Rechercher dans ce blog

Friday, April 30, 2021

กปน. แจ้งวันหยุดสาขา 3-4 พ.ค. ชดเชยวันแรงงาน-วันฉัตรมงคล - ประชาชาติธุรกิจ

กปน.

การประปานครหลวง แจ้งวันหยุดชดเชย 3-4 พ.ค. 64 เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ-วันฉัตรมงคล เปิดให้บริการออนไลน์ 24 ชั่วโมง

วันที่ 1 พฤษภาคม 2564 นางชวิณา วิรัตน์โยสินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร การประปานครหลวง (กปน.) แจ้งว่า เนื่องในวันหยุดชดเชยวันแรงงานแห่งชาติและวันฉัตรมงคล สำนักงานประปาสาขาทุกแห่ง ของ กปน. จะหยุดให้บริการชั่วคราวระหว่างวันที่ 3-4 พฤษภาคม 2564 ณ และจะเปิดให้บริการตามปกติ ในวันพุธที่ 5 พฤษภาคม 2564 ตั้งแต่เวลา 07.30 น. เป็นต้นไป

ส่วน เคาน์เตอร์บริการของ กปน. ที่ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ ณ เซ็นทรัลเวสต์เกต เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน และจุดบริการด่วนมหานคร ณ เดอะมอลล์บางแค ยังคงปิดให้บริการตามมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า (COVID-19)

ทั้งนี้ เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และป้องกันการแพร่ระบาดของ COVID-19 กปน. ขอเชิญชวนใช้บริการออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านช่องทางดังนี้

  • แอปพลิเคชั่น MWA onMobile แอปฯ ของคนเมือง ครบทุกเรื่องน้ำประปา • ตรวจสอบข้อมูลค่าน้ำเดือนปัจจุบันและค่าน้ำย้อนหลัง • ชำระค่าน้ำประปา ผ่านบัตรเครดิต Visa หรือ Master Card • ขอติดตั้งน้ำประปาใหม่ (ในเขตพื้นที่ให้บริการของ กปน.) ขอใช้ไฟฟ้าใหม่ (ในเขตพื้นที่ให้บริการของ กฟน.) • แจ้งเตือนข้อมูลพื้นที่น้ำประปาไหลอ่อนหรือไม่ไหล • ตรวจสอบคุณภาพน้ำประปา Real-time • รับแจ้งเหตุท่อประปาในพื้นที่สาธารณะแตกรั่ว ฯลฯ สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ได้ฟรี ที่ App Store และ Play Store
  • ชำระค่าน้ำผ่านช่องทางออนไลน์ง่าย ๆ เช่น ตัดบัตรเครดิตผ่านแอปพลิเคชัน MWA onMobile และเว็บไซต์ https://ift.tt/2lqM3xx จ่ายผ่านแอปพลิเคชันธนาคารต่าง ๆ จ่ายผ่านแอปพลิเคชันตัวแทนรับชำระเงิน
  • บริการ MWA e-Bill Service ลงทะเบียนเพื่อรับเอกสารอิเล็กทรอนิกส์แทนกระดาษ ได้แก่ e-Invoice (ใบแจ้งค่าน้ำประปา) และ e-Tax invoice & e-Receipt (ใบเสร็จรับเงิน/ ใบกำกับภาษีและใบรับเงิน)
  • ช่องทางการติดต่อออนไลน์ ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้ง Facebook / Line / Twitter / Instagram / Youtube : @MWAthailand และ MWA call center โทร. 1125 ตลอด 24 ชั่วโมง

AW กปน พร้อมให้บริการในช่วงวันหยุด-01_0

QR Code LINE@ Prachachat

ไม่พลาดข่าวสำคัญ เจาะลึกทุกประเด็น
เพิ่มเราเป็นเพื่อนทาง @prachachat

ติดตามข่าวธุรกิจ

Let's block ads! (Why?)


กปน. แจ้งวันหยุดสาขา 3-4 พ.ค. ชดเชยวันแรงงาน-วันฉัตรมงคล - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ราคาทองคำในประเทศวันแรงงาน ขยับขึ้น 50 บาท - thebangkokinsight.com

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำในประเทศวันนี้ (1 พ.ค.) เพิ่มขึ้น 50 บาท หลังราคาในต่างประเทศขยับขึ้นเล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าระดับ 1,770 ดอลลาร์

ราคาทอง
  • ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 26,050.00 บาท และขายออก 26,150.00 บาท/บาททองคำ
  • ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 25,574.92 บาท และขายออก 26,650.00 บาท/บาททองคำ

ราคาทองในประเทศ อิงราคาตลาดสปอตที่ 1,769.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และค่าเงินบาท 31.20 บาท/ดอลลาร์

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

Let's block ads! (Why?)


ราคาทองคำในประเทศวันแรงงาน ขยับขึ้น 50 บาท - thebangkokinsight.com
Read More

"ภูเก็ต"แจ้งผู้โดยสาร 7 เที่ยวบิน เสี่ยงโควิด ตรวจหาเชื้อด่วน - โพสต์ทูเดย์

"ภูเก็ต"แจ้งผู้โดยสาร 7 เที่ยวบิน เสี่ยงโควิด ตรวจหาเชื้อด่วน

วันที่ 01 พ.ค. 2564 เวลา 08:36 น.

ภูเก็ต-ประกาศให้ผู้โดยสารสายการบิน รวม 7 เที่ยวบิน ที่บินเข้าออกจังหวัดภูเก็ต เป็นกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อ เข้าตรวจหาเชื้อโรงพยาบาลใกล้บ้าน และเข้ากักตัว

เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 64 ศูนย์ข้อมูลโควิดจังหวัดภูเก็ตประกาศแจ้งผู้โดยสารสายการบินที่เข้าออกจังหวัดภูเก็ต 7 เที่ยวบิน ดังต่อไปนี้

สายการบิน Air Asia เที่ยวบิน FD3027 เดินทางวันที่ 15 เมษายน 2564 เวลา 17.50 – 20.30 น. เส้นทาง ดอนเมือง – ภูเก็ต

สายการบิน Vietjet เที่ยวบิน VZ401 เดินทางวันที่ 16 เมษายน 2564 เวลา 11.05 – 13.10 น. เส้นทาง เชียงราย – ภูเก็ต

สายการบิน Air Asia เที่ยวบิน FD4110 เดินทางวันที่ 20 เมษายน 2564 เวลา 12.06 – 13.21 น. เส้นทาง สุวรรณภูมิ- ภูเก็ต

สายการบิน Thai Smile เที่ยวบิน W285 เดินทางวันที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 12.30 – 13.55 น. เส้นทาง สุวรรณภูมิ- ภูเก็ต

สายการบิน Vietjet เที่ยวบิน VZ301 เดินทางวันที่ 23 เมษายน 2564 เวลา 13.40 – 15.00 น. เส้นทาง ภูเก็ต – กรุงเทพฯ

สายการบิน Vietjet เที่ยวบิน VZ316 เดินทางวันที่ 25 เมษายน 2564 เวลา 18.30 – 19.50 น. เส้นทาง สุวรรณภูมิ – ภูเก็ต

สายการบิน Vietjet เที่ยวบิน VZ308 เดินทางวันที่ 26 เมษายน 2564 เวลา 18.00 น. เส้นทาง สุวรรณภูมิ – ภูเก็ต

ผู้โดยสารที่นั่งตามหมายเลขที่ระบุไว้ในภาพ #ท่านคือผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ขอให้เข้ารับการตรวจหาเชื้อที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน และเข้ากักตัวในสถานที่ที่ราชการกำหนด สอบถามเพิ่มเติม ได้ที่โทร.094-5938876 , 062-2435116

ประกาศแจ้งผู้โดยสารสายการบินดังต่อไปนี้ ? สายการบิน Air Asia เที่ยวบิน FD3027 เดินทางวันที่ 15 เมษายน 2564 เวลา...

โพสต์โดย ศูนย์ข้อมูลโควิดจังหวัดภูเก็ต เมื่อ วันศุกร์ที่ 30 เมษายน 2021

Let's block ads! (Why?)


"ภูเก็ต"แจ้งผู้โดยสาร 7 เที่ยวบิน เสี่ยงโควิด ตรวจหาเชื้อด่วน - โพสต์ทูเดย์
Read More

'ราคาทอง' วันนี้ ปรับขึ้น 50 บาท ทองรูปพรรณขายออก 26650 บาท - กรุงเทพธุรกิจ

1 พฤษภาคม 2564

47

ราคาทองวันนี้ เสาร์ที่ 1 พ.ค.64 เปิดตลาดปรับขึ้น 50 บาท ทองรูปพรรณขายออก 26,650 บาท ทองแท่งขายออก 26,150 บาท

ราคาทองวันนี้ เสาร์ที่ 1 พฤษภาคม 2564 ประกาศราคาครั้งที่ 1 (เปิดตลาด) เมื่อเวลา 09.34 น. ราคาปรับขึ้น 50 บาท เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายของวันพฤหัสบดี ที่ตลอดทั้งวันมีการประกาศราคาทั้งหมด 4 รอบ รวมปรับลด 200 บาท

ราคาซื้อขายทองคำในประเทศชนิด 96.5% วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม 2564 (ประกาศครั้งที่ 1)

ราคาทองรูปพรรณ 

ขายออกบาทละ 26,650 บาท

รับซื้อบาทละ 25,574.92 บาท

ราคาทองแท่ง 

ขายออกบาทละ 26,150 บาท

รับซื้อบาทละ 26,050 บาท

161983663176

Let's block ads! (Why?)


'ราคาทอง' วันนี้ ปรับขึ้น 50 บาท ทองรูปพรรณขายออก 26650 บาท - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

เงินบาทแข็งค่า จับตาสัปดาห์หน้า ผลประชุม กนง. - สถานการณ์โควิด - ประชาชาติธุรกิจ

คุมโควิดระบาด-เงินบาท

เงินบาทแข็งค่า แม้หุ้นไทยเผชิญแรงขายลดเสี่ยงช่วงปลายสัปดาห์ จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า การประชุมกนง. สถานการณ์โควิด 19 ทั้งในและต่างประเทศ ผลประกอบการไตรมาส 1/64 ของบจ.ไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทว่า เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 1 เดือน ที่ 31.135 บาทต่อดอลลาร์ฯ หลังแข็งค่าผ่านแนว 31.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ ได้ในช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นตามสถานะซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติ

ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงขาย หลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สะท้อนว่า เฟดจะยังคงมาตรการผ่อนคลายทางการเงินต่อไป และจะไม่รีบลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ต่อเดือนภายใต้มาตรการ QE เนื่องจากประเมินว่า สถานการณ์โควิดที่ไม่แน่นอนยังคงเป็นความเสี่ยงหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ในวันศุกร์ (30 เม.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.15 เทียบกับระดับ 31.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (23 เม.ย.)

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (3-7 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. และสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนจาก ADP ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนเม.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนเม.ย. ของอังกฤษและยูโรโซน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนเม.ย.ด้วยเช่นกัน

ส่วนความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย หุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,583.13 จุด เพิ่มขึ้น 1.90% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 90,177.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.18% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 3.07% มาปิดที่ 487.29 จุด

หุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ ก่อนจะดีดตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด 19 รายใหม่ในประเทศชะลอตัวลง ประกอบกับมีแรงหนุนเช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคจากผลการประชุมเฟดที่ยังไม่ส่งสัญญาณลดการผ่อนคลายทางการเงิน

ส่วนหุ้นกลุ่มที่หนุนหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ หลักๆ ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้างและพลังงาน อย่างไรก็ดี หุ้นไทยลดช่วงบวกลงในช่วงปลายสัปดาห์ ตามการปรับลดสถานะความเสี่ยงของนักลงทุนก่อนช่วงปิดวันหยุดยาว รวมถึงรอประเมินสถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (3-7 พ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,570 และ 1,560 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,600 และ 1,610 จุด ตามลำดับ

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. สถานการณ์โควิด 19 ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนการกระจายวัคซีนต้านโควิด 19 ในประเทศ รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/64 ของบจ.ไทย

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนเม.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการเดือนเม.ย. ของยูโรโซน ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ของยูโรโซน รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจจีนเดือนเม.ย.

Let's block ads! (Why?)


