
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,585 / 1,576 และแนวต้านที่บริเวณ 1,600 / 1,610 คาดตลาดอาจได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศบ้าง หลังเมื่อคืนนี้สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยตัวเลขดัชนีภาคการผลิตสหรัฐเดือน ก.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ 52.8 แม้จะออกมามากกว่าที่ตลาดคาดเล็กน้อยแต่เป็นการลดลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือน มิ.ย. ออกมาหดตัวที่ระดับ 1.1% สวนทางจากที่ตลาดคาด สะท้อนความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ กระตุ้นแรงขายทำกำไร หลังตลาดปรับตัวขึ้นได้ดีในช่วงปลายเดือน ก.ค. ที่ผ่านมาได้บ้าง
อย่างไรก็ดีเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ที่เริ่มส่งสัญญาณปรับลดความร้อนแรงในการคุมเข้มนโยบายทางการเงินสู่ระดับปานกลาง โดยอาจชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป หลังเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค โดย GDP 2Q’65 ออกมาหดตัว 0.9% ซึ่งถือเป็นการติดลบ 2 ไตรมาสติดต่อกัน คาดจะกระตุ้นตลาดปรับลดคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของ FED ได้ในระยะถัดไป โดยล่าสุด CME FED Watch Tools คาดการณ์ FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดถึงแค่ในช่วงปลายปีที่ระดับ 3.25-3.50% และจะเริ่มทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วง 2Q’66 สะท้อนภาพตลาดคาดการณ์ถึงช่วงสูงสุดของการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ไปบ้างแล้ว คาดจะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกหนุนทิศทางตลาดฟื้นตัวกลับขึ้นได้ในระยะกลาง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน ก.ย. เมื่อคืนนี้ปรับตัวลงแรง -4.73 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 93.89 ดอลลาร์/บาร์เรล (-4.80%) คาดได้รับแรงกดดันจากความกังวลด้านอุปสงค์ หลังตัวเลขการผลิตของสหรัฐ-จีน ออกมาอ่อนแอ อีกทั้งคาดตลาดจะติดตามการประชุม OPEC+ วันที่ 3 ส.ค. นี้ คาด OPEC+ อย่างไรก็ตามคาดมีโอกาสคงระดับการผลิตไว้ที่ระดับเดิม จากการที่กำลังการผลิตของ OPEC+ ในปัจจุบันเริ่มเข้าสู่ภาวะตึงตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตามเรามองแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยคาดกดดันทิศทางอุปสงค์น้ำมันได้อยู่ และจะกดดันทิศทางราคาพลังงานอ่อนตัวลงได้ในระยะถัดไป ยังเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC และ BGRIM) ในแง่ทิศทางราคาต้นทุนจากก๊าซธรรมชาติที่มีโอกาสปรับตัวลดลง
สำหรับปัจจัยในประเทศเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ค่าเงินบาทเริ่มพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นตามที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า จากการที่คาดส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยไทย-สหรัฐ จะเริ่มแคบลงในระยะถัดไป รวมทั้งการอ่อนค่าของ Dollar Index คาดจะหนุนแรงซื้อหุ้นกลับของนักลงทุนต่างชาติได้บ้าง เป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางตลาดหุ้นไทย ขณะที่เรายังแนะนำติดตามการเปิดเผนผลประกอบการไตรมาส 2 ต่อ คาดอาจเห็นแรงเก็งกำไรในหุ้นรายตัวได้บ้าง โดยเรามองหุ้นในกลุ่มการเงิน (MTC, SAWAD และ TIDLOR) ได้บ้าง จากคาดการณ์การรายงานผลประกอบการ 2Q’65 อาจออกมาปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY หลังความต้องการสินเชื่อฟื้นตัวขึ้นจากการที่เศรษฐกิจไทยเริ่มกลับมาดำเนินงานอีกครั้งรวมถึงราคาสินค้าเกษตรที่อยู่ในระดับสูง ทั้งนี้เราแนะนำระมัดระวังการผันผวนของดัชนีจากการเคลื่อนไหลของหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (DELTA, KCE, HANA, CCET, SVI และ SMT) ได้บ้าง หลังวันพุธที่ผ่านมา DELTA รายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้มาก ทั้ง QoQ และ YOY คาดจะหนุนแรงเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มดังกล่าวได้ต่อ รวมทั้งเรายังชอบหุ้นในกลุ่มศูนย์การค้า (CPN, MBK และ PLAT) คาดจะได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง รวมทั้งแนวโน้มนักท่องเที่ยวกลับมาดีมากขึ้นในช่วง 2H’65 เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อทิศทางราคาหุ้นดังกล่าวได้
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “MBK”
กลยุทธ์ แนวรับ 16.20 / 15.80 Target 17.60 / 19.00 Stop <15.50
ก็อาจจะมีพักบ้าง - การเงินธนาคาร
Read More
No comments:
Post a Comment