุรุจิต กล่าว

อย่างไรก็ตามแม้รัฐบาลได้พยายามหลายวิธีด้วยกลไกหลาย ๆ อย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินกองทุนน้ำมันฯ มาอุดหนุนราคาขายปลีก (โดยเฉพาะดีเซล) การลดภาษีสรรพสามิตลงกว่า 5 บาทต่อลิตร การลดส่วนผสมของไบโอดีเซล B100 ในน้ำมันดีเซลจาก 7%, 10% และ 20% ให้เหลือเป็น B5 (5%) เท่านั้น การค่อยๆ ขยับเพดานการตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล เป็น 35 บาท/ลิตร และก๊าซหุงต้ม LPG เป็น 363 บาทต่อถัง 15 กก. และใช้โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาช่วยสนับสนุนลดค่าครองชีพด้านพลังงานให้แก่ผู้มีรายได้น้อย วินมอเตอร์ไซด์ รถ Taxi หาบเร่แผงลอย และครัวเรือนผู้ที่ใช้ไฟฟ้าน้อย เป็นต้น

จะเห็นได้ว่า ราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศตั้งแต่เดือนม.ค. ปีนี้เป็นต้นมาจนถึงเมื่อวันศุกร์ที่ 17/6/65 สำหรับดีเซลปรับขึ้น 17% (ขณะที่ในตลาดสิงคโปร์ปรับขึ้น 84%) ส่วนแก๊สโซฮอล 95 ก็ปรับราคาขึ้น 38% (ขณะที่ ULG 95 สิงคโปร์ปรับขึ้นในช่วงเดียวกัน 61% ซึ่งราคาอ้างอิงหน้าโรงกลั่น ของไทยก็ปรับตัวขึ้นใกล้เคียงกับราคาหน้าโรงกลั่นที่สิงคโปร์ด้วย ดังนั้น พอมีประเด็นเรื่องค่าการกลั่นเข้ามา หลายคนก็เลยสงสัยอยากรู้ว่าจริงหรือไม่ ที่โรงกลั่นมีกำไรมหาศาลจากส่วนต่างของค่าการกลั่นนี้ และรัฐควรจะเข้าไปทำอะไรมากกว่านี้เพื่อช่วยประชาชนเพิ่มเติมอีกได้ไหม?

นายคุรุจิต กล่าวว่าหากถูกใจ โดยการคุมเพดานการกลั่น หรือขอแบ่งเงินจากกำไร “ส้มหล่น” ของโรงกลั่น มาช่วยพยุงราคาน้ำมันในประเทศ จะดีหรือ? ผมคิดว่า เราควรจะไตร่ตรองให้รอบคอบและคิดถึงผลกระทบทั้งในระยะยาวและระยะสั้นต่อระบบเศรษฐกิจของไทยและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ก่อนที่จะออกมาตรการใด ๆ ออกมา รวมทั้งควรมองไปถึงตอนจบด้วยว่า มาตรการที่จะนำมาใช้จะยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมจริงหรือเปล่า? ไม่ใช่แก้แบบเสี่ยงโชคยื้อเวลาโดยหวังอีกประเดี๋ยวนึงวิกฤติก็จะหายไป แล้วราคาในตลาดโลกคงจะลดลงมาเอง และไม่ควรแก้ปัญหาหนึ่งแต่ไปก่อให้เกิดอีกปัญหาหนึ่งให้คนรุ่นหลังหรือรัฐบาลข้างหน้ารับไปแก้กันเอาเอง

ในประการแรก ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ค่าการกลั่น (GRM) มิใช่กำไรแท้จริงที่โรงกลั่นได้รับ และจะดูค่า GRM ควรจะต้องพิจารณาจากค่าเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของราคา ของทุกผลิตภัณฑ์ที่กลั่นออกมาจากหอกลั่นเทียบกับราคาน้ำมันดิบชนิดที่แต่ละโรงกลั่นเขาสั่งซื้อเข้ามากลั่นจริง (หรือที่เรียกว่า crack spreads) และดู loss ในกระบวนการผลิตด้วย ไม่ใช่เอาส่วนต่างเฉพาะของราคาน้ำมันดีเซล (ซึ่งมักจะแพงที่สุด) ไปลบด้วยราคาน้ำมันดิบดูไบ (ซึ่งมักจะถูกที่สุด) แล้วไปสรุปเลยว่าเขาต้องมีกำไรมหาศาล เปรียบเสมือนโรงสีข้าว รับซื้อข้าวเปลือกมาสี สีข้าวแล้วได้ผลิตภัณฑ์ต่างชนิดที่ขายได้ในราคาต่างกัน เช่น แกลบ รำข้าว ปลายข้าว ข้าวหัก มิใช่มีแต่ข้าวสาร 5% หรือมีแต่ข้าวหอมมะลิอย่างเดียว เป็นต้น GRM จึงเป็นเพียงหนึ่งในตัวชี้วัดว่าโรงกลั่นมีประสิทธิภาพเปรียบเทียบกับโรงกลั่นอื่น ๆ ในภูมิภาคแล้วเป็นอย่างไร เพื่อพัฒนาปรับปรุงลดต้นทุน ให้สามารถแข่งขันกับโรงกลั่นในประเทศอื่น ๆ GRM จึงแสดงความสามารถของโรงกลั่นในการทำกำไรและแข่งขันในตลาดค้าส่งน้ำมันที่เป็นตลาดเสรี มิได้แปลว่า GRM มีค่าสูงแล้วจะมีกำไรดีเสมอไป

