
โบรกฯ คาด SCC ทำกำไรไตรมาส 3/65 ต่ำสุดของปี จากผลงานทุกธุรกิจลดลง แรงกดดันจากต้นทุนพลังงานแพง กลุ่มเคมีหนักสุด คาด EBITDA ต่ำสุดในประวัติการณ์ - แผนนำ SCGC เข้าตลาดหุ้นอาจล่าช้าจากตลาดปิโตรเคมีที่อ่อนแอ แนะถือ ส่วน SCGP แม้กำไรไม่โดดเด่น แต่ต้นทุนลดลงเป็นสัญญาณที่ดี คาดฟื้นตัวในไตรมาส 4/65 แนะซื้อเป้าราคา 60-74 บาท
ปี 65 เป็นการฟื้นตัวของภาคธุรกิจหลายอุตสาหกรรม แต่คงใช้ไม่ได้สำหรับธุรกิจปูนซีเมนต์ – ปิโตรเคมี และกระดาษ ยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้นไทย อย่าง บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ปีนี้ได้รับผลกระทบจากต้นทุนพลังงานที่ขึ้นมาก ซึ่งจะกระทบกับกำไรลดลง โดยคาดแจ้งงบไตรมาส 3/65 วันที่ 26 ต.ค.นี้
*** บล.ทิสโก้ แนะขาย มูลค่าที่เหมาะสม 312 บาท
บล.ทิสโก้ แนะขาย มูลค่าที่เหมาะสม 312 บาท คาดผลประกอบการ Q3/65 ที่ 2.67 พันล้านบาท ลดลง 73% QoQ และ 61% YoY ในขณะที่ราคากลุ่มเคมีอ่อนแอเป็นปัจจัยหลัก และกลุ่มวัสดุก่อสร้างถูกกระทบจากราคาถ่านหินที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ช่วง Q3/65 ยังไม่มีเงินปันผลเหมือนใน Q2/65 คาดผลประกอบการออกในวันที่ 26 ต.ค.นี้
คาดกลุ่มเคมีจะรายงาน EBITDA ต่ำสุดในประวัติการณ์ที่ 1.14 พันล้านบาท ลดลง 80% QoQ และ 87% YoY โดยรวมสถานการณ์ของกลุ่มอยู่ในภาวะฉุกเฉินจากอุปสงค์ที่อ่อนแอและอุปทานที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้อัตรากำไรเฉลี่ยของเคมีภัณฑ์ลดลง 22% QoQ และ 30% YoY ทำให้ปรับลดกำลังการผลิตลง 15% และคาดมีผลขาดทุนจากสต็อค 1.65 พันล้านบาท
ในขณะที่วัสดุก่อสร้างคาด EBITDA ที่ 4.05 พันล้านบาท ลดลง 22% QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY แม้ว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้นแต่ต้นทุนถ่านหินจะกดดันใน Q3/65 เป็นต้นไป
คาดผลประกอบการ Q4/65 จะดีขึ้น QoQ จากปันผลและไม่มีผลขาดทุนจากสต็อค แต่ธุรกิจเคมีจะยังคงทรงตัวในเชิงอัตรากำไรสำหรับเดือนต.ค.และด้วยต้นทุนถ่านหินที่เพิ่มขึ้น แต่อุปสงค์จะอ่อนแอลงตามฤดูกาล
*** บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะนำ ถือ ราคาพื้นฐาน 363 บาท
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ปรับคำแนะนำเป็นถือ (เดิมซื้อ) ลดราคาพื้นฐานเป็น 363 บาท คาดผลประกอบการ Q3/65 ต่ำสุดในปีนี้ โดยกำไรทุกธุรกิจลดลง
โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไว้ที่ 3.7 พันล้านบาท ลดลง 46% YoY และลดลง 63% QoQ ปัจจัยที่กดดัน คือ ต้นทุนการผลิตธุรกิจซีเมนต์ & วัสดุก่อสร้างสูงขึ้นโดยเฉพาะพลังงาน, ปริมาณขายซีเมนต์ในประเทศลดลงประมาณ 5% ส่วนราคาปรับขึ้น 11% แต่ทรงตัว, อุปสงค์ปิโตรเคมีชะลอตัวลง, สเปรดปิโตรเคมีแคบลง, มีขาดทุนสต็อกคาดไว้ที่ 1.75 พันล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง สำหรับ Norm profit คาดว่าจะลดลง 35% YoY และลดลง 45% QoQ เป็น 5.45 พันล้านบาท
