Rechercher dans ce blog

Sunday, February 6, 2022

เปิดคู่มือเสียภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล มีรายได้จากการ “ซื้อ ขาย โอน ขุด” ต้องจ่าย - ไทยรัฐ

“ภาษีคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล” ยังคงเป็นประเด็นที่มีความร้อนแรงต่อเนื่อง และมีนักลงทุนให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา จำนวนนักลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ภายในเวลา 1-2 ปี มูลค่าการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นจาก 240 ล้านบาท พุ่งขึ้นเป็น 4,839 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินของลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 9,600 ล้านบาท เพิ่มเป็น 114,539 ล้านบาท และจำนวนบัญชีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก 170,000 บัญชี โตพรวดพราดเป็น 1.97 ล้านบัญชี

ขณะที่แนวทางการจัดเก็บภาษีจากคริปโตเคอร์เรนซี แม้ว่าจะได้เริ่มดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่ง แต่ก็ยังเกิดความสับสน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ และการถกเถียง ทำให้ตลอดเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา กรม สรรพากรต้องหาทางออกด้วยการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล ไทย สมาคมการค้าผู้ประกอบการธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย สมาคมฟินเทคประเทศไทย นักวิชาการ นักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ในที่สุด กรมสรรพากรได้ยอมผ่อนปรน และออกประกาศแนวปฏิบัติ ตาม พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2561 ให้ชัดเจนมากขึ้น โดยธุรกรรมต้องเสียภาษีจะต้องกระทำผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange Platform) ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.เท่านั้น

ได้แก่ 1.การคำนวณภาษีเงินได้พึงประเมิน (กำไร) สามารถนำผลขาดทุนมาหักกลบกับกำไรได้ในปีภาษีเดียวกัน 2.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย หากไม่สามารถระบุตัวตนผู้รับเงิน และไม่ทราบจำนวนเงินได้ที่ต้องหักถือว่าไม่ครบองค์ประกอบ จึงไม่จำเป็นต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 3.ภาษี มูลค่าเพิ่ม (VAT) ให้ยกเว้นสำหรับธุรกรรมที่กระทำผ่านผู้ประกอบธุรกิจ หรือ Exchange ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ออกโดย ธปท.

นอกจากนี้ กรมสรรพากรยังได้จัดทำคู่มือคำแนะนำการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล เพื่อเป็นคำแนะนำเบื้องต้นสำหรับการยื่นแบบเสียภาษีเงินได้ ภ.ง.ด.90 ประจำปี 2564 และตัวอย่างการคำนวณการเสียภาษีไว้ด้วย

อย่างไรก็ตาม รายได้จากคริปโตเคอร์เรนซี ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรายได้ตลอดทั้งปีที่ต้องยื่นแบบเสียภาษี ดังนั้น เมื่อมีรายได้ก็ต้องเสียภาษี เพราะการเสียภาษี ถือเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน

“ทีมเศรษฐกิจ” ขอสรุปคู่มือภาษีคริปโตเคอร์เรนซี ที่ กรม สรรพากรออกมาทั้งหมด 32 หน้า เพื่อเป็นคำแนะนำเบื้องต้นการ ยื่นแบบภาษีสำหรับผู้มีรายได้จากคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล

เปิดตัวผู้ที่เข้าข่ายเสียภาษี

ในคู่มือการเสียภาษีคริปโตฯ กรมสรรพากรได้นิยามผู้มีรายได้จากคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล ที่ต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2564 เป็น 5 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 รายได้ที่มาจากการจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล โดยมีการคำนวณ 2 วิธี คือ วิธีเข้าก่อนออกก่อน The first-in first-out (FIFO) การคำนวณต้นทุนคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัลนั้นก็จะคำนวณตามต้นทุนที่ซื้อมาก่อนจะขายออกไปก่อนตามลำดับ จึงเป็นผลให้รายการที่เหลืออยู่ ณ วันสุดท้ายเป็นคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัลที่ซื้อมาครั้งหลังสุด

และวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ The moving average cost โดยการคำนวณต้นทุนคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัลแต่ละประเภทจะกำหนดจากการถัวเฉลี่ยต้นทุน ณ วันต้นปี กับต้นทุนที่ซื้อมาในระหว่างปีซึ่งคำนวณทุกครั้งที่ซื้อ

ผู้มีเงินได้สามารถเลือกวิธีคำนวณต้นทุนใดก็ได้เมื่อเลือกวิธีการคำนวณต้นทุนวิธีใดแล้วต้องใช้วิธีนั้นตลอดปีภาษี ต้นทุนให้รวมถึงค่าซื้อและค่าใช้จ่าย เช่น ค่าธรรมเนียมและค่าโอน เป็นต้น

ขณะที่การวัดมูลค่าคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล ทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้นั้น ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดยศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Exchange) ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. เป็นต้น และกรณีที่มีผลขาดทุนไม่ว่าจะเกิดจากคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัลประเภทใดๆที่เกิดขึ้นในปีเดียวกันสามารถนำมาหักกลบกับกำไรได้