เงินบาทแข็งค่า จับตาสัปดาห์หน้า ผลประชุม กนง. - สถานการณ์โควิด - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

คมนาคมคาใจฟื้นฟูบินไทย ตั้งโจทย์ 3 ประเด็นจี้ผู้จัดแผนฯเคลียร์ให้ชัดเจน - ไทยรัฐ

ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงขอตั้งคำถาม 3 ประเด็น โดยประเด็นแรก การบริหารจัดการดำเนินงานใช้สินทรัพย์และการหาโอกาสเพิ่มพันธมิตรทางธุรกิจจากหน่วยธุรกิจ (Business Units) หรือ BU ทั้ง 5 กิจการของการบินไทย ซึ่งประกอบไปด้วย ครัวการบินไทย, คาร์โก้, การบริการภาคพื้นดิน, ธุรกิจการบิน, ศูนย์ซ่อมอากาศยาน หรือไม่ หากดำเนินการจริง เหตุใดไม่ปรากฏในแผนทั้งการระดมทุน และการทำการบินไทยให้เป็นโฮลดิ้ง

ประเด็นที่ 2 ได้มีการประเมินสถานการณ์ กรณีการเพิ่มทุนด้วยการใส่เงินจำนวน 50,000 ล้านบาทจากภาครัฐและการกู้ยืมเงิน โดยรัฐค้ำประกันนั้น การบินไทยมีแผนปฏิบัติการและดำเนินการอย่างไร เพื่อให้ธุรกิจการบินไทยเดินหน้าต่อไปได้ เพื่อให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติ และสายการบินที่ดีที่สุดของประเทศไทย รวมถึงแผนการดำเนินการลดต้นทุน หรือการบริหารจัดการ เพื่อให้การบินไทยกลับมามีกำไรในอนาคต เนื่องจากธุรกิจสายการบินในขณะนี้ มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ และมีความอ่อนไหวมาก จะทำให้ต้นทุนการบริหารจัดการเพิ่มขึ้น และหากไม่สามารถบริหารจัดการต้นทุนทางธุรกิจได้ภายในระยะเวลา 1-2 ปี การบินไทยจะมีวิธีการดำเนินการจัดการอย่างไร ดังนั้นการบินไทย ควรประเมินสถานการณ์ให้ครอบคลุมความเสี่ยงทุกมิติและรอบด้าน

และประเด็นที่ 3 การจะสร้างความน่าเชื่อถือขององค์กรต่อการทำธุรกิจอย่างไร หากไม่ปรับเปลี่ยนการบริหารงานไปสู่ในรูปแบบเอกชนได้ เนื่องจากบุคลากรเดิมยังมีวัฒนธรรมการทำงานในรูปแบบเดิมๆ ซึ่งที่ผ่านมาการบินไทยเคยประสบความล้มเหลวในการฟื้นฟูกิจการมาตลอด ดังนั้นการบินไทยควรแสดงแนวทางการดำเนินการเพื่อสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้ให้เกิดความชัดเจนด้วย และสามารถตอบคำถามสังคมได้ครบทุกประเด็นเช่นกัน

ด้านนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทย หนึ่งในผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ การบินไทย กล่าวว่า สถานะของการบินไทยตอนนี้คือ เป็นเรื่องของเจ้าหนี้ และเจ้าของการบินไทยที่จะดำเนินการ ส่วนการบินไทยถือเป็นลูกหนี้ ที่จะต้องเสนอแผนให้เจ้าหนี้พิจารณา เพราะขั้นตอนอยู่ในกระบวนการเสนอแผนฟื้นฟูกิจการ ส่วนประเด็นการเสนอขอสนับสนุนให้ภาครัฐอนุมัติเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องจำนวน 50,000 ล้านบาทนั้น ได้ระบุชัดเจนในแผนฟื้นฟู แบ่งเป็นภาครัฐใส่เงินมา 25,000 ล้านบาท และอีก 25,000 ล้านบาทเป็นการกู้ หรือออกเป็นหุ้นกู้ เป็นต้น ซึ่งวงเงินดังกล่าวเป็นการทยอยจ่ายภายในระยะเวลา 1-2 ปี และเป็นเงินก้อนเดียวครั้งเดียว ที่จะนำมาฟื้นฟูกิจการ สำหรับกรณีที่จะเพิ่มทุนปีละ 50,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3-5ปีนั้น ไม่เป็นความจริง

“ประเด็นที่หลายฝ่ายมีความกังวลว่า มีความพยายามที่จะนำการบินไทยกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้งนั้น ในเรื่องนี้ อยากบอกว่าการกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอีกครั้งหรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลที่จะให้ความเห็นชอบ วอนอย่ามองรัฐวิสาหกิจเป็นตัวร้ายที่ต้องร้องขอความช่วยเหลือตลอดเวลา รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคภาครัฐก็ต้องสนับสนุนเป็นเรื่องปกติ และการกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจอาจเป็นรัฐวิสาหกิจชั้นดีแบบบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. มีถมไป”.

Let's block ads! (Why?)


คมนาคมคาใจฟื้นฟูบินไทย ตั้งโจทย์ 3 ประเด็นจี้ผู้จัดแผนฯเคลียร์ให้ชัดเจน - ไทยรัฐ
Read More

เงินบาทแข็งค่า ตลาดจับตาสถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ใกล้ชิด - ประชาชาติธุรกิจ

ค่าเงินบาท

ค่าเงินบาทแข็งค่า ตลาดจับตาดูสถานการณ์ระบาดของ Covid-19 อย่างใกล้ชิด ขณะที่เงินบาทปิดตลาดในวันศุกร์ (30/4) ที่ระดับ 31.13/15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ภาวะการเคลื่อนไหวของตลาดปริวรรตเงินตราระหว่าง 26-30 เมษายน 2564 ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่า โดยเปิดตลาดในเช้าวันจันทร์ (26/4) ที่ระดับ 31.34/36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ในสัปดาห์นี้ สิ่งที่นักลงทุนรอคอยคือการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 27-28 เมษายน ซึ่งคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ได้ออกมาเปิดเผยถึงว่าคณะกรรมการมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ระดับ 0.00-0.25% สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ยังระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนเช่นเดิม และธนาคารกลางสหรัฐจะยังคงเน้นย้ำแนวทางที่ใช้มาต้งแต่เดือน ธ.ค. 2563 โดยต้องการให้อัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับเป้าหมายก่อนที่จะมีการตัดสินใจปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐยังมีมุมมองเชิงบวกต่อากรฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจและตัวเลขการจ้างงานมีความแข็งแกร่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมาโดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และการสนับสนุนด้านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ในส่วนของรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญในวันพฤหัสบดี (29/4) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 ขยายตัว 6.4% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 6.1-6.5%

โดยการขยายตัวครั้งนี้ถือเป็นการขยายตัวสูงเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ไตรมาส 3/2546 หลังจากที่เติบโต 4.3% ในไตรมาส 4/2563 ในปี 2564 นี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถเติบโตได้มากกว่า 63% ซึ่งจะเป็นการขยายตัวสูงสุดนับตั้งแต่ปี2527

สำหรับประเทศไทย เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการยกระดับมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดให้เข้มข้นขึ้นหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่รุนแรงและมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดถึงกว่า 2,000 คนต่อวัน

ตัวอย่างมาตรการที่ประกาศใช้ได้แก่ การปิดสถานที่เสี่ยงหลายแห่ง การห้ามประชาชนในพื้นที่สีแดงรับประทานอาหารในร้าน เป็นต้น

อย่างไรก็ดี ในส่วนของตัวเลขทางเศรษฐกิจของไทยนั้นปรับตัวดีขึ้น สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของไทย (MPI) เดือนมีนาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 107.73 ขยายตัว 4.12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งเป็นการขยายตัวครั้งแรกในรอบ 29 เดือน

อีกทั้งยังมีรายงานของกระทรวงอุตสาหรกรมได้ออกมาเปิดเผยว่า สถานการณ์ภาคการผลิตอุตสาหกรรมของไทยเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวตามเศรษฐกิจของโลกที่ดีขึ้น รวมถึงการที่รัฐบาลไม่ได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์ จึงมองวาภาคการผลิตอุตสาหกรรมยังคงดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 31.19-31.47 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ก่อนปิดตลาดในวันศุกร์ (30/4) ที่ระดับ 31.13/15 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโรในสัปดาห์นี้ ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวในทิศทางแข็งค่าก่อนจะปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี (29/4) โดยได้รับอานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์ที่ถูกแรงเทขายหลังธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณการดำเนินนโยบายเชิงผ่อนคลายไปอีกระยะ

นอกจากนี้ ค่าเงินยูโรยังได้รับแรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยรายงานตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต-บริการเบื้องต้นของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 53.7 ในเดือน เม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน เพิ่มขึ้นจากระดับ 53.2 ในเดือน มี.ค.

ขณะที่ Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี ได้ออกมาเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคานำเข้าของเยอรมนีที่ระดับ 1.8% ซึ่งดีกว่าที่คาดการณ์ที่ระดับ 0.9% นอกจากนี้ธนาคารกลางแห่งสหภาพยุโรปได้รายงานตัวเลขสินเชื่อส่วนบุคคลของสหภาพยุโรปที่ระดับ 3.3% ซึ่งออกมาดีกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 3.2%

ในส่วนของด้านตลาดแรงงาน สำนักงานจัดหางานของรัฐบาลกลางแห่งสหภาพยุโรประบุว่าตัวเลขดัชนีการว่างงานของเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้น 9,000 ตำแหน่ง เพิ่มสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ในส่วนของประเด็นเรื่อง Brexit ในที่สุดทางรัฐสภายุโรปได้ลงมติรับรองข้อตกลงด้านการค้าและความร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และอังกฤษแล้วในวันพฤหัสบดี (29/4) ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 660 เสียง ไม่เห็นชอบ 5 เสียง และงดออกเสียง 32 เสียง หลังการเจรจาดำเนินมาอย่างยาวนาน

เนื่องจากทั้งสหภาพยุโรปและอังกฤษไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าร่วมกันได้ ซึ่งล่วงเลยกำหนดสิ้นสุดระยะเปลี่ยนผ่านของอังกฤษเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563

จากข้อมูลของสำนักงานสถิติของสหภาพยุโรป (Eurostat) บ่งชี้ว่าการที่อังกฤษตัดสินใจแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปนั้นทำให้การค้าระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรปได้รับผลกระทบอย่างหนักจาก โดยใน 2 เดือนแรกของปี 2564 ตัวเลขการส่งออกจากสหภาพยุโรปไปยังอังกฤษนั้นลดลง 20.2% เมื่อเทียบกับปี 2563

ในขณะที่ตัวเลขการนำเข้าจากอังกฤษมายังสหภาพยุโรปหดตัวลงถึง 4.7% ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.2058-1.2145 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดในวันศุกร์ (30/4) ที่ระดับ 1..2090/93 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร

สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยน ค่าเงินเยนทยอยปรับตัวอ่อนค่าตลอดทั้งสัปดาห์ โดยตลาดยังคงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด

เมื่อวันอาทิตย์ (25/4) นายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองสำคัญต่าง ๆ ได้แก่ กรุงโตเกียว, เกียวโต, โอซาก้า และเฮียวโงะ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลโกลเด้นวีคระหว่างวันที่ 25 เม.ย.-11 พ.ค.

โดยจากรายงานข่าวพบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้ว

นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่หลายท่านออกมาเรียกร้องให้ประชาชนงดกิจกรรมเสี่ยง โดยนางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว และผู้ว่าการจากจังหวัดชิบะ, คานางาวะ และไซตามะ ได้ร่วมกันรณรงค์ให้ประชาชนอยู่บ้าน และหยุดดื่มตามท้องถนน หรือรับประทานอาหารร่วมกับบุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวในช่วงวันหยุดโกลเด้นวีคนี้

สำหรับการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันอังคาร (27/4) คณะกรรมการมีมติคงนโยบายการเงินและคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ -0.1% ส่วนเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ถูกวางไว้ที่ระดับ 0%

ทั้งนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ป่นในปีงบประมาณ 2564 จากระดับ 3.9% สู่ระดับ 4% แต่ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พื้นฐานลงจากระดับ 0.5% สู่ระดับ 0.1% โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นมีความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้ในยุคผู้ว่าการคนปัจจุบัน

ทั้งนี้ระหว่างสัปดาห์ระหว่าง 107.67-109.15 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (30/4) ที่ระดับ 108.87/89 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ

Let's block ads! (Why?)


เงินบาทแข็งค่า ตลาดจับตาสถานการณ์ระบาดของ Covid-19 ใกล้ชิด - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 7.33 จุด ขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว/สัปดาห์หน้ามีโอกาสอ่อนลง - อาร์วายที9

ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,583.13 จุด ลดลง 7.33 จุด (-0.46%) มูลค่าการซื้อขาย 85,480.11 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,593.23 จุด และระดับต่ำสุด 1,580.74 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 533 หลักทรัพย์ ลดลง 1,051 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 446 หลักทรัพย์

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้พักตัวหลังจากขึ้นไปแรงในช่วง 2 วันที่ผ่านมา และตลาดบ้านเราปิดทำการ 4 วันติดต่อกัน ทำให้เกิดแรงขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง เนื่องจากยังไม่รู้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศจะเป็นอย่างไรบ้างในช่วงวันหยุด

ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ คาดว่าเม็ดเงินจะไหลออกจากเอเชียหลังจากที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐฯออกมาดี และในอนาคตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นก็มีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และเงินดอลลาร์สหรัฐฯมีโอกาสแข็งค่า ส่งผลให้เงินทุนไหลออก นอกจากนี้ยังได้รับแรงกดดันจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือน เม.ย.อยู่ที่ 51.1 ลดลงจาก 51.9 ในเดือน มี.ค.ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.อยู่ที่ 54.9 ลดลง 1.4% จาก 56.3 ในเดือนมี.ค.