ประการที่สอง โรงกลั่นแต่ละโรงมีโครงสร้างการลงทุนและค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ซึ่งยังไม่รวมถึงต้นค่าซื้อน้ำมันดิบมากลั่นที่แต่ละโรงซื้อมาในเวลาที่ต่างกันและคุณภาพของชนิดน้ำมันดิบที่ซื้อก็อาจแตกต่างกันด้วย ค่าสำรองน้ำมันตามกฎหมาย ค่าบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ความเสี่ยงจากราคาขึ้นหรือลงของ

สต๊อกน้ำมัน cost structures จึงไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้น การจะไปคุมราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นแต่ละโรงแบบจะใช้ระบบ cost plus จึงไม่อาจทำได้และไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน รวมถึงการจะประกาศควบคุมราคาอย่างที่อดีตขุนคลังบางคนแนะนำ รัฐก็ไม่มีอำนาจตามกฎหมายในขณะนี้ที่จะไปคุมราคาขายส่งหรือขายปลีกน้ำมันด้วย

หากทำไปก็จะเป็นการส่งสัญญาณที่ผิด ทำให้ธุรกิจเขาอาจทบทวนลดการสั่งน้ำมันดิบเข้ามาผลิตน้ำมันเชื้อเพลิง ประเทศก็จะมีความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงและก็คงไม่ต่างอะไรกับที่รัฐบาลที่ประชานิยมสุดขั้วหรือต่อต้านระบบค้าเสรีอย่างเวเนซุเอลาหรือโบลิเวียหรืออิหร่าน เคยทำมาแล้วก็ล้มเหลวนำไปสู่ภาวะขาดแคลนปัจจัยพื้นฐานและบริการ ประชาชนอดอยากจากภาวะเงินเฟ้อที่ไม่อาจควบคุมได้ รัฐบาลทุกยุคสมัยที่ผ่านมาตลอดสามสิบปีได้ตัดสินใจนำกลไกตลาดและการค้าเสรีมาใช้โดยลอยตัวราคาน้ำมันในประเทศ

รัฐจะเข้าไปแทรกแซงก็แต่ในขอบเขตที่จำกัดในการเรียกเก็บเงินเข้าหรือจ่ายเงินชดเชยจากกองทุนตาม พ.ร.บ.กองุทนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ เท่านั้น รัฐจึงไม่ควรย้อนกลับถอยหลังไปสู่ระบบที่จะทำให้การจัดหาและค้าน้ำมันมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ การส่งสัญญาณที่ผิดจะทำให้ภาคธุรกิจต้องทบทวนความเสี่ยง optimize products and crude runs สั่งน้ำมันดิบเข้ามากลั่นน้อยลง หรือกลั่นแต่ส่งออกมากขึ้น หรือปรับกระบวนการผลิตให้ผลิตสินค้าอื่นเช่นปิโตรเคมีมากขึ้น แทนที่จะผลิตออกมาเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อการจัดหาในประเทศ

ประการที่สาม โรงกลั่นทั้งหกโรงในประเทศไทย เป็นบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเปิดเผยงบการเงิน งบกำไรขาดทุนจากผลประกอบการเป็นรายปีและรายไตรมาสตามกฎกติกาอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ เสียภาษีทุกประเภทเต็มเม็ดเต็มหน่วย ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษี VAT ภาษีสรรพสามิต และภาษีที่ดิน ธุรกิจของแต่ละรายมิได้จำกัดอยู่แต่การนำเข้าหรือกลั่นอย่างเดียว กำไรของเขาจึงไม่ใช่มาจากเฉพาะการกลั่นเท่านั้น แต่ละโรงอาจมีการลงทุนขยายงานหรือปรับปรุงเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ไม่พร้อมกัน เช่นลงทุนติดอุปกรณ์คุมมาตรฐานคุณภาพน้ำมัน Euro 5 ตามนโยบายรัฐ เป็นต้น

การจะไปขอให้แต่ละโรงเขาจัดสรรเงินก้อนแบ่งกำไรมาให้รัฐ โดยจะใช้ตัวชี้วัด GRM เป็นตัวกำหนดแบบไม่แน่นอน (arbitrary) ผู้บริหารเขาคงต้องคิดหนักเพราะอยู่นอกเหนือขอบเขตของกฎหมายและพันธกรณีใดๆ และจะต้องนำไปขอรับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทด้วย ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทฯ ก็พึงมีหน้าที่ตัดสินใจโดยชอบบนหลัก Fiduciary Duty ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หากคณะกรรมการบริษัทมหาชนใช้ดุลพินิจโดยมิได้เป็นไปตามกฎหมาย ไม่ยึดถือประโยชน์ขององค์กรเป็นที่ตั้งจนเกิดความเสียหายธุรกิจ ก็อาจถูกผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่หรือรายย่อยฟ้องร้องเอาได้

