Rechercher dans ce blog

Wednesday, June 30, 2021

ราคาทองวันนี้ 1 ก.ค.64 พุ่งพรวด มีลังเล เทียบราคาปิดสุดท้ายวานนี้ - ข่าวสด

ราคาทองวันนี้ สมาคมค้าทองคำ เปิดตลาดรับเดือนใหม่ พุ่งพรวด รีบดูเลย เทียบราคาปิดวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 27,350 บาท

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ราคาทองคำประจำวันที่ 1 ก.ค.2564 ปรับขึ้น 150 บาท เมื่อเทียบกับราคาสุดท้ายของวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ทองรูปพรรณขายออกที่บาทละ 27,350 บาท อ้างอิงข้อมูลล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ ที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ เมื่อเวลา 09.24 น.ที่ผ่านมา

ทองคำแท่งในประเทศ ราคารับซื้ออยู่ที่บาทละ 26,750 บาท ขายออก 26,850 บาท ตามประกาศครั้งล่าสุด สำหรับทองรูปพรรณ 96.5 เปอร์เซ็นต์ รับซื้ออยู่ที่บาทละ 26,272.28 บาท และมีราคาขายออกที่ 27,350 บาท ส่วนราคาทองคำโลก หรือ Gold Spot อยู่ที่ 1,772.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สรุปราคาทองคำ วันที่ 1 ก.ค.2564

ประกาศครั้งที่ 1

ทองแท่ง
•รับซื้อ บาทละ 26,750 บาท
•ขายออก บาทละ 26,850 บาท

ทองรูปพรรณ
•รับซื้อ บาทละ 26,272.28 บาท
•ขายออก บาทละ 27,350 บาท

Adblock test (Why?)


ราคาทองวันนี้ 1 ก.ค.64 พุ่งพรวด มีลังเล เทียบราคาปิดสุดท้ายวานนี้ - ข่าวสด
Read More

นั่งรถไฟฟ้า MRT ใช้สิทธิ์ 'คนละครึ่ง' ได้ - เดลีนีวส์


ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BEM แจ้งว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ร่วมกับ BEM สนับสนุนนโยบายรัฐบาล ตามมาตรการลดภาระค่าครองชีพและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคโควิด-19 รองรับผู้ใช้สิทธิโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” และโครงการ “เพิ่มกำลังซื้อ” โดยผู้มีสิทธิในโครงการดังกล่าว สามารถนำมาใช้ชำระค่าตั๋วโดยสารในการเดินทางในระบบรถไฟฟ้า MRT ได้ทั้งสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ผ่านแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” และ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ “บัตรประชน” โดยผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการดังกล่าว สามารถใช้สิทธิซื้อเหรียญโดยสารประเภทบุคคลทั่วไป หรือ ประเภทผู้สูงอายุ (สำหรับผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิ) ได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารทุกสถานี ระหว่างเวลา 06.00-23.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค.64 มีรายละเอียดการใช้สิทธิ ดังนี้ ​

    

โครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” ผู้ได้รับสิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 3” ผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง (G-Wallet) สามารถติดต่อซื้อเหรียญโดยสารได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารทุกสถานี โดยระบบจะตัดเงินจากโครงการ “คนละครึ่ง” ผ่านแอพพลิเคชั่น “เป๋าตัง” ส่วนโครงการ “เพิ่มกำลังซื้อ” ผู้ได้รับสิทธ์ในโครงการ “เพิ่มกำลังซื้อ” แบ่งเป็น 2 กลุ่มดังนี้ 1. กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ต้องนำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาใช้สิทธิ โดยติดต่อซื้อเหรียญโดยสารได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารทุกสถานี และ 2.กลุ่มผู้ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ต้องนำบัตรประชาชนมาใช้สิทธิ โดยติดต่อซื้อเหรียญโดยสารได้ที่ห้องออกบัตรโดยสารทุกสถานี

        

อย่างไรก็ตาม ผู้ได้รับสิทธ์ใน 2 โครงการดังกล่าว สามารถซื้อเหรียญโดยสารประเภทบุคคลทั่วไป หรือ ประเภทผู้สูงอายุ (สำหรับผู้สูงอายุที่ได้รับสิทธิ) ได้เท่านั้น เมื่อซื้อเหรียญโดยสารแล้วไม่สามารถขอเปลี่ยนหรือคืนได้ทุกกรณีเหรียญโดยสารสามารถใช้เดินทางในวันที่และสถานีที่ออกเหรียญเท่านั้น สิทธิในโครงการฯ ไม่สามารถใช้เติมเงินเติมเที่ยวโดยสาร ชำระค่าที่จอดรถ หรือชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ของรถไฟฟ้า MRT ได้ กรณีที่ผู้ได้รับสิทธิในโครงการฯ พบปัญหาการใช้งานแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง หรือ สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ธนาคารกรุงไทย โทร. 0-2111-9999 กด 3 หรือ E-mail : Ktb.merchant@krungthai.com
 

Adblock test (Why?)


นั่งรถไฟฟ้า MRT ใช้สิทธิ์ 'คนละครึ่ง' ได้ - เดลีนีวส์
Read More

ราคาทองวันนี้ 1/7/64 ล่าสุด เปิดตลาดเช้าวันหวยออก พุ่งขึ้น 150 บาท - ไทยรัฐ

1 ก.ค. 2564 09:36 น.

"ราคาทองวันนี้" เปิดตลาดเช้าวันพฤหัสบดี ปรับขึ้น 150 โดยราคา "ทองคำแท่ง" ขายออกบาทละ 26,850 ราคา "ทองรูปพรรณ" ขายออกบาทละ 27,350


วันที่ 1 ก.ค. 2564 สมาคมค้าทองคำรายงานว่า ราคาทองไทยวันนี้ ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.24 น. ราคาทองปรับขึ้น 150 บาท ส่งผลให้ "ทองคำแท่ง" รับซื้อบาทละ 26,750 ขายออกบาทละ 26,850 บาท ส่วน "ทองรูปพรรณ" รับซื้อบาทละ 26,272.28 ขายออกบาทละ 27,350 บาท.

ข่าวแนะนำ

อ่านเพิ่มเติม...

Adblock test (Why?)


ราคาทองวันนี้ 1/7/64 ล่าสุด เปิดตลาดเช้าวันหวยออก พุ่งขึ้น 150 บาท - ไทยรัฐ
Read More

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (1 ก.ค.) ปรับลง 2.68% อยู่ที่ 34,920.10 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ

บิตคอยน์

ราคาบิตคอยน์ประจำวันนี้ (1 ก.ค. 64) ปรับลง -2.68% เมื่อเทียบกับราคาเมื่อ 24 ชั่วโมงก่อน อยู่ที่ 34,920.10 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,118,490.80 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 34.32 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อ 08.26.35 น.

ขณะที่เหรียญดิจิทัลคริปโทเคอร์เรนซีชนิดอื่นๆ Ethereum ขยับขึ้น 4.15% Binance Coin ขยับขึ้น .01% และ Dogecoin ขยับขึ้น .86% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สรุปราคาเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี

1. Bitcoin (BTC) ราคา 34,920.10 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -2.68%
2. Ethereum (ETH) ราคา 2,263.06 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +4.15%
3. Tether (USDT) ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.01%
4. Binance Coin (BNB) ราคา 302.65 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.09%
5. Cardano (ADA) ราคา 01.38 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.86%
6. Binance USD (BUSD) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
7. XRP (XRP) ราคา 0.70 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.56%
8. USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.01%
9. Polkadot (DOT) ราคา 16.25 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.90%
10. Uniswap (UNI) ราคา 19.16 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +3.33%

หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th

Adblock test (Why?)


ราคาบิตคอยน์วันนี้ (1 ก.ค.) ปรับลง 2.68% อยู่ที่ 34,920.10 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ - อาร์วายที9

ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 มิ.ย. 2564

-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน และหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างโบอิ้งและโกลด์แมน แซคส์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,502.51 จุด เพิ่มขึ้น 210.22 จุด หรือ +0.61% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,297.50 จุด เพิ่มขึ้น 5.70 จุด เพิ่มขึ้น +0.13% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,503.95 จุด ลดลง 24.38 จุด หรือ -0.17%

-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นเพื่อทำกำไรหลังตลาดบวกต่อเนื่องมานาน 5 เดือน ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตากดดันตลาดลงด้วย

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 452.84 จุด ลดลง 3.53 จุด หรือ -0.77%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,507.83 จุด ลดลง 59.60 จุด หรือ -0.91%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,531.04 จุด ลดลง 159.55 จุด หรือ -1.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,037.47 จุด ลดลง 50.08 จุด หรือ -0.71%

-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมาอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ แรงขายทำกำไรถ่วงตลาดลงด้วยหลังจากบวกขึ้น 5 เดือนติดต่อกัน

ดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 7,037.47 จุด ลดลง 50.08 จุด หรือ -0.71%

-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัสในวันนี้

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 73.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 75.13 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์เดือนส.ค.ได้ครบกำหนดส่งมอบแล้ว ณ วันพุธที่ 30 มิ.ย.

-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังจากสัญญาทองคำร่วงลงเกือบ 1% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์ หรือ 0.45% ปิดที่ 1,771.6 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 29.3 เซนต์ หรือ 1.13% ปิดที่ 26.194 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 2.3 ดอลลาร์ หรือ 0.21% ปิดที่ 1,072.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. พุ่งขึ้น 98 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 2,779.20 ดอลลาร์/ออนซ์

-- -ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 มิ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในเดือนมิ.ย. ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันพรุ่งนี้

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.41% แตะที่ 92.4361 เมื่อคืนนี้

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 111.08 เยน จากระดับ 110.51 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9260 หรังก์ จากระดับ 0.9210 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2404 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2392 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1847 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1901 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3803 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3849 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7494 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7514 ดอลลาร์สหรัฐ

ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 34,502.51 จุด เพิ่มขึ้น 210.22 จุด, +0.61%

ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 4,297.50 จุด เพิ่มขึ้น 5.70 จุด, +0.13%

ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 14,503.95 จุด ลดลง 24.38 จุด, -0.17%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,037.47 จุด ลดลง 50.08 จุด, -0.71%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,507.83 จุด ลดลง 59.60 จุด, -0.91%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,531.04 จุด ลดลง 159.55 จุด, -1.02%

ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 52,482.71 จุด ลดลง 66.95 จุด, -0.13%

ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 5,985.49 จุด เพิ่มขึ้น 36.44 จุด, +0.61%

ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,532.63 จุด ลดลง 15.68 จุด, -1.01%

ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 6,901.91 จุด ลดลง 54.74 จุด, -0.79%

ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 3,130.46 จุด เพิ่มขึ้น 40.97 จุด, +1.33%

ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 28,827.95 จุด ลดลง 166.15 จุด, -0.57%

ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,591.20 จุด เพิ่มขึ้น 18.02 จุด, +0.50%

ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 17,755.46 จุด เพิ่มขึ้น 157.27 จุด, +0.89%

ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 3,296.68 จุด เพิ่มขึ้น 10.00 จุด, +0.30%

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 28,791.53 จุด ลดลง 21.08 จุด, -0.073%

ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,313.00 จุด เพิ่มขึ้น 11.80 จุด, +0.16%

ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 7,585.00 จุด เพิ่มขึ้น 19.50 จุด, +0.26%


Adblock test (Why?)


World Markets: สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ - อาร์วายที9
Read More

นายกฯ ถกบอร์ดบีโอไอ หนุนลงทุนยกระดับประเทศด้วยการแข่งขัน สร้างอาชีพเพิ่ม GDP - ผู้จัดการออนไลน์



“ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ดบีโอไอ ย้ำ ไทยเดินหน้าส่งเสริมการลงทุน ยกระดับประเทศด้วยมาตรการการแข่งขัน สร้างอาชีพสร้างรายได้ เพิ่ม GDP ประเทศ

