Rechercher dans ce blog

Friday, September 30, 2022

ทองคำนิวยอร์กปิดบวก $3.4 ได้แรงหนุนจากดอลล์อ่อนค่า : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (30 ก.ย.) และปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงจากระดับสูงสุดในช่วงที่ผ่านมา แต่สัญญาทองปรับตัวย่ำแย่ที่สุดในไตรมาส 3 นับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.4 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,672 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย. และปรับตัวขึ้น 1% ในรอบสัปดาห์นี้ แต่สัญญาทองคำร่วงลง 3.1% ในเดือนก.ย.เป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน และร่วงลง 7.5% ในไตรมาส 3

  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 32.7 เซนต์ หรือ 1.75% ปิดที่ 19.039 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 1.1 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 859.1 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 28.90 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 2,182.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีที่เข้าทดสอบในช่วงต้นสัปดาห์นี้ โดยสัญญาทองคำไม่ได้ถูกกระทบจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในยุโรปและสหรัฐ

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.12% สู่ระดับ 112.1160

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ

นอกจากนี้ สัญญาทองคำยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกของสหรัฐ ซึ่งร่วงลงอย่างรุนแรงสู่ระดับ 45.7 ในเดือนก.ย. จากระดับ 52.2 ในเดือนส.ค. โดยดัชนี PMI ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงภาวะธุรกิจที่หดตัวลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 65)

Tags: , , , ,

Adblock test (Why?)


ทองคำนิวยอร์กปิดบวก $3.4 ได้แรงหนุนจากดอลล์อ่อนค่า : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

ดาวโจนส์ปิดร่วง 500 จุด หลังสหรัฐเผยเงินเฟ้อสูงกว่าคาด-วิตกศก.ถดถอย - ฐานเศรษฐกิจ

ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จากกระทรวงแรงงานสหรัฐ
          

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย 
          

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นเพียงกลุ่มเดียวที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์
         

บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของบริษัทจดทะเบียนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่ามีแนวโน้มลดลง
         

นักวิเคราะห์คาดว่า ผลประกอบการรวมในไตรมาส 3 ของบริษัทในดัชนี S&P500 จะขยายตัว 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยลดลงจากตัวเลขประมาณครั้งก่อนในช่วงเริ่มต้นไตรมาส 3 ที่ระดับ 11.1%

Adblock test (Why?)


ดาวโจนส์ปิดร่วง 500 จุด หลังสหรัฐเผยเงินเฟ้อสูงกว่าคาด-วิตกศก.ถดถอย - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

Thursday, September 29, 2022

วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,592.37 จุด ลดลง -6.86 จุด หรือ -0.43% - efinanceThai


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -29 ก.ย. 65 16:45 น. สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย (29 ก.ย. 65)-- ณ เวลา HH:mm น. มีมูลค่าการซื้อขาย 78,852.46 ล้านบาท. หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.DELTA ปิดที่ 660.00 บาท เพิ่มขึ้น 34.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,644.90 ลบ. 2.PTT ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง -0.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,322.10 ลบ. 3.PTTEP ปิดที่ 161.00 บาท ลดลง -1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,858.41 ลบ. 4.AOT ปิดที่ 73.00 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 2,729.94 ลบ. 5.CPALL ปิดที่ 56.25 บาท ลดลง -0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,485.04 ลบ. ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,155.00 จุด ลดลง -16.39 จุด หรือ -0.75% ดัชนี SET50 ปิดที่ 956.73 จุด ลดลง -7.02 จุด หรือ -0.73% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 653.17 จุด ลดลง -5.28 จุด หรือ -0.80%

Adblock test (Why?)


วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,592.37 จุด ลดลง -6.86 จุด หรือ -0.43% - efinanceThai
Read More

Wednesday, September 28, 2022

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $33.8 รับอานิสงส์ดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วง - อาร์วายที9

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 30 ดอลลาร์ในวันพุธ (28 ก.ย.) โดยได้แรงหนนุจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 33.8 ดอลลาร์ หรือ 2.07% ปิดที่ 1,670 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 54.3 เซนต์ หรือ 2.96% ปิดที่ 18.88 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 21.1 ดอลลาร์ หรือ 2.51% ปิดที่ 860.80 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 78.70 ดอลลาร์ หรือ 3.8% ปิดที่ 2,169.10 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.31% สู่ระดับ 112.6080 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ลดลง 0.26% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2552

ทั้งนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

ดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงหลังจากธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศมาตรการสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน ด้วยการรับซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลอังกฤษจำนวนมากเท่าที่มีความจำเป็นตั้งแต่ขณะนี้จนถึงวันที่ 14 ต.ค.นี้

"BoE จะทำการซื้อพันธบัตรในขนาดที่มีความจำเป็นเพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพในตลาด เนื่องจากหากตลาดยังคงมีความผันผวนต่อไปก็จะสร้างความเสี่ยงอย่างมีนัยสำคัญต่อเสถียรภาพทางการเงินของสหราชอาณาจักร" BoE ระบุในแถลงการณ์เมื่อช่วงเย็นวานนี้


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดพุ่ง $33.8 รับอานิสงส์ดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วง - อาร์วายที9
Read More

ราคาทองฟิวเจอร์ร์พุ่ง 33.80 ดอลล์เหตุดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนตลาด - กรุงเทพธุรกิจ

ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดวันพุธ(28ก.ย.)ปรับตัวขึ้น 33.80 ดอลลาร์ โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

สัญญาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ส่งมอบเดือนธ.ค. บวก 33.80 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,670.00 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ส่วนการร่วงลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะช่วยลดต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้ปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ประกาศมาตรการสร้างเสถียรภาพในตลาดการเงิน ด้วยการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลโดยไม่จำกัดจำนวนเพื่อหนุนค่าเงินปอนด์ และกดดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษปรับตัวลง

ทั้งนี้ นักลงทุนแห่เทขายพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษ หลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลเปิดเผยมาตรการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ รวมทั้งมาตรการเยียวยาภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาพลังงาน ทำให้หลายฝ่ายเกิดความกังวลต่อสถานะทางการคลังของอังกฤษจากการก่อหนี้เพิ่มขึ้นของรัฐบาล

 การแห่เทขายพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าว ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปีพุ่งขึ้นในวันนี้เหนือระดับ 5% เป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2545 ก่อนที่จะอ่อนตัวลง หลังบีโออีประกาศมาตรการสร้างเสถียรภาพในตลาด

Adblock test (Why?)


ราคาทองฟิวเจอร์ร์พุ่ง 33.80 ดอลล์เหตุดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนตลาด - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

กนง. มติเอกฉันท์ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1% แบงก์ปรับขึ้นทันที - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

  1. กนง. มติเอกฉันท์ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1% แบงก์ปรับขึ้นทันที  ประชาชาติธุรกิจ
  2. จับตาประชุม กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ส.อ.ท.หวั่นเงินบาททะลุ 39 บาท/ดอลลาร์  เรื่องเล่าเช้านี้
  3. กนง.มติเอกฉันท์ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.00% มีผลทันที  ผู้จัดการออนไลน์
  4. กนง.มีมติเอกฉันท์ ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ค่าบาทอ่อน "ทันที" ทะลุ 38  PPTVHD36
  5. เปิดมุมมองโบรกฯ ประชุมกนง.บ่ายนี้ มีผลต่อศก. - ตลาดหุ้นแค่ไหน?  efinanceThai
  6. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

กนง. มติเอกฉันท์ ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1% แบงก์ปรับขึ้นทันที - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

"คริสติน ลาการ์ด" ย้ำ ECB ต้องให้ความสำคัญต่อเงินเฟ้อมากกว่าการขยายตัวของศก. : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยในวันนี้ (28 ก.ย.) ว่า ECB ต้องเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าผลข้างเคียงของการคุมเข้มนโยบายการเงินนั้น จะเป็นการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงก็ตาม

