ทุกวันนี้ความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ได้หยุดนิ่งเพียงการพัฒนา ‘รถไฟฟ้า’ เพื่อแก้ปัญหาด้านน้ำมันเชื้อเพลิง แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต่างมุ่งสร้างนวัตกรรมยานยนต์สุดล้ำ ‘เทคโนโลยียานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ หรือ Autonomous Vehicle’ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนน ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับสิริ เวนเจอร์ส และกรมวิทยาศาสตร์บริการ (วศ.) กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประสบความสำเร็จในการพัฒนาต้นแบบยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติในรูปแบบรถกอล์ฟไฟฟ้าแบบ 6 ที่นั่ง ไปแล้ว มาในวันนี้ สวทช. ได้จับมือกับ บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ต่อยอดงานวิจัยพัฒนา ‘ต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าขนาดเล็กขับขี่อัตโนมัติ’ หรือ รถมินิบัสไฟฟ้า ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) แล้ว
โดยความสำเร็จที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันของ ภาครัฐ-เอกชน เกิดขึ้นมาจากการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ในธุรกิจอุตสาหกรรมระหว่าง สวทช.และ บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ต่อยอดความแข็งแกร่ง ภาครัฐ-เอกชน สร้างนวัตกรรม รถมินิบัสไฟฟ้า เสริมแกร่งอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย
ดร.ณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สวทช. ได้กล่าวไว้ในโอกาสลงนามความร่วมมือร่วมกันว่า

“สวทช. และ บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ได้มีความร่วมมือในหลายด้าน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ Logistics และแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน เป็นต้น การลงนามความร่วมมือระหว่าง บริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด และ สวทช. ในวันนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในกลไกที่จะช่วยส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้กับภาคอุตสาหกรรมในประเทศ ผ่านการวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างนวัตกรรมเชิงเทคโนโลยีที่มีจุดแข็งและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในธุรกิจอุตสาหกรรมในอนาคต”
ด้าน พนัส วัฒนชัย ประธานกรรมการบริหาร พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันบริษัทฯ มีความร่วมมือกับทาง สวทช. ในหลายภาคส่วน”

“ทั้งการร่วมใช้ทรัพยากรเกี่ยวกับ Finite Element กับ DECC มากกว่า 15 ปี ความร่วมมือกับศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี จัดการประกวดผลงานความคิดสร้างสรรค์เชิงเทคโนโลยีและนวัตกรรม ด้าน Logistics ในโครงการ Panus Thailand LogTech Award ที่มีการร่วมจัดมาแล้วกว่า 5 ปี”
“นอกจากนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติที่เหมาะกับการใช้งานภายใต้สภาพเงื่อนไขประเทศไทย การพัฒนาแผ่นเกราะกันกระสุนสำหรับการใช้งานในหัวรถจักรเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงานและผู้โดยสารในพื้นที่ภาคใต้ และอีกหลายโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่และกำลังที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