ประการที่สี่ (ต่อเนื่องจากประการที่สาม) กำไรสุทธิของโรงกลั่นที่เป็นบมจ. จะรู้แน่ว่ามีกำไรหรือขาดทุนก็ต้องรอให้ครบ 12 เดือนของปีปฏิทินเสียก่อน การใช้ตัวเลข GRM เพียงแค่สองสามเดือนที่ผ่านมาแล้วสรุปว่าโรงกลั่นมีกำไรมหาศาล หากในอีกหกเดือนหลังของปี 2565 นี้ราคาน้ำมันร่วงลงมา ค่า crack spreads ของดีเซลและเบนซินตกลงมาเพราะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกหรือมีโรคระบาดใหม่เกิดขึ้นทำให้ต้องเกิดการ Lockdown รอบใหม่ โรงกลั่นกลายเป็นขาดทุนในรอบครึ่งปีหลัง เขาจะไปเรียกร้องขอเงินส้มหล่นนี้คืนจากรัฐได้ไหม ทุกวันนี้เพียงแค่มีข่าวว่ารัฐจะควบคุมราคาหรือกำหนดเพดานค่าการกลั่น หรือโรงกลั่นอาจต้องให้ความร่วมมือ ‘บริจาค’ เงินก้อนให้รัฐไปพยุงราคาน้ำมัน บรรดานักวิเคราะห์หลักทรัพย์ก็ต่างส่งสัญญาณ Sell ทำให้หุ้นของโรงกลั่นทั้งหกโรงในตลาดหลักทรัพย์ฯ ราคาตกยกแผง market cap ลดวูบ บรรดากองทุนรวมเพื่อสำรองเลี้ยงชีพบำเหน็จบำนาญ หรือประกันสังคมทั้งหลาย

หรือกองทุนการออมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น RMF, LTF หรือ SSF ที่เคยถือหุ้นโรงกลั่นอันจัดเป็นหุ้นพื้นฐานดีบน SET100 ต่างกลายเป็นมีมูลค่าสุทธิลดลง เพราะนักลงทุนเทขาย จากความหวั่นไหวไม่เชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจเสรี อาจกระทบต่อดัชนีจัดอันดับความชื่อถือ ratings ของบริษัทฯ ได้ นอกจากนี้ในระยะยาว การที่รัฐจะไปเชิญนักลงทุนรายใหญ่จากต่างประเทศมาลงทุนในโครงการ mega projects ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ก็อาจจะยากลำบากยิ่งขึ้น เพราะนักลงทุนต่างชาติก็คงถามหาสิทธิภายใต้ความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนที่ไทยมีกับนานาประเทศ ว่าเขาจะคงได้รับความคุ้มครองจากการเวนคืน และได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรมอยู่หรือไม่

เพิ่มเพื่อน

Adblock test (Why?)


คนวงการน้ำมันชี้ 'คุมค่าการกลั่น' ไม่ง่ายชี้ส่งสัญญาณผิดกระทบความมั่นคงพลังงาน - ไทยโพสต์
Read More

Sunday, June 19, 2022

USDD หลุด Peg ต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน กระทบความเชื่อมั่นของ TRX โดย Siamblockchain - Investing.com

USDD หลุด Peg ต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน กระทบความเชื่อมั่นของ TRX  USDD หลุด Peg ต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน กระทบความเชื่อมั่นของ TRX 

เรื่องราวของอัลกอรึธึม Stablecoin ที่สูญเสีย Peg ยังคงดำเนินต่อไป โดยล่าสุด Stablecoin น้องใหม่ที่เคลมตัวเองว่าเป็นเหรียญ Stablecoin ที่เร็วที่สุด และค่าธรรมเนียมถูกที่สุดจาก ‘TRON DAO’ มีมูลค่าหลุด Peg ที่ 1 ดอลลาร์เป็นวันที่ 8 ติดต่อกันแล้ว การหลุด

กดอ่านข่าว USDD หลุด Peg ต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน กระทบความเชื่อมั่นของ TRX ต่อที่ Siam Blockchain

Adblock test (Why?)


USDD หลุด Peg ต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 ติดต่อกัน กระทบความเชื่อมั่นของ TRX โดย Siamblockchain - Investing.com
Read More

แกว่งออกข้าง - การเงินธนาคาร

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,550 / 1,540 และแนวต้านที่บริเวณ 1,570 / 1,580 คาดตลาดยังคงอยู่ในภาวะ Risk-off จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) มีแนวโน้มเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้ ยังเป็นปัจจัยสำคัญกดดันจิตวิทยาการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่ อีกทั้งคาดว่าสัปดาห์นี้ตลาดจะให้ความสนใจกับการแถลงนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐรอบครึ่งปีของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน FED ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาและคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 22-23 มิ.ย. คาดจะเป็นการส่งสัญญาณปรับใช้นโยบายทางการเงินเพื่อรับมือกับการเร่งตัวขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังมีแนวโน้มเกิดภาวะถดถอยในระยะถัดไป สอดคล้องกับการเคลื่อนไหลของ US Bond Yield ที่ยังเกิดภาวะ Inverted Yield Curve ต่อเนื่องโดยอัตราผลตอบแทนรุ่นอายุ รุ่นอายุ 5 และ 7 ปี ปรับตัวขึ้นสูงกว่ารุ่นอายุ 10 และ 30 ปี คาดจะกดดัน-จำกัด Upside ทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้อยู่

ผสานราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ค. เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลง -8.03 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 109.56 ดอลลาร์/บาร์เรล (-6.83%) จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่มีโอกาสชะลอตัวลงจากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางที่สำคัญของโลกคาดจะกดดันอุปสงค์น้ำมัน ขณะที่เราแนะนำติดตามแนวโน้มการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน คาดจะเป็นปัจจัยหลักช่วยเพิ่มอุปทานน้ำมันดิบระยะยาวได้ในระยะถัดไป คาดจะเป็นปัจจัยกดดัน-จำกัด Upside ราคาน้ำมัน-หุ้นในกลุ่มพลังงานอ่อนตัวลงได้ อย่างไรก็ตามเรามองทิศทางราคาน้ำมันที่เริ่มจำกัด Upside มากขึ้นจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นที่มีต้นทุนเป็นน้ำมันอาทิหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, BGRIM และ GPSC) คาดมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไป

ในส่วนของปัจจัยในประเทศเรามองตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยลบเป็น Overhang ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไปคาดยังกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้อยู่ อาทิ 1.) ความพยายามในการปรับลดราคาน้ำมันผ่านทางการลดค่าการกลั่นของรัฐบาล โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ กระทรวงพลังงาน จะออกมาตรการขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่น ให้นำส่งกำไรส่วนหนึ่งที่เกิดจากการกลั่นน้ำมันส่วนเกิน เข้ากองทุนน้ำมัน กำหนดระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ ก.ค. – ก.ย. ’65 มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มโรงกลั่น โดยเฉพาะโรงแยกก๊าซของ PTT ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจ คาดจะให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ คาดจะกดดันทิศทางตลาดปรับตัวลงได้ 2.) ความกังวลในการเตรียมเก็บภาษีหุ้น (FTT) คาดจะส่งผลให้สภาพคล่อง-มูลค่าการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยลดลงในระยะถัดไป อีกทั้งเรายังมีมุมมองเชิงลบต่อการที่ ธปท. ส่งสัญญาณเตรียมปรับขึ้นดอกเบี้ยของไทยภายในเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้เราคาดว่ามีโอกาสที่ กนง. อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ในการประชุม กนง. เดือน ส.ค. หลังมองเศรษฐกิจไทยและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อทำให้ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วกว่าที่ตลาดคาดก่อนหน้า แม้จะเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB และ BBL) แต่คาดจะกดดันทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยได้เช่นกัน มองเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันทิศทางตลาดได้ต่อ

ธีมการลงทุน   “Selective Play”

หุ้นแนะนำวันนี้   “GPSC”

กลยุทธ์  ทยอยซื้อสะสม 64.00 / 62.00 Target 69.00 / 72.50 Stop <60.00

https://www.aira.co.th/upload/Market_1655689246_1895.pdf

Adblock test (Why?)


แกว่งออกข้าง - การเงินธนาคาร
Read More

ทองคำปรับตัวขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง โดย Investing.com - Investing.com

ทองคำปรับตัวขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง © Reuters.

โดย Zhang Mengying

Investing.com – ราคาทองคำปรับตัวขึ้นในเช้าวันจันทร์ในเอเชีย เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงก่อนวันหยุดของสหรัฐฯ

เพิ่มขึ้น 0.34% เป็น 1,846.80 เมื่อเวลา 00:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (4:30 น. GMT)

ตลาดสหรัฐจะปิดในวันจันทร์เนื่องในวันหยุด Juneteenth

“วันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ในสหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าสภาพคล่องและความผันผวนจึงมีแนวโน้มลดลง ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวทิศทางของทองคำทำได้ยากหากไม่มีตัวเร่งปฏิกิริยาใหม่” แมตต์ ซิมป์สัน นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ City Index กล่าวกับรอยเตอร์ส

“ทองคำอยู่ในช่วงที่ผันผวนตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม ระหว่าง 1,805 ถึง 1,880 ดอลลาร์ และนั่นทำให้เป็นตลาดของเทรดเดอร์มากกว่าตลาดของนักลงทุน เราคิดว่านักเทรดจะเลือกซื้อที่ราคาต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์และขายขาขึ้นแถว ๆ ด้านล่าง 1,880 ดอลลาร์” ซิมป์สันกล่าวเสริม

ตลาดเอเชียลดลงจากความกังวลว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดอาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจช้าลง

ราคาทองคำปิดลบในสัปดาห์ก่อนด้วยค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางรายใหญ่อย่าง ซึ่งประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75 จุดเมื่อวันพุธ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1994 ก็ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยโดยไม่คาดคิดขึ้น 50 จุดในวันพฤหัสบดี ขณะที่ ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 1.25% ในวันเดียวกัน

ด้านโลหะมีค่าอื่น ๆ เพิ่มขึ้น 0.64% ได้รับ 0.14% และ เพิ่มขึ้น 2.25%

Adblock test (Why?)


ทองคำปรับตัวขึ้น หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง โดย Investing.com - Investing.com
Read More

เจ้ามือย้าย Bitcoin มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ก่อนร่วงทะลุ 20,000 ดอลลาร์ โดย Siamblockchain - Investing.com

เจ้ามือย้าย Bitcoin มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ก่อนร่วงทะลุ 20,000 ดอลลาร์ © Reuters เจ้ามือย้าย Bitcoin มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ก่อนร่วงทะลุ 20,000 ดอลลาร์

เจ้ามือ BTC บางรายได้โอน Bitcoin มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์อย่างรวดเร็วก่อนที่ Bitcoin จะร่วงต่ำกว่า 20,000 Whale Alert หนึ่งในบริการติดตามข้อมูล On-Chain ได้ให้ข้อมูลที่น่าทึ่งในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ทาง Whale Alert พบ 5 ธุรกรรมที่ห่างกันเพียงไม่กี่นาที

กดอ่านข่าว เจ้ามือย้าย Bitcoin มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ก่อนร่วงทะลุ 20,000 ดอลลาร์ ต่อที่ Siam Blockchain

Adblock test (Why?)


