Rechercher dans ce blog

Wednesday, November 30, 2022

เน้นหุ้นรายตัว (30 พฤศจิกายน 2022) - กรุงเทพธุรกิจ

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้      

ประเมิน SET แกว่งตัว 1,615 - 1,635 จุด โดย Fund flow ต่างชาติยังคงเป็นแรงหนุนช่วงนี้หลังจีนผ่อนปรนมาตรการล็อคดาวน์บางส่วนส่งผลให้การประท้วงเริ่มผ่อนคลาย อย่างไรก็ตามข่าวครม.อนุมัติเก็บภาษีขายหุ้นเป็นลบต่อภาพการลงทุนโดยตรง ประกอบกับแรงขายลดความเสี่ยงตามสัญญาณเทคนิคจะกดดันดัชนีในผันผวน ดังนั้นยังคงแนะนำ Selective buy

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

       AOT CENTEL ERW MINT COM7 SYNEX CRC HMPRO GLOBAL DOHOME ข่าวครม.พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายปี  

      GPSC BGRIM GULF SCGP SCC TASCO ได้ประโยชน์ราคาพลังงานลดลง

      KBANK BBL SCB KTB TTB อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้น  

หุ้นแนะนำวันนี้

     KBANK (ปิด 145.50 ซื้อ/เป้า 180 บาท ) คาดหวังแบงก์ชาติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หนุนส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของ KBANK เพิ่มขึ้น, Fund flow ไหลเข้า KBANK เป็นเป้าในการเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติ

     TOP (ปิด 55.50 เก็งกำไร/เป้า BB Consensus 62.75 บาท) มี Sentiment บวกจากข่าวซาอุฯ เตรียมลดราคาขายน้ำมันดิบให้ผู้ซื้อในเอเชียราว 2$/bbl หนุนค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น, 4 ธ.ค. คาดหวัง OPEC+ ลดการผลิตหนุนราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นช่วยลดผลกระทบจาก Stock loss

บทวิเคราะห์วันนี้

BEM (ปิด 9.3, ซื้อ/เป้า 11.5 บาท), Media sector (Top pick: PLANB) 

ประเด็นสำคัญวันนี้

  (-) ครม. รับหลักการเก็บภาษีขายหุ้น (Transaction Tax) 0.10%: ถัดจากนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาจะทำการตรวจสอบคาดว่าจะเริ่มบังคับใช้ต้นปีหน้าในอัตรา 0.05% และจะเพิ่มขึ้นเป็น 0.10% ตั้งแต่ปี 67 การเก็บภาษีดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนซื้อขายหุ้นเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 0.10% -0.15% ในปัจจุบันเป็น 0.22% กดดันให้มูลค่าการซื้อขายในตลาดลดลงเป็นลบต่อกลุ่มธุรกิจหลักทรัพย์โดยตรง

  (+) จีนผ่อนปรนมาตรการควบคุมโควิด-19 เพิ่มความหวังจีนเปิดประเทศ:  สั่งให้ยกเลิกการตั้งสิ่งกีดขวางทางเข้าอาคารซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ภายในเปิดตลาดสดและอนุญาตให้ภาคธุรกิจกลับมาเปิดทำการในท้องที่ที่มีการแพร่ระบาดในระดับต่ำ และส่งเสริมให้ผู้สูงอายุเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด

  (+) ประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หนุน NIM กลุ่มแบงก์เพิ่มขึ้น: 30 พ.ย. ประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จาก 1% เป็น 1.25% นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารจาก NIM ที่เพิ่มขึ้น แต่จะเป็นลบกับหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ Top Pick (BBL SCB)

Adblock test (Why?)


เน้นหุ้นรายตัว (30 พฤศจิกายน 2022) - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Monday, November 28, 2022

สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (29/11/65) - efinanceThai

บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ CRC 47 คาดกำไร 4Q65 จะทำจุดสูงสุดของปีตามแนวโน้มการท่องเที่ยวที่เข้าสู่ช่วง High Season และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นต่อเนื่อง โดยแนวโน้ม SSSG ในช่วง 4Q65 คาดขยายตัวเด่น และยังมีแผนการขยายสาขาเพิ่มเติม (โรบินสัน, ไทวัสดุ, โกมอลล์) AOT 80 คาดจะพลิกกลับมามีกำไรในปี 2566 ที่ระดับ 1.15 หมื่นล้านบาท (จากปี 65 ที่ขาดทุน 1.11 หมื่นล้านบาท) แรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ที่คาดทะลุ 10 คน และปีหน้าเดินหน้าสู่ 22 ล้านคน บล.กรุงศรี หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ CENTEL 54 เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ สัปดาห์หน้าประชุม ครม. คาดเห็นชอบมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นบวกต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศ KISS 11 ยอดขายเครื่องสำอางฟื้นตัวขึ้นหลังจากเปิดเมือง, กระแสตอบรับสเปย์พ่นจมูก (Covitrap) ดีมากปีนี้ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท เปิดตัว 2 เดือนทำยอดขายได้แล้ว 60 ล้านบาท บล.ฟินันเซีย ไซรัส หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ PR9 21 ผู้บริหารมั่นใจว่ารายได้ปี 2022 จะสูงกว่าที่เคยคาดที่ 3.9 พันลบ. (เราคาด 4 พันลบ.) ล่าสุดรายได้เดือน ต.ค. ยังเติบโตได้ +20% Y-Y เบื้องต้นแนวโน้มกำไร 4Q22 คาดทรงถึงปรับขึ้น Q-Q แต่โตแรง Y-Y หนุนจาก Pent-Up Demand ผู้ป่วยไทย บล.ดาโอ (ประเทศไทย) หุ้น ราคาพื้นฐาน(บาท) คำแนะนำ/ประเด็นที่สำคัญ TRUE 4.8 คาดดีลควบรวมยังเดินหน้าและราคา Tender ไม่ลด แนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้น TRUE ประเมินดีลการควบรวมกิจการ TRUEDTAC เดินหน้าต่อไม่เลิก ส่วนราคาที่เคยตั้ง Tender ไว้ (5.09 บาท) คาดไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

Adblock test (Why?)


สรุปหุ้นเด่นทางพื้นฐาน (29/11/65) - efinanceThai
Read More

สายย่อรอเด้ง (28 พฤศจิกายน 2022) - กรุงเทพธุรกิจ

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้      

ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,615 / 1,610 จุด ภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจากความกังวลการระบาด Covid-19 ในจีนที่พุ่งขึ้น , Fund flow ต่างชาติที่ชะลอตัว รวมถึงแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุมกนง.ที่คาดว่าขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25% ซึ่งกดดันภาวะตลาดช่วงนี้ จึงยังคงแนะนำ Selective buy   

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  COM7 SYNEX CRC HMPRO GLOBAL DOHOME ข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายปี   

  SCGP SCC GPSC BGRIM GULF TASCO ได้ประโยชน์ราคาพลังงานลดลง 

  MTC SAWAD KTC AEONTS ASK  อานิสงส์ US Bond yield อ่อนตัวลง 

หุ้นแนะนำวันนี้

  CENTEL (ปิด 48.75 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 54 บาท) เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ สัปดาห์หน้าประชุม ครม. คาดเห็นชอบมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นบวกต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศ

  EPG (ปิด 10.2 ซื้อ/เป้า 14.50 บาท) ราคาน้ำมันลง ราคาเม็ดพลาสติกลง หนุน Margin ของ EPG เพิ่มขึ้น ด้านยอดขายทั้ง 3 ธุรกิจยังโตดี ทั้ง Auto, ฉนวนกันความร้อน และ Packaging

บทวิเคราะห์วันนี้

ADVANC (ปิด 188.50 ซื้อ/เป้า 238), SCB (ปิด 105.5 ซื้อ/เป้า 155) 

ประเด็นสำคัญวันนี้

  (-) กลุ่มน้ำมันมี Sentiment ลบสหรัฐคลายมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอล่า:  การคลายมาตรการดังกล่าวจะทำให้เวเนฯ สามารถกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้าถูกห้ามการส่งออกจากสหรัฐ ปัจจัยนี้จะทำให้ Supply ในตลาดเพิ่มขึ้นเป็นลบต่อราคาน้ำมันดิบและหุ้นในกลุ่มน้ำมันแต่

  (+) กลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยว จับตา ครม.ออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ:  โดย ครม. จะประชุมในวันอังคารที่ 29 พ.ย. เราคาดว่าจะมีอย่างน้อย 3 มาตรการ คือ 1) ช้อปดีมีคืน, 2) คนละครึ่งเฟส 6 และ 3) เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นบวกโดยตรงต่อหุ้น ค้าปลีก (CRC COM7) และ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW)

  (+) ประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หนุน NIM กลุ่มแบงก์เพิ่มขึ้น: 30 พ.ย. ประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จาก 1% เป็น 1.25% นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารจาก NIM ที่เพิ่มขึ้น แต่จะเป็นลบกับหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ Top Pick (KTB SCB)

Adblock test (Why?)


สายย่อรอเด้ง (28 พฤศจิกายน 2022) - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

สายย่อรอเด้ง (28 พฤศจิกายน 2022) - กรุงเทพธุรกิจ

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้      

ประเมิน SET อ่อนตัวแนวรับ 1,615 / 1,610 จุด ภาวะตลาดขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่อ่อนตัวลงจากความกังวลการระบาด Covid-19 ในจีนที่พุ่งขึ้น , Fund flow ต่างชาติที่ชะลอตัว รวมถึงแรงขายลดความเสี่ยงก่อนการประชุมกนง.ที่คาดว่าขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 1.25% ซึ่งกดดันภาวะตลาดช่วงนี้ จึงยังคงแนะนำ Selective buy   

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  COM7 SYNEX CRC HMPRO GLOBAL DOHOME ข่าวมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงท้ายปี   

  SCGP SCC GPSC BGRIM GULF TASCO ได้ประโยชน์ราคาพลังงานลดลง 

  MTC SAWAD KTC AEONTS ASK  อานิสงส์ US Bond yield อ่อนตัวลง 

หุ้นแนะนำวันนี้

  CENTEL (ปิด 48.75 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 54 บาท) เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้ปรับเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ สัปดาห์หน้าประชุม ครม. คาดเห็นชอบมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นบวกต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศ

  EPG (ปิด 10.2 ซื้อ/เป้า 14.50 บาท) ราคาน้ำมันลง ราคาเม็ดพลาสติกลง หนุน Margin ของ EPG เพิ่มขึ้น ด้านยอดขายทั้ง 3 ธุรกิจยังโตดี ทั้ง Auto, ฉนวนกันความร้อน และ Packaging

บทวิเคราะห์วันนี้

ADVANC (ปิด 188.50 ซื้อ/เป้า 238), SCB (ปิด 105.5 ซื้อ/เป้า 155) 

ประเด็นสำคัญวันนี้

  (-) กลุ่มน้ำมันมี Sentiment ลบสหรัฐคลายมาตรการคว่ำบาตรเวเนซุเอล่า:  การคลายมาตรการดังกล่าวจะทำให้เวเนฯ สามารถกลับมาส่งออกน้ำมันได้อีกครั้งหลังจากที่ก่อนหน้าถูกห้ามการส่งออกจากสหรัฐ ปัจจัยนี้จะทำให้ Supply ในตลาดเพิ่มขึ้นเป็นลบต่อราคาน้ำมันดิบและหุ้นในกลุ่มน้ำมันแต่

  (+) กลุ่มค้าปลีก, ท่องเที่ยว จับตา ครม.ออกมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ:  โดย ครม. จะประชุมในวันอังคารที่ 29 พ.ย. เราคาดว่าจะมีอย่างน้อย 3 มาตรการ คือ 1) ช้อปดีมีคืน, 2) คนละครึ่งเฟส 6 และ 3) เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นบวกโดยตรงต่อหุ้น ค้าปลีก (CRC COM7) และ กลุ่มท่องเที่ยว (CENTEL ERW)

  (+) ประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% หนุน NIM กลุ่มแบงก์เพิ่มขึ้น: 30 พ.ย. ประชุม กนง. คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จาก 1% เป็น 1.25% นับเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารจาก NIM ที่เพิ่มขึ้น แต่จะเป็นลบกับหุ้นในกลุ่มไฟแนนซ์ Top Pick (KTB SCB)

Adblock test (Why?)