ส่วนนายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ปรับตัวลง ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯออกมาค่อนข้างดี ทำให้กังวลเรื่องเงินเฟ้อ ขณะที่ตลาดในยุโรปเปิดบวกเล็กน้อยจากทิศทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น หลังประสบความสำเร็จในการกระจายวัคซีน และการเปิดประเทศ ขณะที่ทางเอเชียมีการกระจายวัคซีนที่ค่อนข้างช้า

ส่วนตลาดบ้านเรามีความกังวลจากจะเข้าสู่ช่วงหยุดระยะยาว 4 วันติดต่อกัน ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนขายเพื่อลดความเสี่ยงส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อจากการระบาดของโควิด-19 คาดว่าน่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว จากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ลดน้อยลงเรื่อย ๆ แต่ยังต้องใช้มาตรการที่รัดกุมขึ้น เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ต่อวันยังคงมีจำนวนมากอยู่

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดฯยังมี upside จำกัดทำให้มีโอกาสที่จะอ่อนตัวลง พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,590-1,600 จุด โดยสัปดาห์หน้าให้ติดตามตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน เม.ย.ของสหรัฐฯ และติดตามสถานการณ์การแพร่ะบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศอย่างใกล้ชิด

ด้านนายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯค่อนข้างทรงตัว โดยอาจจะเก็งกำไรตามผลประกอบการ พร้อมให้แนวรับ 1,580-1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600-1,630 จุด

สัปดาห์หน้ายังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยหุ้นที่น่าสนใจยังคงมองที่หุ้นที่มีผลประกอบการไตรมาส 1/64 ที่ออกมาดี อย่างกลุ่มปิโตรเคมี และสินค้าโภคภัณฑ์ รวมทั้งกลุ่มสินค้าเกษตร และอาหาร มองว่าน่าจะมีแนวโน้มที่ค่อนข้างดี

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

COTTO มูลค่าการซื้อขาย 3,170.98 ล้านบาท ปิดที่ 2.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.39 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,549.12 ล้านบาท ปิดที่ 132.00 บาท ลดลง 2.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,141.72 ล้านบาท ปิดที่ 40.00 บาท ลดลง 0.50 บาท

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,844.87 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,817.34 ล้านบาท ปิดที่ 462.00 บาท ลดลง 4.00 บาท


--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

Let's block ads! (Why?)


ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 7.33 จุด ขายลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว/สัปดาห์หน้ามีโอกาสอ่อนลง - อาร์วายที9
Read More

หุ้น IPO ตลาดยังไม่วาย - efinanceThai

บทบรรณาธิการ

โดย
พิมพ์รภัส ศิริไพรวัน

: บรรณาธิการบริหาร
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

pimrapas@efinancethai.com
หุ้น IPO ตลาดยังไม่วาย

    สวยงามทีเดียวสำหรับ 3 หุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าเทรดสดๆ ร้อนๆ 

    เริ่มตั้งแต่ บริษัท พรอสเพอร์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ PROS ที่เปิดเทรดเมื่อวันที่ 27 เม.ย. เป็นวันแรกก็ยืนเหนือจองถึง 100% จากราคา 2 บาท ไปที่ 4 บาท  

    ตามมาติดๆ ในวันถัดไปกับ  บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ที่เปิดเทรดเหนือราคาจอง 9.82 บาท 20.16% อยู่ที่ราคา 11.80 บาท 

    และล่าสุดเมื่อวันที่ 28 เม.ย. บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN ที่เปิดเทรดวันแรกก็ราคาชนซิลลิ่ง 200% ที่ 9.75 บาท จากราคาจอง 3.25 บาท 

    เรียกว่าออกตัวได้สวยกันถ้วนหน้า แม้บางตัวอาจจจะทำราคาปิดไม่ค่อยสวยหรูนัก แต่ก็ถือว่าภาพรวมของหุ้นไอพีโอ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 สดใสและดูมีอนาคต เมื่อเทียบกับหลายๆ ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

    อาจจะไม่ได้ถือเป็นยุคเฟื่องฟู รุ่งเรือง เหมือนเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว แต่การกลับมาเทรดได้คึกคักอีกครั้งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี สำหรับบรรดาบริษัทจดทะเบียนน้องใหม่ ซึ่งจริงๆ แล้วต้องบอกว่า หุ้นไอพีโอเริ่มกลับมาได้รับสนใจอีกครั้งตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว ถึงแม้ตลาดหุ้นจะได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด แต่ก็เป็นเพียงแค่ช่วงแรกๆ เท่านั้น

    แต่จากนั้นอาจเป็นเพราะการระบาดที่ต่อเนื่องมากว่าปี ทำให้ธุรกิจต่างๆ ก็เริ่มปรับตัว และไม่ว่าโควิดจะระบาดมาแล้วถึงระลอกที่ 3 แต่ด้วยความจำเป็นที่ต้องขยายธุรกิจให้ได้ และบางธุรกิจก็ต้องเติบโตขึ้น และต้องดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับตัวเพื่อให้ทันต่อวิกฤติ จึงทำให้บริษัทน้องใหม่เหล่านี้ยังเดินแผนกระจายหุ้น และอาจเพราะพื้นฐานของแต่ละบริษัทที่ค่อนข้าง ธุรกิจน่าสนใจ และแน่นอนการกำหนดราคาหุ้น จึงทำให้เราเห็นว่าหุ้นหลายตัวสามารถฝ่าด่านหิน และยืนเหนือราคาจองได้ทุกตัวนับตั้งแต่ปลายปี จนถึงปัจจุบัน

    อีกทั้งการเปิดตัวของ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ก็เป็นการจุดกระแสหุ้นไอพีโอ ให้กลับมาอีกด้วย รวมไปถึงล่าสุดกับหุ้นของ บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TQR ที่ทำเซอร์ไพร์สซิลลิ่ง 3 วันติดนับตั้งแต่เข้าเทรด ดังนั้นช่วงนี้ตลาดไอพีโอจึงกลับมาได้รับความสนใจจากนักลงทุนอีกครั้ง จากที่ตลาดวายไปพักใหญ่ๆ ตอนนี้เริ่มกลับมาแล้ว

    ใน 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้ ก็ยังมีไอพีโออีก 3 บริษัทที่เตรียมลงสนามเทรด มาให้พิสูจน์กันอีก เริ่มวันที่ 6 พ.ค. นี้กับ บริษัท ดิทโต้(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DITTO  ซึ่งทำธุรกิจจำหน่ายและให้บริการระบบบริหารจัดการเอกสาร และธุรกิจให้เช่า จำหน่าย และให้บริการด้านเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องพิมพ์ และสินค้าเทคโนโลยีอื่นๆ

    ต่อด้วย  บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR ในวันที่ 10 พ.ค. ซึ่งต้องบอกว่าน่าจะเป็นหุ้นที่นักลงทุนจับตามองมากที่สุด ไม่แพ้หุ้น OR หลังจากนักลงทุนให้ความสนใจล้นหลามเข้ามาจองสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งต้องดูว่า TIDLOR จะสร้างประวัติศาสตร์อะไรบ้างในวันเปิดเทรดวันแรก

    จากนั้นก็เป็นคิวของ บริษัท วินเนอร์ยี่ เมดิคอล(WINMED) ในวันที่ 11 พ.ค. ที่เคาะราคาขายไอพีโอที่ 3.10 บาท ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายชุดตรวจเพื่อการวิเคราะห์ วินิจฉัยและการบำบัดรักษา รวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

     6 ไอพีโอ ในรอบ 1 เดือนไม่น้อยเลยทีเดียว และก็น่าจะสร้างความคึกคักให้กับตลาดช่วงโควิดระลอก3 ได้พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนจะลุ้นราคาตอนไหน ช่วงไหน หรืออย่างไรนั้น ก็ขอให้ประเมินความเสี่ยงของตัวเองกันให้ดี ส่วนใครที่บอกว่าอาจหมดยุคไอพีโอแล้ว ก็คงต้องกลับไปคิดใหม่ รวมทั้งคนเขียนด้วยเหมือนกัน เพราะ" ตลาดยังไม่วาย" จริงๆด้วย

บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

RECOMMENDED NEWS

ข่าวหุ้นยอดนิยม


Let's block ads! (Why?)


หุ้น IPO ตลาดยังไม่วาย - efinanceThai
Read More

“SUPER” ปักหมุดปี 64 กำลังผลิตไฟฟ้าทะลุ 1500 MW ก่อนขยับเป็น 1900 MW ในปี 65 หนุนนิวไฮ - สยามรัฐ

ผู้ถือหุ้น SUPER อนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.0006 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 พ.ค.64 เตรียมรับทรัพย์ 28 พ.ค.64 บิ๊กบอส “จอมทรัพย์ โลจายะ”ปักหมุดปี 64 กำลังการผลิตไฟฟ้าทะลุ 1,500 MW ก่อนขยับเป็น 1,900 MW ในปี 65 หนุนผลงานนิวไฮต่อเนื่อง

นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER)เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2564 เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสด งวดประจำปี 2563 (1 ม.ค.-31 ธ.ค.63) ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 0.006 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 พ.ค.64 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 28 พ.ค.64

“ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ และให้ความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งในปีนี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ ตามแผน เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในมือ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ และกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในระยะยาว”

โดยในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นโดยในปีนี้ บริษัทฯจะรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศเวียดนาม จำนวน 3 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 550 เมกะวัตต์ หลังจากที่เริ่มจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิต 421 เมกะวัตต์ คาดว่าในเฟสแรก 30 เมกะวัตต์ จะทยอย COD ในช่วงปลายปีนี้ ต่อเนื่องถึงปี 2565 สนับสนุนให้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 1,900 เมกะวัตต์ จาก 1,400-1,500 เมกะวัตต์ในปีนี้

นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า การออกและเสนอขายหุ้นกู้ มูลค่าไม่เกิน 1,500 ล้านบาท หลังจากที่เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 20-22 เม.ย.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ทั้งนี้เป็นผลมาจากแผนการขยายธุรกิจที่มีความต่อเนื่องและชัดเจน ความมุ่งมั่นในการบริหารงาน ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคง การมีวินัยทางการเงิน และการบริหารจัดการฐานะทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ตอบโจทย์ความน่าเชื่อถือของกลุ่มนักลงทุน นอกจากนี้ยังอัตราผลตอบแทน 5% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับน่าสนใจ

“แนวโน้มรายได้รวมของบริษัทฯในปี 2565 คาดว่าจะเติบโตก้าวกระโดดแตะที่ระดับ 13,211 ล้านบาท เทียบกับปีนี้คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 9,898 ล้านบาท อีกทั้ง เรายังคงมองหาโอกาสในการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง ในหลายรูปแบบ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้กับธุรกิจ และการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน”

Let's block ads! (Why?)


“SUPER” ปักหมุดปี 64 กำลังผลิตไฟฟ้าทะลุ 1500 MW ก่อนขยับเป็น 1900 MW ในปี 65 หนุนนิวไฮ - สยามรัฐ
Read More

หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับลด 7.33 ดัชนีอยู่ที่ 1,583 จุด - ไทยรัฐ

30 เม.ย. 2564 17:36 น.
Closed in: 45

การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือหุ้นไทยวันนี้ ประจำวันที่ 30 เม.ย. 64 ครึ่งวันบ่าย พบว่าดัชนีปรับลด 7.33 จุด เปลี่ยนแปลง 0.87% ดัชนีอยู่ที่ 1,583.13 จุด ดัชนีสูงสุด 1,593.23 ดัชนีต่ำสุด 1,580.74 มูลค่าการซื้อขาย 85,480.11 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) 2. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 3.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) 5. บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน).

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับลด 7.33 ดัชนีอยู่ที่ 1,583 จุด - ไทยรัฐ
Read More

ราคาทองคำวันนี้ (30 เม.ย.64) ร่วง 150 บาท รูปพรรณขายออก 26950 บาท - Businesstoday

ราคาทองคำในประเทศวันนี้ปรับลง 150 บาท กดดันทองรูปพรรณขายออก 26,650 บาท ฝั่งทองคำต่างประเทศเผชิญแรงขาย หลังไบเดนประกาศแถลงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำเช้าวันที่ 30 เม.ย.64 ครั้งที่ 1 ปรับลง 150 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่ง 96.5% ขายออกที่ 26,150.00 บาท/บาททองคำ และรับซื้อที่ 26,050.00 บาท/บาททองคำ ส่วนทองรูปพรรณ 96.5% ขายออกที่ 26,650.00 บาท/บาททองคำ และรับซื้อที่ 25,574.92 บาท/บาททองคำ

ขณะที่ราคาทองคำต่างประเทศ (Gold Spot) 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 1,767.82 ดอลลาร์/ออนซ์ ปรับลง 14.27 ดอลลาร์ หรือปรับลง 0.80%

- Advertisement -

บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ระบุว่า ราคาทองคำ Spot เมื่อวานช่วงกลางวันปรับขึ้นตอบรับประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงว่าขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่เฟดจะปรับลดวงเงินสำหรับมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แม้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวแข็งแกร่งมากขึ้นก็ตาม แต่มีแรงเทขายจากการแถลงของประธานาธิบดีโจ ไบเดนต่อสภาคองเกรสที่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะใช้จ่ายด้านครอบครัวและการศึกษาวงเงิน 8 ล้านล้านดอลลาร์ ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐจะเติบโต

รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 1.655% เนื่องจากสหรัฐประกาศจีดีพีไตรมาส 1 เพิ่มขึ้น 6.4% จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์อยู่ที่ระดับ 553,000 ราย ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำ 4.03 ตัน

คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคา PCE พื้นฐานเดือน เม.ย. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 3% หลังจากที่เดือน มี.ค.เพิ่มขึ้น 0.1% ดัชนี PMI เขต ชิคาโกเดือน เม.ย. ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 65.4 จากระดับ 66.3 ในเดือน มี.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย.ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 87.3 จากระดับ 86.5 ในเดือน มี.ค.

แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดเริ่มเคลื่อนไหว Sideways down โดยมีแนวรับ 1,760 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านสำคัญ 1,780 ดอลลาร์ และแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์

Let's block ads! (Why?)


ราคาทองคำวันนี้ (30 เม.ย.64) ร่วง 150 บาท รูปพรรณขายออก 26950 บาท - Businesstoday
Read More

“เซ็นทรัลพัฒนา” เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ ระยอง และ สมุย - ผู้จัดการออนไลน์



บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย เดินหน้าตามแผนโรดแมป ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาล ใช้พื้นที่ศูนย์การค้าเป็นศูนย์กลางกระจายการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ด้วยความพร้อมของสถานที่ที่มีศักยภาพและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง และเซ็นทรัล สมุย พร้อมเต็มที่ในการร่วมมือกับภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวช้องในทุกจังหวัด เพื่อฉีดวัคซีนให้ประชาชนในศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีกหลายสาขา


วัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้ ความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญ เซ็นทรัลพัฒนาเราจึงโฟกัสในสิ่งที่เราสามารถดำเนินการได้เต็มที่ด้วยหลัก ‘ร่วมมือ-รุกเร็ว-เป็นระบบ’ นั่นคือ หลังจากที่เราประกาศแผน โรดแมปเร่งด่วนในการช่วยกระจายพื้นที่ฉีดวัคซีน ด้วยการเสนอให้ใช้พื้นที่ศูนย์การค้าของเรา 23 สาขา (จากทั้งหมด 33 สาขาทั่วประเทศ) ที่มีศักยภาพเป็น Provincial Vaccination Centers นั้น เราได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานท้องถิ่น และโรงพยาบาลในหลายจังหวัดในการใช้พื้นที่ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีน โดยล่าสุด เซ็นทรัล สมุย ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 4 จุดที่ให้บริการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับประชาชนบนเกาะสมุย เมื่อวันที่ 23-27 เม.ย. 64 โดยมีเจ้าหน้าที่ของภาครัฐและเอกชน สลับหมุนเวียนกันมาให้บริการ อาทิ โรงพยาบาลเกาะสมุย, โรงพยาบาลกรุงเทพ สมุย, และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวสมุย ซึ่งเราได้นำเอาต้นแบบการใช้พื้นที่ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนไปก่อนหน้านี้แล้วที่เซ็นทรัล ระยอง เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถนำไปปรับใช้กับศูนย์การค้าในจังหวัดอื่นๆ ได้ทันที ในขณะเดียวกัน เราพร้อมให้ความร่วมมือภาครัฐในการดำเนินการในศูนย์การค้าที่มีศักยภาพ อาทิ จังหวัดนนทบุรี ที่เราพร้อมเสนอให้ใช้พื้นที่ 3 สาขาที่เรามี ได้แก่ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัล เวสต์เกต เป็นต้น”

“อีกส่วนหนึ่งที่เราปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนไปพร้อมกันคือ การให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานบริษัทและร้านค้าในศูนย์การค้า โดยเรานำร่องฉีดวัคซีนให้พนักงานที่บริการลูกค้าแล้วที่เซ็นทรัล ภูเก็ต พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายชัดเจนที่จะดำเนินการให้ 85% ของพนักงานได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มภายในกลางเดือน พ.ค. 64 นี้ ซึ่งเป็นอัตราที่จะช่วยสร้าง Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ภายในศูนย์การค้าเป็นแห่งแรกของไทย และจะขยายผลไปสู่การผลักดันเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดต่อไป”


ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีความใกล้ชิดชุมชน เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกจังหวัด ทุกทำเลที่ไปตั้งอยู่ อีกทั้งสถานที่ยังมีความพร้อม มีพื้นที่ขนาดใหญ่ สะอาดปลอดภัยด้วยมาตรการแผนแม่บท ‘เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ’ ที่คุมเข้มและยกระดับมาอย่างต่อเนื่อง มีการจัดการ Social Distancing อย่างเป็นระบบ จึงไม่แออัด สามารถรองรับเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมากได้ ซึ่งจะเป็นการลดภาระ ลดความแออัดภายในโรงพยาบาลประจำจังหวัดอีกด้วย

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 33 แห่งทั่วประประเทศ ยังคงเดินหน้าคุมเข้มมาตรการเชิงรุกด้วยมาตรการ 5 แกนหลัก คือ 1) การคัดกรองอย่างเข้มงวด 2) ย้ำมาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด งดความแออัด 3) การติดตามให้มั่นใจ เพื่อความปลอดภัย 4) การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดในเชิงรุก และ 5) ลดการสัมผัส เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดของทุกท่านที่มาใช้บริการ พร้อมการป้องกันไว้ล่วงหน้าด้วย Big Cleaning ทุกวัน หลังศูนย์ฯ ปิด และมั่นใจสูงสุดด้วยปฏิบัติการ Extra Deep Cleaning ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านการรับรองโดยองค์กรระดับสากล ทันทีทุกจุดทั่วศูนย์ฯ ตามมาตรการแผนแม่บทเชิงรุก เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดของลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการ

Let's block ads! (Why?)


“เซ็นทรัลพัฒนา” เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ ระยอง และ สมุย - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

เซ็นทรัลพัฒนา” เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ “เซ็นทรัล ระยอง” และ “เซ็นทรัล สมุย” - บางกอกทูเดย์ - Bangkok Today

[unable to retrieve full-text content]

  1. เซ็นทรัลพัฒนา” เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ “เซ็นทรัล ระยอง” และ “เซ็นทรัล สมุย”  บางกอกทูเดย์ - Bangkok Today
  2. "เซ็นทรัลพัฒนา" ร่วมกับภาครัฐ เปิดพื้นที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ เซ็นทรัล ระยอง และสมุย  ไทยรัฐ
  3. เซ็นทรัล ยึดหลัก 'ร่วมมือ-รุกเร็ว-เป็นระบบ' ร่วมกับภาครัฐและโรงพยาบาล เปิดห้างฉีดวัคซีนให้ประชาชน - ข่าวสด  ข่าวสด
  4. เซ็นทรัลพัฒนา เสนอใช้ 23สาขา เป็นพื้นที่ศูนย์การค้าฉีดวัคซีนให้ประชาชน นำร่องแล้ว ระยอง-สมุย  มติชน
  5. CPN นำร่องเปิดพื้นที่ห้างเซ็นทรัล `ระยอง-สมุย` ฉีดวัคซีนให้ประชาชน 29 เมษายน 2564 13:37  efinanceThai
  6. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

เซ็นทรัลพัฒนา” เปิดพื้นที่ศูนย์การค้าฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ “เซ็นทรัล ระยอง” และ “เซ็นทรัล สมุย” - บางกอกทูเดย์ - Bangkok Today
Read More

PROEN ลุยลงทุนอาเซียน ลุ้นบิ๊กโปรเจกปลายปีนี้ - กรุงเทพธุรกิจ

30 เมษายน 2564

116

“โปรเอ็น” เทรดวันแรก ราคาพุ่งชนซิลลิ่ง 200% ผู้บริหารปักธงปี 64 รายได้โตไม่ต่ำกว่าปีก่อน ลุ้นรับงานโครงการภาครัฐมูลค่า 500-1,000 ล้าน คาดชัดเจนภายในไตรมาส 3/64 รับอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนต่างประเทศ

บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นวันแรกวานนี้ (29 เม.ย.) โดยเปิดซื้อขายราคาอยู่ที่ 9.75 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 6.5 บาท หรือ 200% จากราคาจองซื้อที่ 3.25 บาทต่อหุ้น ก่อนจะปรับลงเล็กมาปิดตลาดที่ 8.35 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.10 บาท หรือเพิ่มขึ้น 156.92%

นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โปรเอ็น คอร์ป เปิดเผยว่า ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นร้อนแรงสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทโดย PROEN ตั้งเป้าหมายบริหารจัดการเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ด้วยความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาล

ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนประมาณ 50% จะนำไปใช้ในการก่อสร้างขยายอาคารศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยสามารถเริ่มก่อสร้างได้ทันที และอีกประมาณ 50% ที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการและชำระคืนหนี้ระยะสั้นที่มีดอกเบี้ยสูง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ภายหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นลดลงมาต่ำกว่า 2 เท่า จาก ณ สิ้นปี 2563 ที่ 3.4 เท่า

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 คาดการณ์รายได้เติบโตมากกว่าปี 2563 ที่มีรายได้รวม 1,005.51 ล้านบาท และตั้งเป้ารักษาอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่ 16% โดยได้ปัจจัยหนุนจากฐานลูกค้าที่เติบโตขึ้น และปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นจากการระบาดของโควิด-19 อีกทั้งลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง เช่น อีคอมเมิร์ซ อีเพย์เมนท์ และ เกมส์ออนไลน์ ฯลฯ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จำกัด

ส่วนงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ในปี 2564 มีมูลค่ารวม 334 ล้านบาท และมีรายได้ประจำ (Recurring Income) จากการให้บริการลูกค้าปัจจุบันประมาณ 360 ล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้จะมีโอกาสรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากธุรกิจคลาวด์ (Cloud Service) ถือเป็นอุตสาหกรรมอนาคต (New S-Curve) ที่จะสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ ในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า มูลค่าตลาดประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท (ข้อมูลจากบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์)

ขณะที่การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ กลับเป็นปัจจัยหนุนบริษัทฯ และคู่ค้าซึ่งอยู่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี โดยการระบาดใหม่ทำให้ลูกค้าที่เป็นภาครัฐมีความต้องการย้ายมาใช้บริการจัดเก็บข้อมูลบนระบบออนไลน์ มากขึ้น ประกอบกับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพรับงานโครงการลงทุนของภาครัฐที่มีขนาดใหญ่ราว 500-1,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในไตรมาส 2 และ 3 ปี 2564 นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะขยายการลงทุนไปต่างประเทศในภูมิภาคอาเซียน

“ปัจจุบันเรามีรายได้จากลูกค้าเอกชนประมาณ 80% และภาครัฐประมาณ 20% ซึ่งในอนาคตเราก็ยังเน้นการเติบโตจากภาคเอกชนเป็นหลัก แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสจากภาครัฐ รวมถึงมองหาการเติบโตในต่างประเทศ เบื้องต้นอยู่ระหว่างศึกษาการลงทุน Data Center ในภูมิภาคอาเซียน”

นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน  เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่าหุ้นของ PROEN ได้รับการตอบรับที่ดีจากธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตดีต่อเนื่องถือเป็นหุ้นที่เติบโตสูง (Growth Stock) ที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน

Let's block ads! (Why?)


PROEN ลุยลงทุนอาเซียน ลุ้นบิ๊กโปรเจกปลายปีนี้ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ราคาทองวันนี้ 30/4/64 ล่าสุด เปิดตลาดเช้าวันศุกร์ ร่วง 150 บาท - ไทยรัฐ

30 เม.ย. 2564 09:40 น.

"ราคาทองวันนี้" เปิดตลาดเช้าวันศุกร์ ปรับลด 150 บาท โดยราคา "ทองคำแท่ง" ขายออกบาทละ 26,150 ราคา "ทองรูปพรรณ" ขายออกบาทละ 26,650

วันที่ 30 เม.ย. 64 สมาคมค้าทองคำรายงานว่า ราคาทองไทยวันนี้ ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.29 น. ราคาทองปรับลด 150 ส่งผลให้ ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 26,050 ขายออกบาทละ 26,150 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 25,574.92 ขายออกบาทละ 26,650 บาท.

