
ทันหุ้น - บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (MBKET) SET Index ปิดที่ระดับ 1644.60 จุด (+0.59 จุด) ระยะสั้นยังไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1650 จุด (เห็นแรงขายที่บริเวณดังกล่าว) ทำให้ยังประเมินว่า ดัชนีมีโอกาสที่จะพักตัว เพื่อสะสมกำลังใหม่อีกครั้ง ยกเว้น หากผ่าน 1655 จุด จะเป็นการยืนยันรอบขาขึ้นในภาพหลัก
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น ถือรันเทรนต่อ จนกว่าดัชนีจะอ่อนตัวหลุด 1600 จุด (หรือ รอทยอยขายทำกำไรที่บริเวณ 1645-1650 จุด)
ไม่มีหุ้น รอผ่าน 1655 จุด เก็งกำไรตาม
แนวรับ 1640/1630 แนวต้าน 1650/1655
**บล.เคทีบีเอสที คาดดัชนีฯ เดินหน้า sideway up มีแรงซื้อกลับเข้าตลาด แต่นักลงทุนสลับกลุ่มเล่น หลังตลาดโลกยังไม่คลายความกังวลในเรื่องเงินเฟ้อ และนักท่องเที่ยวยังไม่กลับมา ตลาดหุ้นไทยและอินโดนีเซีย รวมทั้งหลายประเทศในภูมิภาคนี้ เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้น 6 ประเทศเอเซีย 5 วัน รวม $6.9 พันล้านเหรียญ ถือว่าสูงมาก น่าจะมาจากเศรษฐกิจเริ่มฟื้น ราคาหุ้นยังขึ้นไม่มาก ประเมินว่ายังเป็นผลดีต่อหุ้นไทย ที่ราคาไม่แพง และอิงกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น ธนาคาร นิคมฯ
ประเด็นเงินเฟ้อ ที่มากับราคาน้ำมัน ทำให้นักลงทุนในตลาดโลก บางส่วน มีความระวังตัวเองอยู่บาง เพราะมีผลไปถึงนโยบายดอกเบี้ยของ Fed ในอนาคต มีส่วนทำให้แรงซื้อในตลาดหุ้นทุกตลาด จะยังไม่รุนแรง แต่ไปดีต่อ สินทรัพย์ 3 ตัว คือ พันธบัตร-ทองคำ-ดอลล่าร์ เพราะถูกมองว่าเป็น safe haven assets
หุ้นกลุ่ม Commodity เรามองว่า หุ้นผู้ผลิตน้ำมัน ยังได้อานิสงค์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ (PTT+PTTEP) แต่หุ้นปิโตรเคมี+ถ่านหิน น่าจะได้ประโยชน์น้อยลง กำไรอาจผ่าน peak ไปแล้ว 2 กลุ่มนี้เราจะยังแนะนำให้ชะลอไปก่อน
ตัวแปรอื่นๆ ของตลาด นักลงทุนกำลังประเมินแนวโน้ทผลการดำเนินงานของหุ้นต่างๆ หลังผู้บริหารทยอยออกมาให้ข้อมูล ภาพรวมเราเชื่อว่าจะเป็นข่าวบวกของตลาด แต่ราคาหุ้นรายตัว จะไปขึ้นกับแนวโน้มธุรกิจของตัวเองเป็นหลัก ที่เห็นเวลานี้ ธุรกิจที่อิงเทคโนโลยี่ หรือการบริโภคในประเทศ มีโอกาสที่กำไรจะฟื้นตัวเร็วหรือโตมากกว่าที่เคยเป็น เพราะการเปลี่ยนแปลงหลัง Covid-19 ที่อาจเปลี่ยนชีวิตของหุ้นตัวนั้นๆ ได้เลย... ตัวเลขและ event ที่สำคัญๆ วันนี้ ตัวเลขยอดขายรถของไทย (เดือนก่อน 5.6 หมื่นคัน) และ ผู้ว่าธปท. กล่าวสุนทรพจน์ในงาน “Thailand Beyond Covid-19”
ฝ่ายวิจัยยังมองเป็นจังหวะของการสะสมหุ้นไทย คาดมีโอกาสผ่าน 1650 จุด แต่คงต้อเลือกในตัวที่ราคาขึ้นไม่มาก หรือหุ้นที่มีการฟื้นตัวหรือเติบโตดี หากเล่นตาม theme ของเศรษฐกิจโลก+ไทยฟื้น หุ้นที่ควรเลือกจะเป็นธนาคาร (KBANK,) หรือหุ้นนิคมฯ(WHA, AMATA)
