Rechercher dans ce blog

Monday, December 19, 2022

ปตท : เหตุใดกองทุนความมั่งคั่งนอร์เวย์ประกาศถอนการลงทุนจาก PTT-OR - บีบีซีไทย

สถานีบริการน้ำมันของ ปตท.

ที่มาของภาพ, Getty Images

แม้ว่ารัฐประหารในเมียนมาจะผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งปี แรงกดดันจากนานาชาติที่มีต่อการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ได้ประกาศถอนการลงทุนจาก บมจ. ปตท. หรือ PTT และ บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือ OR ฐานเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่รัฐบาล-กองทัพเมียนมา เป็นเจ้าของ

ผู้บริหารกองทุนสัญชาตินอร์เวย์ ที่มีมูลค่ากว่า 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 45 ล้านล้านบาท) ให้เหตุผลว่า มติดังกล่าวของคณะกรรมการบริหารกองทุนเห็นว่า เป็นความเสี่ยงที่ไม่อาจยอมรับได้ (unacceptable risk) เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในการละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยนอกจากสองบริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยแล้ว ยังมีบริษัทในอิสราเอลอีกหนึ่งแห่งด้วย ที่กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ ถอนการลงทุน

การตัดสินดังกล่าวมีผลมาจากการออกคำแนะนำโดยคณะกรรมการจริยธรรมเมื่อวันที่ 10 พ.ค. และต่อมาธนาคารกลางแห่งชาตินอร์เวย์ (Norge Bank) จึงมีประกาศเรื่องนี้ในวันที่ 15 ธ.ค.

คณะกรรมการด้านจริยธรรมของกองทุนนี้ยังอธิบายว่า บริษัทสัญชาติไทยทั้งสองเป็นพันธมิตรกับบริษัทที่มีรัฐบาลและกองทัพเมียนมาเป็นเจ้าของ และกิจการต่าง ๆ ก็มีไว้เพื่อสนับสนุนกองทัพเมียนมาทางการเงินในปฏิบัติการทางทหารและการใช้อำนาจในทางมิชอบ

"นี่เป็นความเสี่ยงที่ยอมรับไม่ได้ เมื่อบริษัทเหล่านั้นมีส่วนช่วยในการละเมิดขั้นร้ายแรงต่อสิทธิมนุษยชน ท่ามกลางสถานการณ์สงครามหรือความขัดแย้ง"

ภาพอาคารสำนักงานของธนาคารกลางแห่งชาตินอร์เวย์

ที่มาของภาพ, Reuters

นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2564 เป็นต้นมา เมียนมาต้องเผชิญกับเหตุความวุ่นวายทางการเมืองหลังจากกองทัพเมียนมาได้ก่อรัฐประหารรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และใช้กำลังปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมืองและการขึ้นสู่อำนาจของทหาร

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ได้ติดต่อไปยังบริษัท PTT และ OR แล้วแต่ยังไม่ได้รับความเห็นใด ๆ ต่อประเด็นนี้ ขณะที่โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาไม่รับสายผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์

ธุรกิจ ปตท. ในเมียนมาที่ถูกจับตา

หลังข่าวดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ไม่นาน บล. ยูโอบี เคย์เฮียน ได้อธิบายถึงความเกี่ยวโยงระหว่างกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ และบริษัทด้านพลังงานและค้าปลีกของไทยว่า

1) กองทุนของธนาคารกลางนอร์เวย์ (Norges Bank) ถือหุ้นใน OR ราว 0.23% (ประมาณ 28 ล้านหุ้น)

2) สาเหตุน่าจะเกิดจากการลงทุนของ OR ในเมียนมา 2 รายการ ได้แก่ กิจการร่วมทุนกับ Bright Energy ( ซึ่ง OR ถือหุ้น 35%) ในการทำธุรกิจค้าส่งและคลังเก็บผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างก่อสร้างและได้หยุดไปตั้งแต่รัฐประหารในเมียนมา และ กิจการร่วมทุนอีกตัวทำธุรกิจค้าปลีก (ซึ่ง OR ถือ 51%) ซึ่งหยุดดำเนินการตั้งแต่รัฐประหารเช่นกัน