ข่าวแนะนำ

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


ราคาทองวันนี้ 30/4/64 ล่าสุด เปิดตลาดเช้าวันศุกร์ ร่วง 150 บาท - ไทยรัฐ
Read More

Thursday, April 29, 2021

AAV คาดเม็ดเงินใหม่ขาย IPO ไทยแอร์เอเชีย-เงินกู้รวม 6 - อาร์วายที9

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) เปิดเผยถึงการปรับโครงสร้างกิจการโดยจะนำบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด (TAA) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแทน AAV ที่จะเลิกกิจการไป คาดว่าขั้นตอนการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จะได้รับเงินราว 3 พันล้านบาทในช่วงปลายปี 64 หรือต้นปี 65

ขณะที่ TTA จะได้รับเงินกู้จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพให้กับนักลงทุนรายใหม่ จำนวน 3,150 ล้านบาท ในช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.64 ทั้งหมดจะช่วยเสริมสภาพคล่องให้กับ TTA และบางส่วนนำไปชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดชำระคืนในปีนี้ ทำให้รวมแล้วจะได้รับเงินเข้ามาทั้งหมด 5,907 ล้านบาท เพียงพอกับการใช้ดำเนินธุรกิจในช่วง 3 ปีที่การระบาดโควิด-19 จะคลี่คลาย และรับธุรกิจการบินที่จะกลับมาเป็นปกติ

"เชื่อว่าดีลที่ทำเป็นสิ่งที่คณะผู้บริหาร และ FA (บล.บัวหลวง) คิดตกผลึกแล้วว่าเป็นดีลที่ดีที่สุด ต้นทุนการเงินถูกสุด กระทบผู้ถือหุ้นน้อยสุด มีเงินเข้ามา 6 พันล้านบาททำให้เราอยู่ต่อได้อย่างยั่งยืน คาดเปิดประเทศได้เร็วๆนี้หารายได้เข้าประเทศ อยากให้ทุกคนให้ความเชื่อมั่นทำดีที่สุด"นายธรรศพลฐ์ กล่าว

ประธานกรรมการบริหาร AAV กล่าวว่า นักลงทุนรายใหม่ที่เข้ามาให้เงินกู้ใหม่ในรูปแบบหุ้นกู้แปลงสภาพ เป็นนักลงทุนรายบุคคลที่ไม่ใช่อยู่ในวงการธุรกิจการบินที่สนิทกัน ซึ่งได้เริ่มพูดคุยเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ได้จำเป็นต้องโน้มน้าวมาก เพราะเห็นแนวโน้มว่าเป็นการลงทุนเหมาะสม ถ้าเป็นตนเองมีเงินสดก็คงลงทุนเช่นกัน ส่วนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) ก็ยังต้องการอยู่

"ผมไม่นั่งงอมืองอเท้า ไม่อย่างนั้นบริษัทก็เจ๊งไปแล้ว เราไม่ได้รอรัฐบาลอย่างเดียว ความอดทนก็มีจำกัด"นายธรรศพลฐ์ กล่าว

หลังการปรับโครงการกิจการ และหลังการเพิ่มทุนของ ไทยแอร์เอเชีย จะทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้น ไทยแอร์เอเชีย เป็นดังนี้ กลุ่มทุนใหม่ 11% บริษัท แอร์เอเชีย อินเวสเมนท์ ลิมิเต็ด จากมาเลเซีย คงสัดส่วน 45% ผู้ถือหุ้นเดิม AAV สัดส่วน 24% (จากการแปลงหุ้น AAV สัดส่วน 59%) และส่วนที่เตรียมจะเสนอขาย IPO โดยคาดว่าราคาเสนอขาย IPO จะเท่ากับราคาแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ 20.3925 บาทต่อหุ้น จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท

ประธานกรรมการบริหาร AAV กล่าวว่า แต่เดิมที่ต้องนำ AAV เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะกฎหมายไม่เอื้อ แต่หลังจากมีการปรับแก้กฎหมายที่สามารถนับกองทุนในประเทศที่ถืออยู่มานับเป็นผู้ถือหุ้นไทยได้ ทำให้มีความคล่องตัวมากขึ้น โดย AAV เป็นบริษัทโฮลดิ้ง ถือหุ้นไทยแอร์เอเชีย 55% ไม่ได้มูลค่าตลาดเต็มของไทยแอร์เอเชีย แต่เมื่อเป็นไทยแอร์เอเชียจะมีมูลค่าตลาดเพิ่มมากขึ้น

นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า บริษัทจะเตรียมความพร้อมกับการเปิดประเทศ เราจำเป็นต้องทำให้ตัวเราแข็งแรงถ้ากลับมาบินได้ 100% คาดว่าไทยแอร์เอเชียจะบินต่างประเทศในไตรมาส 1/65 หรือไตรมาส 2/65 บริษัทจะเร่งอัตราการเติบโตของบริษัท ขณะที่มองว่าหลายสายการบินจะไม่กลับมาแข็งแรงจากช่วง 2 ปีนี้รับกระทบจากการระบาดโควิด-19 ดังนั้น เชื่อว่าผลประกอบการในปี 65 และคาดว่าจะเปิดน่านฟ้า 100% ในปี 66 ซึ่งก็น่ากลับมามีกำไร ส่วนในปี 64 คาดว่าขาดทุนลดลงจากปีก่อนที่ขาดทุน 4,764 ล้านบาท

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV กล่าวว่า ในสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ระลอก 3 สายการบินไทยแอร์เอเชียได้ปรับลดการใช้เครื่องบินเหลือ 15-20 ลำในเดือน เม.ย.64 จากเดือน มี.ค.64 ที่ใช้เครื่องบิน 30 ลำ เพราะความต้องการเดินทางน้อยลง โดยกำลังทบทวนเป้าหมายปี 64 ที่วางไว้มีจำนวนผู้โดยสาร 9.4 ล้านคน อาจจะต้องขอรอดูผลกระทบว่ารุนแรงแค่ไหนใน 2-3 เดือนนี้ ขณะที่จำกัดค่าใช้จ่ายไว้เดือนละ 200 ล้านบาท ให้สอดคล้องกับรายได้

นอกจากนี้ จะมีกำหนดคืนการเช่าเครื่องบิน 6 ลำในปีนี้ จะทำให้สื้นปี 64 มีจำนวนเครื่องบินทั้งหมด 54 ลำ ทั้งนี้ หากเปิดบินในเส้นทางต่างประเทศก็ยังเพียง เพราะขณะนี้ชั่วโมงการบินยังไม่เต็มที่ ซึ่งเมื่อบินในเส้นต่างประเทศได้ก็จะทำให้ชั่วโมงการบินขึ้นไป 12-13 ชม./วันเหมือนเดิม

นายธรรศพลฐ์ กล่าวเสริมว่า อยากให้รัฐบาลเร่งการฉีดวัคซีน แต่หากมีการระบาดโควิด-19 อีกระลอกก็คงต้องลดเที่ยวบินลงอีก และจำกัดค่าใช้จ่าย โดยในภูเก็ตขณะนี้ผู้ที่อยู่ด่านหน้าได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว และคาดว่าบุคคลากรสายการบินจะได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ส่วนภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ อาจจะล่าช้าออกไป เพราะยังไม่มีการฉีดวัคซีนกับประชาชนทั้งเกาะมีเพียงคนที่ทำงานด่านหน้าเท่านั้น


--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร โทร.02-2535000 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--

Let's block ads! (Why?)


AAV คาดเม็ดเงินใหม่ขาย IPO ไทยแอร์เอเชีย-เงินกู้รวม 6 - อาร์วายที9
Read More

สศค.ปรับลดจีดีพีปี 64 เหลือ 2.3% คาด นทท.ต่างชาติลดจากเดิม 70% รายได้เหลือ 1.7 แสนล้าน - มติชน

สศค.ลดจีดีพี ปี64 เหลือ 2.3% ผลจากโควิด-19 รอบใหม่ ปรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเหลือ 2 ล้านคน ลดจากคาดการณ์เดิม 70% รายได้เหลือ 1.7 แสนล้านบาท แต่ยังมีปัจจัยหนุน จากเงิน พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ลงสู่ระบบเศรษฐกิจ-ส่งออกไทยขยายตัว 11%

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สศค.ได้ประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2564 ว่า คาดการณ์ว่าจะขยายตัวที่ 2.3%ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์ 1.8-2.8%) ปรับตัวลดลงจากประมาณการเมื่อเดือนมกราคม 2564 ที่ 2.8%ต่อปี เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย

น.ส.กุลยากล่าวว่า สศค.จึงปรับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศลดลงเหลือ 2 ล้านคน จากเดิมคาดว่า 5 ล้านคน โดยลดลง 70% ต่อปี เพราะนอกจากการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ยังมีข้อกำกัดเรื่องการเปิดรับนักท่องเที่ยวที่เปิดเฉพาะบางพื้นที่นำร่อง จากสมมติฐานดังกล่าว คาดว่าจะมีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลงเหลือ 1.7 แสนล้านบาท ลดลง 49% จากเดิมคาด 2.6 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ส่งผลกระทบต่อการปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจครั้งนี้เป็นอย่างมาก

น.ส.กุลยากล่าวว่า อย่างไรก็ดี ส่วนที่จะเข้ามาช่วยเหลือเศรษฐกิจได้ เป็นเม็ดเงินจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งล่าสุด 22 เมษายน อนุมัติวงเงินไปแล้ว 7.62 แสนล้านบาท ยังมีวงเงินเหลืออยู่กว่า 2.37 แสนล้านบาท โดยเบิกจ่ายไปแล้ว 6.49 แสนล้านบาท หรือ 85.4% ของวงเงินอนุมัติ แบ่งเป็นการเบิกจ่ายใช้ในปี 2563 วงเงิน 3.47 แสนล้านบาท และเบิกจ่ายใช้ในปี 2564 วงเงิน 3.02 แสนล้านบาท

น.ส.กุลยากล่าวว่า ซึ่งจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบนี้ ทำให้มีการเร่งการเบิกจ่ายในปี 2564 เพิ่มขึ้นอีก 1 แสนล้านบาท เป็น 6.02 แสนล้านบาท จากตัวเลขประมาณการณ์เดิม 5.02 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินมาตรการเยียวยาและทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งสรุปมาตรการภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการอนุมัติโครงการกู้จนเต็มวงเงิน1 ล้านล้านบาทภายในเดือนกันยายนนี้ โดยกันเงินกู้ 5 หมื่นล้านบาท สำหรับใช้ในปี 2565

น.ส.กุลยากล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการทางการคลังและการเงินที่ประเทศต่างๆ ดำเนินการ เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยจะขยายตัว 11% ต่อปี

น.ส.กุลยากล่าวว่า ประกอบกับการดำเนินมาตรการทางการคลังของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ โครงการ ม33เรารักกัน และมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และการเบิกใช้จ่ายเงินกู้จาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาทอย่างต่อเนื่อง จะช่วยกระตุ้นการบริโภค ประคับประคองภาคธุรกิจ และรักษาระดับการจ้างงานให้สูงขึ้น ซึ่งคาดว่าการบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 2.3% และการลงทุนภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4.8% ขณะที่การบริโภคภาครัฐ 5% และการลงทุนภาครัฐจะขยายตัวที่ 10.1%

น.ส.กุลยากล่าวว่า สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 จะอยู่ที่ 1.4% ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เสถียรภาพเศรษฐกิจภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น 0.2% ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (จีดีพี) ปรับลดลงจากปีก่อน จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และมูลค่าสินค้านำเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้น

น.ส.กุลยากล่าวว่า ทั้งนี้ ในการประมาณการเศรษฐกิจไทยมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ได้แก่ 1) การระบาดของโควิดระลอกใหม่ในหลายประเทศที่ยังมีความรุนแรงและยืดเยื้อ 2) ข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3) ราคาน้ำมันดิบที่อาจปรับเพิ่มขึ้นได้ หากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศรุนแรงขึ้น รวมทั้งการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงาน และ 4) ความผันผวนของระบบการเงินโลกและเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ

น.ส.กุลยากล่าวว่า อย่างไรก็ดี ประเทศไทยยังมีฐานะการคลังที่มั่นคงและมีเสถียรภาพ ทำให้กระทรวงการคลังมีความพร้อมในการดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติมให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยแรงขับเคลื่อนจากการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ประกอบกับนโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการลงทุนด้านดิจิทัล และนโยบายการยกระดับปรับทักษะแรงงาน จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

Let's block ads! (Why?)


สศค.ปรับลดจีดีพีปี 64 เหลือ 2.3% คาด นทท.ต่างชาติลดจากเดิม 70% รายได้เหลือ 1.7 แสนล้าน - มติชน
Read More

"เซ็นทรัลพัฒนา" ร่วมกับภาครัฐ เปิดพื้นที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ เซ็นทรัล ระยอง และสมุย - ไทยรัฐ

29 เม.ย. 2564 16:46 น.

