Rechercher dans ce blog

Tuesday, June 29, 2021

ครม.เห็นชอบให้ ธพว. – ออมสิน ปรับปรุง 3 โครงการช่วยเอสเอ็มอีจากโควิด-19 ... [อ่านต่อ] - การเงินธนาคาร

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ทบทวนมติ ครม.เดิมเพื่อช่วยผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ระลอกใหม่ โดยสาระสำคัญที่มีการทบทวนมตินี้เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอีโดยเฉพาะธุรกิจท่องเที่ยวและสาขาที่เกี่ยวเนื่องรวมถึงผู้ประกอบการภาคส่วนอื่นๆ เช่น ธุรกิจร้านอาหาร ค้าส่งค้าปลีก ประกอบกับสถาบันการเงินยังไม่มีความมั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกลุ่มดังกล่าวจึงยังคงมีความเสี่ยงที่จะชำระหนี้คืน ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอียังไม่สามารถเข้าถึงแหล่เงินทุนจากระบบสถาบันการเงินได้อย่างเพียงพอ โดยมีการปรับปรุง 3 โครงการประกอบด้วย

         1. โครงการสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท ที่ผ่านมาธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว 4,012 ราย วงเงิน 6,856  ล้านบาท ยังมีวงเงินเหลือ 3,144 ล้านบาท  โดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) จะขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค.64

         2. ปรับปรุงโครงการ Soft Loan ออมสินฟื้นฟูท่องเที่ยวไทย โดยธนาคารออมสิน วงเงินรวม 5,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารออมสินอนุมัติสินเชื่อแล้ว 2,691 ราย วงเงิน 1,139 ล้านบาท คงเหลือ 3,861 ล้านบาท โดยครม. ได้เห็นชอบทบทวนขยายระยะเวลากู้ จากเดิมไม่เกิน 5 ปี เป็นไม่เกิน 7 ปี ขยายระยะเวลาปลอดชำระเงินต้น จากเดิมสูงสุดไม่เกิน 1 ปี เป็นสูงสุดไม่เกิน 2 ปี และ ขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค.64

         3. ปรับปรุงโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ SMEs "มีที่ มีเงิน สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยว" วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยธนาคารออมสิน ซึ่งมีการอนุมัติสินเชื่อแล้ว 389 ราย วงเงิน 2,747 ล้านบาท คงเหลือ 7253 ล้านบาท

 โดยวันนี้ครม. เห็นชอบขยายกลุ่มเป้าหมายโครงการ ฯ ครอบคลุมผู้ประกอบการ SMEs ในภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ เช่น ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก ธุรกิจบันเทิง ธุรกิจสปาและนวดแผนไทย ธุรกิจการเดินทางและขนส่ง ธุรกิจโรงเรียนเอกชน เป็นต้น หรือผู้ประกอบการในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ตามที่ธนาคารออมสินเห็นสมควร

รวมถึงปรับปรุงหลักเกณฑ์วงเงินสินเชื่อต่อรายกรณีผู้กู้เป็นนิติบุคคล จากเดิมพิจารณารายได้รวมของงบการเงินปีล่าสุด (รอบบัญชีปี 2562) เป็นพิจารณารายได้รวมของงบการเงินปีล่าสุด (รอบบัญชีปี 2562 หรือปี 2563 แล้วแต่กรณีใดสูงกว่า) เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของผู้ประกอบการ SMEs

ตลอดจนปรับปรุงการพิจารณาหลักประกันการกู้เงินจากเดิมไม่รับหลักประกันที่ไม่มีสภาพคล่อง เช่น ที่ดินที่ไม่มีทางเข้า-ออก ที่ดินที่มีบ่อน้ำ หรือถูกขุดหน้าดิน ที่ดินใต้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูง ที่ดินที่อยู่ในเขตป่าสงวน เป็นต้น เป็นไม่รับหลักประกันที่ไม่มีสภาพคล่องตามที่ธนาคารออกสินกำหนด เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs และขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อจากเดิมวันที่ 30 มิ.ย.64 ออกไปเป็นวันที่ 30 ธ.ค.64

“การปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อช่วยผู้ประกอบการ SMEs ได้รับผลกระทบจากการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ ไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังช่วยป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย”

Adblock test (Why?)


ครม.เห็นชอบให้ ธพว. – ออมสิน ปรับปรุง 3 โครงการช่วยเอสเอ็มอีจากโควิด-19 ... [อ่านต่อ] - การเงินธนาคาร
Read More

No comments:

Post a Comment

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...