แนวโน้ม Q4/65 ดีขึ้น QoQ คาดว่าสเปรดปิโตรเคมีจะกระเตื้องขึ้น เพราะผู้ผลิตหลายรายลดการผลิต/หยุดผลิตทำให้อุปทานลดลง รวมถึงความต้อองการซื้อเพิ่มตามปัจจัยฤดูกาล รวมถึงยอดขยายบรรจุภัณฑ์ที่จะเพิ่มขึ้นเพราะเป็นช่วงเทศกาลจับจ่ายใช้สอย เริ่มเห็นสเปรดเพิ่ม
*** บล.บัวหลวง แนะถือ ราคาเป้าหมาย 350 บาท
บล.บัวหลวง แนะถือ ราคาเป้าหมาย 350 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/65 ที่ 1.97 พันล้านบาท หักรายการพิเศษกำไรหลักจะอยู่ที่ 3.55 พันล้านบาท ลดลง 59% YoY และ 65% QoQ กดดันโดยธุรกิจเคมีฯ จากปริมาณขายที่ลดลง YoY และส่วนต่างราคาที่ลดลง เกิดจากทุกผลิตภัณฑ์
ส่วนแนวโน้ม Q4/65 คาดกำไรหลักยังคงหดตัวต่อ YoY จากธุรกิจเคมีกดดันต่อ ซ้ำด้วยธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่อัตรากำไรอ่อนตัวลง จึงปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 65 ลง 35% เป็น 2.44 หมื่นล้านบาท สะท้อนแนวโน้มส่วนต่างราคาที่ไม่ดี และคาดว่าตลาดก็จะมีการปรับลดคาดการณกำไรตามมาด้วย
*** บล.ดาโอ แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 370 บาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 370 บาท คาดกำไร Q3/65 เป็นจุดต่ำสุดของปี จากสเปรดที่อ่อนแอและขาดทุนจากสต๊อก รอการฟื้นตัวของกำไรในปี 66
คาด SCC จะรายงานกำไรสุทธิ Q3/65 ที่อ่อนแอที่ 4.1 พันล้านบาท ลดลง 40% YoY และลดลง 59% QoQ หลักๆ ตามแนวโน้มปริมาณขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่น้อยลงและส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่อ่อนแอ
*** บล.หยวนต้า แนะเทรดดิ้ง ราคาเป้าหมาย 400 บาท
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) แนะเทรดดิ้ง ราคาเป้าหมาย 400 บาท อาจรอให้ผ่านงบ Q3/65 ก่อนพิจารณาการลงทุน โดยประเมินกำไรสุทธิ Q3/65 ที่ 2.2 พันล้านบาท (-78% QoQ, -68% YoY) ต่ำสุดในรอบหลายปี
คาดธุรกิจปิโตรเคมีจะขาดทุนเพราะอุปสงค์ทรุดตัวหนักจากนโยบายควบคุมของจีน และปัญหาเงินเฟ้อ-รัสเซีย ทำให้ Margin อยู่ระดับ Break-even เท่านั้น และคาดมีขาดทุนสต็อก 1.7 พันล้านบาท
ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้างฟื้นตัวจากฐานต่ำ ขณะที่ธุรกิจ Packaging ฟื้นตัว QoQ เล็กน้อยจากอัตราผลิต และค่าขนส่ง
แนวโน้ม 4Q65 ยังเป็นช่วงที่ท้าทาย โดยการฟื้นตัวของธุรกิจปิโตรเคมีขึ้นอยู่กับการผ่อนปรนมาตรการควบคุมของจีน ซึ่งมีความไม่แน่นอน