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ตแห่งแรกของไทย เดินหน้าตามแผนโรดแม็ป ร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นและหน่วยงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาล ใช้พื้นที่ศูนย์การค้าเป็นศูนย์กลางกระจายการฉีดวัคซีนให้ประชาชน ด้วยความพร้อมของสถานที่ที่มีศักยภาพและการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ระยอง และเซ็นทรัล สมุย พร้อมเต็มที่ในการร่วมมือกับภาครัฐ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกจังหวัด เพื่อฉีดวัคซีนให้ประชาชนในศูนย์การค้าเซ็นทรัลอีกหลายสาขา

นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “ในสถานการณ์เช่นนี้ ความร่วมมือจากทุกฝ่ายเป็นสิ่งสำคัญ เซ็นทรัลพัฒนาเราจึงโฟกัสในสิ่งที่เราสามารถดำเนินการได้เต็มที่ด้วยหลัก ‘ร่วมมือ-รุกเร็ว-เป็นระบบ’ นั่นคือ หลังจากที่เราประกาศแผน โรดแม็ปเร่งด่วนในการช่วยกระจายพื้นที่ฉีดวัคซีน ด้วยการเสนอให้ใช้พื้นที่ศูนย์การค้าของเรา 23 สาขา (จากทั้งหมด 33 สาขาทั่วประเทศ) ที่มีศักยภาพเป็น Provincial Vaccination Centers นั้น เราได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานท้องถิ่น และโรงพยาบาลในหลายจังหวัดในการใช้พื้นที่ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีน โดยล่าสุด เซ็นทรัล สมุย ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 4 จุดที่ให้บริการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ให้กับประชาชนบนเกาะสมุย เมื่อวันที่ 23-27 เม.ย. 64 โดยมีเจ้าหน้าที่ของภาครัฐและเอกชน สลับหมุนเวียนกันมาให้บริการ อาทิ โรงพยาบาลเกาะสมุย, โรงพยาบาลกรุงเทพ สมุย และสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวสมุย ซึ่งเราได้นำเอาต้นแบบการใช้พื้นที่ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ให้บริการฉีดวัคซีนไปก่อนหน้านี้แล้วที่เซ็นทรัล ระยอง เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถนำไปปรับใช้กับศูนย์การค้าในจังหวัดอื่นๆ ได้ทันที ในขณะเดียวกัน เราพร้อมให้ความร่วมมือภาครัฐในการดำเนินการในศูนย์การค้าที่มีศักยภาพ อาทิ จังหวัดนนทบุรี ที่เราพร้อมเสนอให้ใช้พื้นที่ 3 สาขาที่เรามี ได้แก่ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์, เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และเซ็นทรัล เวสต์เกต เป็นต้น”

“อีกส่วนหนึ่งที่เราปฏิบัติการอย่างเร่งด่วนไปพร้อมกันคือ การให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการฉีดวัคซีนให้กับพนักงานบริษัทและร้านค้าในศูนย์การค้า โดยเรานำร่องฉีดวัคซีนให้พนักงานที่บริการลูกค้าแล้วที่เซ็นทรัล ภูเก็ต พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายชัดเจนที่จะดำเนินการให้ 85% ของพนักงานได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มภายในกลางเดือน พ.ค. 64 นี้ ซึ่งเป็นอัตราที่จะช่วยสร้าง Herd Immunity หรือภูมิคุ้มกันหมู่ภายในศูนย์การค้าเป็นแห่งแรกของไทย และจะขยายผลไปสู่การผลักดันเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในจังหวัดต่อไป” นางสาววัลยากล่าว

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลมีความใกล้ชิดชุมชน เป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตของผู้คนในทุกจังหวัด ทุกทำเลที่ไปตั้งอยู่ อีกทั้งสถานที่ยังมีความพร้อม มีพื้นที่ขนาดใหญ่ สะอาดปลอดภัยด้วยมาตรการแผนแม่บท ‘เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ’ ที่คุมเข้ม และยกระดับมาอย่างต่อเนื่อง มีการจัดการ Social Distancing อย่างเป็นระบบ จึงไม่แออัด สามารถรองรับเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมากได้ ซึ่งจะเป็นการลดภาระ ลดความแออัดภายในโรงพยาบาลประจำจังหวัดอีกด้วย

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 33 แห่งทั่วประประเทศ ยังคงเดินหน้าคุมเข้มมาตรการเชิงรุกด้วยมาตรการ 5 แกนหลัก คือ 1) การคัดกรองอย่างเข้มงวด 2) ย้ำมาตรฐาน Social Distancing ทุกจุด งดความแออัด 3) การติดตามให้มั่นใจ เพื่อความปลอดภัย 4) การใส่ใจในความสะอาดทุกจุดในเชิงรุก และ 5) ลดการสัมผัส เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดของทุกท่านที่มาใช้บริการ พร้อมการป้องกันไว้ล่วงหน้าด้วย Big Cleaning ทุกวัน หลังศูนย์ฯ ปิด และมั่นใจสูงสุดด้วยปฏิบัติการ Extra Deep Cleaning ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านการรับรองโดยองค์กรระดับสากล ทันทีทุกจุดทั่วศูนย์ฯ ตามมาตรการแผนแม่บทเชิงรุก เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุดของลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการ

รับชมคลิปการบริหารจัดการพื้นที่มอบบริการฉีดวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล สมุย:

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


"เซ็นทรัลพัฒนา" ร่วมกับภาครัฐ เปิดพื้นที่ฉีดวัคซีนให้ประชาชนที่ เซ็นทรัล ระยอง และสมุย - ไทยรัฐ
Read More

ราคาทองคำครั้งที่ 4 ลง 50 บาท รูปพรรณขายออก 26,800 บาท - ผู้จัดการออนไลน์

สมาคมค้าทองคำประกาศราคาซื้อ-ขายทอง ครั้งที่ 4 เมื่อเวลา 15.18 น. ปรับลง 50 บาท โดยทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 25,726.52 บาท ขายออกบาทละ 26,800.00 บาท ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 26,200.00 บาท ขายออกบาทละ 26,300.00 บาท

Let's block ads! (Why?)


ราคาทองคำครั้งที่ 4 ลง 50 บาท รูปพรรณขายออก 26,800 บาท - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Wednesday, April 28, 2021

สศค.หั่นจีดีพีปีนี้เหลือโต 2.3% เซ่นโควิด หวังวัคซีนหนุนศก.ครึ่งปีหลัง - efinanceThai

   สศค.หั่นเป้าจีดีพีปีนี้เหลือโต 2.3% จากเดิมคาด 2.8% หลังโควิดระบาดรอบใหม่รุนแรง กระทบกิจกรรมทางศก. - ท่องเที่ยว ลุ้นการกระจายตัววัคซีน ช่วยฟื้นศก.ไตรมาส 3-4 ปีนี้ แต่ยังมองส่งออก - นำเข้าสดใสช่วยพยุง ด้านศก.เดือนมี.ค.ยังขยายตัว รับส่งออก-ใช้จ่ายเอกชนหนุน  
 
   นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า สศค.ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้ลงเหลือโต 2.3% จากเดิมคาดขยายตัวได้ 2.8% โดยมีปัจจัยลบสำคัญ คือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระบาดระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรวมถึงประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทย การเดินทางระหว่างประเทศ

   รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทย โดยสมมติฐานเศรษฐกิจล่าสุด สศค.ปรับลดจำนวนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศปีนี้ลงเหลือ 2 ล้านคน จากเดิมที่ 5 ล้านคน ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศเหลือ 1.7 แสนล้านบาท จากเดิมคาด 2.6 แสนล้านบาท

   อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จากมาตรการทางการคลังและการเงินที่ประเทศต่างๆดำเนินการ เพื่อเยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ส่งผลให้การส่งออกสินค้าของไทยมีแนวโน้มปรับดีขึ้น โดยสศค.ได้ปรับคาดการณ์ส่งออกของไทยปีนี้จะขยายตัวได้ 11% จากเดิมคาดโต 6.2% ด้านการนำเข้าปีนี้คาดจะเติบโต 18% จากเดิมคาดโต 7.8%

   ขณะที่การดำเนินมาตรการทางการคลังของภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่ง โครการเราชนะ โครงการ ม.33เรารักกัน และมาตรการด้านการเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ประกอบกับการใช้จ่ายเงินกู้จากพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค ที่คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายในส่วนที่เหลือได้ต่อเนื่อง จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการบริโภค ประคับประคองธุรกิจ และรักษาระดับการจ้างงานให้สูงขึ้น

   ทั้งนี้ คาดว่า การบริโภคภาคเอกชน จะขยายตัวได้ 2.3% ด้านการลงทุนภาคเอกชนคาดขยายตัว 4.8% ขณะที่การบริโภคภาครัฐ คาดขยายตัวได้ 5% และการลงทุนภาครัฐคาดขยายตัวได้ 10.1% สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ คาดว่าเงินเฟ้อทั่วไปในปีนี้จะอยู่ที่ 1.4% ปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน ตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และราคาน้ำมันดิบดูไบที่ปรับตัวสูงขึ้น ด้านเงินเฟ้อพื้นฐานปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 0.4% ขณะที่เสถียรภาพภายนอกประเทศ คาดว่าดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุล 1.1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 0.2% ของจีดีพี

   นางสาวกุลยา กล่าวว่า สำหรับสมมติฐานเศรษฐกิจในครั้งนี้ สศค. คาดว่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 30.92 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 60.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากความต้องการใช้น้ำมันที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของสหรัฐ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันของระหว่างประเทศกลุ่ม OPEC และซาอุดิอาระเบีย

   สำหรับปัจจัยเสี่ยที่ต้องติดตาม คือ การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่มีความรุนแรงและยืดเยื้อ รวมถึงข้อจำกัดในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงติดตามปัญหาความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ในหลายประเทศหากมีความรุนแรงขึ้น รวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านพลังงาน และติดตามความผันผวนในระบบการเงินและเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ

   ขณะที่ฐานะการคลัง ยังถือว่ามีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กระทรวงการคลังพร้อมดำเนินมาตรการทางการคลังเพิ่มเติม ให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยแรงขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ ประกอบกับนโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่เน้นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการลงทุนด้านดิจิทัล และการยกระดับปรับทักษะแรงงาน จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

   นางสาวกุลยา กล่าวว่า สำหรับการกระจายตัวของวัคซีน เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากจะเป็นตัวชี้วัดการกลับมาของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หากประชาชนมีความมั่นใจ ดังนั้นการที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมีการกระจายตัวมากขึ้นของวัคซีนจะเป็นผลบวกกับเศรษฐกิจไทย รวมถึงการกระจายตัวของวัคซีนในต่างประเทศด้วย ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามหากพิจารณาเฉพาะในประเทศ หากวัคซีนกระจายตัวได้ดี จนถึงปลายปี เชื่อว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะกลับมาได้ในไตรมาส 3-4 จะกลับมาขยายตัวได้ดีมากขึ้น

   นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษก สศค. กล่าวว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยในเดือนมี.ค. ขยายตัวได้ดี โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการส่งออกสินค้า และการใช้จ่ายภาคเอกชน ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมสามารถกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เช่นกัน อย่างไรก็ดี จำเป็นต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเม.ย. ต่อไป

   สำหรับการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัว 15.2% ต่อปี สอดคล้องกับการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งขยายอตัว 18.4% ในขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงมาที่ระดับ 48.5 จากระดับ 49.4 ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากภาครัฐประกาศงดกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงสงกรานต์

   รวมถึงผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ อย่างไรก็ดี มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐ ยังคงช่วยสนับสนุนกำลังซื้อของผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ด้านการลงทุนภาคเอกชนส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวต่อเนื่องที่ 14.8% ต่อปี

   ส่วนการส่งออกสินค้าในเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา มีมูลค่าสูงถึง 24,222 ล้านดอลลาร์ หรือเติบโต 8.5% ต่อปี และหากไม่รวมน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัวที่ 12% ต่อปี โดยสินค้าที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ สินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์ยาง สอดคล้องกับการส่งออกเม็ดพลาสติก เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์ ที่ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง สินค้าเกษตรและอาหาร เช่น ยางพารา ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และอาหารสัตว์เลี้ยง

   นอกจากนี้ยังมี สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน (Work from Home) เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ โทรศัพท์และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เป็นต้น และ สินค้าที่เกี่ยวกับการป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่ระบาด เช่น เครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์ และถุงมือยาง ที่ยังคงมีคำสั่งซื้ออย่างต่อเนื่อง

   ขณะที่ด้านการท่องเที่ยว พบว่า ในเดือนมี.ค. มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ (Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจ จำนวน 6,737 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร และจีน เป็นต้น ในขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัว 71.5% ต่อปี

  ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบ 0.1% ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.1% ต่อปี ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนก.พ. อยู่ที่ 53.2% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ ส่วนเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับมั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนมี.ค. อยู่ในระดับสูงที่ 245.5 พันล้านดอลลาร์

Let's block ads! (Why?)


สศค.หั่นจีดีพีปีนี้เหลือโต 2.3% เซ่นโควิด หวังวัคซีนหนุนศก.ครึ่งปีหลัง - efinanceThai
Read More

ราคาทองวันนี้ 29/4/64 ล่าสุด เปิดตลาดเช้าวันพฤหัสบดี พุ่งขึ้น 200 บาท - ไทยรัฐ

29 เม.ย. 2564 09:39 น.

"ราคาทองวันนี้" เปิดตลาดเช้าวันพฤหัสบดี ปรับขึ้น 200 โดยราคา "ทองคำแท่ง" ขายออกบาทละ 26,450 ราคา "ทองรูปพรรณ" ขายออกบาทละ 26,950

วันที่ 29 เม.ย. 64 สมาคมค้าทองคำรายงานว่า ราคาทองไทยวันนี้ ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.27 น. ราคาทองปรับขึ้น 200 ส่งผลให้ ทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 26,350 ขายออกบาทละ 26,450 บาท ส่วนทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 25,878.12 ขายออกบาทละ 26,950 บาท.