วันนี้ (30 มิ.ย.) เวลา 13.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ผ่านระบบ VDO Conference ร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดย นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปสาระสำคัญของการประชุม ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายต่อที่ประชุม ว่า ในเรื่องการส่งเสริมการลงทุน การผลิต ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ของประเทศไทยจะต้องศึกษาทั้งภายในประเทศ ในอาเซียน และบริบทต่างๆ ของโลก โดยช่วงที่ผ่านมา แนวทางการใช้มาตรการภาษีเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการลงทุนเริ่มมีข้อจำกัดมากยิ่งขึ้น เพราะกฎระเบียบของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จากกลุ่มประเทศ G7 ที่ได้จัดทำข้อตกลงการปฏิรูประบบการจัดเก็บภาษีโลก ที่มีวัตถุประสงค์หลักในการลดการใช้มาตรการภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) และบริษัทข้ามชาติมาชำระภาษีในประเทศที่เข้าไปประกอบธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะลดความได้เปรียบในการแข่งขันของประเทศที่กำลังพัฒนา ดังนั้น บีโอไอจำเป็นต้องปฏิรูปแนวทางดังกล่าว เพื่อให้สอดคล้องกับการกำหนดมาตรการการส่งเสริมการลงทุนของไทย ให้ทันสมัยกับสภาพแวดล้อมในการแข่งขันทางธุรกิจ โดยต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน ทั้งระดับอุตสาหกรรมและกลุ่มบริษัทเป้าหมาย ที่ต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายสำคัญของรัฐบาล เช่น อุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 อุตสาหกรรม อุตสาหกรรม BCG และ EEC รวมทั้งต้องมีการกำหนดมาตรการอื่นที่มิใช่ภาษีเข้ามาเพิ่มเติม โดยนายกรัฐมนตรีเห็นควรให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อขับเคลื่อนในเรื่องดังกล่าว ที่มี นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเป็นประธานอนุกรรมการ เพื่อทำหน้าที่
1. กำหนดกรอบทิศทางการพัฒนา และปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนในระยะต่อไป เน้นลงเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม
2. ประเมินความคุ้มค่าของผลประโยชน์ที่ได้รับ กับภาษีที่รัฐต้องสูญเสีย เหมือนกับการปรับอัตราภาษีอื่นๆ ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังฯ
3. กำหนดเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมาย และ KPI ที่ชัดเจน เพื่อให้สามารถคงประสิทธิภาพของมาตรการส่งเสริมการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. จัดทำข้อเสนอมาตรการคู่ขนาน มาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้เกิดการผลักดันอุตสาหกรรมเป็นไปอย่างบูรณาการและต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องปรึกษาหารือกันให้ได้ข้อสรุป ว่าจะเดินหน้าอย่างไร เพราะช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นช่วงเวลาของการได้เปรียบเสียเปรียบกันทั้งสิ้น ใครที่ทำได้เร็วกว่า ทำได้ดีกว่า ก็จะเป็นผู้ที่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งนายกรัฐมนตรีคาดหวังให้ประเทศไทย ต้องเดินหน้าในเรื่องนี้ จะหยุดหรือรอโควิดไม่ได้ โดยจะต้องเตรียมการสร้างการรับรู้ เพราะจะเกี่ยวข้องกับการทำประชาพิจารณ์ต่างๆ ด้วย ซึ่งนักลงทุนในประเทศ สภาหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ จะต้องร่วมกันหาวิธีการให้ได้ จะต้องวางผังประเทศไทยใหม่ว่าจะให้เป็นไปในทิศทางใด หาแนวทางให้หลุดพ้นกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ให้ไปสู่การพัฒนาที่สูง และสูงสุดในอนาคต ซึ่งจะต้องทำเพื่อวันนี้และเพื่ออนาคต ต้องหาวิธีการที่จะปลดล็อกต่างๆ หากจำเป็นต้องแก้ไขข้อกฎหมายต่างๆ ก็ต้องปรับเท่าที่จำเป็น โดยหวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากผู้ที่เกี่ยวข้องและได้ผลสรุปในสิ่งที่จะต้องเดินต่อไปในวันข้างหน้า เพื่อยกระดับประเทศด้วยมาตรการการแข่งขัน ด้วยมาตรการสร้างอาชีพสร้างรายได้ เพิ่ม GDP ประเทศ ทั้งหมดคือหลักการ จะอยู่อย่างเดิมไม่ได้ ที่สำคัญคืออย่าติดกับดักของประเทศตัวเอง และต้องทำความเข้าใจกับประชาชนและสังคมด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใสเป็นธรรม พร้อมย้ำว่า รัฐบาลเตรียมความพร้อมในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มากยิ่งขึ้น ด้วยการมีหลักคิด มีแนวคิดที่ไม่ใช่ความขัดแย้ง เพื่อให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้

สำหรับมติที่ประชุมบอร์ดบีโอไอ เห็นชอบการปรับปรุงมาตรการและประเภทกิจการการส่งเสริมการลงทุนในหลายมาตรการเพื่อเร่งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดังนี้

ปรับปรุงสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการ (Merit-based Incentives) เพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขันในหลายประเด็น ได้แก่
1) กรณีที่มีการลงทุนด้านวิจัยและพัฒนา (R&D) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของยอดขายรวม 3 ปีแรก หรือไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท นอกจากจะได้จำนวนปียกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มขึ้นอีกไม่เกิน 5 ปี ตามขนาดการลงทุนและค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนาแล้ว ยังไม่กำหนดเพดานการยกเว้นภาษีเงินได้อีกด้วย
2) ยังเพิ่มวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็น 2 เท่า สำหรับกรณีที่มีการลงทุนเพิ่มในการฝึกอบรม หรือฝึกการทำงานเพื่อพัฒนาทักษะเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับนักศึกษาที่อยู่ระหว่างการศึกษาในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาคนมากขึ้น
3) กรณีที่เงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายที่เข้าข่าย เช่น วิจัยพัฒนา ฝึกอบรม ออกแบบ และพัฒนา Supplier ไม่ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำ ก็ยังจะได้รับวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนตามเงินลงทุนหรือค่าใช้จ่ายเหล่านี้

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมต้นน้ำของอิเล็กทรอนิกส์ บีโอไอได้ปรับปรุงการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมการผลิตเวเฟอร์ที่ใช้เงินลงทุนสูง และใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูง โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 10 ปี นอกจากนี้ เพื่อเร่งดึงการลงทุนจากต่างประเทศรายใหม่และสนับสนุนการขยายฐานการผลิตของรายเดิมในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์หรืออุปกรณ์สารกึ่งตัวนำ และแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ที่ความต้องการของตลาดมีแนวโน้มไปสู่รุ่นที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งใช้เทคโนโลยีการผลิตและเงินลงทุนสูง และเป็นสายการผลิตแบบอัตโนมัติ จึงได้ปรับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดเป็น 8 ปี ทั้งนี้ จะต้องมีการลงทุนค่าเครื่องจักรอย่างน้อย 1,500 ล้านบาทขึ้นไป ส่วนอุตสาหกรรม PCBA ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต่อเนื่องก็ได้ปรับสิทธิประโยชน์สำหรับโครงการที่มีเงินลงทุนค่าเครื่องจักรอย่างน้อย 500 ล้านบาท

ปรับปรุงประเภทกิจการ เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์อุตสาหกรรมดิจิทัล เพื่อสร้างความยืดหยุ่นและรวดเร็วในการให้การส่งเสริมฯ มุ่งให้เกิดการสร้างบุคลากรไทยด้านไอที และสร้างให้เกิดกระบวนการพัฒนาในประเทศ บีโอไอจึงได้ปรับปรุงเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ของประเภทกิจการซอฟต์แวร์ กิจการให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัลและกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ใหม่ โดยยุบรวมประเภทกิจการให้เหลือเพียง 1 ประเภท ได้แก่ กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล หรือดิจิทัลคอนเทนต์เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นในการให้การส่งเสริมฯ และตอบสนองรูปแบบธุรกิจที่มีความหลากหลาย อีกทั้งยังเพิ่มสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี โดยมีเงื่อนไขต้องจ้างงานและพัฒนาบุคลากรไทยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) หรือได้รับใบรับรองมาตรฐานด้านไอที (CMMI ระดับ 2) ซึ่งจะช่วยยกระดับผู้ประกอบการสามารถพัฒนาและให้บริการในระดับนานาชาติ

บีโอไอยังได้ยกระดับการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ โดยเพิ่มประเภทกิจการกลุ่มบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ (Smart Packaging) ซึ่งเป็นการนำบรรจุภัณฑ์ทั่วไปมาพัฒนาต่อยอดกับเทคโนโลยีด้านต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น เช่น ช่วยรักษาคุณภาพอาหาร ยืดอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ การบ่งชี้คุณสมบัติผลิตภัณฑ์ภายในบรรจุภัณฑ์ หรือมีระบบที่สามารถตรวจติดตาม บันทึก สืบค้น สภาวะของผลิตภัณฑ์ในภาชนะบรรจุ เป็นต้น โดยให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 8 ปี

นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับทิศทางอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ในอนาคตตามแนวคิด BCG และรองรับเทคโนโลยีใหม่ บีโอไอได้ปรับปรุงสิทธิและประโยชน์ในกลุ่มวัตถุดิบสำหรับผลิตบรรจุภัณฑ์ ได้แก่ เม็ดพลาสติกรีไซเคิลเกรดพิเศษ คอมพาวด์พลาสติกชนิดพิเศษ รวมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ต่อเนื่อง โดยให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี อีกทั้งยังขยายให้ครอบคลุมถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่มีคุณสมบัติพิเศษ และบรรจุภัณฑ์กระดาษ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บีโอไอได้ปรับเงื่อนไขในการส่งเสริมการลงทุนกิจการศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Center: IBC) และกิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Support Office: TISO) โดยเพิ่มขอบข่ายให้ครอบคลุมการให้กู้ยืมเงินแก่วิสาหกิจในเครือ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ให้เกิดความคล่องตัวในการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศในการให้บริการแก่วิสาหกิจในเครือ

ทั้งนี้ บอร์ดบีโอไอยังได้อนุมัติโครงการลงทุนขนาดใหญ่รวมเกือบ 50,000 ล้านบาท หนุนกิจการสาธารณูปโภคและบริการพื้นฐานในการผลิตไฟฟ้า การขนส่งก๊าซทางท่อ สร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศด้วย


Adblock test (Why?)


นายกฯ ถกบอร์ดบีโอไอ หนุนลงทุนยกระดับประเทศด้วยการแข่งขัน สร้างอาชีพเพิ่ม GDP - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

แจงปมเก็บภาษีย้อนหลังแม่ค้า ชี้แค่หวังดี-ไม่ให้โดนปรับ - เดลีนีวส์

จากกรณีที่ถูกพูดถึง และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์อยู่บนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ภายหลังสมาชิกผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซี่งเป็นแม่ค้าออนไลน์ที่อยู่ จ.ขอนแก่น ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวที่ถูกสรรพากรสอบภาษีย้อนหลังปี 2563 ยอดรวมกว่า 9 หมื่นบาท เนื่องจากมีการรับจ่ายเงินผ่านทางแอพถุงเงิน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. แฟนเพจเฟซบุ๊ก กรมสรรพากร : The Revenue Department ได้ออกมาโพสต์ข้อความเรื่อง สรรพากรมอบทูตภาษีทั่วประเทศช่วยแนะผู้ประกอบการทั้งออนไลน์ออฟไลน์ยื่นแบบฯ และชำระภาษีให้ถูกต้อง โดยระบุเนื้อหาว่า
- แม่ค้าเครียด!รับจ่ายผ่าน'ถุงเงิน' เจอภาษีย้อนหลังเฉียดแสน

“ตามที่มีข่าวผู้ค้าออนไลน์ได้โพสต์ในสื่อโซเชียลมีเดียว่าได้รับหนังสือแจ้งจากสรรพากรให้มายื่นภาษี เมื่อมีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กำหนดนั้น กรมสรรพากรได้มอบหมายให้ทูตภาษี(Tax Ambassador) ที่ประจำอยู่ สำนักงานสรรพากรทั่วประเทศพร้อมให้คำปรึกษาแก่ผู้เสียภาษีและประชาชนเพื่อให้ยื่นแบบฯ และชำระภาษี ทุกประเภทให้ถูกต้องเพื่อประโยชน์ของผู้เสียภาษีในระยะยาว

นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “การที่กรมสรรพากรได้ดำเนินการส่งหนังสือแจ้งเตือนถึงผู้เสียภาษี มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีรายได้ถึงเกณฑ์แต่ยังไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีได้ทราบว่า มีหน้าที่ต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีรายได้ต่อปีถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กฎหมาย จะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับและเงินเพิ่ม เพราะตามหลักแล้วผู้ที่มีรายได้ จากการค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าออนไลน์หรือขายสินค้าทั่วไป เมื่อมีรายได้ต่อปีเกิน 60,000 บาทขึ้นไป ทุกคนก็จะต้องมีหน้าที่ยื่นแบบฯ

และในกรณีที่ไม่ได้ยื่นแบบภายในกำหนดเวลาต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท และเงินเพิ่มอีกร้อยละ 1.5 ต่อเดือนของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ นอกจากนี้ กรมสรรพากรไม่ได้มีเป้าหมายในการจัดเก็บภาษีจากผู้ค้าขายเฉพาะรายใดรายหนึ่ง หรือจากโครงการใดโครงการหนึ่ง และไม่ได้มุ่งเก็บภาษีจากผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการรัฐแต่อย่างใด และขอยืนยันว่ากรมสรรพากรได้พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่และไม่ต้องการให้เกิดกรณีที่ผู้ประกอบการ ต้องเสียค่าปรับและเงินเพิ่ม เนื่องมาจากยื่นแบบเกินกำหนดเวลา เพราะจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนโดยเฉพาะ ในช่วงเวลาเช่นนี้ และเพื่อสร้างความเป็นธรรมกับผู้เสียภาษีทุกคนเมื่อมีรายได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กฎหมาย กำหนด มีหน้าที่ต้องยื่นแบบฯ ทุกราย”

นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ กล่าวเพิ่มเติม “การยื่นแบบและชำระภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน ซึ่งผู้ประกอบการและผู้ค้าออนไลน์สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยื่นแบบแสดงรายการ และชำระภาษีอย่างง่าย ได้ที่ www.taxliteracy.academy นอกจากนี้ กรมสรรพากรจัดให้มีทูตภาษี (Tax Ambassador) ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศพร้อมให้คำปรึกษาแก่ผู้เสียภาษีและประชาชน เพื่อให้ชำะภาษีได้อย่างถูกต้องครบถ้วน”..

Adblock test (Why?)


แจงปมเก็บภาษีย้อนหลังแม่ค้า ชี้แค่หวังดี-ไม่ให้โดนปรับ - เดลีนีวส์
Read More

หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับลด 3.64 ดัชนีอยู่ที่ 1,587 จุด - ไทยรัฐ

30 มิ.ย. 2564 18:14 น.

หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับลด 3.64 ดัชนีอยู่ที่ 1,587.79 จุด มูลค่าการซื้อขาย 83,598.85 ล้านบาท


การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือหุ้นไทยวันนี้ ประจำวันที่ 30 มิ.ย. 64 ครึ่งวันบ่าย พบว่าดัชนีปรับลด 3.64 จุด เปลี่ยนแปลง -0.23% ดัชนีอยู่ที่ 1,587.79 จุด ดัชนีสูงสุด 1,600.57 ดัชนีต่ำสุด 1,584.47 มูลค่าการซื้อขาย 83,598.85 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) 5. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน).