สายย่อรอเด้ง (28 พฤศจิกายน 2022) - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Saturday, November 26, 2022

Wood Pellets พลังงานใหม่ ตัวช่วยเข้าใกล้เป้าหมาย Carbon Neutrality - กรุงเทพธุรกิจ

อุตสาหกรรมการผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellets) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมในกลุ่ม BCG economy ที่มีแนวโน้มเติบโตตามกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ที่ได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากภาครัฐของทั่วโลกมากขึ้นในอนาคต หลังหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้

ที่มีการใช้ Wood Pellets ในการผลิตไฟฟ้ามีเป้าหมายที่จะเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 โดยอุตสาหกรรมการผลิต Wood Pellets เป็นอุตสาหกรรมที่แปรรูปเชื้อเพลิงชีวมวล เช่น เศษไม้ยางพารา ทะลายปาล์ม ฟางข้าว ให้เป็น Wood Pellets เพื่อนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าถ่านหิน และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งจะทำให้สามารถผลิตพลังงานความร้อน และผลิตไฟฟ้า อีกทั้งยังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิตน้อยกว่าการใช้เชื้อเพลิงทั่วไป
      ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล ระบุบถึงสถานการณ์ตลาด Wood Pelletในเกาหลีใต้ (ปี2561) ราคาการส่งออก Wood Pellet ในปี 2017 ราคาเฉลี่ยในการส่งออกเชื้อเพลิง Wood Pellet อยู่ที่ 115 เหรียญสหรัฐ และราคาที่ต่ำที่สุดในบรรดาประเทศส่งออก คือประเทศเวียดนาม อยู่ที่ 113 ดอลลาร์สหรัฐ 

โดยเกาหลีใต้นำเข้าจากประเทศแคนาดา ในราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 129 เหรียญสหรัฐ และจากประเทศไทย อยู่ที่ราคา 116 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือสูงกว่าประเทศส่งออกประเทศอื่นในอาเซียน ในบรรดาประเทศผู้ส่งออก เวียดนามส่งออกเชื้อเพลิง Wood Pellet 1,515,203 เมตริกตันคิดเป็นมูลค่า 171 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็น 61% ของตลาดพลังงาน Wood Pellet  ตามด้วยมาเลเซีย 405,431 ตันคิดเป็นมูลค่า 47 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็น 17% ของไทยที่ส่งออก 94,597 เมตริกตัน มูลค่า 11 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคิดเป็น 4% ของตลาด Wood Pellet ทั้งหมดในปี 2017

ซึ่งสอดคล้องกับข้อของมูลค่าอุตสาหกรรมการผลิต Wood Pellets มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ 17% CAGR จาก 1.4 พันล้านบาทในปี 2564 เป็น 2.4 พันล้านบาทในปี 2568 ตามความต้องการจากกลุ่มโรงงานและโรงไฟฟ้าชีวมวล ทั้งในประเทศและตลาดส่งออกหลัก โดย พงษ์ประภา นภาพฤกษ์ชาติ Krungthai COMPASS กล่าวว่ากลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตมากที่สุดในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมการผลิต Wood Pellets คือ กลุ่มธุรกิจผลิต โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่เป็นเครือข่ายของบริษัทที่มี By-product เป็นวัตถุดิบโดยในช่วงปี 2561-64 มียอดขายเติบโตเฉลี่ยถึง 25% CAGR ในอนาคตยอดขายมีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการ Wood Pellets อีกทั้งยังสามารถจะขายโดยตรงกับผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งอาจแย่งส่วนแบ่งการตลาดจากกลุ่มผู้จัดจำหน่าย Wood Pellets ได้ในอนาคต

  อย่างไรก็ดี ธุรกิจผลิต Wood Pellets บางรายมีผลประกอบการที่ไม่ดีนัก จึงควรมีการปรับตัว ดังนี้ 1. ควรลงทุนเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมในทุกขั้นตอนของการผลิต 2. ควรได้รับการรับรองจาก FSC และ 3. ควรหันมาผลิต Torrefied Pellets มากขึ้น

แนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิต Wood Pellets ในไทยโดย Krungthai COMPASS ประเมินว่า มูลค่าอุตสาหกรรมการผลิต Wood Pellets ของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเป็น 2.6 พันล้านบาทในปี 2568 จาก 1.4 พันล้านบาทในปี 2564 หรือเติบโตเฉลี่ยที่เร่งขึ้น 17%CAGR โดยปัจจัยหนุนมาจากการขาย Wood Pellets ภายในประเทศและการส่งออกดังนี้

แนวโน้มอุตสาหกรรมการผลิต Wood Pellets ในไทยโดย Krungthai COMPASS ประเมินว่า มูลค่าอุตสาหกรรมการผลิต Wood Pellets ของไทยมีแนวโน้มขยายตัวเป็น 2.6 พันล้านบาทในปี 2568 จาก 1.4 พันล้านบาทในปี 2564 หรือเติบโตเฉลี่ยที่เร่งขึ้น 17%CAGR โดยปัจจัยหนุนมาจากการขาย Wood Pellets ภายในประเทศและการส่งออกดังนี้

1. ยอดขายในประเทศคาดว่าจะเติบโตเป็น 1.8 พันล้านบาทในปี 2568 จาก 1.3 พันล้านบาทในปี 2564 หรือเติบโตเฉลี่ยที่ 7.8%CAGR ตามความต้องการ Wood Pellets จากโรงงานอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร และเคมีภัณฑ์ รวมทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าถ่านหิน โดยรายละเอียดสามารถอ่านได้ในบทความเรื่อง “Wood Pellets ตัวช่วยบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality” Wood Pellets พลังงานใหม่ ตัวช่วยเข้าใกล้เป้าหมาย Carbon Neutrality

2.ยอดส่งออก Wood Pellets ของไทย คาดว่าจะขยายตัวเป็น 872 ล้านบาทในปี 2568 จาก 104 ล้านบาทในปี 2564 หรือเติบโตเฉลี่ย 70.2% CAGR แม้ว่ายอดส่งออก Wood Pellets ของไทยลดลงเฉลี่ย 59% CAGR ในช่วงปี 2562-64 เนื่องจากผู้ผลิต Wood Pellets ไม่สามารถส่งออก Wood Pellets ที่ตรงตามมาตรฐานของลูกค้าต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น ได้เต็มที่นัก ซึ่งเกิดจากคุณภาพเชื้อเพลิงและการได้รับใบรับรองจาก Forest Stewardship Council (FSC) ที่รับรองว่าวัตถุดิบของสินค้าดังกล่าวมาจากป่าที่มีการจัดการดูแลอย่างรับผิดชอบ แต่คาดว่ายอดส่งออกจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง เพราะนอกเหนือจากผู้ประกอบการบางรายของไทยในอุตสาหกรรมนี้ได้เริ่มปรับตัวในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการขอใบรับรอง FSC แล้ว ยังมีแรงหนุนเพิ่มเติม 

 ความต้องการ Wood Pellets ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่สุดของไทย ซึ่งคิดสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 80% คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3.3 ล้านตันในปี 2564 เป็น 4.6 ล้านตันในปี 2568 ตามกำลังการขยายกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งรวมถึง Wood Pellets นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากนโยบายของภาครัฐที่กำหนดให้โรงไฟฟ้าพลังงานฟอสซิลขนาดกำลังการผลิตมากกว่า 500 เมกะวัตต์ ต้องผลิตไฟฟ้าจาก

 จะเห็นได้ว่าความยอดส่งออก  Wood Pellets ของไทยมีการเติมโตมากยิ่งขึ้นนับเป็นเรื่องที่ดีที่มีเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดก๊าซคาร์บอนได้อย่างยั่งยืนต่อไป

Adblock test (Why?)


Wood Pellets พลังงานใหม่ ตัวช่วยเข้าใกล้เป้าหมาย Carbon Neutrality - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

KIA เตรียมเผยโฉม EV6 GT-Line ลุยศึกรถไฟฟ้าใน Motor Expo 2022 | The 39th Thailand International - Motor Expo

Kia EV6 ได้รับรางวัลรถยนต์ยุโรปยอดเยี่ยมแห่งปี 2022 หรือ Car of the Year in Europe 2022 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่รถยนต์จากเกาหลีใต้ ได้รับรางวัลนี้ในรอบ 59 ปี ด้วยคะแนนรวม 279 คะแนน แซงหน้า Renault Megane E-Tech Electric ในอันดับที่ 2 ด้วยคะแนน 265 คะแนน และ Hyundai Ioniq 5 อันดับ 3 ด้วยคะแนน 261 คะแนน

KIA EV6 GT-Line 2023

Kia EV6 สร้างขึ้นบน Electric-Global Modular Platform (E-GMP) เดียวกันกับ Ioniq 5 ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์เดี่ยว และแบบมอเตอร์คู่ มิติตัวถังมีความยาว 4,680 มม. กว้าง 1,880 มม. รุ่นพื้นฐานสูง 1,550 มม. และระยะฐานล้อ 2,900 มม. โดยมีขนาดใกล้เคียงกับ Ioniq 5 นอกจากความแตกต่างของดีไซจ์นภายนอกแล้ว การออกแบบห้องโดยสารก็มีเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ โดย Ioniq 5 นั้นเน้นความหรู และเรียบง่ายสไตล์มีนีมอล ส่วน EV6 จะให้ความรู้สึกสปอร์ทมากกว่า

KIA EV6 GT-Line 2023

Kia EV6 มีการออกแบบที่โฉบเฉี่ยวล้ำสมัย กระจังหน้าแบบ Tiger Nose พร้อมไฟเลี้ยวแบบ Sequential ช่องลมกันชนหน้าช่วยให้ด้านหน้าดูกว้างขึ้น ด้านข้างเส้นสายตัวถังแบบ Crossover ติดตั้งมือจับแบบฝังเรียบไปกับตัวถัง ด้านหลังมีเสาหลังคา C-pillar ลาดลงตัดสีดำ สปอยเลอร์หลังคา และไฟท้ายแบบยาวตลอดแนว

KIA EV6 GT-Line 2023

ภายในมาพร้อมสวิทช์เกียร์ หน้าจอแสดงผลแบบโค้ง Panoramic Curve Display ขนาด 12.3 นิ้ว 2 หน้าจอต่อกัน ชุดเครื่องเสียง Meridian พร้อมลำโพง 14 ตำแหน่ง ระบบเสียงระดับพรีเมียมแบบ Augmented Reality Head-Up

KIA EV6 GT-Line 2023

มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านหลัง 520 ลิตร หากพับเบาะหลังลงจะเพิ่มเป็น 1,300 ลิตร ทั้งยังมีช่องเก็บด้านหน้าความจุ 20 ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง และ 52 ลิตร ในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

KIA EV6 GT-Line 2023

ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง และมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ All-Wheel Drive โดนรุ่นพื้นฐานมอเตอร์เดี่ยว ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 235 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 61.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 6.2 วินาที โดยทั้งคู่ใช้แบทเตอรีขนาด 58 กิโลวัตต์ชั่วโมง เหมือนกัน

KIA EV6 GT-Line 2023

หากอัพเกรดแบทเตอรีเป็น 77.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง รุ่นมอเตอร์เดี่ยวกำลังสูงสุดจะเพิ่มขึ้นเป็น 228 แรงม้า แรงบิดสูงสุดเท่าเดิมที่ 35.6 กก.-ม. ส่วนรุ่นมอเตอร์คู่กำลังสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 325 แรงม้า แรงบิดสูงสุดเท่าเดิมที่ 61.6 กก.-ม. อัตราเร่ง 0–100 กม./ชม. ภายใน 5.2 วินาที โดยชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งได้ระยะทางประมาณ 510 กม. ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป

KIA EV6 GT-Line 2023

ในงาน Motor Expo 2022 Kia จะนำรถรุ่นนี้มาอวดโฉมให้คนไทยได้ดู และคาดว่าจะเป็นเวอร์ชันสมรรถนะสูง และมาพร้อมกับการตกแต่งภายในห้องโดยสารที่มีความสปอร์ทกว่ารุ่นปกติ เริ่มจากวัสดุตกแต่งแผงแดชบอร์ดลาย Geonic 3D Pattern รวมถึงเบาะนั่งที่หุ้มด้วยวัสดุผ้า Suede

KIA EV6 GT-Line 2023

ในสหรัฐอเมริกา Kia EV6 GT จะมีมอเตอร์ไฟฟ้าแรงสุดขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD โดยมีกำลังสูงสุดถึง 585 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 75.4 กก.-ม. อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 260 กม./ชม. ชาร์จ 1 ครั้ง วิ่งได้ระยะทางประมาณ 405 กม. รองรับการชาร์จเร็ว โดยสามารถชาร์จแบทเตอรีจาก 10-80 % ได้ภายใน 18 นาที การชาร์จเพียง 4.5 นาที จะช่วยให้ตัวรถวิ่งทำระยะทางได้กว่า 100 กม. ส่วนที่จะนำมาโชว์ในบ้านเราปลายปีนี้ คาดว่าน่าจะเป็นสเปคที่ขายในประเทศเกาหลีใต้

KIA EV6 GT-Line 2023

Kia EV6 GT-Line RWD มอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ขับเคลื่อนล้อหลัง ให้กำลัง 225 แรงม้า แรงบิต 350 นิวตัน-เมตร แบทเตอรีขนาด 77.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง อัตราวิ่งลดลง 504 กม. /การชาร์จ 1 ครั้ง WLTP อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7.3 วินาที

KIA EV6 GT-Line 2023

EV6 GT-Line AWD หรือรุ่นทอพ มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลัง 320 แรงม้า แรงบิด 605 นิวตัน-เมตร แบทเตอรีขนาด 77.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ 5.2 วินาที สามารถวิ่งได้ 484 กม./การชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว

KIA EV6 GT-Line 2023

สามารถชาร์จได้อย่างรวดเร็วด้วยความเร็วสูงสุด 350 กิโลวัตต์ สามารถชาร์จ 10-80 % ภายใน 18 นาที เพิ่มสมรรถนะในการขับขี่ด้วย e-LSD ที่ช่วยกระจายส่งถ่ายกำลังได้อย่างสมดุล รวมทั้งการบังคับเลี้ยว ระบบกันสะเทือนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

KIA EV6 GT-Line 2023

โหมดการขับขี่แบบ i-Padle สามารถเก็บพลังงานไฟฟ้ากลับเข้าสู่แบทเตอรีในช่วงเวลาเบรค ช่วยให้ควบคุมการเร่ง และชะลอความเร็วด้วยแป้นคันเร่งเพียงอย่างเดียว ระบบ Vehicle to Load (V2L) เพื่อชาร์จอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ โดยสามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าคันอื่น และจ่ายกำลังไฟออกนอกรถขนาด 3.6 กิโลวัตต์ ซึ่งมากพอที่จะเปิดใช้งานโทรทัศน์ ขนาด 55 นิ้ว พร้อมเครื่องปรับอากาศได้นานเกิน 24 ชม. เผื่อใช้ในยามไฟฟ้าในบ้านดับ หรือออกไปท่องเที่ยวแคมพิง

KIA EV6 GT-Line 2023

ระบบความปลอดภัย Advanced Driver Assistance System (ADAS) ประกอบด้วย
- Safe Exit Assist (SEA) ระบบแจ้งเตือน เมื่อมีรถยนต์วิ่งเข้ามายังฝั่งที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ
- Lane Following Assist (LFA) ระบบรักษารถยนต์ให้อยู่กลางช่องจราจร
- Highway Driving Assist 2 (HDA 2) ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติบนทางหลวง
- Remote Smart Parking Assist กล้อง 360 องศา ซึ่งแสดงผลแบบ 3D

KIA EV6 GT-Line 2023

ราคาจำหน่ายในประเทศออสเตรเลีย รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวราคา 74,990 เหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 1.8 ล้านบาท ส่วนในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ มีราคาจำหน่าย 82,990 เหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 2 ล้านบาท

Adblock test (Why?)


KIA เตรียมเผยโฉม EV6 GT-Line ลุยศึกรถไฟฟ้าใน Motor Expo 2022 | The 39th Thailand International - Motor Expo
Read More

Thursday, November 24, 2022

จส. 100 - จส. 100


          รัฐบาลสหภาพยุโรป ยังคงมีความเห็นแตกต่างกันในวันพฤหัสบดี (24 พ.ย.65) เกี่ยวกับระดับของมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย เพื่อจำกัดศักยภาพด้านเงินทุนของรัสเซียในการทำสงครามในยูเครน โดยไม่ให้ส่งผลกระทบกับปริมาณในตลาดพลังงานโลก ทำให้ราคาน้ำมันโลก ปิดตลาดแกว่งตัวในกรอบแคบๆ แตะระดับต่ำสุดในรอบราวๆ 2 เดือน


-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนม.ค.65 เพิ่มขึ้น 2 เซนต์ ปิดที่ 77.96 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล


-เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือน ม.ค.65 ลดลง 29 เซนต์ ปิดที่ 85.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

          เมื่อวันพุธที่ 23 พ.ย.65 ประเทศสมาชิกอียู ล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับระดับเพดานราคาน้ำมันดิบส่งมอบทางทะเลของรัสเซีย เพราะว่า สมาชิกกลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ (จี-7) เสนอเพดานที่ 65-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งบางส่วน มองว่าสูงเกินไป แต่บางส่วนบอกว่าต่ำเกินไป

          โฆษกผู้แทนโปแลนด์ประจำอียู กล่าวว่า  ระดับเพดานนี้ควรอ้างอิงต้นทุนการผลิตน้ำมันดิบต่อบาร์เรล ไม่ใช่อ้างอิงราคาตลาดในปัจจุบัน โปแลนด์ สนับสนุนมาตรการกำหนดเพดานน้ำมันรัสเซีย แต่ระดับที่เสนอมาสูงเกินไปอย่างมาก สอดคล้องกับความเห็นของลิทัวเนีย


 


#เพดานน้ำมันรัสเซีย


แฟ้มภาพ 

Adblock test (Why?)


จส. 100 - จส. 100
Read More

Wednesday, November 23, 2022

ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น 5.70 ดอลล์ ก่อนหน้าเฟดเผยแพร่รายงานการประชุม - กรุงเทพธุรกิจ

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค.  เพิ่มขึ้น 5.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,745.60 ดอลลาร์/ออนซ์

ขณะที่รายงานการประชุมเฟด บ่งชี้ว่าเสียงส่วนใหญ่จำนวนมากของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน เห็นพ้องกันว่าควรชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ทั้งนี้ นับตั้งแต่การประชุมเฟดหนล่าสุดเมื่อวันที่ 1-2 พ.ย. นักลงทุนมองในแง่บวกเพิ่มมากขึ้น ว่าเงินเฟ้อเริ่มทุเลาลงแล้ว ซึ่งเฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย

Adblock test (Why?)


ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้น 5.70 ดอลล์ ก่อนหน้าเฟดเผยแพร่รายงานการประชุม - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

MOSHI เตรียมขาย IPO 75 ล้านหุ้น เข้าเทรด SET หลังก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หลังจากที่ บมจ.โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น (MOSHI) ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (แบบไฟลิ่ง) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งไฟลิ่งแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทั้งนี้ MOSHI มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 240 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 240 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม จำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น และเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ

โดย MOSHI จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจ ชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงภาระหนี้อื่นที่บริษัทฯ อาจมีขึ้นในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงานของบริษัทฯ

ด้านนายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI เปิดเผยว่า ทีมงานของบริษัทฯ มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมมานานเกือบ 50 ปี โดยเริ่มจากการดำเนินธุรกิจร้านค้าส่งแบบดั้งเดิม และต่อมาได้ดำเนินธุรกิจร้านค้าปลีกสินค้า สินค้าไลฟ์สไตล์ ที่มีความหลากหลาย ทันสมัย เน้นคุณภาพ ในราคาที่ย่อมเยาเป็นหลัก ภายใต้ชื่อทางการค้า “Moshi Moshi” ซึ่งสินค้าที่จำหน่ายส่วนใหญ่เป็นสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ มีการออกแบบเพื่อจำหน่ายในร้าน Moshi Moshi โดยเฉพาะ (Exclusive)

ปัจจุบัน มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากถึง 12 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องใช้ในบ้าน (Home Furnishing) กระเป๋า (Bag) เครื่องเขียน (Stationery) ตุ๊กตา (Plush Toy) ของใช้แฟชั่น (Fashion) อุปกรณ์เสริมความงาม (Beauty) เครื่องนุ่งห่ม (Apparel) เครื่องสำอาง (Cosmetic) อุปกรณ์ด้านไอที (IT) ของเล่น (Toy) อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drink) และหมวดอื่นๆ (Others) โดยมีจำนวนสินค้า (SKUs) รวมกว่า 22,000 SKUs (ณ วันที่ 30 กันยายน 2565)

นอกจากนี้ MOSHI มุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบสินค้าใหม่ที่หลากหลาย ทั้งประเภทสินค้า รูปแบบ และลวดลายให้มีเอกลักษณ์ เพิ่มประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้า โดยมีการวางจำหน่ายสินค้าลวดลาย หรือ Collection ใหม่ทุกเดือน เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และสร้างสีสันให้แก่ร้าน Moshi Moshi โดยสินค้า Collection มีทั้งลวดลายที่ออกแบบโดยทีมงานของบริษัทฯ เอง และตัวการ์ตูนที่ได้รับลิขสิทธิ์ ได้แก่ ตัวการ์ตูน Mickey Mouse, We Bare Bears, Winnie the Pooh, Snoopy และ Hello Kitty เป็นต้น โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญในการทำการสำรวจตลาด ศึกษาและวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการของลูกค้าจากข้อมูลภายในและภายนอก เช่น การออกสำรวจตามห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาร์เก็ต และศูนย์การค้าชั้นนำในไทย รวมถึงมีการสำรวจและศึกษาเทรนด์แฟชั่นในประเทศต่างๆ ประกอบกับการที่ MOSHI มีฝ่ายจัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความเชี่ยวชาญ จึงทำให้มีความเข้าใจในความต้องการของผู้บริโภค และส่งผลให้มีข้อได้เปรียบในการจัดหาสินค้าใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ตรงกับความต้องการของลูกค้า ในราคาที่ย่อมเยา โดยบริษัทฯ มีแผนในการวางจำหน่ายสินค้าใหม่ปีละกว่า 8,000 SKUs

สำหรับช่องทางการจำหน่ายสินค้าของ MOSHI มีหลากหลายช่องทาง ได้แก่ (1) เครือข่ายสาขาของบริษัทฯ ซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาค ปัจจุบันมีสาขาร้าน Moshi Moshi ที่เปิดดำเนินการแล้วทั้งหมด 100 สาขา และ ร้าน GIANT 1 สาขา (ณ วันที่ 30 กันยายน 2565) โดยสาขาส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ไฮเปอร์มาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศไทย (2) การขายสินค้าผ่านออนไลน์แพลตฟอร์ม (Online Platform) ได้แก่ Shopee และ Lazada เพื่อรองรับต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น และ (3) ร้านป๊อปอัพ สโตร์ (Pop-up Store) ซึ่งเป็นร้านค้าที่จัดขึ้นชั่วคราวบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของห้างสรรพสินค้า ชั้นนำที่บริษัทฯ ยังไม่มีสาขา

ปัจจุบัน MOSHI มีคลังสินค้าตั้งอยู่ที่อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม บนพื้นที่ทั้งหมด 21 ไร่ โดยมีการบริหารจัดการสินค้าได้อย่างครบวงจร ตั้งแต่การรับสินค้า การตรวจสอบคุณภาพสินค้า การคัดแยกสินค้า การประกอบสินค้า จนถึงการบรรจุภัณฑ์สินค้า การเก็บสินค้า และขนส่งสินค้าไปยังสาขาของบริษัทฯ ทั้งนี้ คลังสินค้าดังกล่าวสามารถรองรับการขยายสาขาและช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ ในอนาคต ได้ประมาณ 220 สาขา หรือคิดเป็นยอดขายประมาณ 3,000 ล้านบาทต่อปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 65)

Tags: , , , , , ,

Adblock test (Why?)