เจ้ามือย้าย Bitcoin มูลค่ากว่า 2 พันล้านดอลลาร์ ก่อนร่วงทะลุ 20,000 ดอลลาร์ โดย Siamblockchain - Investing.com
Read More

Saturday, June 18, 2022

CEO ของ DoubleLine Capital คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจร่วงลงไปอีก 50% จนเหลือ $10,000 โดย Siamblockchain - Investing.com

CEO ของ DoubleLine Capital คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจร่วงลงไปอีก 50% จนเหลือ $10,000 © Reuters CEO ของ DoubleLine Capital คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจร่วงลงไปอีก 50% จนเหลือ $10,000

มหาเศรษฐีฉายา “Bond King” Jeffrey Gundlach เชื่อว่าราคา Bitcoin (BTC) จะดิ่งร่วงลงไปอีกแม้ตอนนี้ราคาของมันจะลดลงไปแล้วประมาณ 70% จากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในการสัมภาษณ์ครั้งใหม่กับ CNBC Jeffrey ผู้ที่เป็น CEO ของบริษัทจัดการสินทรัพย์ DoubleLine Capital กล่าวว่าเขาจะไม่

กดอ่านข่าว CEO ของ DoubleLine Capital คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจร่วงลงไปอีก 50% จนเหลือ $10,000 ต่อที่ Siam Blockchain

Adblock test (Why?)


CEO ของ DoubleLine Capital คาดการณ์ว่าราคา Bitcoin อาจร่วงลงไปอีก 50% จนเหลือ $10,000 โดย Siamblockchain - Investing.com
Read More

Friday, June 17, 2022

เม็ดเงินจำนวนมากกำลังไหลเข้าตลาด Cardano (ADA) ในตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? โดย Siamblockchain - Investing.com

เม็ดเงินจำนวนมากกำลังไหลเข้าตลาด Cardano (ADA) ในตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? เม็ดเงินจำนวนมากกำลังไหลเข้าตลาด Cardano (ADA) ในตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป?

จากข้อมูลของ ADA Whale บัญชี Twitter ที่เน้นชุมชนของ อาจมีเหตุผลอื่นที่ทำให้ราคาของ Cardano เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน นอกเหนือจากความคาดหวังในเชิงบวกเกี่ยวกับ Vasil Hardfork ที่กำลังจะเกิดขึ้น ADA Whale อ้างถึงเหตุผลอื่น ๆ เช่น “on/off

กดอ่านข่าว เม็ดเงินจำนวนมากกำลังไหลเข้าตลาด Cardano (ADA) ในตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? ต่อที่ Siam Blockchain

Adblock test (Why?)


เม็ดเงินจำนวนมากกำลังไหลเข้าตลาด Cardano (ADA) ในตอนนี้ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป? โดย Siamblockchain - Investing.com
Read More

โรงกลั่นกัดฟันอุดหนุนรัฐ ไทยออยล์หั่นกำไร 4,600 ล้าน - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

  1. โรงกลั่นกัดฟันอุดหนุนรัฐ ไทยออยล์หั่นกำไร 4,600 ล้าน  ประชาชาติธุรกิจ
  2. หุ้นโรงกลั่นดิ่งยกแผง ห่วงรัฐหักกำไรไปลดราคาน้ำมันนานกว่า 3 เดือน I TNN รู้ทันลงทุน I 17-06-65  TNN Online
  3. กลุ่มโรงกลั่นร่วงยกแผงรับผลกระทบรัฐบีบจ่ายเงินช่วยลดภาระพยุงราคาขายปลีกน้ำมัน  ผู้จัดการออนไลน์
  4. หุ้นโรงกลั่นร่วง มูลค่าหาย 2.7 พันล้านบาท เซ่นพิษรัฐรีดกำไรเข้ากองทุนน้ำมัน  3PlusNews
  5. หุ้นโรงกลั่นร่วงยกแผง! โบรกฯแนะเลี่ยงลงทุน หลังรัฐรีดกำไร อุ้มน้ำมันแพง  ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
  6. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

โรงกลั่นกัดฟันอุดหนุนรัฐ ไทยออยล์หั่นกำไร 4,600 ล้าน - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

'เหมืองขุดบิตคอยน์' ทรุด สวนทาง 'อัตราแรงขุดบิตคอยน์' พุ่ง 6.19% - กรุงเทพธุรกิจ

เว็บไซต์ bitcoinist.com รายงานถึง ราคาบิตคอยน์ที่ปรับตัวลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบมาถึงนักลงทุนเท่านั้น แต่ได้รั่วไหลไปสู่แง่มุมที่สำคัญอื่น ๆ ของตลาดคริปโท เช่น การขุดบิตคอยน์ ซึ่งรวมถึง นักขุดทั้งภาครัฐและเอกชน ต่างประสบปัญหาอย่างหนักในสถานการณ์ตลาดคริปโทอยู่ในช่วงขาลง 