อ่านเพิ่มเติม...

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับลด 3.64 ดัชนีอยู่ที่ 1,587 จุด - ไทยรัฐ
Read More

INTERVIEW: NDR ลุยมอ'ไซค์ไฟฟ้าสร้าง New S-curve เร่งเจรจาพันธมิตรตั้งจุด Battery - อาร์วายที9

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า บริษัทไม่ได้ เป็นเพียงผู้ประกอบการผู้ผลิตยางรถมอเตอร์ไซค์อีกต่อไป แต่ได้ปรับบทบาทเพื่อเดินทางเข้าสู่การเป็นผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยียานยนต์ หลังจากเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญใน บริษัท อีทราน (ไทยแลนด์) จำกัด ในสัดส่วน 35% เพื่อหวังสร้างการเติบโตของผลประกอบการรอบ ใหม่ (New S-curve) ให้กับ NDR ที่จะได้เห็นชัดเจนตั้งแต่ปี 65 เป็นต้นไป

หลังจากนี้บริษัทจะเป็นผู้ประกอบการที่มีสัสส่วนรายได้จากการพัฒนาออกแบบ ผลิต และจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบ รนด์ อีทราน (ETRAN) ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานจริงที่รถจักยานยนต์ไฟฟ้าสามารถขับขี่ได้ 180 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่ง ครั้ง และสามารถทำความเร็วได้ 120 ต่อชั่วโมงที่จะเข้ามาเปลี่ยนเทรนด์ของตลาดรถจักยานยนต์ในประเทศไทย ซึ่งมียอดขายเฉลี่ยต่อปี สูงถึง 1.5 ล้านคัน

เฟสแรกของการเริ่มธุรกิจรถจักยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่ามีผู้ซื้อจริงและมีผู้ใช้จริง ในปี 64 นี้บริษัทได้ปรับเป้า หมายขึ้นเป็น 2,000 คัน จากเดิมที่ 1,000 คัน แบ่งเป็นจักยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเช่า 80% โดยบริษัทได้เริ่มทำการตลาดและเปิดให้จองไป แล้วในช่วงที่ผ่านมาและจะส่งมอบในไตรมาส 3/64 ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มรถจักยานยนต์รับจ้างต่างๆ โดยเฉพาะพนักงานขับรถ ส่งอาหาร ที่มียอดจองเข้ามาเกือบ 500 คันแล้วในปัจจุบัน ในส่วนของจักยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายอีก 20% จะเปิดตัวและทำการตลาดใน ช่วงไตรมาส 4/64 นี้

ในปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายมากกว่า 10,000 คันทั้งการให้เช่าและจำหน่าย ก่อนจะเริ่มพัฒนาไปเป็นเฟสที่สองของการเติบ โตในธุรกิจรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในปี 66 ด้วยการเริ่มตั้งโรงงานประกอบและผลิตด้วยตัวเอง โดยมีชิ้นส่วนหลักที่ต้องใช้การร่วมลงทุน (JV) กับผู้ประกอบการที่มีเชี่ยวชาญอยู่แล้ว คือ มอเตอร์ไฟฟ้า และ แบตเตอรี่ไฟฟ้า ในส่วนของซอฟต์แวร์ต่างๆ ภายในรถจะเป็นการ พัฒนาเองทั้งหมด

พร้อมกันนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างหารูปแบบการร่วมลงทุนที่เหมาะสมกับผู้ประกอบการ 4-5 ราย อาทิ ผู้ประกอบการด้านสถานี บริการน้ำมัน ผู้ประกอบการให้บริการด้านโลจิสติกส์ และผู้ประกอบการนอนแบงก์ (Non-Bank) เป็นต้น เพื่อที่จะตั้งจุดให้บริการสลับ แบตเตอรี่(Battery Swap) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในระยะเวลา 1-2 เดือน นี้

"เราไม่อยากให้มอง NDR เป็นแค่ธุรกิจยางรถอีกต่อไปแล้ว แต่อยากให้มองเราเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ยังมีมูลค่าแฝงอยู่ อีกค่อนข้างมาก ซึ่งหลังจากนี้หากเราทำให้เทรนด์ของตลาดรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเกิดขึ้นได้จริง การจะเข้าเฟสสองก็จะเร็วขึ้น และเป็น การสร้าง New S-curve ของบริษัทที่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วยขนาดตลาดรถจักยานยนต์ในไทย และยังมีในประเทศเพื่อนบ้างที่เรามีโอกาสที่จะไป ขยายได้อีกด้วย"นายชัยสิทธิ์ กล่าว

นายชัยสิทธิ์ กล่าวถึงทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังว่า มีแนวโน้มที่ดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากทุกประเทศเร่งกระจาย วัคซีนโควิดได้มากขึ้น เชื่อว่าจะส่งผลให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลง โดยเฉพาะในประเทศมาเลเซีย หากสามารถคคลายล็อกดาวน์ได้คำสั่งซื้อยางรถจักยานยนต์จะกลับมาค่อนข้างมาก เนื่องจากในช่วงนี้มีการล็อกดาวน์โรงงานผลิตยางรถ จักรยานยนต์ทุกโรงงานหยุดการผลิตส่งผลให้ซัพพลายลดลง ทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

"ในช่วงครึ่งปีแรกต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการแร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่หลังจากที่รัฐบาลหลายๆประเทศ เร่งการฉีดวัคซีน สถานการณ์ก็มีทิศทางที่คลี่คลายลง ซึ่งก็จะทำให้ความต้องการยองกลับมา โดยเฉพาะในประเทศมาเลเซียที่ต้องปิดโรง งานผลิตไป หากกลับมาเปิดซัพพลายจะขาดทำให้คำสั่งซื้อมาที่เราจำนวนมาก และเราก็ยังมีในส่วนของยางที่ได้พัฒนารองรับรถจักยานยนต์ ไฟฟ้าด้วย"นายชัยสิทธิ์ กล่าว


Adblock test (Why?)


INTERVIEW: NDR ลุยมอ'ไซค์ไฟฟ้าสร้าง New S-curve เร่งเจรจาพันธมิตรตั้งจุด Battery - อาร์วายที9
Read More

SECURE ดีเดย์เทรด 1 ก.ค. มั่นใจกระแสแรง ชูจุดแข็ง Cybersecurity ครบวงจร • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

นายนักรบ เนียมนามธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด(มหาชน) หรือ SECURE มั่นใจว่าในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 หุ้น SECURE จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรก จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคักคัก เนื่องจากเป็นหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างรวดเร็ว จากความต้องการใช้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งผู้บริหารและพนักงานทุกคนมีความมุ่งมั่น ตั้งใจจะช่วยกันผลักดันธุรกิจให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด

ทั้งนี้ ภายหลังจากที่ได้รับเงินจากการระดมทุนบริษัทฯจะนำไปใช้ในการสร้างศูนย์ให้บริการด้านเทคนิค (Technical Support Center), การลงทุนเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับ Cyber security, การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะทำให้ SECURE มีศักยภาพฐานทุนที่แข็งแกร่ง พร้อมกับยกระดับมาตรฐานองค์กรให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลทั้งคู่ค้า ลูกค้า และพันธมิตร รวมทั้งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศได้มากขึ้น

“บริษัทฯ พร้อมที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในทุกภาคส่วนให้เติบโตอย่างมีศักยภาพ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณภาพให้กับลูกค้า ซึ่งการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ช่วยสนับสนุนให้บริษัทฯ มีฐานทุน สามารถนำไปต่อยอดธุรกิจในระยะยาว  ซึ่งการที่บริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในตลาดระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย ผสานกับความเข้าใจความต้องการของตลาด รวมถึงการมีโซลูชั่นที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถมั่นใจได้ว่าผลการดำเนินงานในอนาคตจะเติบโตอย่างยั่งยืน โดยในปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโตมากกว่า 15% จากปีก่อน” นายนักรบ กล่าว

นายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และเป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ “เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว” มั่นใจหุ้นน้องใหม่ SECURE จะได้รับความสนใจและตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุน เนื่องด้วย ปัจจัยพื้นฐานธุรกิจมีความโดดเด่นในทุกมิติ

โดยแนวโน้มธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากองค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนในประเทศไทย ได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนในระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ตามแผนการบังคับใช้ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ที่จะมีผลบังคับใช้ในเร็วๆนี้  น่าจะทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ผลประกอบการ ทั้งรายได้และกำไรมีอัตราการขยายตัวอย่างโดดเด่น และต่อเนื่องทุกปี

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมากระแสตอบรับจากการโรดโชว์ผ่านระบบออนไลน์ พบว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจจำนวนมาก ขณะที่เมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้นไอพีโอ นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเกินกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย โดยเฉพาะกลุ่มสถาบัน ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ ประกอบกับการกำหนดราคาขายที่ 16 บาทต่อหุ้นเป็นราคาที่สร้างแรงจูงใจ เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมของโบรกฯ ประเมินไว้ อยู่ในช่วงราคา 20.00-24.20 บาทต่อหุ้น

“เชื่อว่า SECURE จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพึงพอใจให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ธุรกิจยังมีอนาคตที่สดใสตามกระแสการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจเข้าสู่ดิจิทัล รวมถึงผู้บริหารมีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญมายาวนานกว่า 15 ปี ซึ่งได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุน รวมทั้งมีความสามารถบริหารต้นทุนได้ดี ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำกำไรช่วง 3 ปีทีผ่านมามีความสามารถทำกำไรที่โดดเด่น“ นายพายุพัด กล่าว

Adblock test (Why?)


SECURE ดีเดย์เทรด 1 ก.ค. มั่นใจกระแสแรง ชูจุดแข็ง Cybersecurity ครบวงจร • ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
Read More

Tuesday, June 29, 2021

ครม.รับทราบซอฟต์โลน พักหนี้ ของธปท.อืด - โพสต์ทูเดย์

ครม.รับทราบซอฟต์โลน พักหนี้ ของธปท.อืด

วันที่ 30 มิ.ย. 2564 เวลา 06:48 น.

ครม.รับทราบซอฟต์โลน พักหนี้ ของธปท. 3.5 แสนล้านอืด ปล่อยได้แค่ 4 หมื่นล้าน พักหนี้ได้แค่ 7 ราย

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบผลการดำเนินงานของ พ.ร.ก. ฟื้นฟูผู้ประกอบการ ที่ดำเนินการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดกลไกการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย 2 มาตรการ ดังนี้

1. มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู) วงเงิน 250,000 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2564 สถาบันการเงินได้อนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 13,435 ราย วงเงินรวม 40,764 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1) การให้สินเชื่อผ่าน SFIs จำนวน 1,292 ราย วงเงินรวม 4,408 ล้านบาท

2) การให้สินเชื่อผ่านธนาคารพาณิชย์ จำนวน 12,143 ราย วงเงินรวม 36,356 ล้านบาท

ซึ่งธุรกิจขนาดเล็กที่มีวงเงินสินเชื่อต่ำกว่า 20 ล้านบาท ได้เข้าถึงมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูแล้วจำนวน 10,832 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 80.63 ของจำนวนลูกหนี้ทั้งหมด โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงินคงเหลือ 209,236 ล้านบาท

2 มาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (มาตรการ พักทรัพย์ พักหนี้) วงเงิน 100,000 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2564 มีลูกหนี้ที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติการเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 7 ราย คิดเป็นราคารับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (ราคารับโอนฯ) รวม 922 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น

1) ลูกหนี้ของ SFIsจำนวน 4 ราย คิดเป็นราคารับโอนฯ รวม 910 ล้านบาท

2) ลูกหนี้ของธนาคารพาณิชย์ จำนวน 3 ราย คิดเป็นราคารับโอนฯ รวม 12 ล้านบาท

โดยมาตรการดังกล่าวมีวงเงินคงเหลือ 99,078 ล้านบาท

Adblock test (Why?)


ครม.รับทราบซอฟต์โลน พักหนี้ ของธปท.อืด - โพสต์ทูเดย์
Read More

ราคาบิทคอยน์วันนี้ (30 มิ.ย.) ขยับขึ้น 2.66% อยู่ที่ 35,845.90 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ

BitcoinC

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาบิทคอยน์วันนี้ (30 มิ.ย.) ขยับขึ้น +2.66% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อยู่ที่ 35,845.90 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,149,613.86 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 37.56 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อเวลา 8:42:15 น. ของวันนี้

ขณะที่เหรียญดิจิทัลคริปโตเคอเรนซี่ชนิดอื่น Ethereum ขยับขึ้น 1.74% Binance Coin ปรับลง .02% และ Dogecoin ขยับขึ้น 1.84% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สรุปราคาเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี

1. Bitcoin (BTC) ราคา 35,845.90 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.66%
2. Ethereum (ETH) ราคา 2,158.12 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.74%
3. Tether (USDT) ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.02%
4. Binance Coin (BNB) ราคา 297.69 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.99%
5. Cardano (ADA) ราคา 01.36 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +1.84%
6. Binance USD (BUSD) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง 0.00%
7. XRP (XRP) ราคา 0.70 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +6.55%
8. USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง 0.00%
9. Polkadot (DOT) ราคา 16.20 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.21%
10. Uniswap (UNI) ราคา 18.47 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.50%

หมายเหตุ: ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th

Adblock test (Why?)