MOSHI เตรียมขาย IPO 75 ล้านหุ้น เข้าเทรด SET หลังก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

Tuesday, November 22, 2022

สรุปข่าวเด่น สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 - efinanceThai

หุ้นเด่นวันนี้ : CRC ดีด All Time High ...แต่ราคานี้แพงไปหรือยัง ?
  เช้านี้(22พ.ย.65) CRC ดีด All Time High หลัง"คลัง"ได้ข้อสรุปมาตรการ"ช้อปดีมีคืน"แล้ว แถมโบรกฯประเมินกำไร Q4/65 เป็นจุดพีคปีนี้ แม้คาดค่าใช้จ่ายยังทรงตัวสูง แต่จะถูกชดเชยด้วยอุปสงค์ฟื้นตัว – ธุรกิจเข้าไฮซีซั่น มองปี 66 ยังโตแรงได้ต่อราว 30 – 51% หลังโควิดสงบ ดันกำไรฟื้นใกล้ระดับปกติ !

ก.ล.ต.สั่ง "บล.เอเชีย เวลท์" โอนทรัพย์สินลูกค้าให้ผู้ประกอบการรายอื่น
  ก.ล.ต. เผยบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ไม่สามารถดำรงเงินกองทุนได้ตามกฎหมายกำหนด จึงต้องระงับการดำเนินธุรกิจทุกประเภท และโอนทรัพย์สินลูกค้าไปยังผู้ประกอบการรายอื่น

BANPU ดัน BPP-Banpu NEXT เป็นเรือธงปีหน้า - ลุยแร่ต้นน้ำรับธุรกิจแบตฯ
  BANPU เปิดแผนปี 66 จะดัน BPP - Banpu NEXT เป็นพระเอก พร้อมเตรียมแผนลงทุนแร่ต้นน้ำเพิ่มเติม รองรับธุรกิจแบตเตอร์รี่ ยันจ่ายผลยืนยันจ่ายปีละ 2 ครั้งตามความเหมาะสม ฟาก BPP คงเป้าหมายปี 68 มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งสิ้น 5,300 เมกะวัตต์

JSP แย้มผลงาน Q4/65 มีลุ้นโตจากกำลังซื้อฟื้นตัว-ออเดอร์ OEM พุ่ง
  JSP แย้มผลงาน Q4/65 มีลุ้นโตต่อเนื่องจากกำลังซื้อฟื้นตัว ดันออเดอร์ OEM ทะลัก ทั้งเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ล่าสุดบอร์ดอนุมัติซื้อคลังสินค้า มูลค่าโครงการประมาณ 50 ลบ. เพื่อจัดเก็บและกระจายสินค้าให้เพียงพอสำหรับการขยายธุรกิจตามแผนระยะยาว

SIRI มั่นใจยอดโอนคอนโดปีนี้ตามเป้า 1.2 หมื่นลบ.หลังจ่อโอนอีก 3 โครงการ
  SIRI มั่นใจปีนี้ยอดโอนคอนโดมิเนียม ทะยานสู่เป้าหมาย 12,000 ล้านบาท ล่าสุดทำยอดโอนได้แล้ว 10,000 ล้านบาท หรือ 85% ของเป้าทั้งปี และโค้งสุดท้ายเตรียมโอนอีก 3 โครงการคอนโดพร้อมอยู่ มูลค่ารวม 12,320 ล้านบาท

PTG ตั้งเป้าปี 66 เปิด"กาแฟพันธุ์ไทย"อีก 1,000 สาขา-ลุยโรงไฟฟ้าขยะ
  PTG ตั้งเป้าปี 66 เปิดสาขาร้านกาแฟพันธุ์ไทยแตะ 1.5 พันสาขา จากสิ้นปีนี้ที่คาดอยู่ระดับ 540-550 สาขา เล็งลุยโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน - พลังงานสะอาดหนุนธุรกิจเพิ่ม ส่วนผลงานไตรมาส 4/65 มั่นใจยังโตต่อเนื่อง รับโควิดคลี่คลาย-ยอดนักท่องเที่ยวฟื้น

ASIMAR โชว์งบ Q3/65 กำไรพุ่ง 146% คาดโตต่อเนื่องถึง Q4/65
  ASIMAR อวดผลงานไตรมาส 3/65 กำไรโต 146% ขณะที่รายได้รวม 207 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 125% จากงวดเดียวกันของปีก่อน พร้อมคาดโตต่อเนื่องถึงไตรมาส 4/65 จากเศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นการบริโภคภาคเอกชนฟื้น บวกกับการท่องเที่ยวได้ปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด 19 เริ่มคลี่คลาย

ITEL ส่งซิก Q4/65 งานทะลัก หนุนรายได้ทั้งปีเข้าเป้า 3,200 ลบ.
  ITEL ส่งซิกแนวโน้มไตรมาส 4/2565 ฟอร์มแจ่ม งานจ่อรอบุ๊กเพียบ พร้อมยืนเป้ารายได้ปีนี้ 3,200 ล้านบาท อานิสงส์พอร์ตลูกค้าขยายตั วด้านโบรกฯ ประเมินจะทำกำไรได้ราว 90 ล้านบาท จาก Backlog ในมือแน่นที่ 3,194 ล้านบาท คงประมาณการกำไรปี 2565-2567 เติบโตเฉลี่ย 34.6% และคาดกำไรปี 2566 จะกลับมาเติบโตกว่า 39% แนะนำ “ซื้อ” คงราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 5.50 บาท

UBA เคาะราคาไอพีโอ 1.70 บาท/หุ้น เข้าเทรด mai 7 ธ.ค. 65 นี้
  UBA เผยเคาะราคาไอพีโอ 1.70 บาท/หุ้น เข้าเทรด mai 7 ธ.ค. 65 นี้ เปิดจองซื้อในส่วน Pre-emptive Rights 23-25 พ.ย. 65 ประชาชนทั่วไป 28-30 พ.ย.65 ชูจุดเด่นหุ้นสาธารณูปโภคอนาคตโตแรง-พร้อมลุยรับงานใหม่เพิ่มอีกมหาศาล

MORE แจงขายหุ้นเพิ่มทุนราคาต่ำให้ "อมฤทธิ์ " ยึดประโยชน์ของบริษัท-ผถห.
  MORE แจงขายหุ้นเพิ่มทุนให้ "อมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ" ซีอีโอและผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้พิจารณาอย่างรอบคอบ รัดกุม และยึดประโยชน์บริษัทและผู้ถือหุ้น ยืนยันจำเป็นต้องระดมเงินใช้ในการจัดงาน Rolling Loud ตามกำหนด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูภาพลักษณ์

DTAC แจ้งตลท. เดินหน้าควบรวม TRUE ให้เสร็จภายใน Q1/66
  DTAC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ยันเร่งเดินหน้าควบ TRUE ให้ทันภายใน Q1/66 แม้บริษัทร่วม "ซิทริน โกลบอล และ Citrine Venture " ได้ปฏิเสธทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ต่อผู้ถือหุ้น DTAC และ TRUE ตามกฎหมาย

KJL พอใจเทรดวันแรกราคาหุ้นเหนือจอง วางเป้า 3 ปี รายได้โต 15-20%
  KJL พอใจราคาหุ้นเข้าเทรดวันแรก(22พ.ย.65) ปรับเพิ่มขึ้นเหนือราคาจอง พร้อมวางเป้าใน 3 ปีข้างหน้า รายได้โต 15-20% ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ปีนี้รายได้-กำไร สูงสุดเป็นประวัติการณ์

IRPC ลั่น EBITDA ปี 68 แตะ 2.5 หมื่นลบ. รุกยานยนต์-โซลาร์ฯ เสริมแกร่ง
  IRPC ตั้งเป้า EBITDA ในปี 68 แตะ 25,000 ล้านบาท ก่อนแตะ 35,000 ล้านบาท ในปี 73 พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจเดิมและธุรกิจใหม่ๆ ด้านงบลงทุน 5 ปี ยังใกล้เคียงเดิมที่ 41,000 ล้านบาท

B-WORK จ่ายปันผลครั้งที่ 17 ในอัตรา 0.1771บาทต่อหน่วย วันที่ 13 ธ.ค.65
  BBLAM เผยทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์บัวหลวง ออฟฟิศ หรือ B-WORK เตรียมจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ ในอัตราหน่วยทรัสต์ละ 0.1771 บาท รับเงินปันผลวันที่ 13 ธันวาคม 2565

ANAN เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 รุ่น ที่ 4.50-5.70% เสนอขาย 6-8 ธ.ค.65
  ANAN กำหนดผลตอบแทนหุ้นกู้ที่จะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุ 1 ปี 1 เดือน 6 วัน อัตราดอกเบี้ย 4.50% ต่อปี และรุ่นอายุ 2 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ย 5.70% ต่อปี คาดเสนอขายระหว่างวันที่ 6 - 8 ธันวาคม 2565 ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 7 แห่ง มั่นใจได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุน ด้วยอายุหุ้นกู้ที่มีความเหมาะสม อัตราผลตอบแทนที่น่าพอใจ

GBS คาด SET สัปดาห์นี้ลุ้น 1,640 จุด แนะเก็บหุ้นรับ"เราเที่ยวด้วยกัน"
  บล.โกลเบล็ก มองหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,600-1,640 จุด หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง แต่ในประเทศมี APEC หนุนการท่องเที่ยวฟื้น จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นได้ประโยชน์มาตรการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5

KTB เปิดตัว “ARR” พันธมิตรตลาดทองออนไลน์รายที่ 3 บนแอปฯ เป๋าตัง
  KTB เดินหน้าขยายพันธมิตร สร้างตลาดทองออนไลน์เต็มรูปแบบ เปิดตัว “ARR Gold Trading” ร้านทองแห่งที่ 3 ใน Gold Wallet บนแอปฯ เป๋าตัง เพิ่มทางเลือกผู้ลงทุน สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนทองคำออนไลน์ครบวงจร เริ่มให้บริการตั้งแต่ 22 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป

"ซิตี้แบงก์" มองศก.ไทยปีหน้าฟื้นต่อเนื่อง จากแรงหนุนท่องเที่ยว-จ้างงาน
  ธนาคารซิตี้แบงก์ เผยมุมมองการเติบโตเศรษฐกิจไทยปี 2566 สอดคล้องหน่วยงานรัฐ เห็นแนวโน้มเชิงบวกของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับปัจจัยการสนับสนุนจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการจ้างงาน แม้ว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นยังคงส่งผลกระทบ พร้อมคาดว่าอัตราเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว และน่าจะกลับสู่เป้าหมายราวกลางปี 2566

รัฐบาลเผยปีงบ 65 เก็บรายได้เกินเป้า 1.51 แสนลบ.-กู้น้อยลง 4.7 หมื่นลบ.
  ครม. เห็นชอบ รายงานการรับจ่ายเงินงบปี 65 สูงกว่าเป้า 1.51 แสนล้านบาท กู้น้อยลง 4.74 หมื่นล้านบาท

ครม.ปรับเกณฑ์ซอฟต์โลนโรงแรม เข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น-ต่อเวลาถึงมิ.ย.66
  ครม. เห็นชอบปรับปรุงหลักเกณฑ์ “โครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ” (Soft Loan) Re-Open ธุรกิจโรงแรมและ Supply Chain ของโรงแรม เพิ่มสินเชื่อเพื่อเป็นทุนหมุนเวียน พร้อมขยายระยะเวลาการขอสินเชื่อถึง 30 มิ.ย. 66 หรือจนกว่าสินเชื่อรวมในโครงการจะหมด

KTB มองปีหน้าศก.ไทยเร่งการเติบโต จากแรงหนุนบริโภค-ลงทุน-ท่องเที่ยว
  Krungthai COMPASS ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 66 เร่งตัวการเติบโต จากปัจจัยหนุนของการฟื้นตัวการบริโภค การลงทุนเอกชน รวมถึงการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่อง คาดมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุ 21 ล้านคน จากปีนี้คาด 10.2 ล้านคน


ที่มา : สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

Adblock test (Why?)