“อย่างไรก็ดีกว่า 50 ปีนั้น บริษัทฯ เกิดการ Transformation และพัฒนาธุรกิจในหลากหลายด้านเพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนไป โดยเริ่มจากธุรกิจให้บริการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ หรือที่รู้จักกันดีในการผลิตรถขนส่งเชิงพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็น รถหางพ่วง รถขนตู้คอนเทนเนอร์ รถดั้ม รถทางการเกษตรต่างๆ รวมถึงรถบรรทุกรถที่เรามีนวัตกรรมร่วมกับ Toyota ซึ่งปัจจุบันในตลาดรถขนส่งเชิงพาณิชย์นี้ เราครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 มากกว่า 25% ของตลาดมาอย่างยาวนาน ด้วยเราเล็งเห็นโอกาสในทั่วทุกมมุมโลก จึงไม่เพียงแต่จำหน่ายในประเทศเท่านั้น แต่ยังส่งออกไปยังต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันเราส่งออกมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พนัสฯ กล่าวต่อว่า อีกธุรกิจหลักของบริษัทที่สำคัญเลยก็คือ ธุรกิจการให้บริการภาคพื้นสนามบินที่เราดำเนินกิจการมากว่า 15 ปี”
“ผลิตภัณฑ์หลักๆ คือรถดันเครื่องบินที่มีทั้งดีเซล และไฟฟ้า 100% นอกจากนี้ก็เป็นอุปกรณ์ในภาคพื้นสนามบินต่าง ๆ รวมไปถึงรถบัสชานต่ำ หากพูดถึงรถดันเครื่องบินไฟฟ้า ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์มาตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของบริษัทด้วยฐานคิดและนวัตกรรมด้านยานยนต์ไฟฟ้าตรงนี้”
“เราจึงได้พัฒนาต่อยอดและสร้างธุรกิจอีกหนึ่งส่วนขึ้นมาเรียกว่า หน่วยธุรกิจนวัตกรรม ที่ดูแลธุรกิจใหม่ๆของบริษัททั้งในเรื่องอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ซึ่งปัจจุบันเราได้รับการรับรองมาตรฐานรถหุ้มเกราะกันกระสุนจากกระทรวงกลาโหมถึง 2 รุ่นด้วยกัน”
“รวมไปถึงระบบบริหารจัดการฝูงรถ และไฮไลท์เลท์คือ ยานยนต์ไฟฟ้าดัดแปลงเชิงพาณิชย์ ในชื่อของ Panus Drive ที่เพิ่งเปิดตัวไปเป็นการสร้างชุดดัดแปลงรถสันดาปเป็นพลังงานไฟฟ้า มุ่งเน้นรถขนส่งเชิงพาณิชย์ ซึ่งตรงนี้เองเรามองว่าเป็นอนาคต ทั้งอนาคตของบริษัทและอนาคตของประเทศ และยังช่วยสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโตไปพร้อมกันได้ เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมใหม่จึงจำเป็นอย่างที่จะต้องพัฒนาคนและกระจายองค์ความรู้สู่คนรุ่นใหม่ รวมไปถึงอู่รายย่อย เครือข่ายพันธมิตร สถาบัน และองค์กรต่างๆ ทุกภาคส่วนที่สามารถรับ know how หรือชุด kit ไปประกอบและดัดแปลงเองได้”
แชร์จุดเด่น รถมินิบัสไฟฟ้า ประกาศขีดความสามารถการผลิต ยานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ของไทยที่ไปไกลได้ไม่แพ้ชาติใด
สุธี โอฬารฤทธินันท์ ทีมวิจัยเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อการขนส่ง ศูนย์วิจัยเทคโนโลยีระบบรางและการขนส่งสมัยใหม่ สวทช. กล่าวให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงโปรเจกต์การร่วมออกแบบและสร้าง รถมินิบัสไฟฟ้าร่วมกับ บริษัทพนัสฯ ในครั้งนี้ว่า

“จากความสำเร็จในการพัฒนารถกอล์ฟขับขี่อัตโนมัติขนาด 6 ที่นั่ง ทีมวิจัยตั้งเป้าขยายผลสู่การพัฒนาต้นแบบรถโดยสารไฟฟ้าขนาดเล็กขับขี่อัตโนมัติ ระดับที่ 3 (รถยนต์ขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติแต่มีผู้ขับขี่คอยเฝ้าระวังและแทรกแซงในกรณีที่ฉุกเฉิน) ซึ่งตัวรถบรรทุกผู้โดยสารได้ 15 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า วิ่งได้ความเร็วสูงสุด 35 กม./ชม. เป็นโครงการวิจัยร่วมกับบริษัท พนัส แอสเซมบลีย์ จำกัด ซึ่งมีความเชี่ยวชาญการผลิตรถบรรทุกเป็นทุนเดิม”