ราคาบิทคอยน์วันนี้ (30 มิ.ย.) ขยับขึ้น 2.66% อยู่ที่ 35,845.90 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

'ดาวโจนส์'ปิดบวกในกรอบแคบ 9 จุด - กรุงเทพธุรกิจ

30 มิถุนายน 2564

36

‘ดาวโจนส์’ปิดบวกในกรอบแคบ 9 จุด เพราะได้หุ้นกลุ่มแบงก์หนุนตลาด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร(29มิ.ย.)ดีดตัวขึ้นในกรอบแคบ 9 .02 จุด หลังจากร่วงลงวานนี้ ขณะที่แรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารช่วยหนุนตลาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 9.02 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 34,292.29 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 1.19 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 4,291.80 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 27.83 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 14,528.34 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดลบ 150 จุดเมื่อคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มการเงิน ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างไรก็ดี ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็กพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์วานนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเทคโนโลยี

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นในวันนี้ ขานรับการที่ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึง มอร์แกน สแตนลีย์, เจพีมอร์แกน, แบงก์ ออฟ อเมริกา, โกลด์แมน แซคส์ และเวลส์ ฟาร์โก ต่างพากันเพิ่มการจ่ายเงินปันผล หลังจากที่ธนาคารเหล่านี้สามารถผ่านการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ซึ่งดำเนินการโดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้นกว่า 1% หลังจากที่สายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ประกาศซื้อเครื่องบินโบอิ้งแม็กซ์จำนวน 200 ลำ

หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านปรับตัวขึ้น ขานรับผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ที่ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 14.6% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 30 ปี จากระดับ 13.3% ในเดือนมี.ค. และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11 โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน และสต็อกบ้านที่ตึงตัว

วันนี้นับเป็นวันทำการซื้อขายก่อนวันสุดท้ายของเดือนมิ.ย.และไตรมาส 2 โดยดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มร่วงลงในเดือนนี้ หลังจากดีดตัวขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่ดัชนีแนสแด็กจ่อทำสถิติบวกเป็นเดือนที่ 7 ในรอบ 8 เดือน

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาตั้งแต่ต้นปีนี้ ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้น 12%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ทะยานขึ้น 14% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กพุ่งขึ้น 12%

นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 683,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. สูงกว่าในเดือนพ.ค.ที่เพิ่มขึ้นเพียง 559,000 ตำแหน่ง

Adblock test (Why?)


'ดาวโจนส์'ปิดบวกในกรอบแคบ 9 จุด - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ยื่นภาษีเงินได้ปี 63 ออนไลน์วันสุดท้ายแล้วนะ กลุ่มยื่นไวได้คืนภาษีแล้ว 91% - ฐานเศรษฐกิจ

กรมสรรพากรย้ำ 30 มิ.ย.นี้ สิ้นสุดการขยายเวลายื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 เผยที่ผ่านมามีผู้ยื่นแสดงรายการภ.ง.ด.90/91 ปี 63 ได้รับคืนภาษีแล้ว 91%  สามารถติดตามสถานะการขอคืนภาษีด้วยตนเองที่ www.rd.go.th

นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยวานนี้ (29 มิ.ย.) ว่า ขณะนี้ กรมสรรพากร ได้เร่งดำเนินการพิจารณาและ อนุมัติคืนภาษี ตาม แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด.91 ประจำปีภาษี 2563 ที่ผู้เสียภาษีได้ยื่นขอคืนภาษีไปแล้วรวมจำนวน 3,062,532 แบบ จากแบบที่ยื่นขอคืนภาษีทั้งหมด 3,401,688 แบบ คิดเป็น 91% หรือเป็นจำนวนเงินภาษีที่คืนให้แล้วรวม 30,685 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 28 มิถุนายน 2564) เหลือเพียง 9% ที่ยังไม่ได้รับคืนภาษี เนื่องจากแสดงรายได้หรือรายการค่าลดหย่อนไม่ครบถ้วน

สำหรับผู้ที่ได้รับภาษีคืนจากกรมสรรพากรไปแล้วนั้น เป็นผู้ที่

  • ชำระภาษีไว้เกิน
  • ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านอินเตอร์เน็ต และจัดส่งเอกสารประกอบการพิจารณาคืนภาษีถูกต้องครบถ้วน
  • มีการผูกบัญชีธนาคารที่ขอคืนกับระบบพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน

ทั้งนี้ ผู้เสียภาษีที่ขอคืนภาษี สามารถตรวจสอบและติดตามสถานะการขอคืนภาษีได้ด้วยตนเองที่ www.rd.go.th ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

ยื่นภาษีเงินได้ปี 63 ออนไลน์วันสุดท้ายแล้วนะ กลุ่มยื่นไวได้คืนภาษีแล้ว 91% p>

โฆษกกรมสรรพากรกล่าวเตือนว่า วันที่ 30 มิถุนายน 2564 เป็นวันสิ้นสุดของการขยายเวลาการยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.90 และ ภ.ง.ด. 91 ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งจนถึงขณะนี้ มีผู้ยื่นแบบฯแล้วรวมทั้งหมด 10,031,924 แบบ จึงขอเชิญชวนผู้ที่ยังไม่ได้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปีภาษี 2563 ยื่นแบบฯ ตามกำหนดเวลาดังกล่าว เพื่อลดภาระค่าปรับและเงินเพิ่ม โดยกรมสรรพากรสนับสนุนให้ประชาชนทำธุรกรรมภาษีที่บ้าน (TAX from Home) เพื่อความสะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ห่างไกลจากโควิด-19 ผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ต ที่ www.rd.go.th

ข่าวที่เกี่ยวข้อง


Adblock test (Why?)


ยื่นภาษีเงินได้ปี 63 ออนไลน์วันสุดท้ายแล้วนะ กลุ่มยื่นไวได้คืนภาษีแล้ว 91% - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

รถ EV คึกคัก ปตท. MOU ฟ็อกซ์คอนน์ ด้าน EA จ่อลุยยานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ - ประชาชาติธุรกิจ

“สุพัฒนพงษ์” ปักธงเป้า 4 ปีไทยต้องมีรถ EV 2.25 แสนคัน ด้าน “ปตท.” MOU โครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย กับ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป ไต้หวัน ดันเป็นโรงงานกลางรับจ้างผลิตรถ EV ทุกยี่ห้อ ขณะที่ “พลังงานบริสุทธิ์ EA” พัฒนาระบบชาร์จไฟฟ้าได้ 80% ใช้เวลา 15 นาที วิ่งได้ 250 กม. จ่อลุยยานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะสเต็ปต่อไป

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวในงานสัมมนา “ยานยนต์ไฟฟ้า” จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดโอกาสใหม่ทางธุรกิจ จัดโดย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ตั้ง คณะกรรมการนโยายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมีเป้าหมายส่งเสริมให้เปลี่ยนการใช้รถยนต์สันดาปมาเป็นรถยนต์ EV รวมถึงลดปัญหาแต่สิ่งแวดล้อม

สำหรับเป้าหมายระยะสั้น 4 ปี ข้างหน้า จะต้องผลักดันให้มีรถยนต์ไฟฟ้า 225,000 คัน ภายในปี 2568 คิดเป็น 10% ของกำลังการผลิตรถยนต์ของประเทศไทยในปัจจุบัน จากนโยบายดังกล่าวเชื่อว่า จะทำให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องตามมา อย่างการลงทุนเรื่องของแบตเตอรรี่ EV และในอนาคตจะรวมไปถึงรถยนต์ไร้คนขับ

ในระหว่างนี้ จำเป็นต้องความพร้อมด้านพลังงานไฟฟ้า โดยเตรียมหารือกับ 3 การไฟฟ้า ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าให้เป็นสมาร์ดกริดรองรับ ทั้งนี้ได้มีการกำหนดราคาไฟฟ้าในการประจุไฟฟ้าอยู่ที่ 2.60 บาท/หน่วย

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) หรือ PTT กล่าวในงานเดียวกันว่า รัฐได้กำหนดเป้าหมายการผลิตรถ EV 4 ล้อ ในปี 2568 อยู่ที่ 225,000 คัน และปี 2573 อยู่ที่ 725,000 คัน รถ 2 ล้อ ปี 2573 จะผลิต 675,000 คัน และรถบัส ปี 2573 จะผลิต 34,000 คัน คิดเป็น 50% ของจำนวนรถบัสที่ผลิตออกมา

ขณะที่ ปตท. เองได้มุ่งไปใน 2 เทรนด์หลัก คือ GO GREEN และ GO ELECTRIC  และปรับเป้าหมายพอร์ตการลงทุนในอนาคตที่มุ่งเน้นการขยายการลงทุนในพลังงานรูปแบบใหม่ และธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในอนาคต อย่างเรื่องของแบตเตอรี่ EV ที่มีทางบริษัทลูก GPSC ลงทุนจัดตั้งโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน (Energy Storage Unit) แบตเตอรี่ G-Cell

นอกจากนี้ ปตท. ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย กับ บริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี จำกัด (Hon Hai Precision Industry Co., Ltd.) หรือ ฟ็อกซ์คอนน์ กรุ๊ป (Foxconn Technology Group) ในรูปแบบเสมือนจริง (Virtual MOU Signing Ceremony) จากประเทศไต้หวัน เพื่อศึกษาโอกาสในการพัฒนาฐานการผลิตยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย ที่จะเป็นโรงงานกลางตั้งในไทยและสามารถรับจ้างผลิตรถ EV ได้หลายยี่ห้อ เบื้องต้นมองเป้าหมายกำลังการผลิตรถยนต์ 4 ล้อ อยู่ที่ 1 แสนคัน/ปี สำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าในปั๊มน้ำมัน ทาง OR ได้จัดตั้งแล้ว 30 แห่ง และจะเพิ่มเป็น 100 แห่งในสิ้นปีนี้

ทางด้าน นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวในงานสัมมนาเช่นเดียวกัน ว่า บริษัทได้พัฒนาระบบการชาร์จ EV ให้เร็วขึ้นและการใช้งานของแบตเตอรี่ได้นานขึ้น ปัจจุบันสามารถชาร์จไฟฟ้าได้ 80% ใช้เวลา 15 นาที และวิ่งได้ 250 กม. และภายในเดือน ก.ค. เตรียมส่งมอบรถไฟฟ้าให้ลูกค้าที่ได้มีการเซ็นต์สัญญาแล้ว 100 คัน สำหรับสถานีชาร์จรถ EV ตั้งเป้าหมายขยายให้ได้ 1,000 สถานี ซึ่งปัจจุบันมี 417 สถานี มีหัวชาร์จ 1,633 หัว เป็นระบบชาร์จเร็วถึง 571 หัว และในอนาคตมีแผนที่จะมุ่งเป้าไปสู่รถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะด้วยเช่นกัน

Adblock test (Why?)


รถ EV คึกคัก ปตท. MOU ฟ็อกซ์คอนน์ ด้าน EA จ่อลุยยานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ครม.อนุมัติแบงก์รัฐขยายเวลาพักหนี้ถึงสิ้นปี - กรุงเทพธุรกิจ

29 มิถุนายน 2564

58

ครม.อนุมัติแบงก์รัฐขยายมาตรการทางการเงินทั้งการพักหนี้ ขยายเวลาชำระหนี้ ออกไปถึงสิ้นธ.ค.นี้ และให้ใส่เงินเสริมสภาพคล่องทั้งประชาชนและผู้ประกอบการ

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ ส่งผลกระทบต่อประชาชน เกษตรกร และการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) ในภาคธุรกิจท่องเที่ยวและสาขาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Supply Chain) อีกทั้ง ยังส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้ผู้ประกอบธุรกิจในภาคส่วนอื่นประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจและไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอ

เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2564 คณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ 1.รับทราบผลการดำเนินงานของมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (Specialised Financial Institutions: SFIs) และ 2. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์และขยายเวลาการดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่องมากขึ้น รวมถึงแบ่งเบาภาระในการผ่อนชำระให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. ผลการดำเนินงานของมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผ่าน SFIs 1.1 มาตรการพักชำระหนี้ ณ วันที่ 21 มิ.ย.2564 SFIs ได้ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้โดยการพักชำระหนี้ ด้วยการพักชำระเงินต้น และ/หรือ ดอกเบี้ย และ/หรือ ลดอัตราดอกเบี้ย และ/หรือขยายระยะเวลาชำระหนี้แล้ว รวมทั้งสิ้น 7.56 ล้านราย วงเงิน 3.46 ล้านล้านบาท โดยมีลูกหนี้ที่ยังอยู่ในมาตรการ 3.23 ล้านราย วงเงิน 1.26 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นประชาชนทั่วไป 3.21 ล้านราย วงเงิน 1.18 ล้านล้านบาท และธุรกิจ 21,310 ราย วงเงิน 87,948 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังได้ขอให้ SFIs ขยายระยะเวลาชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2564 ตามความสมัครใจ และเปิดโอกาสให้ลูกหนี้สามารถทำการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้ เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้

1.2 มาตรการสนับสนุนสินเชื่อ นอกจากมาตรการพักชำระหนี้แล้ว ยังมีมาตรการสนับสนุนสินเชื่อ ผ่านมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และมาตรการพักทรัพย์ พักหนี้ ภายใต้พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 (พ.ร.ก. ฟื้นฟูฯ) และมาตรการสินเชื่อของ SFIs อีกหลายมาตรการที่ยังมีวงเงินคงเหลืออยู่ เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ ประชาชนทั่วไป ธุรกิจรายย่อย SMEs โดยครอบคลุมภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เช่น ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจเดินทางและขนส่ง ธุรกิจโรงเรียนเอกชน เป็นต้น รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19

2.การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่

2.1 ขยายเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อ Extra Cash วงเงิน 10,000 ล้านบาท ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ขนาดย่อมในธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจอื่น ๆ ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล วงเงินไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อราย ดอกเบี้ยร้อยละ 3 ต่อปี ใน 2 ปีแรก ระยะเวลากู้ 5 ปี โดยขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. 2564

2.2 ปรับปรุงการดำเนินโครงการ Soft Loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย วงเงิน 5,000 ล้านบาทของธนาคารออมสิน สำหรับผู้ประกอบการรายย่อยในธุรกิจท่องเที่ยวและ Supply Chain วงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อราย ดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 ต่อปี โดยขยายระยะเวลากู้จากเดิมไม่เกิน 5 ปี เป็นไม่เกิน 7 ปี ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นจากเดิมสูงสุดไม่เกิน 1 ปี เป็นสูงสุดไม่เกิน 2 ปี และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2564

2.3 ขยายกลุ่มเป้าหมายของโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว ของธนาคารออมสิน สำหรับผู้ประกอบการ ที่ใช้หลักประกันเป็นที่ดินและสิ่งปลูกสร้างและไม่ต้องผ่านการตรวจเครดิตบูโรวงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท ดอกเบี้ย 0.1% 0.99% และ 5.99% ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี

โดยขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมถึงธุรกิจอื่นที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 เน้นการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ระลอกใหม่ เช่น ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจโรงเรียนเอกชน เป็นต้น พร้อมทั้งขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปจนถึงวันที่ 30 ธ.ค. 2564

กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทั่วถึง และเพียงพอ โดยได้มีการติดตามผลการดำเนินมาตรการอยู่เป็นระยะ รวมถึงพิจารณาข้อจำกัดและปัญหาอุปสรรคของการดำเนินมาตรการ รวมทั้งได้ปรับปรุงและออกมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์เพื่อดูแลประชาชนและผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงทีต่อไป

Adblock test (Why?)