สรุปข่าวเด่น สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย ประจำวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565 - efinanceThai
Read More

Monday, November 21, 2022

“KTMS” โรดโชว์ ประกาศศักดาหนึ่งในผู้นำการให้บริการฟอกไตเทียมรายแรกที่เข้าตลท. - สยามรัฐ

บมจ.เคที เมดิคอล เซอร์วิส “KTMS” เดินหน้านำเสนอข้อมูลนักลงทุน(โรดโชว์) ประกาศศักดาความพร้อมในการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ปลายปี 2565 นี้ พร้อมตอกย้ำเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบครบวงจร (One-stop Services) รายแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เตรียมเปิดเสนอขายหุ้นไอพีโอ 76.64 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทเร็วๆนี้ จ่อระดมทุนเพิ่มศักยภาพด้านบริการการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม โรงงานผลิตน้ำยา  ไตเทียม และศูนย์บริการวิศวกรรมแบบครบวงจรตามมาตรฐานระดับสากล  

นางสาวกาญจนา พงศ์พัฒนะเดชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคที เมดิคอล เซอร์วิส จำกัด  (มหาชน) หรือ “KTMS” เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบครบวงจร (One-stop Services) รายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  โดยมี 3 บริษัทย่อย เป็นตัวขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ ประกอบด้วย 1.) บริษัท เออร์วิง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (“IRV”) ประกอบธุรกิจการให้บริการออกแบบ ติดตั้งระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ ระบบบำบัดสำหรับน้ำเสียสำหรับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการบำรุงรักษาระบบ, การผลิตและจัดจำหน่ายน้ำยาไตเทียม , การให้บริการออกแบบ และตกแต่งสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการออกแบบ ประกอบ และจัดจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์สำหรับสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

2.) บริษัท เมดิคอล วิชั่น จำกัด (“MV”) ให้บริการออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์ท่อลมรับ-ส่ง สิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ รวมทั้งบริการดูแลบำรุงรักษาระบบ และ 3.) บริษัท เนโฟร วิชั่น จำกัด (“NEP”) ให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมทั้งในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล โดยจะเป็นการร่วมมือกับอายุรแพทย์โรคไตในพื้นที่เป็นหลัก เพื่อทำให้อายุรแพทย์โรคไตรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของร่วม อีกทั้งจะได้รับสิทธิประโยชน์จากนโยบายสนับสนุน SME ของภาครัฐ จากการเพิ่มโอกาสให้กับกลุ่มผู้ประกอบการ SME ในการประมูลงานโครงการกับภาครัฐ

ปัจจุบัน บริษัทฯมีหน่วยไตเทียมครอบคลุมทั่วประเทศ โดยผ่านการสนับสนุนจากโครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐ อาทิ โครงการสวัสดิการด้านสุขภาพภาครัฐต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนงบบริการผู้ป่วยเรื้อรังจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่สนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง ที่มีสิทธิทุกรายสามารถร่วมตัดสินใจเลือกวิธีการล้างไต เป็นแบบฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมร่วมกับแพทย์ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้มีจำนวนผู้ป่วยใช้บริการกับกลุ่มบริษัทฯมากยิ่งขึ้น   

สำหรับเม็ดเงินระดมทุนในครั้งส่งผลให้บริษัทฯมีโอกาสนำเครื่องมือทางการเงินจากแหล่งทุนมาต่อต่อยอดทางธุรกิจในอนาคตได้ โดยเฉพาะการเพิ่มศักยภาพด้านการบริการของ KTMS ที่จะดูแลผู้ป่วยได้ทั่วถึงมากขึ้น โดยนำไปใช้ลงทุนในสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม รวมถึงโครงการลงทุนในโรงงานผลิตน้ำยาไตเทียม และศูนย์บริการวิศวกรรมและเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจการลงทุนอื่นๆ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวสะท้อนถึงศักยภาพความแข็งแกร่งด้านการบริการของกลุ่มบริษัทฯ ได้อย่างครบวงจรมีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล

“ KTMS เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 76.64 ล้านหุ้น     มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 25.55% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น เป็นทุนที่ชำระแล้ว 111.68 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 223.36 ล้านหุ้น” 

ด้านนายศุภณัฐ พร้อมศิริพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน “KTMS” กล่าวว่าผลการดำเนินงานของ “KTMS” ในช่วงปี 2562-2564 และงวด 9 เดือนปี 2565 ทางกลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการขายและบริการเท่ากับ 182.64 ล้านบาท 212.54 ล้านบาท 310.30 ล้านบาท และ 277.32 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีรายได้หลักมาจากการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จากการขยายจำนวนสาขาสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 กลุ่มบริษัทฯมีสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เป็นจำนวน 14 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีสาขาอยู่ 7 สาขา และมีเครื่องไตเทียม จำนวน 156 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ที่มีอยู่ 74 เครื่อง ส่วนในปี 2564 กลุ่มบริษัทฯมีสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จำนวน 18 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 4 สาขา และมีเครื่องไตเทียม จำนวน 228 เครื่อง เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 72 เครื่อง

ขณะที่งวดเก้าเดือนปี 2565 กลุ่มบริษัทฯมีสถานพยาบาลฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จำนวน 20 สาขา เพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 2 สาขา และมีเครื่องไตเทียม 254 เครื่อง เพิ่มขึ้นจาก ปี 2564 จำนวน 26 เครื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิในปี 2562-2564 และงวด 9 เดือนปี 2565 อยู่ที่ 0.56 ล้านบาท, ขาดทุนสุทธิ 26.62 ล้านบาท 16.80 ล้านบาท และ 15.66 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนอัตรากำไรสุทธิ 0.29%, ลดลง 12.52%, 5.41% และ 5.65% ตามลำดับ

ขณะที่ นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.เคที เมดิคอล เซอร์วิส “KTMS” กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยศักยภาพความแข็งแกร่งของ “KTMS” ในการเป็นผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแบบครบวงจรและระบบผลิตน้ำบริสุทธิ์ ที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล ภายใต้การให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) ในรูปแบบคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางไตเทียม (คลินิก หรือ Stand-Alone) และหน่วยไตเทียมในโรงพยาบาล (หน่วยไตเทียม หรือ Outsource)  ทั้งในส่วนของโรงพยาบาลรัฐ และกลุ่มลูกค้าเอกชน

โดยปัจจุบันบริษัทฯมีเครื่องไตเทียมรวม จำนวน 254 เครื่อง มีหน่วยไตเทียม จำนวน 20 สาขา ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ทั้งภาคกลางและกรุงเทพมหานคร 2 สาขา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 สาขา ภาคเหนือ 4 สาขา ภาคตะวันออก 2 สาขา และภาคตะวันตก 2 สาขา ดังนั้นจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในความเป็นมืออาชีพของ “KTMS” ประกอบกับผลการดำเนินงานที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเป็นผู้ประกอบการด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม เพียงไม่กี่รายที่ให้บริการได้อย่างครบวงจร จนก้าวสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการให้บริการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมรายแรก ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปีนี้ ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นว่า หุ้น “KTMS” เป็นหุ้นIPO น้องใหม่ที่น่าจับตาอย่างมาก โดยเตรียมเปิดเสนอขายให้กับนักลงทุนทั่วไปในเร็วๆนี้ และคาดว่าจะสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ หมวดธุรกิจบริการ (SERVICE) ในช่วงปลายปี2565 อย่างแน่นอน

Adblock test (Why?)


“KTMS” โรดโชว์ ประกาศศักดาหนึ่งในผู้นำการให้บริการฟอกไตเทียมรายแรกที่เข้าตลท. - สยามรัฐ
Read More

Sunday, November 20, 2022

ตลาด mai รับ `กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่งฯ (KJL)` เข้าเทรด 22 พ.ย.นี้ - efinanceThai

 ตลาด mai รับ บมจ.กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค (KJL) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายตู้ไฟ-อุปกรณ์เดินสายไฟ เข้าซื้อขาย 22 พ.ย.นี้ ราคาหุ้นละ 13.50 บ.โชว์งบ 9 เดือนโต 45% เฉียด 100 ลบ.

  นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ mai ยินดีต้อนรับ บมจ. กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “KJL” ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2565

  KJL ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้ไฟสวิทช์บอร์ด รางเดินสายไฟ อุปกรณ์ที่ใช้เดินสายไฟ และชิ้นส่วนงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ ด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย ภายใต้เครื่องหมายการค้า KJL ซึ่งบริษัทจำหน่ายทั้งสินค้ามาตรฐานเคเจแอล และสินค้าสั่งผลิตที่ได้รับการรับรองคุณภาพมาตรฐานสากล

  นอกจากนี้ บริษัทได้ลิขสิทธิ์จาก “ชไนเดอร์ อิเล็คทริค” จากประเทศฝรั่งเศส เพื่อผลิตและจำหน่ายตู้สวิทช์บอร์ดไฟฟ้ารุ่น Prisma iPM โดยมีโรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัท ได้แก่ ตัวแทนจำหน่าย ผู้รับเหมาไฟฟ้า ร้านค้าจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป และลูกค้าผู้ใช้งานระดับองค์กร ใน 6 เดือนแรก ปี 2565 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากสินค้ามาตราฐานเคเจแอลร้อยละ 69 สินค้าสั่งผลิตร้อยละ 22 ที่เหลือเป็นรายได้จากสินค้าอื่นที่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้า เศษเหล็ก โลหะแผ่น ร้อยละ 9 ของรายได้รวม

  KJL มีทุนชำระหลังเสนอขาย 58 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 86 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 30 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ 22.5 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 4.5 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท 3 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 9 – 11 พฤศจิกายน 2565 ในราคาหุ้นละ 13.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 405 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,566 ล้านบาท

  ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ประมาณ 13.99 เท่า คำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2564 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2565) ซึ่งเท่ากับ 111.96 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายต่อประชาชนในครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.97 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย

  นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค เปิดเผยว่าการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นับเป็นอีกก้าวความสำเร็จและความภาคภูมิใจในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ก้าวสู่ความเป็นเลิศในอุตสาหกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายในแต่ละอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ได้มาตรฐานและคุณภาพที่รวดเร็วและตรงเวลา

  โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ จะนำไปเพื่อใช้ในการลงทุนศูนย์นวัตกรรม KJL (KJL Innovation Campus) ลงทุนก่อสร้างโรงงาน และเครื่องจักร ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้น ลงทุนในระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

  KJL มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือกลุ่มครอบครัวสุจิวโรดมถือหุ้นร้อยละ 74.14 บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีจากงบเฉพาะกิจการและหลังหักเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด

  สำหรับผลการดำเนินงาน งวด 9 เดือนปี 2565 บริษัท ฯ มีรายได้รวม 758.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 138.23 ล้านบาท คิดเป็น 22.69% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน และมีกำไรสำหรับปี 98.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 30.54 ล้านบาท คิดเป็น 45.12% ขณะที่กำไรงวดไตรมาส 3/65 มีกำไร 32.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.62% จากงวดเดียวกันปี 64 ที่มีกำไร 19.82 ล้านบาท

  ตามการเพิ่มขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่เป็นสินค้าตู้ไซส์มาตรฐาน รางไวร์เวย์ และพูลบ๊อกซ์ ประกอบกับบริษัทฯ มีการทยอยปรับราคาขายสินค้าตามราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นในช่วงต้นปี 2565 และสภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จากการลงทุนในภาคเอกชนที่มียังคงมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

Adblock test (Why?)