โดยกระแสเงินสดของธุรกิจขุดบิตคอยน์ลดลง เนื่องจากมูลค่าของบิตคอยน์ลดลง อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่ปัญหาเดียวที่นักขุดเหล่านี้ต้องเผชิญ การขุดได้รับผลกระทบอย่างหนักสำหรับนักขุดสาธารณะ

ในช่วงปลายปี 2564 ธุรกิจสร้างเหมืองขุดบิตคอยน์ได้รับการพูดถึงและประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำให้นักขุดบิตคอยน์สาธารณะจำนวนมากได้ออกมาพร้อมแผนงานสำหรับวิธีที่พวกเขาจะปรับปรุงการผลิตบิตคอยน์ของพวกเขา 

Marathon Digital หรือ MARA เป็นผู้นำในด้านการขุดบิตคอยน์ และถือครองบิตคอยน์มากที่สุดเป็นอันดับที่ 5 ของโลก มีจำนวน  9,673 ต้องดิ้นรนอย่างหนักที่สุดเมื่อต้องปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาในการผลิตบิตคอยน์ให้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ  

Marathon มียอดการขุดบิตคอยน์ในเดือนมกราคม ปี 2565 จำนวน 462 บิตคอยน์แต่การผลิตก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในเดือนพ.ค.2565 บริษัทขุดบิตคอยน์ได้ 268 บิตคอยน์ ลดลง 42% จากเดือนม.ค.2565

ในทางกลับกัน Bitfarms บริษัทที่ขุดบิทคอยน์ด้วยพลังงานน้ำ ยังคงรักษาอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดครึ่งแรกของปี 2022 ซึ่งสามารถผลิตบิตคอยน์ได้ 301 บิตคอยน์ในเดือน ม.ค.2565 ณ และผลิตได้ 431 บิตคอยน์ในเดือนพ.ค. 2565 เพิ่มขึ้น 43% 

บริษัทธุรกิจขุดบิตคอยน์ต้องเผชิญกับความยากลำบากในการขุดที่เพิ่มขึ้นในช่วงห้าเดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังต้องจัดการกับกระแสเงินสดและปัญหาการทำกำไรเนื่องจากราคาบิตคอยน์ปรับลดลง ซึ่งส่งผลต่อราคาหุ้นด้วย

ราคาหุ้นของ Marathon Digital บนดัชนีแนชแด็ก ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 83.45 ดอลลาร์ในปีนี้ มาที่ระดับ 6.87 ดอลลาร์ ณ เวลาที่รายงาน  ลดลง 81% 

ในทางกลับกับ อัตราแรงขุดบิตคอยน์พุ่งทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่ท่ามกลางช่วงขาลงของตลาด อยู่ที่ 6.23 บล็อกที่ผลิตต่อชั่วโมง เทียบกับ 5.86 บล็อกต่อชั่วโมงจากสัปดาห์ก่อน เพิ่มขึ้น 6.19% 

'เหมืองขุดบิตคอยน์' ทรุด สวนทาง 'อัตราแรงขุดบิตคอยน์' พุ่ง 6.19%

Adblock test (Why?)


'เหมืองขุดบิตคอยน์' ทรุด สวนทาง 'อัตราแรงขุดบิตคอยน์' พุ่ง 6.19% - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 741.46 จุด วิตกทั่วโลกแห่ขึ้นดบ.ฉุดศก.ถดถอย - อาร์วายที9

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (16 มิ.ย.) โดยดาวโจนส์ดิ่งหลุดจากระดับ 30,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกได้พากันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งรวมถึงธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์และอังกฤษ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,927.07 จุด ร่วงลง 741.46 จุด หรือ -2.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,666.77 จุด ลดลง 123.22 จุด หรือ -3.25% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,646.10 จุด ร่วงลง 453.06 จุด หรือ -4.08%

ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกแห่ขึ้นดอกเบี้ย หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 1.50-1.75% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปี

ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 13 ปี ขณะที่ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ -0.25% จากระดับ -0.75% ซึ่งเป็นการขึ้นครั้งแรกในรอบ 15 ปี นอกจากนี้ ธนาคารกลางฮังการี บราซิล ไต้หวัน ฮ่องกง และอาร์เจนตินา ต่างก็ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ทอม เฮนลิน นักวิเคราะห์จากบริษัทแอสเซนท์ ไพรเวท เวลธ์ กรุ๊ปกล่าวว่า การที่ธนาคารกลางทั่วโลกแห่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย และทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนชะลอตัวลง

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 5.58% โดยหุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 5.83% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 6.01% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.69% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 5.36%

หุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยเช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 3.72% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.7% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.75% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.97% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ทรุดตัวลง 8.94% หุ้นไนกี้ ดิ่งลง 5.54%

หุ้นกลุ่มสายการบินและธุรกิจเรือสำราญร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 8.21% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 7.45% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 8.64% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 11.08% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส ร่วงลง 11.3%

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านดิ่งลง 14.4% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 1.549 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้างและปัญหาการขาดแคลนแรงงาน

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก ดิ่งลงสู่ระดับ -3.3 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 หลังจากแตะระดับ +2.6 ในเดือนพ.ค.