หุ้นที่อยู่ในกระแสการลงทุน 3 กลุ่มที่คาดจะโดดเด่นจากนี้ไปอีกระยะหนึ่ง ยังเป็นหุ้นได้ประโยชน์จาก Digital Economy (JMART, SECURE, AS*) และหุ้น EV (เราชอบ EA และ NEX) พอร์ตหุ้นวันนี้ เรานำ SAK ออก และนำหุ้น AS* เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย AS*(15%), NER(15%), UBE*(15%), EA*(15%), BJC*(15%) , SECURE*(15%)
# Strategy top picks
AS*: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 21.00 บาท) “เกมใหม่หนุนรายได้ 4Q โตต่อ ปี 22 รุกเวียดนาม”
•แนวโน้มรายได้โตไม่แผ้วหลังเปิดเมือง เกมใหม่ทั้ง PC และมือถือหนุน ปี 22 มีเกมใหม่ใน Pipe line อีก 3 เกม พร้อมรุกเวียดนามหลังโควิดซา
•จับตามุมมองของบริษัทต่อเกมแนว NFT หากเกมใดมีความนิยมสูงและมีโอกาสในการต่อยอดธุรกิจ บริษัทมีโอกาสเข้าลงทุนซึ่งเราคาดว่า AS จะเลือกและทำได้ดีจากประสบการณ์ที่มีในอุตสากรรมเกม
•Bloomberg Consensus ประเมินกำไรปี 21-22 เฉลี่ยที่ 420 ลบ. และ 514 ลบ. +37%YoY, +22%YoY
Technical : ILINK, CPI
**บล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมิน SET Index ยังคงแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,638-1,650 จุด โดยกลุ่มพลังงานจะถ่วงตลาดหลังราคาน้ำมันดิบขยับลงแรงจากความกังวลเรื่อง COVID-19 ในยุโรปที่เร่งขึ้นและภาวะ Oversupply ขณะที่กลุ่ม Domestic Play คาดว่ายังปรับตัวได้แข็งแรงตามภาพเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวหลังคลาย Lockdown แล้วเกือบทั้งหมด ทำให้ Traffic ของบริการต่างๆ ฟื้นตัวชัดเจน เช่นเดียวกับผลประกอบการ 4Q21 ที่จะกลับมาฟื้นตัว ขณะที่กลุ่มท่องเที่ยวคาดต้องติดตามตัวเลขนักท่องเที่ยวเดือน ธ.ค.-ม.ค. นี้ก่อนประเมินการฟื้นตัวอีกครั้ง ยังมองจังหวะดัชนีอ่อนตัวลงทดสอบ 1,600+- จุด มองเป็นโอกาสทยอยสะสมเพิ่ม และเน้นหุ้นที่ยัง Laggard SET Index และยังมี Valuation ที่ต่ำกว่าก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 ได้แก่ กลุ่มธนาคาร ค้าปลีก อาหาร อสังหาฯ รับเหมาฯ เป็นต้น
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Domestic และ Reopening Play
หุ้นเด่นเดือน พ.ย. : CHG, FSMART, GPSC, JWD, KCE
หุ้นเด่นวันนี้ : NER
• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท
• คาดกำไร 4Q21 น่าจะทรงตัวสูง Q-Q ได้และโตเด่น Y-Y ต่อเนื่องตามปริมาณขายที่ยังอยู่ในระดับที่ดี และราคายางพารายังทรงตัวสูง เรายังคาดกำไรสุทธิปี 2021 ทำ New High ที่ 1.7 พันลบ. +100% Y-Y
• ปัจจัยหนุนกำไรปีหน้าจะมาจากการขยายกำลังการผลิตเพิ่มในช่วง 2H21 ขึ้นอีก 10% และอยู่ระหว่างขยายเข้าสู่ธุรกิจแผ่นปูรองนอนวัว แบรนด์ Cattle Flex เราประเมินกำไรปี 2022 โตต่อเนื่อง +10% Y-Y
• แนวรับ 7.30-7.40 บาท แนวต้าน 7.60//7.80-8 บาท
เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้ - TrueID News
Read More
No comments:
Post a Comment