แหล่งยาดานา ในอ่าวเมาะตะมะ ประเทศเมียนมา

ที่มาของภาพ, PTTEP HANDOUT

นอกจากนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ยังรายงานเพิ่มเติมว่า ยังมีธุรกิจในเครือของ ปตท. คือ ปตท. สำรวจและผลิตปิโตเลียม ที่ได้ประกาศเมื่อเดือน มี.ค. ว่าได้แจ้งเปลี่ยนผู้ดำเนินโครงการยาดานา ในเมียนมา หลัง บริษัท โททาลเอนเนอร์ยี่ส์ อีพี เมียนมา ของฝรั่งเศสถอนตัวไป

อย่างไรก็ตาม บล.กสิกรไทย คาดว่า ข่าวดังกล่าวจะเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาหุ้นในระยะสั้น ขณะที่ต้องตามต่อว่าจะมีกองทุนต่างประเทศกองอื่นๆ ตัดสินใจแบบเดียวกันหรือไม่ เนื่องจากทาง OR ได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีการจ่ายเงินให้กับบริษัทที่เข้าร่วมลงทุนหลังจากบริษัทดังกล่าวติดอยู่ในรายชื่อประเทศที่ถูกคว่ำบาตรของประเทศตะวันตก

หุ้น PTT และ OR ปรับตัวลดลง

ผลกระทบระยะสั้นที่เกิดขึ้นต่อหุ้นของบริษัททั้งสองในตลาดหลักทรัพย์ยังคงปรากฏนับตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา

เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ธ.ค. ราคาหุ้นของ OR ปรับตัวลดลง 2.90% หรือ 0.70 บาท มาอยู่ที่ราคา 23.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,451 ล้านบาท และทำราคาต่ำสุดของวันนี้ที่ 23.20 บาท ถือว่าต่ำสุดในรอบ 1 ปี 10 เดือน

ส่วน PTT ก็ปรับตัวลดลง 1.59% หรือ 0.50 บาท อยู่ที่ราคา 31 บาท ถือว่าต่ำสุดในรอบ 2 ปี ด้วย ส่วนมูลค่าการซื้อขายอยู่ที่ 1,481 ล้านบาท และราคายังต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีที่ 37.64 บาท

ขณะที่ในช่วงเข้าวันนี้ (19 ธ.ค.) ราคาหุ้น OR ยังปรับตัวลดลงอีก 0.43% หรือ 0.10 บาท อยู่ที่ราคา 23.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 274 ล้านบาท

ธุรกิจและความรับผิดชอบต่อสังคม

ในปัจจุบัน การลงทุนอย่างยั่งยืน กำลังเป็นหนึ่งในหัวข้อที่บรรดานักลงทุนเริ่มหันมาให้ความสำคัญมากขึ้น

เป็นระยะเวลากว่า 1 ปีแล้ว ที่เมียนมายังคงปกครองด้วยกองทัพหลังก่อรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลจากการเลือกตั้ง

ที่มาของภาพ, Getty Images

ในบทความเรื่อง "Responsible Investment มิติใหม่ของการลงทุน" โดย ดร.กฤษฎา เสกตระกูล, รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เสนอว่า การลงทุนแบบที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Investment) ที่กลายเป็นกระแสมาแรงทุกวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความตระหนักว่าโลกกำลังเสื่อมโทรมทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งธุรกิจควรมีส่วนรับผิดชอบด้วย โดยไม่ควรมุ่งแต่แสวงหากำไรสูงสุดเพื่อตอบสนองต่อผู้ถือหุ้นเท่านั้น

สำหรับการลงทุนอย่างยั่งยืนมีพัฒนาการมายาวนาน โดยมีรูปแบบหรือกลยุทธ์การลงทุนที่หลากหลาย เช่น การบริหารความเสี่ยงของพอร์ตโฟลิโอด้วยการคัดกรองปัจจัยเชิงลบ (Negative Screening) เช่น ไม่ลงทุนในธุรกิจที่อาจขัดต่อศีลธรรมจรรยาที่ดีของสังคม การคัดกรองปัจจัยเชิงบวก (Positive Screening) เช่น เลือกลงทุนในธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ส่งเสริมหลักศีลธรรมจรรยาหรือมีความโดดเด่นในการดำเนินงานด้านการลงทุนที่คำนึงถึงการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ของธุรกิจ

Adblock test (Why?)


ปตท : เหตุใดกองทุนความมั่งคั่งนอร์เวย์ประกาศถอนการลงทุนจาก PTT-OR - บีบีซีไทย
Read More

No comments:

Post a Comment

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...