ขณะนี้ ในหลายประเทศ มีการศึกษาการใช้ 'วัคซีนโควิด-19' โดยการ 'ฉีดวัคซีนต่างชนิด' เช่น 'แอสตร้าเซนเนก้า' และ ไฟเซอร์ หรือ ในประเทศไทย ที่กำลังศึกษา 'ซิโนแวค' และ 'แอสตร้าเซนเนก้า' เผื่อในกรณีแพ้วัคซีนต้องเปลี่ยนยี่ห้อ วัคซีนขาด หรือฉีดกระตุ้นเข็ม 3
แม้ในปัจจุบันการให้ 'วัคซีนโควิด-19' ยังแนะนำให้วัคซีนชนิดเดียวกันทั้งเข็มที่หนึ่งและสอง แต่ด้วยเหตุผลว่าบางคนฉีดเข็มแรกแล้วแพ้ จำเป็นต้องฉีดเข็มที่สองต่างชนิดกัน เช่น เข็มแรกฉีด 'ซิโนแวค' เข็มที่ 2 ฉีดเป็น 'แอสตร้าเซนเนก้า' หรือกรณีวัคซีนเข็ม 3 ทำให้ปัจจุบัน ศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทย์ฯ จุฬาฯ ทำการศึกษาเพื่อดูประสิทธิภาพและผลที่จะเกิดขึ้น
ขณะนี้ มีการศึกษาการฉีดวัคซีนต่างชนิดค่อนข้างมากในต่างประเทศ เช่น การฉีดไขว้กันระหว่าง “ไฟเซอร์” กับ “แอสตร้าเซนเนก้า” การให้วัคซีนต่างชนิดกันได้ผลชัดแล้วว่า การให้แอสตร้าเซนเนก้าเข็มแรก แล้วกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ ได้ผลภูมิต้านทานที่สูงเท่าเทียมกับการให้ไฟเซอร์ 2 เข็ม แต่ที่เห็นชัดได้อีกอย่างหนึ่งคือ การให้ 2 ชนิดที่ต่างกัน จะมีระดับภูมิต้านทานในหน่วยความจำ CD8 T cells ดีกว่า
- ศึกษา 'ฉีดวัคซีนต่างชนิด' ในไทย
สำหรับในประเทศไทยขณะนี้ 'วัคซีนโควิด-19' ที่ใช้มี 2 ยี่ห้อ คือ 'ซิโนแวค' กับ 'แอสตร้าเซนเนก้า' โดยศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินการวิจัยโดยขอทุนจาก สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ เพื่อดำเนิน “โครงการวิจัย ความปลอดภัย ผลการกระตุ้นภูมิต้านทาน และการใช้แทนกันของวัคซีนโรคติดเชื้อโคโรนา 2019 ชนิดเชื้อตาย (Inactivated vaccine) และไวรัสเป็นพาหะ (Viral vector vaccine) : การศึกษาทดลองทางคลินิก” เพื่อศึกษาการฉีดวัคซีนเข็มแรก 'ซิโนแวค' เข็มที่ 2 ให้วัคซีน 'แอสตร้าเซนเนก้า' หรือให้วัคซีนเข็มแรก 'แอสตร้าเซนเนก้า' เข็มที่ 2 ให้ 'ซิโนแวค'
- 'ฉีดวัคซีนต่างชนิด' เผื่อกรณีแพ้วัคซีน วัคซีนขาดแคลน หรือฉีดเข็ม 3
“ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ” นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ราชบัณฑิต และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า การศึกษาจะเป็นประโยชน์อย่างมาก ในกรณีเมื่อฉีดเข็มแรกแล้วเกิดแพ้วัคซีน เข็ม 2 จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนหรือในกรณีที่วัคซีนชนิดใดชนิดหนึ่งขาดแคลน ก็สามารถใช้อีกชนิดหนึ่งได้เลย ไม่จำเป็นที่จะต้องเก็บวัคซีนไว้เข็ม 2 การบริหารวัคซีนจะง่ายขึ้นมากทำให้การให้วัคซีนเร็วขึ้น