ครม.อนุมัติแบงก์รัฐขยายเวลาพักหนี้ถึงสิ้นปี - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

สรรพากร คืนภาษีบุคคลธรรมดาแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท สูงถึง 91% - ประชาชาติธุรกิจ

สรรพากร

กรมสรรพากร เร่งคืนภาษีบุคคลธรรมดาปีภาษี 2563 ให้กับผู้ที่ขอคืนเงินไปแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 91% จากผู้ขอคืนภาษีทั้งหมด 3.4 ล้านแบบ พร้อมจี้ยื่นแบบภาษี ภ.ง.ด.90 และภ.ง.ด. 91 ออนไลน์ถึง 30 มิ.ย.นี้ ก่อนเสียค่าปรับ

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรได้เร่งดำเนินการพิจารณา และอนุมัติคืนภาษี ตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90 และภ.ง.ด.91 ประจำปีภาษี 2563 ที่ผู้เสียภาษียื่นขอคืนภาษีไปแล้วรวมจำนวน 3,062,532 แบบ จากแบบที่ยื่นขอคืนทั้งหมด 3,401,688 แบบ คิดเป็น ร้อยละ 91 เป็นจำนวนเงินภาษีที่คืนให้แล้วรวม 30,685 ล้านบาท (ข้อมูล ณ 28 มิ.ย.64)

สำหรับผู้ที่ชำระภาษีไว้เกินและได้รับภาษีคืนจากกรมสรรพากรไปแล้ว เนื่องจากเป็นผู้ที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีผ่านอินเทอร์เน็ต มีการจัดส่งเอกสารประกอบการพิจารณาคืนภาษีถูกต้องครบถ้วน และมีการผูกบัญชีธนาคารที่ขอคืนกับระบบพร้อมเพย์ ด้วยเลขประจำตัวประชาชน ทั้งนี้ ผู้เสียภาษีที่ขอคืนภาษีสามารถตรวจสอบ และติดตามสถานะการขอคืนภาษีได้ด้วยตนเองที่ www.rd.go.th ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง

นางสมหมาย กล่าวเพิ่มเติมว่า 30 มิ.ย.64 เป็นวันสิ้นสุดของการขยายเวลาการยื่นแบบฯ ภ.ง.ด.90 และภ.ง.ด. 91 ผ่านทางอินเทอร์เน็ต จนถึงขณะนี้ มีผู้ยื่นแบบฯ แล้วรวมทั้งหมด 10,031,924 แบบ จึงขอเชิญชวนผู้ที่ยังไม่ได้ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปีภาษี 2563 ยื่นแบบฯ ตามกำหนดเวลาดังกล่าว เพื่อลดภาระค่าปรับและเงินเพิ่ม โดยสนับสนุนให้ทำธุรกรรมภาษีที่บ้าน (TAX from Home) สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย ห่างไกลจากโควิด – 19

ทั้งนี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161 หรือที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ

Adblock test (Why?)


สรรพากร คืนภาษีบุคคลธรรมดาแล้วกว่า 3 หมื่นล้านบาท สูงถึง 91% - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ครม.เห็นชอบให้ ธพว. – ออมสิน ปรับปรุง 3 โครงการช่วยเอสเอ็มอีจากโควิด-19 ... [อ่านต่อ] - การเงินธนาคาร

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ทบทวนมติ ครม.เดิมเพื่อช่วยผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ โดยสาระสำคัญที่มีการทบทวนมตินี้เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีโดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่องรวมถึงผู้ประกอบการภาคส่วนอื่นๆ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ค้าส่งค้าปลีก ประกอบกับสถาบันการเงินยังไม่มีความมั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกลุ่มดังกล่าวจึงยังคงมีความเสี่ยงที่จะชำระหนี้คืน ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังไม่สามารถเข้าถึงแหล่เงินทุนจากระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอ โดยมีการปรับปรุง 3 โครงการประกอบด้วย

         1. โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 4,012 ราย วงเงิน 6,856  ล้านบาท ยังมีวงเงินเหลือ 3,144 ล้านบาท  โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จะขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค.64

         2. ปรับปรุงโครงการ Soft Loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย โดยธนาคารออมสิน วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารออมสินอนุมัติสินเชื่อแล้ว 2,691 ราย วงเงิน 1,139 ล้านบาท คงเหลือ 3,861 ล้านบาท โดยครม. ได้เห็นชอบทบทวนขยายระยะเวลากู้ จากเดิมไม่เกิน 5 ปี เป็นไม่เกิน 7 ปี ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 1 ปี เป็นสูงสุดไม่เกิน 2 ปี และ ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค.64

         3. ปรับปรุงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs "มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว" วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสิน ซึ่งมีการอนุมัติสินเชื่อแล้ว 389 ราย วงเงิน 2,747 ล้านบาท คงเหลือ 7253 ล้านบาท

 โดยวันนี้ครม. เห็นชอบขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการ ฯ ครอบคลุมผู้ประกอบการ SMEs ในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ เช่น ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจโรงเรียนเอกชน เป็นต้น หรือผู้ประกอบการในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ตามที่ธนาคารออมสินเห็นสมควร

รวมถึงปรับปรุงหลักเกณฑ์วงเงินสินเชื่อต่อรายกรณีผู้กู้เป็นนิติบุคคล จากเดิมพิจารณารายได้รวมของงบการเงินปีล่าสุด (รอบบัญชีปี 2562) เป็นพิจารณารายได้รวมของงบการเงินปีล่าสุด (รอบบัญชีปี 2562 หรือปี 2563 แล้วแต่กรณีใดสูงกว่า) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของผู้ประกอบการ SMEs

ตลอดจนปรับปรุงการพิจารณาหลักประกันการกู้เงินจากเดิมไม่รับหลักประกันที่ไม่มีสภาพคล่อง เช่น ที่ดินที่ไม่มีทางเข้า-ออก ที่ดินที่มีบ่อน้ำ หรือถูกขุดหน้าดิน ที่ดินใต้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวน เป็นต้น เป็นไม่รับหลักประกันที่ไม่มีสภาพคล่องตามที่ธนาคารออกสินกำหนด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค.64

“การปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้รับผลกระทบจากการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ ไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังช่วยป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย”

Adblock test (Why?)


ครม.เห็นชอบให้ ธพว. – ออมสิน ปรับปรุง 3 โครงการช่วยเอสเอ็มอีจากโควิด-19 ... [อ่านต่อ] - การเงินธนาคาร
Read More

ปิดตลาดฯวันนี้ DELTA-SCC-AOT ดันดัชนีฯ ยืนในแดนบวก - efinanceThai

[unable to retrieve full-text content]

  1. ปิดตลาดฯวันนี้ DELTA-SCC-AOT ดันดัชนีฯ ยืนในแดนบวก  efinanceThai
  2. หุ้นไทยปิดตลาดวันนี้ (28 มิ.ย.) -3.5 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,579 จุด  ประชาชาติธุรกิจ
  3. หุ้นไทยวันนี้ (28 มิ.ย.) เปิดตลาด -16.67 จุด ดัชนีอยู่ที่ 1,566 จุด  ประชาชาติธุรกิจ
  4. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

ปิดตลาดฯวันนี้ DELTA-SCC-AOT ดันดัชนีฯ ยืนในแดนบวก - efinanceThai
Read More

รพ.เอกชนเคาะราคาวัคซีน 'โมเดอร์นา' 3400 บาท/ 2 เข็ม อัตราเดียวกันทุกแห่ง เริ่มเก็บเงิน 1ก.ค.64 - เรื่องเล่าเช้านี้

Adblock test (Why?)


รพ.เอกชนเคาะราคาวัคซีน 'โมเดอร์นา' 3400 บาท/ 2 เข็ม อัตราเดียวกันทุกแห่ง เริ่มเก็บเงิน 1ก.ค.64 - เรื่องเล่าเช้านี้
Read More

โควิด วัดผลวัคซีนสปุตนิก-วีเป็นเยี่ยม เปิดรายชื่อชาติฉีดไขว้ยี่ห้อทั่วโลก - ข่าวสด

โควิด วัดผลวัคซีนสปุตนิก-วีเป็นเยี่ยม เปิดรายชื่อชาติฉีดไขว้ยี่ห้อทั่วโลก

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

โควิด – วันที่ 29 มิ.ย. รอยเตอร์รายงานว่า ผลการศึกษาการใช้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยวัคซีนสปุตนิก-วี ของรัสเซีย พบมีประสิทธิภาพป้องกันอาการป่วยได้ร้อยละ 97.8 และกันป่วยหนักได้ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม

รายงานระบุว่า ผลการศึกษาดังกล่าวเก็บข้อมูลจากชาวยูเออีจำนวน 81,000 คน ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รุ่น สปุตนิก-วี ครบทั้งสองเข็ม โดยเก็บข้อมูลเมื่อ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่หลายชาติทั่วโลกเริ่มทยอยฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะขาดแคลนวัคซีน

แม้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นประสิทธิภาพต่อเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ชนิดใด แต่สำนักงานบริหารภัยพิบัติและสถานการณ์ฉุกเฉิน (NCEMA) ของยูเออี ระบุว่า ชนิดกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้ หรือเบต้า คิดเป็นสัดส่วนใหญ่ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึงร้อยละ 39.2

ขณะที่ ชนิดกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอินเดีย หรือเดลต้า คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 33.9 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ส่วนชนิดกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอังกฤษ หรืออัลฟ่านั้นพบเพียงร้อยละ 11.3 ของผู้ติดเชื้อรายใหม่

NCEMA ยังเรียกร้องให้ประชาชนทยอยรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยเร็วที่สุด หลังข้อมูลผู้ป่วยวิกฤต หรือไอซียู พบว่าแทบทั้งหมดเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้รับวัคซีนถึงร้อยละ 92 และผู้เสียชีวิตแทบทั้งหมดเป็นบุคคลที่ยังไม่ได้รับวัคซีนถึงร้อยละ 94

ทั้งนี้ ยูเออี ใช้วัคซีนหลายชนิด ได้แก่ ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค แอสตร้าเซนเนก้า สปุตนิก-วี และซิโนฟาร์ม โดยรัฐมีเป้าหมายจะฉีดให้ครองคลุมประชากรร้อยละ 71 เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่

บาห์เรน

ทางการบาห์เรนประกาศเมื่อ 4 มิ.ย. ให้บุคคลที่ผ่านการรับรองจากแพทย์ สามารถรับการฉีดวัคซีนกระตุ้นจากบริษัท ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และซิโนฟาร์มได้ โดยไม่สนใจว่าก่อนหน้าจะเคยฉีดวัคซีนประเภทใดมา

แคนาดา

คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านภูมิคุ้มกันแห่งชาติของทางการแคนาดา (NACI) ประกาศเมื่อ 17 มิ.ย. แนะนำบรรดาแต่ละมลรัฐว่าควรเปลี่ยนวัคซีนเข็มที่สองเป็นยี่ห้ออื่นให้กับบุคคลที่ได้รับเข็มแรกจากแอสตร้าเซนเนก้าหากผู้รับวัคซีนต้องการ

อิตาลี

องค์การอาหารและยา (AIFA) ของประเทศอิตาลี ประกาศเมื่อ 14 มิ.ย. อนุญาตให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนเข็มแรกจากแอสตร้าเซนเนก้า สามารถเลือกรับวัคซีนเข็มที่สองจากยี่ห้ออื่นได้

รัสเซีย

กองทุนเพื่อการลงทุนโดยตรงแห่งรัสเซีย (RDIF) ระบุเมื่อ 4 มิ.ย. ว่าจะเริ่มดำเนินการทดลองการฉีดสลับยี่ห้อระหว่างสปุตนิก-วี กับวัคซีนหลายยี่ห้อจากประเทศจีน ในกลุ่มชาติอาหรับ โดยเบื้องต้นไม่พบว่าการฉีดแอสตร้าเซนเนก้าไปสปุตนิก-วี ก่อให้เกิดผลข้างเคียงทางลบ

เกาหลีใต้

ทางการเกาหลีใต้ประกาศเมื่อ 18 มิ.ย. ว่าบุคคลที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกจากแอสตร้าเซนเนก้าจำนวน 760,000 คน จะได้รับวัคซีนเข็มที่สองจากบริษัท ไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคแทน เนื่องจากการจัดส่งแอสตร้าเซนเนก้าเกิดความล่าช้าจากโครงการ COVAX ขององค์การอนามัยโลก (WHO)

สเปน

นางคาโรลินา เดไรเอส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ระบุเมื่อ 19 พ.ค. ว่าจะอนุญาตให้บุคคลอายุต่ำกว่า 60 ปี ซึ่งได้รับวัคซีนเข็มแรกจากแอสตร้าเซนเนก้า สามารถเลือกรับวัคซีนเข็มที่สองจากยี่ห้อเดิม หรือเปลี่ยนยี่ห้อเป็นไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคได้

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)

ทางการยูเออีประกาศจะใช้วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ในการฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันในบุคคลที่ได้รับวัคซีนจากซิโนฟาร์มของจีนครบ 2 เข็ม

สหราชอาณาจักร

บริษัท โนวาแว็กซ์ ผู้พัฒนาวัคซีนโปรตีน ซับ-ยูนิต ตัวใหม่จากสหรัฐอเมริกา ประกาศเข้าร่วมโครงการศึกษาการฉีดวัคซีนสลับยี่ห้อ (Com-Cov) ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ขณะที่ผลศึกษาล่าสุด พบว่าการฉีดแอสตร้าเซนเนก้าไปไฟเซอร์นั้นได้ผลดีกว่าการฉีดแอสตร้าฯ ครบ 2 เข็ม

สหรัฐอเมริกา

สถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ประกาศเมื่อ 1 มิ.ย. ประกาศเริ่มโครงการทดลองตรวจวัดความปลอดภัยและประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันในบุคคลที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันสลับยี่ห้อจากหลากหลายผู้พัฒนาทั่วโลก

Adblock test (Why?)