ตลาด mai รับ `กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่งฯ (KJL)` เข้าเทรด 22 พ.ย.นี้ - efinanceThai
Read More

W ขายกิจการ Domino's Pizza-Jardin Du Boeuf-La Lune ปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจ - อาร์วายที9

นางเสาวณีย์ ขาวอุบล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วาว แฟคเตอร์ (W) เปิดเผยมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งพิเศษที่ 2/2565 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยมีมติอนุมัติให้จำหน่ายสินทรัพย์ 3 รายการ และได้ลงนามในสัญญาซื้อหุ้น และสัญญาซื้อขายทรัพย์สินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา

บริษัทจะทำการขายหุ้นบริษัทย่อย ดังนี้

1.) บริษัท โดมิโน่ เอเซีย แปซิฟิค จำกัด หรือ DMN ซึ่งประกอบธุรกิจจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ภายใต้แบรนด์ Domino?s Pizza จำนวน 3,874,300 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 90.10% ของหุ้นทั้งหมดใน DMN

2.) บริษัท ดีเค วาว เวนเจอร์ จำกัด หรือ DKW ซึ่งบริษัทถือหุ้นผ่าน บริษัท เครปส์ แอนด์ โค. ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (CND) จำนวน 160,998 หุ้น คิดเป็น 69.99% ของหุ้นสามัญทั้งหมดของ DKW ประกอบธุรกิจ จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีร้านอาหาร Jardin Du Boeuf เปิดให้บริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 160,998 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 69.99% ของหุ้นทั้งหมดใน DKW ส่งผลให้ทั้งสองบริษัทดังกล่าวสิ้นสุดการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ

และ 3.) ทรัพย์สินในหน่วยธุรกิจขนมหวานประเภทมาการอง ภายใต้แบรนด์ La Lune รวมถึงเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวข้องและสินค้าคงเหลือ ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายเท่ากับ 6,500,000 บาท

ทั้ง 3 รายการที่ทางบริษัทได้จำหน่ายออกไป ได้จำหน่ายให้แก่ นายศิรัตน์ รัตนไพฑูรย์ ซึ่งมิใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ

นางเสาวณีย์ ล่าวว่า การขายสินทรัพย์ของทางบริษัทฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการขายธุรกิจที่ใช้เงินทุนสูงออกไปและคงธุรกิจที่ทางบอร์ดมีความเชี่ยวชาญไว้แทน นอกจากนี้ธุรกิจที่ทางบริษัทมีอยู่อย่างชาบูยังคงเป็นธุรกิจที่ค่อนข้างมาแรง มีตลาดที่กว้าง บริโภคได้ง่าย และมีโอกาสการแข่งขันในตลาดค่อนข้างเยอะกว่าธุรกิจที่ได้ขายออกไป ซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากรายได้ในไตรมาสที่ผ่านมา ทางบอร์ดจึงมีมติขายบริษัทย่อยและธุรกิจในเครือออกไป เพื่อให้ผู้ที่มีความชำนาญในด้านธุรกิจดังกล่าวรับช่วงต่อบริหารแทน และหลังจากนี้ทางบริษัทฯ เองมีแผนที่จะปรับยุทธศาสตร์การดำเนินงานเพื่อต่อยอดธุรกิจ F&B ให้เติบโตอย่างมั่นคงต่อไป"

ปัจจุบันทาง W มีธุรกิจ food and beverage ที่ดำเนินกิจการอยู่ คือ 1.) ธุรกิจของบริษัท เบค ชีส ทาร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ BCT ประกอบธุรกิจร้านขนมนำเข้าจากญี่ปุ่นแบรนด์ Bake, Zaku Zaku และ Rapl 2.) ธุรกิจของบริษัท เครปส์ แอนด์ โค. ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด หรือ CND ประกอบธุรกิจร้านอาหารสเต๊กสไตล์ฝรั่งเศส Le Boeuf และ 3.) ธุรกิจของบริษัท อีสเทิร์น ควีซีน (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบธุรกิจร้านอาหารชาบู Kagonoya ร้านอาหารชาบูระดับพรีเมียม มีต้นกำเนิดมาจากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ที่ปัจจุบันมีมากกว่า 10 สาขาแล้วในประเทศไทย


Adblock test (Why?)


W ขายกิจการ Domino's Pizza-Jardin Du Boeuf-La Lune ปรับยุทธศาสตร์ธุรกิจ - อาร์วายที9
Read More

ตลาดสัปดาห์ข้างหน้า: Nasdaq 100, S&P 500, ทองคำ, ดอลลาร์สหรัฐ, NZD/USD, RBNZ, วันขอบคุณพระเจ้า - www.thaifrx.com

แนะนำโดย Daniel Dubrovsky

รับการพยากรณ์หุ้นของคุณฟรี

ความเชื่อมั่นในตลาดโลกผันผวนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็น 5 วันที่ค่อนข้างน่าผิดหวังสำหรับ Wall Street เนื่องจาก Nasdaq 100 ที่เน้นเทคโนโลยีสูงทรุดตัวลง 1.57% ในขณะที่ S&P 500 ลดลง 0.69% สิ่งต่าง ๆ ดูค่อนข้างสดใสในยุโรป DAX 40 และ FTSE 100 เพิ่มขึ้น 1.46% และ 0.92% ตามลำดับ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ดัชนี Nikkei 225 อ่อนตัวลง 1.29% ขณะที่ Hang Seng ทะยานขึ้น 3.85%

ผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างน่าผิดหวังของ Wall Street เมื่อเทียบกับส่วนอื่น ๆ ของโลกน่าจะเกิดจากการผสมผสานระหว่าง Fedspeak และข้อมูลทางเศรษฐกิจ ในขณะที่เจ้าหน้าที่ของเฟดพูดพาดพิงถึงการเข้มงวดที่ช้าลง พวกเขายังได้เน้นย้ำกรณีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน ยอดค้าปลีกของสหรัฐก็สูงขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ โดยเน้นย้ำถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจเมื่อต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้น

ผลจากการเดิมพันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดอลลาร์สหรัฐพบโมเมนตัมบางอย่างเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก – ดูแผนภูมิด้านล่าง เงินปอนด์อังกฤษส่วนใหญ่ไม่เสียหายแม้จะมีการประกาศงบประมาณของสหราชอาณาจักรที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของการรัดเข็มขัดเพื่อช่วยต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ราคาทองคำและน้ำมันดิบอ่อนตัวลง

ตลาดกำลังมุ่งหน้าสู่สัปดาห์การซื้อขายที่ถูกจำกัดเนื่องจากวันหยุดวันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าวอลล์สตรีทจะปิดทำการในวันพฤหัสบดี แต่คาดว่ากิจกรรมและสภาพคล่องจะลดต่ำลงในวันก่อนและหลัง นี่ไม่ได้หมายความว่าความผันผวนจะถูกยับยั้ง แต่หลักฐานทางเศรษฐกิจนั้นเบาบาง

ความเสี่ยงจากเหตุการณ์ที่โดดเด่นที่สุดคือรายงานการประชุม FOMC ซึ่งอาจตอกย้ำกรณีที่รัดกุมต่อไปแม้ว่าจะดำเนินไปอย่างช้าๆ เทียบเท่าของธนาคารกลางยุโรปจะข้ามสายสำหรับเงินยูโร ธนาคารกลางแห่งนิวซีแลนด์คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 4.25% จาก 3.50% ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่ความผันผวนของ NZD/USD มีอะไรอีกบ้างสำหรับตลาดในสัปดาห์หน้า?

แนะนำโดย Daniel Dubrovsky

รับการคาดการณ์โอกาสการซื้อขายสูงสุดของคุณฟรี

ประสิทธิภาพของตลาด – สัปดาห์ที่ 11/21

ประสิทธิภาพของตลาด – สัปดาห์ที่ 11/21

การคาดการณ์พื้นฐาน:

การคาดการณ์รายสัปดาห์ของปอนด์อังกฤษ: GBP/USD ซ่อมแซมความเสียหายล่าสุด

GBP/USD เล็งไปที่ 1.2000 อีกครั้งเนื่องจากเงินสเตอร์ลิงที่กลับมาแข็งแกร่งและเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงทำให้ทั้งคู่ปรับตัวขึ้น

แนวโน้มดอลลาร์ออสเตรเลีย: ติดอยู่ใน US Dollar Vortex

ดอลลาร์ออสเตรเลียถูกปั่นป่วนโดยความผันผวนของดอลลาร์สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากข้อมูลและภูมิรัฐศาสตร์มีตลาดที่วิ่งจากเสาหลักหนึ่งไปยังอีกเสาหนึ่ง ทำให้คาดเดาได้ว่าเฟดกำลังมุ่งหน้าไปทางใด

การคาดการณ์ราคายูโร: ECB พิจารณา QT เทียบกับการปรับขึ้นอัตรา EUR/USD ไม่เคลื่อนไหว

สัปดาห์ที่มืดมนสำหรับเงินยูโรเนื่องจาก EUR/USD มองหาตัวเร่งปฏิกิริยาพื้นฐาน ขณะที่ ECB ชักเย่อระหว่างนกพิราบและเหยี่ยวต่อไป

การคาดการณ์ดอลลาร์นิวซีแลนด์: RBNZ ชั่งน้ำหนักอัตราเงินเฟ้อเทียบกับกระแสลมแรงทั่วโลก

สัปดาห์หน้า RBNZ ตัดสินใจปรับขึ้น 50 หรือ 75 bps โดยที่ทิศทางไปข้างหน้ายังคงเป็นกุญแจสำคัญ อัตราเงินเฟ้อที่แข็งกระด้างและแนวโน้มทั่วโลกที่แย่ลงทำให้การตัดสินใจยุ่งยาก

Dow Jones, Nasdaq 100, S&P 500 Forecast: วันขอบคุณพระเจ้าหมายถึงความไม่คล่องตัว แต่ความผันผวน?

ดัชนี Dow Jones, Nasdaq 100 และ S&P 500 ถอยกลับเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจาก Fedspeak และยอดค้าปลีกตอกย้ำธนาคารกลางที่เจ้าเล่ห์ วันขอบคุณพระเจ้านำมาซึ่งสภาพคล่อง แต่ความผันผวนล่ะ?

การคาดการณ์ทางเทคนิค:

การคาดการณ์ทางเทคนิคของทองคำและเงิน: กำไรล่าสุดที่มีความเสี่ยงเนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาเป็นนัยที่ด้านล่างเพิ่มเติม

ทองคำและเงินต่างก็มีความสุขในการปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปลายปี ทั้งสองยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดการถดถอยลึกในสัปดาห์ข้างหน้า โดยดัชนีดอลลาร์น่าจะเป็นกุญแจสำคัญ

Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) ราคาคงที่ – FTX Contagion Spreads

Bitcoin และ Ethereum สามารถปิดเสียงการลดลงอย่างรวดเร็วของราคาเนื่องจากระดับทางเทคนิคช่วยในการผลักดันการเคลื่อนไหวรายสัปดาห์ การแพร่ระบาดของ FTX แพร่กระจายไปยัง Genesis และ Blockfi

S&P 500 และแนวโน้มค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ทางเทคนิค: Rally to Pause?