จากข้อมูลเบื้องต้นในผู้ที่แพ้วัคซีนเข็มแรกและไปฉีดเข็ม 2 ต่างชนิดกัน ที่ผ่านมา มีการตรวจพบ 5 ราย โดย 4 รายที่ฉีดวัคซีน 'ซิโนแวค' เข็มแรกและเข็ม 2 ได้รับ 'แอสตร้าเซนเนก้า' ภูมิต้านทานที่ขึ้นสูงกว่าการได้รับวัคซีนชนิดเดียว 'ซิโนแวค' 2 ครั้ง และทำนองกลับกัน เช่นเดียวกันมีเพียง 1 ราย ที่ได้รับ 'แอสตร้าเซนเนก้า' แล้วเข็ม 2 ได้ซิโนแวค อีก 1 เดือนต่อมา ภูมิคุ้มกันที่ขึ้นก็สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศึกษา 'วัคซีนโควิด-19' ภายใต้ความปลอดภัย
ทั้งนี้ การศึกษาจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยหรืออาการข้างเคียงว่าจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้าการสลับวัคซีนปลอดภัยจะเป็นอีกแนวทางหนึ่งในยามที่วัคซีนขาดแคลนหรือแพ้วัคซีน และเป็นแนวทางในการที่จะนำมาใช้ในการกระตุ้นเข็มที่ 3 โดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วัคซีนชนิดเดียวกัน
“กรณีตัวอย่างหนึ่ง คือ เข็มแรกฉีด 'แอสตร้าเซนเนก้า' ไปแล้ว หลังจากนั้น 1 เดือนต่อมา จะไปฉีดไข้หวัดใหญ่ เดินขึ้นไปจะฉีดไข้หวัดใหญ่ เลี้ยวผิดห้อง ไปห้องฉีด 'วัคซีนโควิด-19' จึงได้ฉีดวัคซีน 'ซิโนแวค' แทนเป็นเข็มที่ 2 อาการข้างเคียงไม่มี ดังนั้น ขณะนี้จึงอยู่ระหว่างการศึกษากรณีเช่นนี้ว่าหากฉีดไขว้ยี่ห้อจะเป็นอย่างไร และสิ่งที่ต้องคำนึงต่อไป คือ หากฉีดครบ 2 เข็มแล้ว เข็มที่ 3 อยากจะฉีดยี่ห้ออื่น เพราะวัคซีนที่มีหลายบริษัท หากไขว้ไปมาจะเป็นอย่างไร ต้องมีการศึกษาออกมาให้ชัดเจน” ศ.นพ.ยง กล่าว
- รับอาสาสมัคร 'ฉีดวัคซีนต่างชนิด'
ที่ผ่านมา ทางโครงการฯ ได้เปิดรับสมัครอาสาสมัครรับวัคซีนเข็มที่หนึ่งและสอง ต่างชนิดกัน โดยกลุ่มแรกจะฉีดเข็มแรกเป็นซิโนแวค เข็มที่ 2 เป็นแอสตร้าเซนเนก้า และอีกกลุ่มจะฉีดเข็มแรกเป็นแอสตร้าเซนเนก้า เข็มที่ 2 เป็นซิโนแวค และจะมีการบันทึกอาการข้างเคียงของวัคซีนและตรวจวัดภูมิต้านทานเป็นระยะ เพื่อให้ได้ข้อมูลทางวิชาการก่อนนำไปใช้จริง
สำหรับ คุณสมบัติของอาสาสมัคร ได้แก่
1. อายุ 18 ปีขึ้นไป
2. อาศัยอยู่ในกรุงเทพหรือปริมณฑล และสะดวกเดินทางมารับวัคซีนและเจาะเลือดตามนัด (ในวันและเวลาราชการ)
3. ไม่เคยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มาก่อน
4. ไม่เคยได้รับวัคซีนโควิด-19 มาก่อน
5. ไม่มีประวัติโรคภูมิแพ้ หรือเคยแพ้ส่วนประกอบของสารที่อยู่ในวัคซีน
6. อาสาสมัคร สมัครใจเข้าร่วมโครงการโดยยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษร
7. ไม่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง ที่ต้องนอนโรงพยาบาล
8. ไม่กินยากดภูมิต้านทาน
9. ไม่มีประวัติโรคมะเร็ง โรคภูมิคุ้มกันบกพร้อม จากการติดเชื้อเอชไอวี หรือเป็นมาแต่กำเนิด