โควิด วัดผลวัคซีนสปุตนิก-วีเป็นเยี่ยม เปิดรายชื่อชาติฉีดไขว้ยี่ห้อทั่วโลก - ข่าวสด
Read More

Monday, June 28, 2021

แบงก์ไทยเทศปล่อยกู้ GULF ซื้อหุ้น INTUCH-ADVANC วงเงิน 1.75 แสนล้าน - ประชาชาติธุรกิจ

12 แบงก์ทั้งในและต่างประเทศ ร่วมปล่อยสินเชื่อ GULF เทนเดอร์หุ้น INTUCH-ADVANC วงเงินรวม 174,700 ล้านบาท เฉพะ 8 ธนาคารพาณิชย์ในไทยปล่อยกู้รวม 91,000 ล้านบาท “กรุงไทย-ไทยพาณิชย์” ปล่อยกู้สูงสุดรายละ 20,000 ล้านบาท

วันที่ 29 มิถุนายน 2564 บริษัท กัลฟ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.64 บริษัทมีการยื่นเอกสารคำเสนอซื้อต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2564 – 4 สิงหาคม 2564 ทุกว้นทำการของตัวแทนในการรับซื้อหลักทรัพย์ ตั้งแต่เวลา 9.00-16.00 น

ซึ่งทั้ง INTUCH และ ADVANC พร้อมทำหนังสือแจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบแล้ว โดยสำหรับราคาทำคำเสนอซื้อหุ้น INTUCH อยู่ที่ราคา 65 บาท จำนวนไม่เกิน 2,599,631,112 หุ้น หรือคิดเป็น 81.07% ของหุ้นทั้งหมดของ INTUCH และกรณีที่มีการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิ (วอร์แรนต์) คงเหลือทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญ บริษัทจะต้องซื้อหุ้น INTUCH เพิ่มอีก 1,268,956 หุ้น คิดเป็นมูลค่าการลงทุนสูงสุดไม่เกิน 169,058.50 ล้านบาท

ส่วนการทำคำเสนอซื้อหุ้น ADVANC อยู่ที่ราคา 120.93 บาท จำนวน 2,973,554,313 หุ้น หรือคิดเป็น 100% ของหุ้นทั้งหมด ซึ่งหากมีการใช้สิทธิแปลงวอร์แรนต์คงเหลือทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญ จะต้องซื้อหุ้นสามัญ ADVANC เพิ่มขึ้นอีก 1,304,977 หุ้น มูลค่าการลงทุนไม่เกิน 365,491.21 ล้านบาท ซึ่งหากรวมการทำคำเสนอซื้อหุ้น INTUCH และ ADVANC จะใช้เงินรวม 534,549.72 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในส่วนของการทำคำเสนอซื้อหุ้น ADVANC เนื่องจากเมื่อวันที่ 31 พ.ค.2564 ทาง GULF ได้แจ้งปรับราคาการทำคำเสนอซื้อหุ้น ADVANC ลงเหลือหุ้นละ 120.93 บาท จากเติมที่ราคา 122. 86 บาทต่อหุ้น โดยมีการปรับปรุงตามวิธีการคำนวณ ต้นทุนการได้มาซึ่งอำนาจครอบงำกิจการผ่านนิติบุคคลอื่น จากงบการเงินรวมของ INTUCH งวดไตรมาส 1/2564 (ม.ค.-มี.ค.64)

ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนที่ใช้ในการเข้าเทนเดอร์ออฟเฟอร์หุ้นในครั้งนี้ มาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินทั้งจำนวนจากทั้งธนาคารภายในประเทศและจากธนาคารในต่างประเทศรวมทั้งสิ้น 12 ธนาคาร วงเงินรวม 174,700 ล้านบาท ประกอบด้วย ธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทยวงเงินปล่อยกู้รวม 91,000 ล้านบาท

1.ธนาคารกรุงไทย วงเงินปล่อยกู้ 20,000 ล้านบาท

2.ธนาคารไทยพาณิชย์ วงเงินปล่อยกู้ 20,000 ล้านบาท

3.ธนาคารออมสิน วงเงินปล่อยกู้ 15,000 ล้านบาท

4.ธนาคารกสิกรไทย วงเงินปล่อยกู้ 10,000 ล้านบาท

5.ธนาคารยูโอบี วงเงินปล่อยกู้ 10,000 ล้านบาท

6.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร วงเงินปล่อยกู้ 6,000 ล้านบาท

7.ธนาคารทหารไทยธนชาต วงเงินปล่อยกู้ 5,000 ล้านบาท

8.ธนาคารทิสโก้ วงเงินปล่อยกู้ 5,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีธนาคารในต่างประเทศ วงเงินปล่อยกู้รวม 2,700 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 83,700 ล้านบาท (คิดจากอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 31 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ) ประกอบด้วย

1.Deutsche Bank AG, Singapore Branch วงเงินปล่อยกู้ 675 ล้านเหรียญสหรัฐ

2.Maybank International Labuan Branch วงเงินปล่อยกู้ 675 ล้านเหรียญสหรัฐ

3.Standard Chartered Bank ( Singapore) Limited วงเงินปล่อยกู้ 675 ล้านเหรียญสหรัฐ

4.Sumitomo Mitsui Banking Corporation, Singapore Branch วงเงินปล่อยกู้ 675 ล้านเหรียญสหรัฐ

Adblock test (Why?)


แบงก์ไทยเทศปล่อยกู้ GULF ซื้อหุ้น INTUCH-ADVANC วงเงิน 1.75 แสนล้าน - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

'แอสตราเซเนกา' ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้ไทยครบ 6 ล้านโดส ในสัปดาห์นี้ - เรื่องเล่าเช้านี้

Adblock test (Why?)


'แอสตราเซเนกา' ส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ให้ไทยครบ 6 ล้านโดส ในสัปดาห์นี้ - เรื่องเล่าเช้านี้
Read More

ราคาบิทคอยน์วันนี้ (29 มิ.ย.) ขยับขึ้น .04% อยู่ที่ 34,582.00 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ

Bitcoin

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาบิทคอยน์วันนี้ (29 มิ.ย.64) ขยับขึ้น +0.04% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา อยู่ที่ 34,582.00 เหรียญสหรัฐ หรือราว 1,108,076.44 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 33.94 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลล่าสุด เมื่อเวลา 8:33:58 น. ของวันนี้

ขณะที่เหรียญดิจิทัลคริปโตเคอเรนซี่ชนิดอื่นๆ Ethereum ดีดขึ้น 7.61% Binance Coin ปรับลง .02% และ Dogecoin ขยับขึ้น .69% ในช่วง 24 ชั่วโมง

สรุปราคาเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี

1. Bitcoin (BTC) ราคา 34,582.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.04%
2. Ethereum (ETH) ราคา 2,114.26 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +7.61%
3. Tether (USDT) ราคา 01.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง -0.02%
4. Binance Coin (BNB) ราคา 294.21 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.83%
5. Cardano (ADA) ราคา 01.33 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.69%
6. Binance USD (BUSD) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง 0.00%
7. XRP (XRP) ราคา 0.65 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +2.22%
8. USD Coin (USDC) ราคา 1.00 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +0.03%
9. Polkadot (DOT) ราคา 16.06 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +6.26%
10. Uniswap (UNI) ราคา 18.16 เหรียญสหรัฐ เปลี่ยนแปลง +6.14%

หมายเหตุ : ข้อมูลข้างต้นอาจมีความคลาดเคลื่อนและไม่ควรใช้เพื่อการตัดสินใจลงทุนหรือซื้อขาย ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทาง www.sec.or.th

Adblock test (Why?)


ราคาบิทคอยน์วันนี้ (29 มิ.ย.) ขยับขึ้น .04% อยู่ที่ 34,582.00 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

"รพ.มทส."ป่วน ! สั่งกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 รายหลังพบบุคลากรทางการแพทย์ติดโควิด - ฐานเศรษฐกิจ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีออกแถลงการณ์สั่งกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 รายหลังโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีแจ้งพบบุคลากรทางการแพทย์ติดโควิด-19

รายงานข่าวระบุว่า ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง เรื่อง  ตรวจพบบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาล มทส. ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)โดยมีข้อความระบุว่า 
    ด้วย ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (รพ.มทส.) เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 ว่ามีบุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย ตรวจพบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุก ดำเนินการกักกันโรค และทำการสอบสวนโรคตามมาตรการของ ศบค. อย่างเคร่งครัด โดยการตรวจคัดกรองบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สัมผัสกับผู้ป่วย พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 51 ราย
    ทั้งนี้ ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ. มทส. เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้แจ้งผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทราบ เพื่อเข้าทำการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ณ หอพักสุรนิเวศ 17 เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ ยังไม่พบการแพร่ระบาดเพิ่มเติมภายในพื้นที่ รพ.มทส. แต่อย่างใด
    ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) จึงได้กำหนดมาตรการเฝ้าระวังสูงสุด ดังนี้
    1.ทำการปิดพื้นที่ให้บริการที่เกี่ยวข้อง ฆ่าเชื้อและทำความสะอาด ตามมาตรฐานการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ของกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว และพร้อมเปิดให้บริการตามปกติ

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีออกแถลงการณ์สั่งกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 ราย
    2.ทำการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงตามคำวินิจฉัยของแพทย์ เข้าทำการสอบสวนและคัดกรองโรค นอกจากนี้ จะทำการตรวจเชิงรุกเพิ่มเติม เพื่อเฝ้าระวังการแพร่กระจายของเชื้อต่อไป
    3.รพ. มทส. มีความจำเป็นต้องงดและลดการให้บริการบางส่วน เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์บางส่วนจะต้องทำการกักตัว และเพื่อสงวนบุคลากรทางการแพทย์ไว้สำหรับการดูแลผู้ป่วยที่มีความจำเป็น จึงขอความร่วมมือผู้เข้ารับบริการ งดหรือเลื่อนการเดินทางมาโรงพยาบาล หากไม่มีความจําเป็นเร่งด่วน และขอให้ติดตามการรายงานสถานการณ์และประกาศจากทางโรงพยาบาล เป็นระยะ ๆ ในลําดับต่อไป
    4.ด้านการเรียนการสอนและการปฏิบัติงานนั้น ยังคงให้ดำเนินการตามประกาศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี เรื่อง มาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) (ฉบับที่ 15) อย่างเข้มงวดต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

Adblock test (Why?)