การชุมนุมครั้งล่าสุดใน S&P 500 และค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อาจหยุดชั่วคราวในขณะที่พวกเขาทดสอบอุปสรรคสำคัญ มีระดับอะไรบ้าง ไปดูกันเลย

แนวโน้มทางเทคนิค GBP/USD: สัญญาณสนับสนุนสำหรับตลาดกระทิง

การเพิ่มขึ้นของ GBP/USD เหนือแนวต้านหลักที่จุดสูงสุดในเดือนกันยายนเพิ่มโอกาสที่จุดเลวร้ายที่สุดจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คีย์ระดับไหนที่น่าจับตามอง?

แผงลอยการกลับรายการหยาบคายของ USDJPY หน่วยงานด้านนโยบายของญี่ปุ่นต้องเจ็บปวดมากกว่านี้หรือไม่?

การฟื้นตัวของเงินเยนของญี่ปุ่นหยุดชะงักในสัปดาห์ที่ผ่านมา หากไม่มี USDJPY เป็นผู้นำด้วยสภาพคล่องที่ดุร้ายและการข้ามเงินเยนอื่น ๆ ไม่เคยหันกลับมาร่วมทางกันจริง ๆ ความกลัวของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นที่จะกลับมาที่ 150 อาจเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

การพยากรณ์ทางเทคนิคของดอลลาร์สหรัฐ: EUR/USD, GBP/USD, USD/CAD, USD/JPY

ดอลลาร์สหรัฐตั้งค่าต่ำสุดใหม่ในวันอังคาร แต่หมีไม่สามารถเข้าควบคุมได้หลังจากนั้น โดยมีชุดค่าต่ำสุดที่สูงขึ้นแสดงเป็นดอลลาร์สหรัฐในกราฟรายวันจนถึงสิ้นสัปดาห์

— ตัวบทความเขียนโดย Daniel Dubrovsky นักยุทธศาสตร์อาวุโสของ DailyFX.com

— บทความส่วนบุคคลที่รวบรวมโดยสมาชิกทีม DailyFX

หากต้องการติดต่อแดเนียล ติดตามเขาบน Twitter:@ddubrovskyFX

Adblock test (Why?)


ตลาดสัปดาห์ข้างหน้า: Nasdaq 100, S&P 500, ทองคำ, ดอลลาร์สหรัฐ, NZD/USD, RBNZ, วันขอบคุณพระเจ้า - www.thaifrx.com
Read More

Friday, November 18, 2022

ราคาทองฟิวเจอร์ร่วง 0.7% กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย - กรุงเทพธุรกิจ

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. ลบ  0.70% สู่ระดับ 1,750.6 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ การดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ยังไม่ได้อยู่ในกรอบที่ถือว่ามีการคุมเข้มมากเพียงพอ

 "แม้ว่าเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้นสู่กรอบ 3.75-4.00% ในปีนี้ แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับที่เฟดมองว่ามีการคุมเข้มมากพอที่จะฉุดเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ซึ่งกรอบอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับคุมเข้มอย่างมีประสิทธิภาพคือ 5-7%" นายบูลลาร์ด กล่าว

ด้านนางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ แสดงความเห็นว่า เฟดอาจจะต้องทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงเพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีความตึงตัว

ตลาดจับตารายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันที่ 23 พ.ย. เพื่อบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

Adblock test (Why?)


ราคาทองฟิวเจอร์ร่วง 0.7% กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Tuesday, November 15, 2022

SAWAD เผย Q3/65 โตต่อเนื่อง NPL ลดลง พอร์ตลูกหนี้ฟื้นตัวแตะ 5 หมื่นลบ. : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

นางสาวธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บมจ.ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิ 1,185.63 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.6% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ์อยู่ที่ 1,111.60 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยราว 2,307.07 ล้านบาท และรายได้อื่นราว 970.84 ล้านบาท รวมรายได้อยู่ที่ 3,277.93 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 32.93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้การเติบโตของรายได้และกำไรมาจากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อของบริษัทอยู่ที่ 51,477 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 36,986 ล้านบาท สะท้อนการเติบโตดีในช่วงครึ่งปีหลังที่ปล่อยสินเชื่อเป็นไปตามเป้าหมาย อีกทั้งได้อานิสงส์จากคุณภาพลูกหนี้ของบริษัทที่ดีขึ้น NPL Ratio ลดลง ส่งผลให้การตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตลดลงตามไปด้วย

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน มีรายได้ดอกเบี้ย 5,949.89 ล้านบาท และรายได้อื่นอยู่ที่ 2,594.28 รวมรายได้อยู่ที่ 8,544.13 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10.57% โดยรายได้ที่เติบโตดีมาจากการขยายตัวของรายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,263.19 ล้านบาท ลดลง 8.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

“ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของบริษัทเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าหลังจากนี้จะเติบโตตามแผน New S Curve ของเครือศรีสวัสดิ์ได้ เห็นได้ชัดจากพอร์ตสินเชื่อที่กลับมาเติบโตเด่นทะลุ 5 หมื่นล้านบาทแล้ว ซึ่งเป็นแนวโน้มการเติบโตหลังผ่านสถานการณ์การระบาดของโควิด และสภาวะเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวชัดเจน เชื่อว่าโค้งสุดท้ายของปีนี้จะเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการสร้างรายได้และกำไรที่ดี” นางสาวธิดา กล่าว

ทั้งนี้ตามแผนงานบริษัทได้เร่งส่งเสริมการประชาสัมพันธ์และออกแคมเปญสนับสนุนการเข้าถึงสินเชื่อ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์เครือศรีสวัสดิ์เป็นที่รู้จักมากขึ้น อีกทั้งยังเร่งการขยายสาขาเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงบริการในทุกพื้นที่ โดยวางเป้าขยายสาขาทั้งหมด 5,500 สาขา ปัจจุบันขยายสาขาพร้อมให้บริการแล้ว 5,187 สาขา เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีสาขาอยู่ที่ 4,874 สาขา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 65)

Tags: , , ,

Adblock test (Why?)


SAWAD เผย Q3/65 โตต่อเนื่อง NPL ลดลง พอร์ตลูกหนี้ฟื้นตัวแตะ 5 หมื่นลบ. : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

Monday, November 14, 2022

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $7.5 หลังรองปธ.เฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย - อาร์วายที9

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (14 พ.ย.) หลังจากนางลาเอล เบรนาร์ด รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.5 ดอลลาร์ หรือ 0.42% ปิดที่ 1,776.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 44.6 เซนต์ หรือ 2.06% ปิดที่ 22.113 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 5.1 ดอลลาร์ หรือ 0.49% ปิดที่ 1,033 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 13 ดอลลาร์ หรือ 0.6% ปิดที่ 2,039.50 ดอลลาร์/ออนซ์

นางเบรนาร์ดให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า เฟดอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้านี้ ซึ่งเธอมองว่าเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม

การแสดงความเห็นของนางเบรนาร์ดทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดอาจจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินเดือนธ.ค. โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 80.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. และให้น้ำหนักเพียง 19.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%

อย่างไรก็ดี ตลาดทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.34% แตะที่ 106.6590 เมื่อคืนนี้

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $7.5 หลังรองปธ.เฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ย - อาร์วายที9
Read More

จส. 100 - จส. 100


      ดร. สมบัติ กิจจาลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM  ผู้ให้บริการทางพิเศษและรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงินและสายสีม่วง โชว์ผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 3/2565 โดยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นของบริษัท จำนวน 863 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 755 ล้านบาทหรือร้อยละ 699 มีรายได้จากการดำเนินงาน จำนวน 3,739 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวน 1,585 ล้านบาท หรือร้อยละ 73.6  โดยรายได้ค่าผ่านทางเพิ่มขึ้น จำนวน 868 ล้านบาท รายได้ค่าโดยสารและรับจ้างเดินรถเพิ่มขึ้น จำนวน 651 ล้านบาท และรายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่มขึ้น จำนวน 66 ล้านบาท จากปัจจัยบวกหลังการเปิดประเทศที่ผ่านมา ส่งผลให้ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการกลับมาทำงานของภาคธุรกิจ การกลับมาเรียน on site ของสถาบันการศึกษา และยอดนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตัวเลขกำไร 863 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปีนี้เป็นตัวเลข New High นับตั้งแต่ปี 2563 ที่มีการระบาดของโควิด

      ดร. สมบัติ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ ส่งผลให้ปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยปริมาณรถที่ใช้ทางด่วนในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,069,102 เที่ยวต่อวัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 59.7  และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินปริมาณผู้โดยสารในไตรมาสนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 312,663 เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 292.4 โดยมั่นใจว่าการฟื้นตัวครั้งนี้เป็นแบบ V Shape แน่นอน

      ดร.สมบัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 เพื่อพิจารณาเข้าทำสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) กับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และพิจารณาการเข้าทำสัญญาว่าจ้างบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารและก่อสร้างงานโยธา (ช่วงตะวันตก) และผู้ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง ทดสอบอุปกรณ์งานระบบ และทดลองเดินทางรถไฟฟ้า (ช่วงตะวันออกและตะวันตก) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)  ทั้งนี้การลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม จะทำให้บริษัทเพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และขยายโครงการเครือข่ายของระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟฟ้าที่บริษัทบริหารอยู่ในปัจจุบันให้ครอบคลุมพื้นที่การให้บริการที่มากขึ้น ซึ่งจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารและรายได้ของโครงการรถไฟฟ้าภายใต้สัมปทานของบริษัท  BEM มีความพร้อมที่จะเข้าดำเนินงานได้ทันที หลังจากลงนามสัญญา และมั่นใจว่าจะเปิดให้บริการส่วนตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-สุวินทวงศ์) ได้ภายใน 3 ปีครึ่ง และส่วนตะวันตก (ศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์) ได้ภายใน 6 ปี ตามแผนงานของ รฟม. ซึ่งตรงนี้ถือเป็นจุดเด่นของ BEM ที่ทำงานทุกโครงการประสบความสำเร็จ เปิดบริการได้ตามสัญญาเป็นไปตามแผนหรือก่อนแผนเสมอ

Adblock test (Why?)


จส. 100 - จส. 100
Read More

Sunday, November 13, 2022

14 พ.ย. ตลท.-สมาคม บล. แถลงด่วนแนวทางแก้ไขปัญหาหุ้น MORE - การเงินธนาคาร

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.จะร่วมกับ นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) แถลง "แนวทางการแก้ไขปัญหากรณีหุ้น บมจ. มอร์ รีเทิร์น (MORE)" ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 เวลา 9:00 น.

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีกระแสข่าวว่า ตลท. ได้ร่วมหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีปัญหาความผิดปกติในการซื้อขายหุ้น MORE ที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีรายงานข่าวว่าโบรกเกอร์หลายรายได้รับความเสียหายจากการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น MORE จำนวน 1,500 ล้านหุ้น และอาจเข้าข่ายการกระทำผิด พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กรณีการบิดเบือนราคา          

ความผิดปกติในการซื้อขายหุ้น MORE เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พ.ย.65 โดยราคาดิ่งฟลอร์มาที่ 1.95 บาท หรือลดลง 29.86% โดยมีปริมาณซื้อขาย 2,776.75 ล้านหุ้น มูลค่ราว 7,161.81 ล้านบาท หลังจากนั้นในวันที่ 11 พ.ย.65 ราคาหุ้นยังคงร่วงลงมาฟลอร์อย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณการซื้อขาย 97.76 ล้านหุ้น มูลค่า 133.94 ล้านบาท ทั้งนี้ คำสั่งซื้อขายในวันที่ 10 จะถึงกำหนดชำระราคาในวันที่ 14 พ.ย.นี้ 

รายงานข่าวจากวงการโบรกเกอร์ เปิดเผยว่ามีโบรกเกอร์นับ 10 รายที่ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น MORE ในช่วงที่มีการซื้อขายอย่างผิดปกติ ซึ่งได้ร่วมหารือกันในวันนี้เพื่อหาทางออกว่าจะมีการชำระราคาหุ้น MORE กันอย่างไร โดยมีแนวทางที่จะขอให้ระงับไว้ก่อนเพื่อรอการตรวจสอบ เนื่องจากดีลนี้อาจเป็นธุรกรรมที่มีผู้เกี่ยวข้องบางคนเข้าข่ายฉ้อโกง        

แหล่งข่าวจากบล.แห่งหนึ่งที่ถูกระบุว่าเกิดความเสียหายกว่า 600 ล้านบาท ออกมาสื่อสารกับลูกค้าว่ากรณีที่มีการนำเสนอข่าวเรื่องมีนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายผิดปกติหุ้น MORE จากหลายโบรกเกอร์ และหากนักลงทุนไม่ชำระค่าหุ้นอาจทำให้โบรกเกอร์ต้องรับภาระแทนนั้น กรณีที่เกิดขึ้นเป็นเพียงธุรกรรมที่ต้องสงสัยเท่านั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ พร้อมทั้งพยายามยืนยันว่ามีฐานะทุนที่แข็งแกร่งเพียงพอในการประกอบธุรกิจ 

ขณะที่โบรกเกอร์อีกรายระบุว่าไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว และยังสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ โดยทางตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีมาตรการกำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบ

Adblock test (Why?)