ทั้งนี้ หลังจากที่ประกาศเพียง 6 ชั่วโมง มีผู้สมัครถึงกว่า 700 คน จากที่ขอคณะกรรมการจริยธรรม เพื่อทำการศึกษาเพียง 90 คน เพื่อให้ได้ผลอย่างละเอียดและต่อไปจะได้นำไปใช้ได้จริง
นอกจากนี้ ผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และ เข็มที่ 2 ต่างชนิดกัน เมื่อฉีดหลังเข็มที่ 2 แล้วครบ 1 เดือนและต้องการตรวจภูมิต้านทานหลังฉีดเข็มที่สอง ทางศูนย์ฯ ยินดีที่จะตรวจภูมิต้านทานให้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทร 02-256-5324 และ 02-256-4909
- เตรียมพร้อม สถานการณ์โควิดกลายพันธุ์
ศ.นพ.ยง ระบุเพิ่มเติมว่า สำหรับ โควิด-19 สายพันธุ์ไวรัสเดลต้า (อินเดีย) มีการกล่าวว่าจะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง แต่ก็เพียงเล็กน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสายพันธุ์เบต้า (แอฟริกาใต้) การระบาดของประเทศไทยขณะนี้ยังเป็นสายพันธุ์อัลฟ่า (อังกฤษ) พบได้ถึงร้อยละ 96 วัคซีน 'แอสตร้าเซนเนก้า' และ 'ซิโนแวค' สามารถลดความรุนแรงและลดอัตราป่วยตายได้ดังเช่นการศึกษาที่ภูเก็ต
“ในอนาคตถ้ามีการระบาดสายพันธุ์เดลต้าหรืออินเดียและจำเป็นต้องใช้ภูมิต้านทานที่ระดับสูงขึ้น เราจะฉีดเพิ่มด้วยวัคซีนอะไรที่มีเช่น ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ก็เป็นไปได้ เพียงกระตุ้นเข็มเดียวไม่ว่าจะเป็นวัคซีนอะไรก็จะได้ผลภูมิต้านทานสูงมากจะสูงขึ้นอีกเป็น 10 เท่า ตามหลักการของวัคซีนในเข็มกระตุ้น”
- ข้อมูลเบื้องต้น 'ฉีดวัคซีนต่างชนิด' ภูมิฯ สูงขึ้น
ในทำนองเดียวกันข้อมูลเบื้องต้นของศูนย์ฯ ที่ทำวิจัยอยู่ พบว่า การให้วัคซีน 'ซิโนแวค' เข็มแรก แล้วกระตุ้นด้วย'แอสตร้าเซนเนก้า' ได้ภูมิต้านทานที่สูงมาก มากกว่าการให้'ซิโนแวค' 2 เข็ม และระดับสูงเป็นน้องๆ ไฟเซอร์ ดังนั้น ในภาวะปัจจุบัน เราควรรีบให้วัคซีนไปก่อนให้ครบและครอบคลุมประชากรให้มากที่สุด เพื่อป้องกันการป่วยและการเสียชีวิตให้เร็วที่สุด และเมื่อเชื้อกลายพันธุ์ที่ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลงก็สามารถกระตุ้นด้วยวัคซีนอื่นๆ หรือวัคซีนชนิดเดียวกันให้ภูมิสูงเพียงพอในการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์นั้น จนกว่าจะมีวัคซีนใหม่ที่จำเพาะกับไวรัสกลายพันธุ์
“เราไม่มีทางเลือก ในขณะนี้มีวัคซีน 2 ตัวก็ให้ให้เร็วที่สุด ในอนาคตถ้ามีวัคซีนมากเพียงพอและหลากหลายชนิด ใครจะกระตุ้นด้วยวัคซีนอะไรก็สามารถทำได้ อย่าไปพะวงกับปัญหาที่ยังไม่เกิดอย่างที่มีเสียงกล่าวขานกันมากขนาดนี้” ศ.นพ.ยง ระบุ
- ศึกษา 'ฉีดวัคซีนต่างชนิด' ในต่างประเทศ