ข่าวแนะนำ

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


ราคาทองวันนี้ 29/4/64 ล่าสุด เปิดตลาดเช้าวันพฤหัสบดี พุ่งขึ้น 200 บาท - ไทยรัฐ
Read More

PROEN เปิดเทรดวันแรก 9.75 บาท พุ่ง 200% จากราคา IPO - Thai News Agency

กรุงเทพฯ 29 เม.ย. –  หุ้น PROEN เปิดเทรดวันแรกที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท (+200%) จากราคาขาย IPO ที่ 3.25 บาท/หุ้น

นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) กล่าวว่า mai ยินดีต้อนรับบริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มเทคโนโลยี ในวันนี้ (29 เม.ย. 2564) โดย PROEN ดำเนินธุรกิจผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารครบวงจร รวมทั้งให้บริการรับเหมาก่อสร้างงานโทรคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐาน PROEN และบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจหลัก 2 กลุ่ม ได้แก่

1) ธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร (Information Communication and Technology: ICT) ให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศด้านศูนย์ข้อมูล Data Center บริการอินเทอร์เน็ต ISP และ บริการคลาวด์ (Cloud Service)

2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสาหรับงานโทรคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Telecommunication and Infrastructure Service) โดยในปี 2563 รายได้กลุ่ม ICT : กลุ่มรับเหมา คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 : 40 ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าของธุรกิจ ICT ได้แก่ กลุ่มธุรกิจเกมออนไลน์ ธุรกิจซื้อขายสินค้าออนไลน์ ธุรกิจการสื่อสารและสารสนเทศ ธุรกิจบันเทิง และธนาคารพาณิชย์ ส่วนธุรกิจรับเหมาที่เริ่มดาเนินธุรกิจเมื่อปี 2560 มีกลุ่มลูกค้าเป็นหน่วยงานภาครัฐ และผู้รับเหมารายหลัก

นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PROEN เปิดเผยว่า ราคาเปิดการซื้อขายวันนี้ที่ปรับสูงขึ้นกว่าราคา IPO บริษัทก็พึงพอใจ ที่ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีตั้งแต่เสนอขาย IPO และในวันเทรดวันแรก พร้อมที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทุกคนเชื่อมั่นในศักยภาพของบริษัทที่จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน โดยการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในครั้งนี้จะช่วยสร้างฐานทุนที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในการก่อสร้างอาคารศูนย์ข้อมูลและสำนักงานแห่งใหม่ ประมาณ 50 %  ในพื้นที่ 3,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันศูนย์ข้อมูลสามารถรองรับตู้ Server ได้ 645 ตู้ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจการให้บริการด้าน ICT และงานรับเหมาก่อสร้าง รวมถึง

ทั้งนี้ ภายหลังจากระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้เพิ่มศักยภาพฐานทุน ยกระดับคุณภาพได้มาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับกับคู่ค้าระดับโลก และบริษัทจะเร่งพัฒนาเพิ่มการให้บริการ Cloud Service และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ Internet ระดับองค์กร SD-WAN รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันได้เริ่มเห็นสัญญาณแนวโน้มความต้องการที่สูงขึ้น และจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เพิ่มในอนาคต รวมทั้งบริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมและมองหาโอกาสร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อขยายในตลาดต่างประเทศ ผลักดันการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20% จากปีก่อน เนื่องจากฐานรายได้บริการที่เพิ่มขึ้น จากการเร่งพัฒนาเพิ่มการให้บริการดังกล่าว ประกอบกับบริษัทมีโครงการที่รอส่งมอบ (Backlog) สิ้นปี 2563 อยู่ที่ 334 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยส่งมอบงานและรับรู้รายได้ทั้งหมดในปี 2564 โดย Backlog ดังกล่าวยังไม่รวมรายได้ประจำในปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ประมาณ 260 ล้านบาท พร้อมเดินหน้ารุกตลาดอาเซียน โดยจะศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนก่อน ขณะเดียวกันมีการพูดคุยกับจีนและสิงคโปร์บ้างแล้ว

สำหรับสถานการณ์โควิดระลอกใหม่ส่งผลให้กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมีการเติบโตและเป็นขาขึ้นอย่างชัดเจน  ขณะที่กลุ่มลูกค้า เช่น E-Commerce  เกมส์ออนไลน์  ทีวี ทุกอุตสาหกรรมจะต้องเร่งปรับตัวเข้าสู่ระบบออนไลน์ รวมถึงภาครัฐหันมาใช้ดิจิทัลแทนการเก็บข้อมูลแบบกระดาษ ทำให้มีความจำเป็นต้องใช้บริการ Internet Data Center เพื่อเก็บฐานข้อมูลทุกชนิด ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่า ใน 3 -5 ปีข้างหน้า เทรนด์นี้ยังอยู่ต่อเนื่อง . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Let's block ads! (Why?)


PROEN เปิดเทรดวันแรก 9.75 บาท พุ่ง 200% จากราคา IPO - Thai News Agency
Read More

บสย.โชว์ไตรมาสแรกค้ำกู้ธุรกิจ 6 หมื่นราย กว่า4หมื่นล้าน แรงหนักช่วยเอสเอ็มอีฝ่าโควิด - มติชน

นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ รักษาการผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า ไตรมาส 1 /2564 (มกราคม – มีนาคม) บสย.มียอดอนุมัติค้ำประกันสินเชื่อ 40,570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ส่วนการอนุมัติหนังสือค้ำประกัน (LG) มียอดอนุมัติ 60,172 ฉบับ ลดลงเล็กน้อย จากปีก่อนมียอดอนุมัติ61,471 ฉบับ เนื่องจากวงเงินค้ำประกันสินเชื่อต่อ LG หรือ Ticket Size สูงขึ้น ในอัตราเฉลี่ย 0.67 ล้านบาท เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่ 0.57 ล้านบาท และช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้ 59,595 ราย โดยสัดส่วนการค้ำประกันของ บสย. ต่อจำนวนเอสเอ็มอีทั้งระบบ(SME Penetration Rate) ไตรมาส 1/2564 อยู่ที่ 18.7% เพิ่มขึ้นจาก 17.5% สิ้นปี 2563
ทั้งนี้ ผลดำเนินงานไตรมาส 1/2564 ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายด้วยความร่วมมือของทีมงาน บสย. ทุกฝ่าย ที่ได้ยกระดับการพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานภายในองค์กรในช่วงที่ผ่านมา นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้รวดเร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่กำลังประสบปัญหาด้านสภาพคล่องและต้องการเงินทุน ให้สามารถเข้าถึงแหล่งทุน และได้รับสินเชื่ออย่างรวดเร็วในช่วงวิกฤตโควิด-19 ตามที่ บสย. ได้ประกาศแผนการทำงานเชิงรุก ทำหน้าที่เป็นกลไกของรัฐ ในบทบาทนายธนาคารข้างถนน “ค้ำประกันสินเชื่อ ช่วย SMEs” ซึ่งผลการทำงานร่วมกันระหว่าง บสย. และสถาบันการเงินผู้ปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีได้รับสินเชื่อต่อแอลจี เพิ่มขึ้น และยังมีสัดส่วนการค้ำประกันสินเชื่อต่อจำนวนเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

นางวสุกานต์ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานไตรมาส 2/2564 บสย.ให้ความสำคัญกับมาตรการรัฐบาลช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อต่อเนื่อง จับมือกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ในโครงการค้ำประกันสินเชื่อฟื้นฟู ตาม พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 เฟสแรกวงเงิน 100,000 ล้านบาท ที่เปิดกว้างและเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการธุรกิจทุกประเภท อีกทั้งยังเพิ่มโอกาสการเข้าถึงสินเชื่อให้ง่ายขึ้น โดยใช้กลไก บสย.ค้ำประกันสินเชื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจทุกรายที่ผ่านการอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทย

นอกจากนี้ บสย. ยังมี โครงการค้ำประกันสินเชื่ออื่นๆ ที่พร้อมให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ได้แก่โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS9 จำนวน 82,000 ล้านบาท และ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ Micro 4 จำนวน 13,500 ล้านบาท ทั้ง 2 โครงการจะสิ้นสุดเดือนพฤศจิกายน 2565
โดยทิศทางการดำเนินงาน บสย. ยังเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้ คือการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสร้างรายได้จาก Core Business อาทิ ธุรกรรมการค้ำประกัน การเพิ่มรายได้จากการเก็บหนี้ บริหารเงินลงทุน และ Service Fee รวมถึงการปรับสาขาให้เป็น Profit Center เพื่อสร้างรายได้จากธุรกรรมค้ำประกัน นอกจากนี้ยังเดินหน้า โครงการพัฒนาระบบ Core Guarantee System หรือ CGS ซึ่งเป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและกระบวนการทำงานด้านการค้ำประกัน คาดว่าจะเริ่มเปิดระบบทดสอบการใช้งานได้ปลายไตรมาส 2 ปีนี้

QR Code LINE @Matichon

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่

LINE @Matichon

บทความก่อนหน้านี้‘ธนาธร’ จับผิด ‘ประยุทธ์ ‘ทำเนียนทุ่ม 4.5 หมื่นล.ให้ รมต.หาเสียงล่วงหน้า อัด ‘สุพัฒนพงษ์’ พูดไม่คิด
บทความถัดไป‘บลูพอร์ต หัวหิน’ เปิดพื้นที่ ใช้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิค 19 ให้กับชาวหัวหินและประจวบคีรีขันธ์

matichon

Let's block ads! (Why?)


บสย.โชว์ไตรมาสแรกค้ำกู้ธุรกิจ 6 หมื่นราย กว่า4หมื่นล้าน แรงหนักช่วยเอสเอ็มอีฝ่าโควิด - มติชน
Read More

รื้อแผนฟื้นฟูการบินไทย BBL-KTB แท็กทีมขอเอี่ยวบริหาร - ประชาชาติธุรกิจ

นับถอยหลังประชุมเจ้าหนี้การบินไทย 12 พ.ค. เจ้าหนี้แบงก์ใหญ่ “กรุงเทพ-กรุงไทย” นำทีมลุยรื้อแผนฟื้นฟู ยื่นข้อเสนอคลังค้ำประกันเงินกู้ 5 หมื่นล้าน พร้อมขอเอี่ยวส่งทีมบริหารแผนร่วม เผยแผนฟื้นฟูช่องโหว่เพียบ ชี้โอกาสที่การบินไทยจะฟื้นสร้างรายได้เพื่อหาเงินคืนเจ้าหนี้เป็นไปได้ยาก เตรียมยื่นขอแก้ไขแผนภายใน 7 พ.ค.นี้ ด้านรัฐบาลดิ้นหาช่องใส่เงินอุ้มการบินไทย มอบรองนายกฯวิษณุผ่าทางตันกฎหมายค้ำประกันเงินกู้ ยันไม่ดึง “การบินไทย” กลับเป็นรัฐวิสาหกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก บมจ.การบินไทยได้ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เมื่อ 2 มีนาคม 2564 พร้อมนัดประชุมเจ้าหนี้พิจารณาแผนฟื้นฟู ในวันที่ 12 พ.ค. 2564 โดยมีเจ้าหนี้ยื่นขอรับชำระหนี้รวม 13,133 ราย ภาระหนี้ที่มาปรับโครงสร้าง 410,140.78 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตามแผนฟื้นฟูมีการแบ่งเจ้าหนี้เป็นทั้งหมด 36 กลุ่ม โดยกลุ่มเจ้าหนี้สถาบันการเงินถือเป็นกลุ่มเจ้าหนี้ที่มีบทบาทสำคัญ และไม่เห็นด้วยกับแผนฟื้นฟูฉบับนี้ ซึ่งภายใต้ พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ. 2483 กรณีเจ้าหนี้ไม่เห็นชอบกับแผนฟื้นฟูสามารถยื่นขอแก้ไขแผนฟื้นฟูได้ ภายในวันที่ 7 พ.ค. (ก่อนการประชุมเจ้าหนี้ 3 วันทำการ)

แบงก์รื้อแผนฟื้นฟูบินไทย

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เรื่องแผนฟื้นฟูกิจการการบินไทย ขณะนี้กระทรวงการคลังยังไม่ได้มอบนโยบายในการโหวตแผน วันที่ 12 พ.ค. 64 ซึ่งขณะนี้ผู้ทำแผนก็อยู่ระหว่างการประชุมหารือกับเจ้าหนี้สถาบันการเงินหลายรายว่าจะมีข้อเสนอเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง เพื่อจะนำไปปรับแก้แผนเพิ่มเติม กระทรวงการคลังจึงรอดูว่า แผนฟื้นฟูฉบับใหม่จะมีการปรับแก้อะไรบ้าง

“แผนเดิมของการบินไทยระบุไว้ว่า จะไม่แฮร์คัตหนี้ พร้อมกับให้กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินเติมทุนให้ฝ่ายละ 2.5 หมื่นล้านบาท ส่วนแผนใหม่นั้นยังไม่เห็นรายละเอียด แต่คาดว่าผู้ทำแผนจะต้องเร่งทำให้เร็ว เพราะในส่วนของแบงก์จะต้องผ่านขั้นตอนของบอร์ดธนาคารด้วย ซึ่งตอนนี้ทุกฝ่ายก็รอคอนเฟิร์มอีกครั้งว่า สุดท้ายแล้วจะมีการแก้ไขแผนหรือไม่ และสุดท้ายแล้ว เจ้าหนี้ต้องมาพิจารณาว่า จะเห็นชอบแผนฟื้นฟูหรือไม่”

สำหรับช่องทางที่กระทรวงการคลังจะเติมเงินให้การบินไทยนั้น นางแพตริเซียกล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังก็พิจารณาทุกมิติ โดยข้อเสนอเดิมเรื่องการเพิ่มทุนนั้นเป็นเรื่องที่คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะต้องเป็นผู้พิจารณา