หุ้นมีความเสี่ยงถูกตลาด Downgrade กำไร และแผน IPO บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC อาจล่าช้าจากสภาพตลาดปิโตรเคมีที่อ่อนแอ
*** บล.กรุงศรี แนะถือ ราคาเป้าหมาย 330 บาท
บล.กรุงศรี แนะถือ ราคาเป้าหมาย 330 บาท คาดกำไรสุทธิใน Q3/65 ที่ 2.2 พันลบ.(-78% QoQ,-68% YoY) สเปรดเคมีภัณฑ์อ่อนแอ จีนใช้มาตรการและอุปทานใหม่ตลาดทำให้สเปรดของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ลดลง
ด้านธุรกิจ แพคเกจจิ้ง ที่มีบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เป็นเรือธง จะเปิดงบไตรมาส 3/65 วันที่ 25 ต.ค.นี้ หลายโบรกฯแนะ"ซื้อ" จากต้นทุนที่ลดลงเป็นสัญญาณที่ดี
*** บล.ทิสโก้ แนะซื้อ มูลค่าเหมาะสม 59 บาท
บล.ทิสโก้ แนะนำ“ซื้อ” ปรับมูลค่าที่เหมาะสมเพิ่มขึ้นเป็น 59 บาท โดยจะประประกาศงบ 25 ต.ค.นี้ มองความเสี่ยงเชิงลบของ SCGP เริ่มจำกัดลง แม้ว่าการฟื้นตัวจะยังไม่ชัดเจนมาก แต่เชื่อว่าจุดต่ำสุดได้ผ่านไปแล้วในระยะกลาง จากต้นทุนที่ลดลงมากกว่าคาดเดิม ชดเชยในส่วนของราคาที่ลดลง (อุปสงค์ยังอ่อนแอ)
ตลาดรับรู้ผลประกอบการที่แย่ไปแล้ว โดยคาดผลประกอบการ Q3/65 ที่ 1.4 พันล้านบาท ลดลง 24% QoQ และลดลง 6% YoY แต่จะกลับมาฟื้นตัวใน Q4 จากต้นทุนกระดาษและถ่านหินที่ลดลงรวมถึงยอดขายที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล
*** บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 70 บาท
บล.โนมูระ พัฒนสิน แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 70 บาท แนวโน้มกำไรปกติ Q3/65 ที่ 1,735 ลบ. (+25% y-y, -9% q-q) ต่ำกว่าคาดเดิมทั้งรายได้และ GPM จากผลกระทบของการล็อคดาวน์และปัญหาภัยแล้งในจีนที่กระทบกำลังซื้อในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในเวียดนามและอินโดนีเซีย ทำให้ปริมาณยอดขายโดยรวมลดลง รวมถึงการปรับราคาทำได้ยากและไม่พอชดเชย
ทั้งนี้ คาดแนวโน้มกำไรปกติ Q4/65 ฟื้นตัว เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี จากยอดขายเข้าสู่ช่วง high season และ GPM ที่จะฟื้นตัวเด่นจากต้นทุนกระดาษใน Q3/65 ปรับตัวลดลงราว -27% คาดเห็นผลใน Q4/65
สำหรับประมาณการกำไรปกติปี 65 ที่ 8,622 ล้านบาท มองราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว และเป็นโอกาสเข้าซื้อตอบรับการฟื้นตัวใน Q4/65
***บล.บัวหลวง แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 74 บาท
บล.บัวหลวง แนะซื้อ ราคาเป้าหมาย 74 บาท ในครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงที่แนวโน้มของ SCGP แข็งแกร่งตามอุปสงค์กลุ่มอุปโภค-บริโภค และอัตรากำไรขยายตัว โดยคาดกำไรสุทธิ Q3/65 ที่ 1.81 พันล้านบาท หักรายการพิเศษกำไรหลักจะอยู่ที่ 1.67 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% YoY และ 9% QoQ หนุนโดยปริมาณขายเพิ่มขึ้น และต้นทุนเศษกระดาษลดลง