“ในการดำเนินโครงการ ทีมวิจัยได้พัฒนาระบบ 2 ส่วนหลักๆ คือ แพลตฟอร์มยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (EV Platform) และระบบขับขี่อัตโนมัติ (Autonomous Vehicle) โดยในส่วนของ EV Platform มีการพัฒนาตั้งแต่เรื่องของการออกแบบโครงสร้างยานยนต์ไฟฟ้า การเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ การออกแบบวงจรไฟฟ้าเพื่อควบคุมการทำงาน”
“ทั้งนี้ ยังรวมถึงการศึกษาเรื่องพลศาสตร์ยานยนต์ (Vehicle Dynamics) คือ ศึกษาสาเหตุและปัจจัยต่างๆ ที่มีผลต่อการเคลื่อนที่ของรถ เช่น โครงสร้างและน้ำหนักรถที่ออกแบบมามีผลต่อสมรรถนะการขับขี่หรือไม่ รถสามารถใช้ความเร็ว การเลี้ยว หรือเข้าโค้งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด”
“ส่วนระบบ Autonomous Vehicle เป็นการพัฒนาระบบควบคุมและสัญญาณให้มีความเหมาะสมมากขึ้น จากเดิมที่ใช้กับรถกอล์ฟมาสู่รถโดยสารขนาดเล็ก ต้องศึกษาทั้งการใช้เซนเซอร์ตรวจวัดสัญญาณ ระบบสั่งการ ระบบ Machine Learning รวมถึงระบบนำทางให้มีความเหมาะสมกับขนาดของรถ”
“นอกจากนั้นในการพัฒนายานยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ทีมวิจัยได้นำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณทางวิศวกรรม (Computer-Aided Engineering: CAE) มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาระบบ EV Platform เช่น การออกแบบโครงสร้างรถยนต์ การจำลองระบบควบคุม การขับเคลื่อนของรถในลักษณะต่างๆ เพื่อวิเคราะห์ผลการทำงานและปัญหาเบื้องต้นก่อนที่จะนำไปใช้สร้างต้นแบบรถจริง”
“ขณะเดียวกันเมื่อทีมวิจัยสร้างต้นแบบรถมินิบัสไฟฟ้าเสร็จแล้ว เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ช่วยในการคำนวณทางวิศวกรรมยังมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาการเรียนรู้ของระบบ Autonomous Vehicle โดยใช้จำลองเส้นทางการเดินรถ และเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อสร้างระบบการรู้จำและการตัดสินใจของระบบควบคุมอัตโนมัติให้ขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ก่อนนำมาติดตั้งจริงในรถต้นแบบ”
“และในขณะนี้การดำเนินโครงการยังอยู่ระหว่างการออกแบบและคำนวณทางวิศวกรรม โดยคาดว่าจะสามารถผลิตต้นแบบรถมินิบัสไฟฟ้าขับขี่อัตโนมัติเสร็จภายในปี 2566 และจะทดสอบเดินรถในพื้นที่ปิด คืออุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี เพื่อเก็บข้อมูลและประเมินสมรรถนะการขับขี่ของรถ รวมถึงปรับจูนระบบ EV Platform และ Autonomous ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
“ท้ายที่สุดหวังว่าองค์ความรู้ในการพัฒนาต้นแบบรถมินิบัสไฟฟ้าขับขี่อัตโนมัติที่พัฒนาขึ้นจะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยในการนำไปใช้พัฒนาต่อยอดเชิงพาณิชย์ รวมถึงอาจนำไปใช้ทดสอบเป็นพาหนะเชื่อมโยงเครือข่ายขนส่งสาธารณะจากรถไฟฟ้าสายสีแดงมามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นต้น”
ที่มา : รายงานข่าวเรื่อง “สวทช. เดินหน้าวิจัยพัฒนา ‘รถมินิบัสไฟฟ้าขับขี่อัตโนมัติ’ ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์” และ “สวทช. – PANUS ผนึกกำลัง ด้านวิจัยและนวัตกรรม ยกระดับอุตสาหกรรมขนส่ง-ยานยนต์-แบตเตอรี่” จากเว็บไซต์ สวทช.
ตามติดความเป็นไปในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทย และ ยานยนต์ไฟฟ้าโลก
ส่องความคืบหน้า นโยบาย & มาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า ส่งประเทศในอาเซียนเป็น ฐานการผลิต EV โลก
Post Views: 6
เผยโฉม รถมินิบัสไฟฟ้า ผลงานร่วมคิด ภาครัฐ-เอกชน - Salika.co
Read More
No comments:
Post a Comment