สำหรับประเทศ “สเปน” รอยเตอร์ส รายงานผลการศึกษา “โครงการคอมไบแวคซ์” ที่ดำเนินการโดยสถาบันสุขภาพคาร์ลอสที่ 3 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสเปน โดยใช้อาสาสมัคร อายุระหว่าง 18-59 ปี จำนวน 670 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับวัคซีน 'แอสตร้าเซนเนก้า' ในโดสแรก และในจำนวนนี้ 450 คน ได้รับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์เป็นโดสที่ 2 พบว่า มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง มีค่าแอนติบอดี อิมมูโนโกลบูลินจี (IgG) ในกระแสเลือด สูงกว่า 30-40 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างที่ได้รับวัคซีน 'แอสตร้าเซนเนก้า' เพียงโดสเดียว
และมีค่าแอนติบอดีเพิ่มขึ้น 7 เท่า ซึ่งถือว่ามากกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ฉีดวัคซีน 'แอสตร้าเซนเนก้า' ทั้ง 2 โดส ซึ่งพบแอนติบอดีเพิ่มขึ้น 2 เท่า โดยมีเพียงร้อยละ 1.7 ของผู้เข้าร่วมการทดสอบ ที่มีรายงานพบผลข้างเคียงรุนแรง เช่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ และไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว
ด้าน “อังกฤษ” มีโครงการศึกษา “มิกซ์ แอนด์ แมทช์” ซึ่งไม่นานมานี้ ได้เผยผลการศึกษาว่า ประชาชนที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์หลังจากได้รับวัคซีนของ 'แอสตร้าเซนเนก้า' มีอาการข้างเคียงเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ปวดหัว ตัวสั่น มากกว่าที่คนเกิดผลข้างเคียงหากได้รับวัคซีนตัวเดียวกัน 2 โดส
สำหรับ “แคนาดา” ปัจจุบันมีการอนุมัติใช้วัคซีน 4 ชนิด ได้แก่ โมเดอร์นา , ไฟเซอร์ , แอสตร้าเซนเนก้า และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แต่หลายพื้นที่ในแคนาดาเริ่มระงับการใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ในการฉีดเข็มแรก จากความกังวลเรื่องการเกิดลิ่มเลือด
โดยเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านภูมิคุ้มกันแห่งชาติแคนาดา (National Advisory Committee on Immunization: NACI) อนุญาตให้เข้ารับ 'วัคซีนโควิด-19' โดสแรกและโดสสองต่างชนิดกันได้ ใน 3 ชนิด คือ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา และ 'แอสตร้าเซนเนก้า' อย่างไรก็ตาม สาธารณสุขแคนาดา ก็ยังขอให้ชาวแคนาดาฉีดวัคซีนชนิดเดียวกันต่อไปหากเป็นไปได้
นอกจากนี้ ในประเทศอื่นๆ เช่น จีน ฟินแลนด์ ฝรั่งเศส นอร์เวย์ รัสเซีย เกาหลีใต้ สวีเดน สหรัฐอเมริกา ยังมีการศึกษาเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
'วัคซีนโควิด-19' ฉีดต่างชนิด ทำได้หรือไม่ ปลอดภัยหรือเปล่า - กรุงเทพธุรกิจ
Read More
No comments:
Post a Comment