"รพ.มทส."ป่วน ! สั่งกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 51 รายหลังพบบุคลากรทางการแพทย์ติดโควิด - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

ผวา! บุคลากรแพทย์ รพ.ม.เทคโนโลยีสุรนารี ติดโควิด 1 ราย พบผู้เสี่ยงสูง 51 คน - มติชน

ผวา! บุคลากรแพทย์ รพ.ม.เทคโนโลยีสุรนารี ติดโควิด 1 ราย พบผู้เสี่ยงสูง 51 คน พร้อมประกาศงดและลดบริการบางส่วน เนื่องจากมีบุคลากรต้องกักตัว

วันที่ 28 มิถุนายน เพจเฟซบุ๊ก Suranaree University of Technology เผยแพร่แถลงการจาก ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) เรื่อง ตรวจพบบุคลากรทางการแพทย์โรงพยาบาล มทส. ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 1 ราย จึงได้ดําเนินมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุก ดําเนินการกักกันโรค และทําการสอบสวนโรค ตามมาตรการของ ศบค. อย่างเคร่งครัด โดยการตรวจคัดกรองบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่สัมผัสกับผู้ป่วย พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จํานวน 51 ราย

ทั้งนี้ ผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาตัวที่ รพ. มทส. เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งได้แจ้งผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทราบ เพื่อเข้าทําการ กักตัวเป็นเวลา 14 วัน ณ หอพักสุรนิเวศ 17 เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ ยังไม่พบการแพร่ระบาดเพิ่มเติมภายในพื้นที่ รพ.มทส. แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ได้กําหนดมาตรการเฝ้าระวังสูงสุด ดังนี้

1. ทําการปิดพื้นที่ให้บริการที่เกี่ยวข้อง ฆ่าเชื้อและทําความสะอาด ตามมาตรฐานการควบคุมและป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ของกระทรวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว และพร้อมเปิดให้บริการตามปกติ

2. ทําการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงสูงตามคําวินิจฉัยของแพทย์ เข้าทําการสอบสวนและคัดกรองโรค นอกจากนี้จะทําการตรวจเชิงรุกเพิ่มเติม เพื่อเฝ้าระวังการแพร่กระจายของเชื้อต่อไป

3. รพ. มทส. มีความจําเป็นต้องงดและลดการให้บริการบางส่วน เนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์บางส่วน จะต้องทําการกักตัว และเพื่อสงวนบุคลากรทางการแพทย์ไว้สําหรับการดูแลผู้ป่วยที่มีความจําเป็น จึงขอ ความร่วมมือผู้เข้ารับบริการ งดหรือเลื่อนการเดินทางมาโรงพยาบาล หากไม่มีความจําเป็นเร่งด่วน และ ขอให้ติดตามการรายงานสถานการณ์และประกาศจากทางโรงพยาบาล เป็นระยะ ๆ ในลําดับต่อไป

4. ด้านการเรียนการสอนและการปฏิบัติงานนั้น ยังคงให้ดําเนินการตามประกาศ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี
สุรนารี เรื่อง มาตรการและการเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
(ฉบับที่ 15) อย่างเข้มงวดต่อไป

ทั้งนี้ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน (EOC) ขอยืนยันในมาตรฐานการให้บริการ ความปลอดภัยของ รพ.มทส. ขอให้ บุคลากรทางการแพทย์ ผู้รับบริการ มีความมั่นใจในมาตรฐานการดูแลป้องกันการแพร่ระบาดภายใน มทส. เป็นอย่างดี และขอเน้นย้ำให้บุคลากรทุกฝ่ายได้ถือปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวังเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID 19) อย่างเคร่งครัดต่อไป

ทั้งนี้ทางเพจ Suranaree University of Technology ระบุว่า สำหรับผู้ติดเชื้อรายดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค และจะมีการแจ้งไทม์ไลน์ในภายหลัง

Adblock test (Why?)


ผวา! บุคลากรแพทย์ รพ.ม.เทคโนโลยีสุรนารี ติดโควิด 1 ราย พบผู้เสี่ยงสูง 51 คน - มติชน
Read More

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6 Hybrid SUV เคาะราคา1,149,000บาท - สยามธุรกิจ

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564

    สี้นสุดการรอคอย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศราคา All New HAVAL H6 Hybrid SUV รุ่น PRO ที่ 1,149,000 บาท และรุ่น ULTRA ที่ 1,249,000 บาท โดยจะเป็นราคาแบบ “ONE PRICE” ราคาเดียวกันในทุกๆช่องทางการขาย

    All New HAVAL H6 Hybrid SUV มาพร้อมกับแคมเปญสุดพิเศษ Premiere Deal ช่วงเปิดตัว ทั้งดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม แพ็กเกจบำรุงรักษา GWM PRO Service Inclusive (GPSI) 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

    ย้ำความพร้อมส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งการขายและบริการหลังการขายให้กับผู้บริโภคในรูปแบบ O2O (Online-To-Offline) ผ่าน GWM Direct Store GWM Partner Store และ GWM Application

    ล่าสุด GWM Store ทั้ง 2 รูปแบบ เปิดให้บริการแล้ว 6 แห่ง และจะเปิดเพิ่มอีก 6 แห่งภายในเดือนกรกฎาคม ยืนยันเปิดครบ 30 แห่งภายในปีนี้ และครบ 50 แห่งภายในไตรมาสแรกปีหน้า เตรียมพบ GWM Experience Center แห่งแรกนอกประเทศจีน และ GWM Service Center เร็วๆ นี้

    อุ่นใจด้วยบริการหลังการขายครบวงจร ด้วยความพร้อมด้านศูนย์บริการ อะไหล่ และช่างเทคนิคภายใต้แนวคิด การเปิดประสบการณ์บริการรูปแบบใหม่ผ่านช่องทาง O2O และแพ็กเกจบำรุงรักษา ที่คุ้มค่าแบบ "Worry Free"

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6 Hybrid SUV ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “It’s Time to CHANGE” ประกาศราคา รุ่น PRO ที่ 1,149,000 บาท และรุ่น ULTRA ที่ 1,249,000 บาท พร้อมแคมเปญ Premiere Deal สุดพิเศษช่วงเปิดตัว โดยผู้ที่สนใจสามารถจองและทดลองขับได้ผ่าน 2 ช่องทาง ทั้ง GWM Application และเว็บไซต์ WWW.GWM.CO.TH พร้อมประกาศความพร้อมในการส่งมอบประสบการณ์แบบ O2O (Online-To-Offline) ด้วยการขยายเครือข่ายการขายและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริการหลังการขายครบวงจรภายใต้หลักการ 4Cs : Connected Capability Convenience และ Cost of Ownership มั่นใจสามารถส่งมอบรถลอตแรกได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6 Hybrid SUV พร้อมประกาศราคาของรถยนต์ในประเทศไทย อย่างเป็นทางการ โดยมี มร.เอลเลียต จาง ประธาน มร. สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย และนายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ร่วมให้ข้อมูลและเปิดเผยราคา พร้อมตอกย้ำกลยุทธ์หลักการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) และส่งมอบประสบการณ์ใหม่ในด้านการขับขี่อัจฉริยะเหนือระดับ ตลอดจนแสดงความพร้อมด้านการขายและบริการหลังการขายแบบ O2O (Online-To-Offline) ครบวงจรผ่าน GWM Application ภายใต้กลยุทธ์ New User Experience ให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย

มร.เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย กล่าวว่า “ทุกวันนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงโดยตลอดในหลากหลายมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีที่ผ่านมา ที่โลกประสบกับการแพร่ระบาดของ Covid-19 เกิดความปกติใหม่ (New Normal) และการปรับตัวในด้านต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์มีการมุ่งเน้นไปที่ "ความเป็นไฟฟ้า ความอัจฉริยะ และความเป็นสากล" สำหรับเกรท วอลล์ มอเตอร์ นับตั้งแต่การเปิดตัวแบรนด์และการประกาศกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ครั้งนี้เรากลับมาพร้อมกับคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ เราเน้นการเป็นผู้นำด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV Leader) เพื่อมายกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และสอดคล้องกับทิศทางของนโยบายของประเทศ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่เคยหยุดยั้งที่จะเดินหน้าวิจัยและพัฒนา ทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ คิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตรถยนต์ที่ทันสมัย รวมไปถึงการออกแบบประสบการณ์การขับขี่ การบริการทั้งก่อนและหลังการขาย เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดภายใต้แบรนด์คอนเซ็ปต์ “New Energy” “New Intelligence” และ “New Experience” ผ่านรูปแบบแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ที่ผสานเข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด เพื่อสร้างและพัฒนาระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะอย่างไร้ขีดจำกัด ระหว่าง "คน รถ แพลตฟอร์ม ไลฟ์สไตล์" นับเป็นการเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ในทุกมิติ ซึ่งเราเชื่อมั่นเป็นเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้บริโภคชาวไทยทุกท่านพร้อมที่จะเริ่มต้นไปพร้อมกับเรา และก้าวสู่ความเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกัน”

ด้าน มร. สตีเว่น หวัง รองประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย เปิดเผยว่า “พวกเราทุกคนอยู่ใน ยุคแห่งการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกที่ทุกเวลา ซึ่ง เกรท วอลล์ มอเตอร์ นั้น ได้ปรับเปลี่ยนจากบริษัทรถยนต์แบบดั้งเดิมในอดีตมาเป็น บริษัทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก (Global Mobility Technology Company) ดังนั้นเมื่อเราเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เราจึงนำเสนอ “การเปลี่ยนแปลง” ด้วยรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ ที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งในการเลือกรถ ซื้อรถ ใช้รถ และดูแลรักษารถ โดยทุกๆ การเปลี่ยนแปลงที่เรานำเสนอ เรายึดถือเอากลุ่มผู้บริโภคของเราเป็นหัวใจสำคัญ (User Centric)”

เกรท วอลล์ มอเตอร์ มุ่งสร้างความเปลี่ยนแปลง 5 ด้าน อันได้แก่

    การเปลี่ยนแปลงด้านประสบการณ์การผลิตภัณฑ์

ด้วยนโยบาย xEV Leader ที่จะทำให้คนไทยได้สัมผัสกับแนวคิดการใช้รถยนต์และการเดินทางรูปแบบใหม่ที่ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น All New HAVAL H6 Hybrid SUV จะเป็นรถรุ่นแรกจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มาพร้อมกับ LIFE+ เทคโนโลยีอัจฉริยะอันล้ำสมัยมากมายที่จะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยได้สัมผัสประสบการณ์การขับขี่รูปแบบใหม่อย่างเต็มที่

    การเปลี่ยนแปลงด้านช่องทางการจำหน่าย

GWM Store ทั้ง Direct Store และ Partner Store ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครือข่ายธุรกิจรถยนต์แบบเดิมสำหรับการซื้อขายรถหรือการให้บริการแต่เพียงเท่านั้น แต่มีการพัฒนาไปสู่การเป็นพื้นที่อำนวยความสะดวก

แก่ลูกค้าเต็มรูปแบบ (User Lifestyle Space) ซึ่งนับเป็นพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์สำหรับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า ร่วมสร้างร่วมแบ่งปัน โดยเปลี่ยนจากการเน้นการขายเป็นการเน้นการให้บริการนอกจากนี้ยังมีการเชื่อมต่อกับบริการออนไลน์ผ่าน GWM Application  เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่พิเศษจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในทุกช่องทาง

    การเปลี่ยนแปลงด้านประสบการณ์เลือกซื้อรถยนต์

เรานำการเปลี่ยนแปลงใหม่ เพื่อยกระดับประสบการณ์การเลือกซื้อรถยนต์ของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น นโยบาย “ONE PRICE” ที่มีการกำหนดราคาเดียวในทุกช่องทาง มีมาตรฐานการบริการ ขั้นตอนการซื้อ และโปรโมชั่นเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด โดยทุกสิ่งจะปรากฏอย่างโปร่งใสบน GWM Application และบนเว็บไซต์ทางการของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรถซื้อรถได้จากทุกแห่ง ทุกช่องทาง และได้รับข้อเสนอที่เป็นธรรม รวมไปถึงบริการที่เป็นเลิศในบรรทัดฐานเดียวกัน

    การเปลี่ยนแปลงด้านรูปแบบการบริการ

เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีการปรับนโยบายด้านบริการ “จากเชิงรับเป็นเชิงรุก” นำเสนอบริการที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเราเพื่อเพิ่มความอุ่นใจและคลายความกังวลให้ผู้ใช้บริการผ่าน GWM Application ซึ่งจะช่วยให้ข้อมูลที่สำคัญกับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการเช็คนัดหมายการบริการ การติดตามสถานะการบริการ และลูกค้ายังสามารถประเมิน ติชม และแสดงความคิดเห็นเพื่อร่วมพัฒนาการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น โดยลูกค้าจะไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้รับบริการ แต่ยังเป็นผู้ร่วมพัฒนาบริษัทของเราด้วยเช่นกัน

    การเปลี่ยนแปลงด้านความสัมพันธ์กับลูกค้า

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เปลี่ยนการดำเนินธุรกิจจากการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ไปเป็นการมุ่งเน้นผู้ใช้เป็นหลัก โดยแนวคิดนี้จะสร้างและปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ในการซื้อและขายระหว่างเกรท วอลล์ มอเตอร์ พาร์ทเนอร์ และลูกค้า ให้เป็นความสัมพันธ์ที่พร้อมสนันสนุน และเติบโตไปด้วยกัน

ด้าน นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เปิดเผยถึงความพร้อมและกลยุทธ์ด้านการขายและบริการหลังการขายว่า “การเข้ามาเป็นแบรนด์ใหม่ที่จะได้รับการยอมรับในระยะเวลาที่รวดเร็วนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จึงได้เตรียมความพร้อมในทุกมิติ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์และการบริการที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า เราศึกษาข้อมูลที่ได้จากการสำรวจและพูดคุยกับคนไทยอย่างต่อเนื่อง มาใช้ในการออกแบบประสบการณ์แบบ O2O (Online-to-Offline) ไม่ว่าจะเป็น การนำรถยนต์ xEV ที่จะช่วยตอบโจทย์ความต้องการของคนไทย การสร้างสรรค์แพ็กเกจและสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะให้ประโยชน์กับคนไทยมากที่สุด รวมไปถึงการสร้างเครือข่ายออฟไลน์ทั้ง 2 รูปแบบ ได้แก่ GWM Direct Store และ GWM Partner Store และเสริมด้วยการให้บริการแบบออนไลน์ผ่าน GWM Application เพื่อเชื่อมต่อประสบการณ์ให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงทุกบริการได้โดยง่ายจากเพียงปลายนิ้วสัมผัส นับเป็นการยกระดับความสะดวกสบายและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน”

ปัจจุบัน เกรท วอลล์ มอเตอร์ มี GWM Store เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด 6 แห่ง แบ่งเป็น Direct Store 3 แห่ง ได้แก่ สาขาเซ็นทรัล บางนา สาขาฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต และสาขาสีลม คอมเพล็กซ์ และ Partner Store อีก 3 แห่ง ได้แก่ สาขาจรัญสนิทวงศ์ สาขาพระราม 5 และสาขาอุดมสุข และเราจะเปิดเพิ่มอีก 6 แห่งภายในเดือนกรกฎาคม รวมถึงทยอยเปิด GWM Store ให้ครบ 30 แห่งภายในสิ้นปีนี้ และมีเป้าหมายที่จะเปิดให้ครบ 50 แห่งภายในไตรมาสแรกของปีหน้า นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเตรียมที่จะเปิด Experience Center แห่งแรกนอกประเทศจีน ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ภายในไตรมาสที่ 3 และ Service Center ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