ส่วนกรณีจะให้ สบน.ค้ำประกันเงินกู้ได้ การบินไทยจะต้องเป็นรัฐวิสาหกิจตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะที่มีอยู่ 3 ประเภท แต่ตอนนี้หน่วยงานของรัฐถือหุ้นการบินไทยน้อยกว่า 50% จึงไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ ท้ายที่สุดก็ต้องมาดูว่า ผู้ทำแผนจะเสนอแผนฟื้นฟูแบบไหน

นายกฯถกลอดช่องกฎหมาย

ขณะที่เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้เข้าประชุมหาแนวทางแก้ไขปัญหา บมจ.การบินไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ และ รมว.พลังงาน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับกระทรวงคมนาคม และ รมว.สาธารณสุข ถึงแนวทางการใส่เงินเพื่อช่วยเหลือการบินไทย

เนื่องจากแผนฟื้นฟูต้องการให้กระทรวงการคลังเพิ่มทุน หรือค้ำประกันเงินกู้ให้การบินไทย 2.5 หมื่นล้านบาท ติดข้อกฎหมายเพราะรัฐบาลจะค้ำประกันเงินกู้ให้ได้เฉพาะหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ แต่ปัจจุบันการบินไทยได้ถูกปลดจากสถานภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลกล่าวว่า หลังการหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรี สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะนี้รัฐบาลได้ข้อสรุปว่า จะยังยืนยันว่าไม่สามารถเปลี่ยนสถานะการบินไทยให้กลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจได้อีก แต่หากจะค้ำประกันเงินกู้ อาจจะออกกฎหมายทำแบบเฉพาะกิจให้รัฐบาลค้ำประกันให้ได้ตามความจำเป็นเท่านั้น ซึ่งการค้ำประกันก็จะไม่ค้ำ 100%

โดยมีการมอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม ไปพิจารณาหาช่องทาง โดยรัฐบาลให้นำเงื่อนไขนี้ไปคุยกับเจ้าหนี้ก่อน ซึ่งต้องรอฟังความเห็นเจ้าหนี้ว่าจะพิจารณาอย่างไร

แบงก์ยื่นให้คลังค้ำ 5 หมื่นล้าน

ขณะที่แหล่งข่าวจากหนึ่งในเจ้าหนี้สถาบันการเงินของ บมจ.การบินไทยเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า แม้ว่าจะใกล้ถึงการประชุมเจ้าหนี้เพื่อโหวตแผนฟื้นฟู ในวันที่ 12 พ.ค.นี้แล้ว แต่ขณะนี้ยังมีความเห็นไม่ตรงกันเกี่ยวกับแผนฟื้นฟู

โดยขณะนี้ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้ได้มีการปรับแก้และเสนอแผนฟื้นฟูฉบับใหม่เข้ามา โดยเสนอให้คลังต้องเพิ่มทุน หรือรัฐบาลต้องค้ำประกันเงินกู้ที่ใส่เข้าไปใหม่ 5 หมื่นล้านบาท เพราะหากรัฐบาลไม่ค้ำประกัน แบงก์ก็ไม่มีใครกล้าปล่อยกู้เพิ่ม

หรือในกรณีรัฐบาลไม่ค้ำประกันเงินกู้ ทางเลือกก็คือ การบินไทยต้องขายทรัพย์สินบางส่วนออกมาเพื่อเป็นกระแสเงินสดรวม ๆ อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท เช่น อาคารสำนักงานใหญ่ เป็นต้น ขณะที่เจ้าหนี้บางส่วนก็ต้องรับเงื่อนไขแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งไม่มีเจ้าหนี้อยากทำวิธีนี้ เพราะหากฟื้นฟูไม่สำเร็จจะไม่ได้อะไรกลับมาเลย

แหล่งข่าวกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ยังเห็นต่างกันหลัก ๆ อยู่ 2-3 ประเด็น เรื่องโมเดลธุรกิจ และกลไกการบริหารแผนฟื้นฟู สำหรับโมเดลธุรกิจจุดที่ความเห็นแตกต่างคือ ธุรกิจการบินภายในประเทศ ที่ผู้ทำแผนยังคงให้ บมจ.ไทยสมายล์ เป็นตัวหลัก ส่วนการบินไทยจะมุ่งเส้นทางระหว่างประเทศ

ซึ่งเจ้าหนี้ส่วนใหญ่มองไม่เห็นความเป็นไปได้ทางธุรกิจที่จะช่วยฟื้นกิจการให้การบินไทยได้ เนื่องจากโอกาสที่การเดินทางระหว่างประเทศที่จะกลับมาคงไม่เร็ว และมองว่าการให้ไทยสมายล์บินในประเทศก็มองว่าเป็นเตี้ยอุ้มค่อม

แบงก์ขอเอี่ยวบริหารแผน

แหล่งข่าวกล่าวว่า ในส่วนของกลไกการบริหารแผนฟื้นฟู มีประเด็นเรื่องการบริหารแผน ซึ่งทางเจ้าหนี้สถาบันการเงินต้องการมีส่วนบริหารแผนฟื้นฟูด้วย เพราะรายชื่อผู้บริหารแผนที่เสนอในแผนฟื้นฟูมีแค่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กับนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ซึ่งตามหลักการบริหารแผนฟื้นฟู เจ้าหนี้ก็ต้องการควบคุมดูแลใกล้ชิด เนื่องจากมีการใส่เงินใหม่ ทำให้มีการเสนอชื่อผู้บริหารแผนจาก 2 คน เป็น 4 คน

“เจ้าหนี้ก็ต้องการความมั่นใจว่าจะมีคนควบคุม อย่างการขายทรัพย์สิน จะขายได้ราคาดีหรือไม่ รวมถึงใส่เงินไปให้แล้ว จะเอาไปบริหารตามความจำเป็นหรือไม่ ตลอดจนการควบคุมผู้บริหารและพนักงานการบินไทย ก็มีการมองกันว่า หากไม่เปลี่ยนเจ้านาย หรือผู้บริหารใหม่ ก็คงยากในการที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำธุรกิจ”

รัฐบาลต้องเป็นเจ้ามือ

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ปัญหาสำคัญที่สุดตอนนี้คือ ยังติดอยู่ที่ว่ากระทรวงการคลังจะค้ำประกันเงินกู้หรือเพิ่มทุนให้การบินไทยหรือไม่ เพราะหากกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกัน เจ้าหนี้สถาบันการเงินก็ไม่กล้าปล่อยกู้ โดยเฉพาะธนาคารของรัฐ รวมถึงถ้าคลังไม่เพิ่มทุน เจ้าหนี้ก็ไม่มั่นใจ

เพราะจากตัวเลขหลังจากจ่ายหนี้ค่าเครื่องบินแล้ว บริษัทต้องมี EBITDA (ความสามารถในการทำกำไรจากการดำเนินงาน) ไม่น้อยกว่า 15% เพื่อนำมาจ่ายหนี้ให้กลุ่มเจ้าหนี้ 36 กลุ่มแรก วงเงินราว 1.8 แสนล้านบาท ภายในราว 10 ปี ตกแล้วต้องจ่ายปีละไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท

“ขณะที่ปัจจุบันสายการบินเบอร์หนึ่งในประเทศ ยังมี EBITDA ไม่ถึง 5% หรือแม้แต่การบินไทยที่ผ่านมาก็ไม่เคยทำได้ แล้วเงินที่จะใส่เข้ามา 5 หมื่นล้านบาทใน 3 ปีแรก ยังไม่สามารถจ่ายเงินคืนเจ้าหนี้ได้ เรียกว่าเงินที่ใส่เข้าไปเป็นเหมือนเพื่อรอเศรษฐกิจดีขึ้น รอให้มีรายได้ขึ้นมาเป็นแสนกว่าล้านบาท แล้วก็มี EBITDA 15% ถึงจะมีเงินจ่ายคืนเจ้าหนี้ เป็นเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยอีก 1% กว่า ซึ่งดูแล้วจะทำได้อย่างไร ดังนั้น ถ้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไม่อนุมัติค้ำประกันเงินกู้ให้ก็แก้ยาก ไม่อย่างนั้นก็ต้องเอาทรัพย์สินเดิมมาค้ำ ก็จะทำให้เจ้าหนี้เดิมเสียบุริมสิทธิ” แหล่งข่าวกล่าว

แบงก์ไม่กล้าใส่เงินเพิ่ม

แหล่งข่าวกล่าวว่า กรณีที่การบินไทยไม่ลดทุน ก็เนื่องจากกระทรวงการคลังไม่ยอมให้ลด ส่วนการที่ไม่แฮร์คัตหนี้ ก็เพราะเจ้าหนี้ทุกรายไม่อยากลด แต่ต้องการให้ยืดหนี้ออกไปยาวขึ้นเป็น 10-12 ปี เพื่อดึงมูลค่าปัจจุบัน (PV) ให้อยู่ที่ประมาณ 67% เพื่อให้ดอกเบี้ยถูก ก็เหมือนกับการแฮร์คัต

“การแก้ปัญหาการบินไทยหลังจากนี้ หากรัฐบาลไม่เป็นเจ้ามือจะแก้ยากมาก ตอนนี้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 1.28 แสนล้านบาท จะให้ทำอย่างไร เพราะถ้าใครจะยอมแปลงหนี้เป็นทุน หรือเพิ่มทุน เพราะเท่ากับเงินหายหมด ดังนั้น รัฐบาลต้องกล้าค้ำประกันเงินกู้อย่างน้อย 2.5 หมื่นล้าน ไม่เช่นนั้นแบงก์ก็ไม่กล้าปล่อยกู้เพิ่ม ไม่เว้นแม้แต่ธนาคารออมสินที่เป็นแบงก์รัฐ และธนาคารกรุงไทย” แหล่งข่าวกล่าว

แผนฟื้นฟูช่องโหว่เพียบ

แหล่งข่าวระดับสูงจากธนาคารเจ้าหนี้อีกรายกล่าวว่า เท่าที่ดูแผนฟื้นฟูของ บมจ.การบินไทยต้องบอกว่า ในส่วนของแผนธุรกิจยังไม่เห็นว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรที่ชัดเจน ทำให้มองไม่เห็นโอกาสที่การบินไทยจะสามารถสร้างรายได้เพื่อนำมาชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ได้ตามแผน

ในส่วนของภาระหนี้ของบริษัทก็ยังอยู่เท่าเดิม คือไม่มีการแฮร์คัต หรือ “ลดหนี้” ซึ่งตัวเลขหนี้สูงถึงกว่า 4 แสนล้านบาท ทำให้ยิ่งมองว่าโอกาสที่การบินไทยจะสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจและหารายได้เพื่อมาใช้คืนเจ้าหนี้ตามแผนนั้นยากมาก

“แผนฟื้นฟูที่เขียนมาง่ายเกินไป ปรับโครงสร้าง ลดคน ลดค่าใช้จ่าย แยกบริษัทลูกมาหารายได้ แต่แผนไม่มีการลดทุน และลดหนี้ ขณะที่บริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัว ต้องบอกว่าเริ่มต้นก็ผิดแล้ว ในส่วนของเจ้าหนี้สถาบันการเงินรายใหญ่อย่างธนาคารกรุงเทพ และธนาคารกรุงไทยก็มีการหารือกันอยู่ เจ้าหนี้แบงก์ไม่มีใครกล้าใส่เงินใหม่เข้าไป เพราะหนี้เดิมก็ยังไม่รู้ว่าได้คืนหรือไม่ ตอนนี้แบงก์ก็ต้องสำรอง 100% ไปแล้ว”

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการโหวตแผนในวันที่ 12 พ.ค.นี้ แผนก็คงได้รับความเห็นชอบ เนื่องจากมีเสียงของกลุ่มเจ้าหนี้ “หุ้นกู้” คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของหนี้ทั้งหมด ที่ให้การสนับสนุนเพราะไม่มีการแฮร์คัต แต่มีการยืดหนี้ไป 6 ปีสำหรับกลุ่มนี้ รวมกับในส่วนของกระทรวงการคลัง ซึ่งก็คงต้องโหวตให้ และเจ้าหนี้การค้า ก็คาดว่าจะทำให้สามารถโหวตแผนผ่านได้

แต่การบินไทยจะสามารถหาเงินมาใช้คืนเจ้าหนี้ได้ตามแผนหรือไม่ ยังเป็นคำถาม เพราะหนี้จำนวนมหาศาลไม่มีการแฮร์คัต และการปรับโครงสร้างก็ยังไม่เห็นการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้น โอกาสที่จะหลุดพ้นจากแผนฟื้นฟูกิจการได้นั้นอาจเป็นไปได้ยาก

เปิดชื่อ 5 แบงก์เจ้าหนี้ใหญ่

สำหรับเจ้าหนี้สถาบันการเงินที่ไม่มีหลักประกันมูลหนี้รวม 31,228.37 ล้านบาท โดยธนาคารกรุงเทพ 9,344.65 ล้านบาท อันดับ 2 คือ ธนาคารกรุงไทย 6,966.98 ล้านบาท ธนาคารออมสิน 3,826.12 ล้านบาท, ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2,149.65 ล้านบาท และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย 2,658.93 ล้านบาท โดยแผนฟื้นฟูขอยืดชำระหนี้ออกไปประมาณ 13 ปี

Let's block ads! (Why?)


รื้อแผนฟื้นฟูการบินไทย BBL-KTB แท็กทีมขอเอี่ยวบริหาร - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...