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 741.46 จุด วิตกทั่วโลกแห่ขึ้นดบ.ฉุดศก.ถดถอย - อาร์วายที9
Read More

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้ - TrueID News

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index มีแนวโน้มปรับลงต่อเนื่องหากรอบ 1,540+- จุด จากบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกที่เป็นลบจากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯเกิด Recession จากเงินเฟ้อที่ยังคงสูงและดัชนีความเชื่อมั่นอยุ่ในระดับต่ำ ส่งผลให้ยังคงมีแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงต่อเนื่อง เข้าถือพันธบัตรและทองคำมากขึ้น 

ส่วนปัจจัยในประเทศกลุ่มพลังงานคาดเผชิญแรงขายหลังภาครัฐที่ขอความร่วมมือกลุ่มโรงกลั่นนำส่งกำไรค่าการกลั่นน้ำมันเบนซินดีเซล รวมถึงโรงแยกก๊าซเข้ากองทุนน้ำมันเป็นระยะเวลา 3 เดือน คาดเป็นเม็ดเงินกว่า 2 หมื่นลบ.เพื่อนำมาอุดหนุนให้ผู้บริโภค เรามอง Downside ของ SET Index รอบนี้ที่บริเวณ 1,500-1,520+- จุด และมองเป็นอีกระดับในการเข้าทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานและคาดหวังเศรษฐกิจที่จะทยอยเร่งตัวใน 2H22 เป็นต้นไป โดยยังเน้นหุ้นกลุ่ม Value และ Defensive Play ที่เกียวข้องกับสินค้าบริการจำเป็น  กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value และ Defensive Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง 

หุ้นเด่นเดือนมิ.ย. : BCP, CK, CPALL, MAJOR, SAWAD

หุ้นเด่นวันนี้ : MEGA

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 67 บาท

• ธุรกิจของ MEGA ที่เป็นยาและวิตามินเป็นสินค้าจำเป็น ถูกกระทบจำกัดมากจากเงินเฟ้อสูง ยอดขายเดือน เม.ย.-พ.ค. ดีใกล้เคียง 1Q22 ซึ่งเป็นไตรมาสที่ดีมาก และยังได้ประโยชน์จากบาทอ่อนบางส่วน

• คาดกำไรปี 2022 แข็งแกร่ง +21% Y-Y ด้านฐานะการเงินมีหนี้น้อยมาก IBD/E อยู่ที่เพียง 0.02 เท่า กระทบจำกัดจากดอกเบี้ยขาขึ้น 

• แนวรับ 51-50 บาท แนวต้าน 53//54-55 บาท       

**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินดัชนีฯ  มี Rebound ตอนเปิดแต่คาดดัชนีฯ ปิดลบ ตลาดกังวลทั้งการขึ้นดอกเบี้ยแรงของ Fed และ Recession โดยตลาดหุ้นวันนี้ ไร้ประเด็นใหม่ ๆ เข้ามาช่วยหนุนตลาด นักลงทุนยังมุ่งไปที่เรื่องของการดอกเบี้ยของ Fed ซึ่งอาจจะใช้เวลาถึง 2-3 วันในการสะท้อนเรื่อง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย มากกว่าที่เคยคาดถึง 1.5% ทำให้ภาพตลาดดูเป็นลบต่อ

ธนาคารกลางต่าง ๆ เริ่มมีการทยอยออกมาปรับขึ้นดอกเบี้ย วานนี้ (สวิสฯ ไต้หวัน อังกฤษ)  หุ้นที่ถูกกระทบจากการขึ้นดอกเบี้ย คือหุ้นที่มีหนี้มาก หุ้นกลุ่มการเงินที่เป็น non-bank  ราคาหุ้นเหล่านี้ ทยอยปรับตัวลงมาตั้งแต่เมื่อวาน

จับตาดูเงินทุนสำรองระหว่างประเทศวันนี้ (ล่าสุด 2.9 แสนล้านเหรียญสหรัฐ) ว่ามีการปรับตัวลดลงหรือไม่ หากลดลงอาจจะมีการประชุมในวาระพิเศษถึงแม้ กนง.จะมีการออกมาแจ้งว่าจะไม่มีการประชุมในวาระพิเศษก็ตาม

สถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย ยังทรง ๆ ขณะที่สหรัฐฯ จะยังมีการสนับสนุนในเรื่องขีปนาวุธให้กับยูเครนอย่างต่อเนื่อง

หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อเยอะในช่วงที่ผ่านมา (PTTEP, KBANK, ADVANC, PTT) จะเป็นตัวถ่วง เมื่อนักลงทุนรับรู้เรื่องการขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงของไทยค่าเงินบาทอ่อนค่า (ล่าสุด 35.06 บาท/ดอลลาร์)

วันนี้จะมีการประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ชงปรับพื้นที่ Covid-19 เป็นสีเขียวทั้งประเทศ สามารถทำกิจกรรมได้ และมีการยกเลิก Thailand Pass รวมถึงอาจจะมีมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว เรามองว่าหุ้นกลุ่มเปิดเมือง-ท่องเที่ยว อาจจะได้อานิสงค์จากข่าวนี้ (AOT, CENTEL)

ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขเงินเฟ้อยุโรป การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น ตัวเลขยอดขายรถยนต์ของไทย และ FTSE จะมี re-balance หุ้นที่คำนวณดัชนีฯ

ทั้งนี้ตลาดหุ้นไทย ยังอิงกับตลาดสหรัฐฯ (หุ้น+พันธบัตร) คาดตลาดยังปรับฐานไม่จบ  โซนรับที่ดูแข็งแรง คือ 1520-1540 จุด