สำหรับบริการหลังการขายนั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่ออำนวยความสะดวกและส่งมอบบริการภายใต้แนวคิด 4Cs ได้แก่

    Connected การเชื่อมต่อข้อมูลบริการและประวัติการซ่อมแบบ Realtime Centralized และ Accurate ที่มีความแม่นยำของข้อมูลมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเช็คประวัติของรถผ่านระบบ Telematic หรือการนำรถเข้าศูนย์บริการต่างๆ รวมไปถึงระบบ Call Center ที่สามารถแจ้งการรับบริการหรือขอความช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านบริการ Roadside Assistance บน GWM Application นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Infotainment ภายในรถเพื่อรับข้อมูลข่าวสาร การจราจร หรือแม้กระทั่งความบันเทิงผ่านระบบ Streaming เต็มรูปแบบ

    Capability ศูนย์บริการที่ GWM Partner Store ทุกแห่ง ที่จะเปิดดำเนินการภายในสิ้นปีนี้ จะสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มที่ ด้วยช่องซ่อมรวม 256 ช่องซ่อม และอู่สี 11 แห่ง พร้อมคลังอะไหล่ที่สามารถส่งอะไหล่ได้ทั่วประเทศภายใน 24 ชั่วโมง และรับรองการสั่งอะไหล่แบบเร่งด่วนภายใน 3 ชั่วโมงภายในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล โดยมีช่างเทคนิค ที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น เปี่ยมไปด้วยทักษะและความรู้ความสามารถพร้อมให้บริการลูกค้าอย่างดีที่สุด

    Convenience ความสะดวกสบายในช่องทางเข้ารับบริการกว่า 3 ช่องทาง ได้แก่ 1) การนำรถเข้าศูนย์บริการ 2) การเรียกรับบริการเช็คระยะที่บ้าน 3) การเรียกบริการรับหรือส่งรถเข้าศูนย์บริการ โดยสามารถเรียกใช้บริการผ่าน GWM Application ที่จะเชื่อมต่อประสบการณ์แบบ O2O ทั้งการนัดหมายออนไลน์ การอนุมัติงานซ่อมแบบออนไลน์ การตรวจสอบสถานะงานซ่อมออนไลน์ รวมไปถึงการชำระเงินค่าบริการผ่านช่องทางออนไลน์ ที่สะดวกและปลอดภัย

    Cost of Ownership All New HAVAL H6 Hybrid SUV เป็นหนึ่งในรถ SUV ที่มีแพ็กเกจค่าบำรุงรักษาที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยการออกแบบแพ็กเกจบำรุงรักษาในรูปแบบ “Worry Free” 2 แพ็กเกจ ไม่ว่าจะเป็น GWM “PRO” Service Inclusive (GPSI) และ GWM “ULTRA” Service Inclusive (GUSI) ที่ทำให้ลูกค้าอุ่นใจไปกับการเป็นเจ้าของรถของเราตลอด 5 ปีโดยมีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่า SUV ใน Segment เดียวกันกว่า 15% สำหรับแพ็กเกจระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

สิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งและถือเป็นหัวใจหลักของประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์นำเสนอสู่ผู้บริโภคชาวไทย ก็คือ GWM Application ซึ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมต่อประสบการณ์ทุกรูปแบบไว้ด้วยกัน GWM Application มีฟังก์ชั่นหลัก ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์และการให้บริการอันยอดเยี่ยมให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

    Community ที่ให้ลูกค้าและแฟน ๆ ที่สนใจสามารถร่วมพูดคุย ขอหรือแสดงความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และแบ่งปันข้อมูลข่าวสารกันได้อย่างเปิดกว้าง

    E-Commerce ซึ่งเป็นการให้บริการด้านการเงิน และการทำธุรกรรมต่างๆ ตั้งแต่ขั้นตอนการจองและทดลองขับแบบออนไลน์ไปจนถึงกระบวนการซื้อรถ ที่สามารถประเมินค่าใช้จ่าย ตรวจสอบแพคเกจการรับประกันและยื่นไฟแนนซ์ การชำระเงินออนไลน์ รวมถึงการส่งมอบรถยนต์ถึงหน้าบ้านได้อย่างสะดวกสบาย โดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง

    Car-Remote ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของตัวรถได้จากระยะไกลผ่าน GWM Application จากโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ  เช่น การเช็ค location ของรถ สั่งเปิด-ปิดประตู สั่งเปิดแอร์ เป็นต้น

    Brand Store ซึ่งลูกค้าสามารถเก็บ GWM Point เพื่อนำไปแลกซื้อสินค้าผ่าน Brand Store ที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าอย่างครบครัน

All New HAVAL H6 Hybrid SUV เป็นทุกสิ่งที่คุณตามหา

All New HAVAL H6 Hybrid SUV นับเป็นรถ SUV ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศจีน ด้วยยอดขายมากกว่า 3,500,000 คันทั่วโลก ที่มาพร้อมดีไซน์ภายนอกอันโดดเด่น ด้วยกระจังหน้าที่เป็นเอกลักษณ์ แบบ Classic Geometric Pattern แบบ 3 มิติ และไฟหน้า Intelligent LED เพิ่มความมั่นใจและความปลอดภัยในการขับขี่ยามค่ำคืน พร้อมไฟท้าย LED Taillight Strip พาดยาวจากซ้ายจรดขวาเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาดใหญ่กว่า 19 นิ้ว ในส่วนของดีไซน์ภายใน มีการตกแต่งสไตล์ Minimalist เรียบง่ายแต่หรูหรา มีการใช้สีแบบ Two-tone และมีหน้าจอที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ถึง 3 หน้าจอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าจออัจฉริยะแบบ Touch screen ขนาด 12 นิ้ว หน้าจอ Multi information display ขนาด 10 นิ้ว และ Head Up Display ขนาด 9 นิ้ว ที่กระจกด้านหน้า และมาพร้อมชุดเกียร์ไฟฟ้าดีไซน์ล้ำสมัย มีแท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย เพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

ด้านประโยชน์การใช้สอย All New HAVAL H6 Hybrid SUV มีห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย นับเป็นรถเอสยูวีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน และยังสามารถเพิ่มความโปร่งโล่งในห้องโดยสารด้วยการเปิดพาโนรามิกซันรูฟขนาดใหญ่โดยไร้กังวลด้วยระบบกรองอากาศ CN95 พร้อม Ionizer ซึ่งสามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ให้ลดลงเหลือประมาณ 27 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้ห้องโดยสารสดชื่นอยู่ตลอดเวลา

ขับขี่สนุกและปลอดภัยไปกับสมรรถนะที่รองรับทุกเส้นทางและระบบอัจฉริยะ

All New HAVAL H6 Hybrid SUV ขับเคลื่อนด้วยขุมพลัง เครื่องยนต์ 1.5 เทอร์โบ/ลิตร ถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่ดีที่สุดรุ่นหนึ่งของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ พร้อมระบบ Turbo แปรผัน (VGT) ที่ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 243 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 530 นิวตันเมตร พร้อมระบบเกียร์ DHT (Dedicated Hybrid Transmission) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุดและกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ด้วยอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 19.2 กิโลเมตรต่อลิตร อ้างอิงจากระบบป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล (ECO Sticker) และสามารถรองรับโหมดการขับขี่ได้ถึง 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็น โหมดมาตรฐาน/ โหมดสปอร์ต/ โหมดประหยัด/ โหมดสภาพถนนลื่น

All New HAVAL H6 Hybrid SUV สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม GWM LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มใหม่ล่าสุดและมีประสิทธิภาพสูงของเกรท วอลล์ มอเตอร์ รองรับการออกแบบรถและเครื่องยนต์หลากหลายรูปแบบ ที่มาพร้อมความทนทานและแข็งแรงมากยิ่งขึ้น และโดดเด่นเหนือกว่ารถยนต์รุ่นอื่นๆ ในคลาสเดียวกันด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มาพร้อมกับรถคันนี้ ไม่ว่าจะเป็น การอัปเกรด Firmware ได้เองผ่านระบบออนไลน์ หรือ FOTA โดยไม่ต้องนำรถไปเข้าศูนย์บริการ การโต้ตอบหรือสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะผ่านระบบ AI  หรือแม้แต่ การควบคุมและสั่งการผ่าน GWM Application ที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมระบบการทำงานต่างๆ ของรถจากระยะไกล เช่น การตรวจสอบสถานะของรถ ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง ระดับน้ำมันเชื้อเพลิง แรงดันและอุณหภูมิลมยาง และยังสามารถค้นหาตำแหน่งรถได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถสั่งการให้ล็อกประตู เปิดและปิดประตูท้าย ปิดพาโนรามิกซันรูฟ รวมไปถึงการสั่งเปิดระบบปรับอากาศภายในรถก่อนที่เราจะขึ้นไปบนรถ และยังมีระบบการช่วยเหลือการขับขี่และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมากมายในรถคันนี้ ด้วยระบบ Autonomous Level2+ มีเรดาร์ 2 จุดที่กันชนท้าย Ultrasonic sensor มากถึง 12 จุด และมีกล้องทั้งหมด 5 ตัว

โดดเด่นด้วยระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบ First In Class

เกรท วอลล์ มอเตอร์ สร้างมาตรฐานใหม่ด้วย 9 ระบบช่วยเหลือการขับขี่ใน All New HAVAL H6 Hybrid SUV ที่มีมาให้เป็นครั้งแรกสำหรับรถระดับเดียวกัน ได้แก่

    ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน หรือ Adaptive Cruise Control สามารถหยุดและ ออกสตาร์ทใหม่ (Stop and Go) กลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้าได้ มาพร้อมระบบการเข้าโค้งอัจฉริยะ Cornering Brake Control ซึ่งระบบจะลดความเร็วรถโดยอัตโนมัติขณะเข้าโค้งเพื่อความปลอดภัย และเมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

    ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ เหมาะกับการใช้งานในเมือง ช่วงการจราจรติดขัดเป็นอย่างยิ่ง

    ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ สามารถจอดเทียบข้าง เข้าซอง และแนวเฉียง โดยรถจะทำการจอดด้วยตัวเองด้วยการควบคุมพวงมาลัย เบรก และคันเร่ง

    ระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ โดยรถยนต์จะสามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่านด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้สูงสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น

    ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก เพิ่มความปลอดภัยด้วยมุมมองที่กว้างกว่า 180 องศาบนทางตรงและทางแยก ด้วยการทำงานของเซนเซอร์อัลตราโซนิคและกล้องรอบคัน

    ระบบจะช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ ช่วยเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นเมื่อเบรกที่ความเร็วต่ำ

    ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ช่วยเตือนและเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลังออกจากซอย หรือที่จอดรถ

    ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง ช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถขนาดใหญ่จากด้านข้าง เพื่อเลี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ

    ระบบช่วยชะลอความรุนแรงของการชนครั้งที่ 2 โดยรถจะพยายามรักษาเสถียรภาพเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน

นอกจากนี้ ยังมีระบบความปลอดภัยสุดล้ำอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา ระบบเตือนการชนด้านหน้าและด้านหลัง รวมไปถึงกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา ความละเอียดสูง โดยระบบต่างๆ เหล่านี้ จะมีให้ทั้งหมดเป็นระบบมาตรฐานในรถตั้งแต่รุ่นเริ่มต้น

เปิดราคาที่จับต้องได้ พร้อมให้คนไทยได้เป็นเจ้าของ

All New HAVAL H6 Hybrid SUV เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย โดยมี 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ULTRA ที่ราคา 1,249,000 และ รุ่น PRO ที่ราคา 1,149,000 บาท  ซึ่งจะเป็นราคาแบบ “ONE PRICE” ราคาเดียวเท่ากันในทุกช่องทางจำหน่าย มาพร้อมกับแคมเปญ Premiere Deal สุดพิเศษในช่วงเปิดตัว ที่มาพร้อมดอกเบี้ยพิเศษ 1.79% นานสูงสุด 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม ฟรีแพ็กเกจบำรุงรักษา GWM PRO Service Inclusive  (GPSI)  5 ปี หรือ 100,000 กิโลแมตร คะแนนสะสม GWM Point 15,000 คะแนน ฟรีบริการส่งมอบรถทั่วประเทศพร้อมน้ำมันเต็มถัง และสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท

นอกจากนี้  All New HAVAL H6 Hybrid SUV ทั้ง 2 รุ่น ยังมาพร้อมการรับประกันและรูปแบบของแพคเกจเซอร์วิสต่างๆ ที่จะทำให้ลูกค้าหมดกังวลกับการใช้รถและการดูแลรักษาในระยะยาว ด้วยการรับประกันคุณภาพตัวรถ (Factory Warranty & Roadside Assistance) ครอบคลุมระยะเวลา 5 ปี หรือระยะทาง 150,000 กิโลเมตร และการรับประกันแบตเตอรี่แบบไม่จำกัดระยะทางนานถึง 8 ปีเต็ม

นับตั้งแต่การเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก (Global Mobility Technology Company)” ได้สร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมาโดยตลอด วันนี้เป็นอีกครั้งที่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเป็นผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับตลาดรถยนต์และอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยครั้งสำคัญ และบริษัทจะยังคงตอกย้ำความมุ่งมั่นและเดินหน้าพัฒนาธุรกิจเพื่อส่งมอบ ผลิตภัณฑ์ ประสบการณ์และการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ผู้บริโภคชาวไทย

 

Adblock test (Why?)


เกรท วอลล์ มอเตอร์ เปิดตัว All New HAVAL H6 Hybrid SUV เคาะราคา1,149,000บาท - สยามธุรกิจ
Read More

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...