14 พ.ย. ตลท.-สมาคม บล. แถลงด่วนแนวทางแก้ไขปัญหาหุ้น MORE - การเงินธนาคาร
Read More

Saturday, November 12, 2022

ราคาทองวันนี้ล่าสุด 12 พ.ย. 65 เปิดตลาดเช้าวันเสาร์ ทองรูปพรรณขายออก 30,550 - ไทยรัฐ

"ราคาทองวันนี้" เปิดตลาดเช้าวันเสาร์ 12 พ.ย. 65 ราคาปรับขึ้น 50 สำหรับราคา "ทองคำแท่ง" ขายออกบาทละ 30,050 บาท ส่วนราคา "ทองรูปพรรณ" ขายออกบาทละ 30,550 บาท

ราคาทองวันนี้ 12 พฤศจิกายน 2565 ทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ ซื้อขายบาทละ

  • ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 29,950 บาท ขายออกบาทละ 30,050 บาท
  • ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 29,410.40 บาท ขายออกบาทละ 30,550 บาท

วันที่ 12 พ.ย. 65 สมาคมค้าทองคำรายงานว่า ราคาทองไทยวันนี้ ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.18 น. ราคาทองปรับขึ้น 50 ส่งผลให้ "ทองคำแท่ง" รับซื้อบาทละ 29,950 บาท ขายออกบาทละ 30,050 บาท ส่วน "ทองรูปพรรณ" รับซื้อบาทละ 29,410.40 บาท ขายออกบาทละ 30,550 บาท


ส่วน ราคาทองวันนี้ 2 สลึง 50 สตางค์ ทองคำแท่ง 2 สลึง รับซื้อ 14,975 บาท ขายออก 15,025 บาท ทองรูปพรรณ 2 สลึง รับซื้อ 14,705.2 บาท ขายออก 15,275 บาท

ราคาทองวันนี้ 1 สลึง ทองคำแท่ง 1 สลึง รับซื้อ 7,487.5 บาท ขายออก 7,512.5 บาท ทองรูปพรรณ 1 สลึง รับซื้อ 7,352.6 บาท ขายออก 7,637.5 บาท

ราคาทองวันนี้ 1/2 สลึง ทองคำแท่ง 1/2 สลึง รับซื้อ 3,743.75 บาท ขายออก 3,756.25 บาท ทองรูปพรรณ 1/2 สลึง รับซื้อ 3,676.3 บาท ขายออก 3,818.75 บาท

อย่างไรก็ตาม ราคาดังกล่าวยังไม่รวมค่ากำเหน็จ ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาสอบถามเจ้าหน้าที่ของร้านทองอีกครั้ง.

Adblock test (Why?)


ราคาทองวันนี้ล่าสุด 12 พ.ย. 65 เปิดตลาดเช้าวันเสาร์ ทองรูปพรรณขายออก 30,550 - ไทยรัฐ
Read More

Friday, November 11, 2022

ดาวโจนส์ปิดบวกในกรอบแคบ 0.10% หลังช่วงเปิดตลาดปรับตัวร่วงลง - กรุงเทพธุรกิจ

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดวันศุกร์(11พ.ย.)ปรับตัวขึ้นในกรอบแคบ 0.10% หลังจากช่วงเปิดการซื้อขายปรับตัวร่วงลงกว่า 200 จุด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 0.10% ปิดที่ 33,749.18 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 บวก 0.93%  ปิดที่ 3,993.05 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวขึ้น 1.88%  ปิดที่ 11,323.33 จุด 

ตลาดพันธบัตรสหรัฐปิดทำการในวันศุกร์ เนื่องในวันทหารผ่านศึกของสหรัฐ ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 1,200 จุดวานนี้ ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็ก ทำสถิติพุ่งขึ้นคิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดภายในวันเดียวในรอบ 2 ปีครึ่ง ขานรับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยังได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยบิตคอยน์ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 17,000 ดอลลาร์ ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ดิ่งลงเช่นกัน หลัง FTX ประกาศล้มละลายในวันนี้

นายแซม แบงค์แมน-ฟรายด์ ประกาศลาออกจากตำแหน่งซีอีโอของบริษัท FTX ขณะที่ FTX เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย

ทั้งนี้ FTX ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินคริปโท ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางบริษัทได้ยื่นเรื่องต่อศาลสหรัฐตามมาตรา 11 เพื่อขอการพิทักษ์ทรัพย์จากภาวะล้มละลาย โดยมีบริษัทในเครือของ FTX ราว 130 บริษัทที่เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย ซึ่งรวมถึงบริษัท Alameda Research และ FTX.us

FTX กลายเป็นบริษัทที่ล้มละลายภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน จากเดิมที่มีสินทรัพย์มากกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ท่ามกลางวิกฤตสภาพคล่องจากการที่ลูกค้าแห่ถอนเงิน ขณะที่ Binance ถอนตัวจากข้อตกลงซื้อกิจการ

ทั้งนี้ นายจ้าว ฉางเผิง ซีอีโอของ Binance ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศยกเลิกข้อตกลงซื้อกิจการ FTX เพียงวันเดียวหลังจากที่บริษัททำข้อตกลงซื้อกิจการ FTX โดยไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย และมีเงื่อนไขว่า Binance จะเข้าสอบทานธุรกิจของ FTX และบริษัทสงวนสิทธิที่จะถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว

"หลังการสอบทานธุรกิจ และมีรายงานข่าวเกี่ยวกับการที่ FTX นำเงินของลูกค้าไปใช้อย่างไม่ถูกต้อง รวมทั้งทางการสหรัฐได้ตั้งข้อกล่าวหาต่อบริษัท เราจึงตัดสินใจยุติการเข้าซื้อกิจการ FTX.com" Binance ระบุในแถลงการณ์

 ก่อนหน้านี้ มีกระแสข่าวลือเกี่ยวกับการล้มละลายของ FTX หลังจากที่นายจ้าวประกาศว่าจะขายเหรียญ FTT ซึ่งเป็นโทเค็นของ FTX ทั้งหมดมูลค่ากว่า 500 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากเขาได้รับ "ข้อมูลบางอย่าง"

ด้าน CoinDesk เปิดเผยงบดุลของบริษัท Alameda Research ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ FTX และทำให้หลายฝ่ายเกิดความสงสัยต่อความโปร่งใสของเหรียญ FTT ซึ่งเป็นโทเค็นของ FTX และจุดชนวนวิวาทะระหว่างนายจ้าว และนางแคโรไลน์ เอลลิสัน ซึ่งเป็นซีอีโอของ Alameda

Adblock test (Why?)


ดาวโจนส์ปิดบวกในกรอบแคบ 0.10% หลังช่วงเปิดตลาดปรับตัวร่วงลง - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

มันนี่ เอ็กซ์โป เชียงใหม่ 2022 เปิดคึกคัก แบงก์-ประกัน เสิร์ฟโปรโมชั่นแรงส่งท้ายปี - การเงินธนาคาร

"บ้านปู" เผยผลประกอบการ Q3/65 แข็งแกร่งต่อเนื่อง รุกสร้างการเติบโตกลุ่มเทคโนโลยีพลังงาน - สยามรัฐ

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เผยผลดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 ด้วยกระแสเงินสดและผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขาย รวม 2,397 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 87,274 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 106 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 49,160 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 155 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 487 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,744 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 360 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นภายใต้อุปทานที่มีจำกัด ประกอบกับรายได้จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบพลังงานที่ดีขึ้นเพื่ออนาคต (Smarter Energy for the Future) 

นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของเราในไตรมาส 3 ปี 2565 มีการเติบโตอย่างน่าพอใจ ทั้งจากความต้องการพลังงานที่ขยายตัวแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการขยายตัวของรายได้ที่เริ่มเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมทั้งจากการขยายการเติบโตในพอร์ตธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve ทั้งด้านที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมพลังงาน รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่นอกเหนือจากด้านพลังงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี (Tech Enabler) ซึ่งล่าสุด บ้านปู เน็กซ์ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อการลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 25 ในบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด  ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับจัดการระบบการใช้พลังงานในอาคารและโรงแรม ต่อยอดโซลูชันเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และลงทุนในกองทุน Smart City Fund II ของ Eurazeo ที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ และเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ยังคงเดินหน้าการดำเนินการภายใต้หลัก ESG ที่เรายึดถือมาตลอดอย่างแข็งขัน โดยได้รับรางวัล Sustainability Awards of Honor จากเวที SET Awards 2022 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งมอบให้กับองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนในระดับยอดเยี่ยมต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป และได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment) หรือ THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 จากตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน” 

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2565 มีรายละเอียดจำแนกตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลักได้ดังต่อไปนี้ 1.ด้านกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ธุรกิจเหมือง สร้างโอกาสและรายได้ที่เติบโตจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ยังคงสูง ขณะที่รายได้จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น และราคายังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนั้น ในไตรมาส 3 บริษัทฯ ยังสามารถรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อสัดส่วนผลประโยชน์ในแหล่งก๊าซธรรมชาติ XTO Barnett 

2.กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน สามารถรักษาอัตราการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะที่โรงไฟฟ้า BLCP ในไทย โรงไฟฟ้า HPC ในลาว และโรงไฟฟ้า Temple I ในสหรัฐฯ ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน สามารถเพิ่มกำลังการผลิตรวมจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 1,003 เมกะวัตต์  

3.กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) ยังคงเร่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณท์และบริการ เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู (Banpu Ecosystem) ให้แข็งแกร่ง โดยล่าสุดได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจิ้งติ้ง ประเทศจีน ในการดำเนินโครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา กำลังผลิต 58 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายเพิ่มเป็น 167 เมกะวัตต์ในปี 2566 

ขณะเดียวกันได้เข้าถือหุ้น 25% ในบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับระบบจัดการการใช้พลังงานอย่างเหมาะสมในอาคารและโรงแรม และเข้าลงทุนจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ในกองทุน Smart City Fund II ของ Eurazeo ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ สมาร์ทโมบิลิตี้ และเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรม “เรายังคงเพิ่มอัตราเร่งในการสร้างการเติบโตภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter โดยอาศัยการผสานจุดแข็งจากระบบนิเวศด้านพลังงานอย่างครบวงจรของเรา ควบคู่ไปกับการแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจต่าง ๆ ที่สามารถพัฒนาความเชี่ยวชาญ ส่งเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและเดินหน้าพัฒนาสู่ความยั่งยืนในระยะยาว”

Adblock test (Why?)


"บ้านปู" เผยผลประกอบการ Q3/65 แข็งแกร่งต่อเนื่อง รุกสร้างการเติบโตกลุ่มเทคโนโลยีพลังงาน - สยามรัฐ
Read More

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...