ส่วนใน Q4/65 คาดปริมาณขายจะเพิ่มขึ้น QoQ หนุนโดยอุปสงค์จากจีนหลังคลายล็อคดาวน์และอัตรากำไรขยายตัว จึงคาดว่ากำไรจะเติบโตได้ใน Q4/65 ได้ปรับกำไรปี 65 ลง 19% เพื่อสะท้อนครึ่งปีแรกที่ไม่ดีเข้าไปด้วยแล้ว
***บล.หยวนต้า แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 63 บาท
บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 63 บาท คาดกำไรปกติ Q3/65 ที่ 1,612 ล้านบาท ลดลง QoQ จากภาคการผลิตจีนที่ไม่ฟื้นตัวทำให้อุปสงค์ของบรรจุภัณฑ์ลดลง สัดส่วนต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นเป็น 8% ของ COGS เป็นปัจจัยกดดัน GPM แต่คาดกำไรปกติสามารถเติบโตได้ YoY จากสเปรดของธุรกิจ Packaging Paper ที่ดีขึ้นและการรับรู้รายได้จากกำลังผลิตใหม่
ปรับประมาณการปี 65-66 ลงเป็น 7,264 ล้านบาท และ 8,326 ล้านบาท เพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงานที่ยังสูงและภาวะเศรษฐกิจโลกในปี 66 ที่มีโอกาสชะลอตัว
คาดกำไร Q4/65 มีโอกาสเป็นจุดสูงสุดของปีจากปัจจัยฤดูกาลของธุรกิจและสถานการณ์ในจีนที่ดีขึ้น และสเปรดของธุรกิจ Packaging Paper ที่มีโอกาสเพิ่มขึ้นไปที่ระดับ US$300
มองราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมา 7% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้สะท้อนแนวโน้มกำไร Q3/65 ที่อ่อนแอไปแล้ว กอปรกับแนวโน้มผลประกอบการในช่วง 12 เดือนข้างหน้ามีโอกาสเติบโตได้ทุกไตรมาส จึงคาดราคาหุ้นมี Downside จำกัดแล้ว
สำหรับธุรกิจกระเบื้อง นำโดย บริษัท เอสซีจี เซรามิกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ COTTO คาดกำไร Q3/65 ลดลงจากฤดูกาล แต่จะดีขึ้นใน Q4 จากดีมานด์ที่ฟื้นตัวและต้นทุนก๊าซเริ่มลด แนะซื้อ เป้า 2.48 บาท
*** บล.ทิสโก้ แนะซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 2.48 บาท
บล.ทิสโก้ แนะซื้อ ราคาเป้าหมายที่ 2.48 บาท คาดกำไร Q3/65 ของ COTTO จะลดลงเนื่องจากปัจจัยด้านฤดูกาลแต่โดยรวมยังดีเนื่องจากดีมานด์จากตลาดกลางถึงบน และตลาดส่งออกโดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLM ยังคงดีจากการผ่อนคลาย Lockdown แม้ต้นทุนก๊าซจะแตะระดับสูงสุดในเดือนก.ค.แต่เริ่มลดลงในช่วงปลายไตรมาส และผลจากการปรับราคาขายขึ้นในเดือนมิ.ย.ทำให้เชื่อว่า Margin ของบริษัทจะลดไม่มาก
คาดกำไรใน Q4/65 น่าจะดีขึ้น เนื่องจากต้นทุนก๊าซน่าจะลดลง รวมถึงการทยอยปรับราคาขายขึ้นต่อเนื่องต่อเนื่อง
โบรกฯ ส่องงบ Q3/65 `กลุ่มปูนใหญ่` SCC-SCGP-COTTO กำไรเป็นอย่างไรบ้าง? - efinanceThai
Read More
No comments:
Post a Comment