กลุ่มที่ 2 รายได้ที่มาจากการขุดคริปโต เคอร์เรนซี เมื่อขุดได้คริปโตเคอร์เรนซีมาแล้วยังไม่ขายจะยังไม่ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน แต่เมื่อนำเหรียญที่ขุดได้ ไปจำหน่าย จ่าย โอน หรือแลกเปลี่ยน ถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร โดยสามารถหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามความจำเป็นและสมควร เลือกคำนวณต้นทุน วิธีเข้าก่อนออกก่อน (FIFO) หรือวิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving average cost) ก็ได้

การวัดมูลค่าคริปโตเคอร์เรนซี ทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคา อ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ภายใต้ การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. เป็นต้น

กลุ่มที่ 3 การได้รับคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง โดยพนักงานได้รับเงินเดือนเป็นคริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นเงินได้ 40 (1) ผู้รับจ้างได้รับค่าจ้างเป็นคริปโตเคอร์เรนซีถือเป็นเงินได้ 40 (2) ถ้ารับจากนายจ้างเดียวกันทั้งเงินเดือน ทั้งค่าจ้าง ให้รวมแสดงเป็นเงินได้ประเภท 40 (1) และการวัดมูลค่าคริปโตเคอร์เรนซีทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคา อ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต.

กลุ่มที่ 4 การได้รับคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล จากการให้ หรือได้รับเป็นรางวัล ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ตัวอย่างเช่น ได้รับแจกเมื่อเข้าร่วมกิจกรรม หรือได้รับเป็นรางวัลส่งเสริมการขาย เป็นต้น การวัดมูลค่าคริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล ทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มาหรือราคาถัวเฉลี่ยในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ ก.ล.ต.

กลุ่มที่ 5 ได้รับผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครอง คริปโตเคอร์เรนซี โทเคนดิจิทัล ตัวอย่างเช่น Yield farming หรือ Staking เป็นต้น โดยผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครอง “คริปโตเคอร์เรนซี” ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) เงินส่วนแบ่งกำไร หรือผลประโยชน์อื่นใดในลักษณะเดียวกัน ที่ได้จากการถือหรือ ครอบครอง “โทเคนดิจิทัล” ถือเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (4) (ซ) การวัดมูลค่า ทั้งการคำนวณต้นทุนและรายได้ ให้ใช้มูลค่า ณ เวลาที่ได้มา หรือราคาถัวเฉลี่ย ในวันที่ได้มา ซึ่งเป็นราคาอ้างอิงที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น ราคาที่ประกาศโดย Exchange ที่จัดทำขึ้นตามหลักเกณฑ์ ก.ล.ต.

เกณฑ์รายได้ต้องยื่นแบบเสียภาษี

ในทุกๆปี คนไทยทุกคนเมื่อมีรายได้ถึงเกณฑ์ตามที่กรมสรรพากรกำหนด จะต้องยื่นแสดงรายได้และจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาให้กับกรมสรรพากร ตามเกณฑ์รายได้ และก่อนจะยื่นแบบเสียภาษี

นอกจากนั้น ต้องตรวจสอบรายการที่สามารถนำมาลดหย่อนได้ ซึ่งมีหลายรายการ อาทิ ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ ประกันชีวิต การซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวม ฯลฯ

สำหรับเกณฑ์รายได้ที่ต้องยื่นแบบเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2564 อัตราภาษีคิดคำนวณแบบขั้นบันได ดังนี้ รายได้ 1-150,000 บาท จะได้รับการยกเว้นภาษี, รายได้ 150,001-300,000 บาท อัตราภาษี 5% ภาษีที่ต้องเสียสูงสุด 7,500 บาท รายได้ 300,001-500,000 บาท อัตราภาษี 10% ภาษีที่ต้องเสียสูงสุด 20,000 บาท

รายได้ 500,001-750,000 บาท อัตราภาษี 15% ภาษีที่ต้องเสียสูงสุด 37,500 บาท รายได้ 750,001-1,000,000 บาท อัตราภาษี 20% ภาษีที่ต้องเสียสูงสุด 50,000 บาท, รายได้ 1,000,001-2,000,000 บาท อัตราภาษี 25% ภาษีที่ต้องเสียสูงสุด 250,000 บาท, รายได้ 2,000,001-5,000,000 บาท อัตราภาษี 30% ภาษีที่ต้องเสียสูงสุด 600,000 บาท และรายได้ 5 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษี 35%

โดยการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้น หากยื่นเอกสารเป็นกระดาษ จะต้องยื่นภายในวันที่ 31 มี.ค.ของทุกปี แต่หากยื่น แบบเสียภาษีผ่านออนไลน์ สามารถยื่นได้ถึงวันที่ 8 เม.ย. ของทุกปี

มีรายได้ไม่เสียภาษี มีโทษหนัก

“หากผู้มีกำไรจากการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว แต่ไม่ได้ยื่นแบบหรือไม่ได้ระบุในแบบเสียภาษี เมื่อกรมสรรพากร ตรวจสอบการมีเงินได้ หากผู้มีเงินได้ ไม่ได้ยื่นแบบแสดงรายการหรือยื่นแต่เป็นเท็จ ผู้มีเงินได้ย่อมได้รับโทษ”