วันนี้ เราแนะเก็งกำไรตามข่าว โดยเลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง ส่วนการเลือกขายหุ้นในพอร์ต นอกจากหุ้นที่มีกำไรแล้ว ควรเลือกขายหุ้นที่มีหนี้มากๆ ที่จะถูกกระทบจากทั้งเงินเฟ้อและต้นทุนดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

หุ้นในพอร์ตวันนี้เรา นำ KKP, JMT ออก และเพิ่ม CENTEL เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย CENTEL(10%), BLA*(10%), ASIAN(10%), EA(10%), BEM(10%), BGRIM(10%)

* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์

CENTEL: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 46.00 บาท) “ศบค. ประชุมวันนี้ พร้อมปรับมาตรการโควิด-แผนถอดหน้ากาก”

• ได้ประโยชน์จากการปรับมาตรการโควิด สธ. เตรียมปรับพื้นที่ทั่วประเทศเป็นโซนสีเขียว และเตรียมแผนถอดหน้ากาก (วันนี้มีการประชุม ศบค.) หนุน Sentiment กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม

• ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทย 5 เดือนแรกแตะระดับ 1.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังยกเลิกมาตรการ Test & Go ในเดือน พ.ค. และหากไทยสามารถยกเลิกมาตรการ Thailand Pass ได้ทั้งปี นักท่องเที่ยวมีโอกาสเข้าเป้าที่ 10 ล้านคน

• KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022 ที่ 307 ลบ. พลิกจากขาดทุนในปีก่อน และประเมินกำไรปี 2023 ที่ 1.4 พัน ลบ. +369%YoY ตามลำดับ

Technical : GFPT, MGT

**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด มองดัชนี SET หากไม่สามารถยืนบริเวณแนวรับ 1,560 มีโอกาสเกิดแรงขายลดพอร์ต โดยมีแนวรับถัดไปที่ 1,520 – 1,540 แนะนำ Wait & See และรอซื้อหุ้นกลุ่มหลักบริเวณแนวรับดังกล่าว

กลุ่มพลังงาน รัฐขอความร่วมมือให้โรงกลั่นน้ำมันนำส่งค่าการกลั่นส่วนเกินจากอัตราปกติเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อนำมาอุดหนุนราคาน้ำมันภายในประเทศเป็นเวลา 3 เดือน คาดว่าจะได้เงินประมาณ 6-7 พันล้านบาท/เดือน เป็นเวลา 3 เดือน (ก.ค.-ก.ย.65) โดยอุดหนุนน้ำมันดีเซล 5-6 พันล้านบาท/เดือน น้ำมันเบนซิน 1 พันล้านบาท/เดือน วันนี้คาดว่าข่าวดังกล่าวจะสร้าง Sentiment เชิงลบ ต่อหุ้นโรงกลั่นทั้ง 6 โรง ที่ต้องมีภาระในการร่วมกันส่งเงินราว 1.8-2.1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามยังไม่มีความชัดเจนในการดำเนินการออกมากจากผู้ประกอบการ ซึ่งคาดว่ากลุ่มที่มีภาครัฐเป็นผู้ถือหุ้นอย่างกลุ่ม ปตท.(PTTGC TOP IRPC) และ BCP อาจเลือกแบ่งกันรับผิดชอบ และกลุ่มโรงกลั่นต่างชาติ ESSO SPRC อาจเลือกไม่ปฏิบัติตามก็ได้ 

ทั้งนี้ประเมินหากแบ่งกันจ่ายตามสัดส่วนการผลิตน่าจะกระทบต่อค่าการกลั่นของแต่ละบริษัทลดลงประมาณ 1-2$/bbl นอกจากนี้จะขอความร่วมมือจากโรงแยกก๊าซฯ ซึ่งจะมีกำไรจากส่วนเกินส่วนหนึ่งมา 50% เข้ากองทุนน้ำมัน ประมาณ 1.5 พันล้านบาท/เดือน ซึ่งเมื่อรวมผลกระทบจากโรงกลั่นที่เป็น บ.ลูกของ PTT คาดว่าจะกระทบต่อกำไรของ PTT ไม่เกิน 10% โดยสรุป แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนกลุ่มโรงกลั่นและ PTT ออกไปก่อน รวมถึงรอรายละเอียดที่ชัดเจน และหากราคาน้ำมันทรงตัวสูงไปจนถึงสิ้นปี ตลาดอาจจะกังวลถึงการต่ออายุมาตรการออกไปอีก

CENTEL (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus ที่ 45.13 บาท) หลังจากที่ภาครัฐเริ่มคลายมาตรการควบคุมโรค โดยกำหนดปรับลดสีพื้นที่ต่าง ๆ ลง และเริ่มคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะโล่งแจ้ง เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การปรับเป็นโรคทั่วไปในต้น ก.ค. ที่จะถึงนี้ ทำให้แนวโน้มผลประกอบการงวด 2Q65 มีโอกาสฟื้นตัวได้ต่อ โดยคาด Consensus คาด EPS งวดปี 2565 ฟื้นตัวอยู่ที่ราว 0.05 บาทต่อหุ้น ขณะที่ปี 2566 Consensus คาดฟื้นตัวต่อราว 1.08 บาทต่อหุ้น  โดยคาดการณ์เงินปันผลปีนี้ราว 0.3 บาทต่อหุ้น 

Adblock test (Why?)


เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้ - TrueID News
Read More

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...