กรณีไม่ชำระภาษีภายในระยะกำหนด จะต้องเสียภาษีเงินเพิ่มอีก 1.5% ต่อเดือน ของเงินภาษีที่ต้องชำระนับแต่ วันพ้นกำหนดเวลาการยื่นรายการจนถึงวันชำระภาษี

กรณีเจ้าพนักงานตรวจสอบออกหมายเรียก และปรากฏว่ามิได้ยื่นแบบแสดงรายการไว้ หรือยื่นแบบแสดงรายการไว้แต่ชำระภาษีไม่ครบถ้วน นอกจากจะต้องรับผิดชำระเงินเพิ่มแล้ว ยังจะต้องรับผิดเสียเบี้ยปรับอีก 1 เท่า หรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระแล้วแต่กรณี

กรณีไม่ยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด.90, 91 หรือ 94 ภายในกำหนดเวลา ต้องระวางโทษปรับทางอาญาไม่เกิน 2,000 บาท กรณีจงใจ แจ้งข้อความเท็จ หรือแสดงหลักฐานเท็จหรือฉ้อโกง เพื่อหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 200,000 บาท กรณีเจตนาละเลยไม่ยื่นแบบแสดงรายการเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

“สรรพากร” เดินหน้าแก้กฎหมาย

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีคริปโตเคอร์เรนซี ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะจัดเก็บภาษีตามกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2561 จากเดิมผู้ยื่นแบบเสียภาษีได้ กรอกแบบฟอร์มยื่นภาษี ตรงช่องรายได้อื่นๆ

โดยในปี 2564 “กรมสรรพากร” ได้ปรับแบบฟอร์มใหม่ให้ชัดเจนด้วย การระบุที่มาของรายได้จากคริปโตเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัล เพราะเมื่อมีเงินได้ ก็ต้องนำมาคำนวณภาษีเงินได้ เพื่อยื่นแบบเสียภาษี และหากมีการขายแล้วมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ก็ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีเติบโตอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดดมาก เมื่อต้นปีที่แล้ว มีคนเทรดยู่ที่ 170,000 บัญชี ปัจจุบันเกือบ 2 ล้านบัญชี ขณะที่กฎหมายเกิดขึ้นเมื่อปี 2561 สถานการณ์ ณ วันนั้น ต่างจากปัจจุบันมาก ขณะนั้นยังไม่มี Exchange สมัยก่อนการซื้อขายรู้ตัวบุคคล แต่ปัจจุบันนี้ ไม่รู้ ผู้ซื้อขายไม่รู้จักกัน เพราะฉะนั้น การกำหนดให้ผู้ซื้อเป็นคนหักที่จ่าย 15% จากกำไรของผู้ขาย แต่ตอนนี้ไม่รู้ใครขาย ก็หัก ณ ที่จ่ายไม่ได้ กรมสรรพากรจึงต้องยกเว้นภาษีหัก ณ ที่จ่ายออกไปก่อน

สำหรับเหตุผลที่ให้ Exchange ที่อยู่ภายใต้ ก.ล.ต.เท่านั้น เพราะมีกฎระเบียบบังคับอยู่ เมื่ออยู่ใน Exchange ก็ควรจะได้ประโยชน์ เพราะข้อมูลต่างๆ ก.ล.ต.สามารถประสานงานในฐานะผู้กำกับดูแลได้ ซึ่งในต่างประเทศ สินทรัพย์ดิจิทัลจะมีทั้งแบบให้หักกลบและไม่ให้หักกลบ ขณะที่ประเทศไทยเลือกแนวทางภายใต้กฎหมายปัจจุบันให้หักกลบเฉพาะ Exchange ที่อยู่ภายใต้กำกับดูแลของ ก.ล.ต.เป็นไปตามหลักสากล ดังนั้น จึงไม่ได้ให้เป็นการทั่วไป

“กรมสรรพากรจะหารือร่วมกับชุมชนสินทรัพย์ดิจิทัล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้เชิงนโยบายในอนาคต เพื่อแก้ไขกฎหมายที่จำเป็นและเหมาะสม อาทิ การแก้ประมวลรัษฎากรมาตรา 50 ที่เกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย โดยให้ผ่านผู้ประกอบธุรกิจ หรือ Exchange เป็นผู้หัก และนำส่งกรมสรรพากร การเปลี่ยนประเภทการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็น “ภาษีธุรกิจเฉพาะ” ของสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีลักษณะเป็นหลักทรัพย์ เป็นต้น

ทั้งนี้ การดำเนินการของกรมสรรพากรจะคำนึงถึง ความเหมาะสม และบริบทต่างๆ โดยรอบอย่างต่อเนื่อง ตามเหตุการณ์ และสถาน การณ์เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก”.

ทีมเศรษฐกิจ

Adblock test (Why?)


เปิดคู่มือเสียภาษีสินทรัพย์ดิจิทัล มีรายได้จากการ “ซื้อ ขาย โอน ขุด” ต้องจ่าย - ไทยรัฐ
Read More

No comments:

Post a Comment

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...