“เราฉุดเงินเฟ้อลงสู่ระดับ 2% ในระยะกลาง และเราจะต้องทำในสิ่งที่จำเป็นต้องทำ ซึ่งก็คือการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป ๆ ไป” นางลาการ์ดกล่าวต่อสื่อมวลชน พร้อมเสริมว่า “หากเราไม่ดำเนินการเช่นนั้น เศรษฐกิจก็จะเสียหายมากยิ่งขึ้น”

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงถ้อยแถลงของนางลาการ์ดว่า เป้าหมายแรกของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยคือ การนำพาอัตราดอกเบี้ยไปสู่ระดับที่เป็นกลาง ซึ่งไม่กระตุ้น หรือชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ก.ย. 65)

Tags: , , , ,

Adblock test (Why?)


"คริสติน ลาการ์ด" ย้ำ ECB ต้องให้ความสำคัญต่อเงินเฟ้อมากกว่าการขยายตัวของศก. : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

Tuesday, September 27, 2022

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $2.8 หลังดอลลาร์ชะลอการแข็งค่า - อาร์วายที9

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่ชะลอการแข็งค่า อย่างไรก็ดี สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.8 ดอลลาร์ หรือ 0.17% ปิดที่ 1,636.2 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง14.3 เซนต์ หรือ 0.77% ปิดที่ 18.337 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 3.2 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 846.9 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 41.40 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 2,090.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่ชะลอการแข็งค่าเป็นปัจจัยหนุนสัญญาทองคำปิดในแดนบวก โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ขยับขึ้นเพียง 0.0009% เมื่อคืนนี้ ซึ่งชะลอตัวลงหลังจากพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งติดต่อกันหลายวัน

อย่างไรก็ดี ช่วงบวกของสัญญาทองคำถูกจำกัด เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยมีการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 สวนทางการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีดังกล่าว

ทั้งนี้ การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดบวก $2.8 หลังดอลลาร์ชะลอการแข็งค่า - อาร์วายที9
Read More

"หุ้นไทย" ปิดตลาดร่วง10.67 จุด บล.เอเซีย พลัส คาด ไซด์เวย์ รอผลประชุม กนง. - กรุงเทพธุรกิจ

“หุ้นไทย” ปิดตลาด (27 ก.ย.65) ปรับตัวลดลง 10.67 จุด อยู่ที่ 1,610.58 จุด เปลี่ยนแปลงลดลง0.66% มีมูลค่าการซื้อขาย 74,170.74 ล้านบาท

5 อันดับ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ

  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,179ล้านบาท ปิดที่145.00 บาท ลดลง 3.01%
  • TLI        มูลค่าการซื้อขาย 3,910ล้านบาท ปิดที่16.80 บาท ลดลง4.00%
  • PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,700ล้านบาท ปิดที่164.50 บาท ลดลง0.90%
  • PTT      มูลค่าการซื้อขาย 2,030ล้านบาท ปิดที่36.75 บาท ลดลง0.68%
  • BBL      มูลค่าการซื้อขาย 1,934ล้านบาท ปิดที่136.00 บาท ลดลง2.16%

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ และหัวหน้าสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงจากแรงเทขายลดความเสี่ยง จากสถานการณ์รอดูผลประชุมดอกเบี้ยนโยบายของทางกนง.ที่มีความเสี่ยงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25 % ตามที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก จากเงินบาทที่อ่อนค่าเข้าใกล้ 38 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์ รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐมีช่องว่างที่มากเกินไป

สำหรับดัชนีหุ้นไทยในวันพรุ่งนี้(28 ก.ย.65) คาดขึ้นที่แนวรับสำคัญ 1,610 จุด ซึ่งหากหลุดแนวรับดังกล่าวเป็นสัญญาณเทคนิคที่อาจปรับตัวลงที่แนวรับ 1,580จุด และอยู่ในแนวต้าน 1,630 จุด

Adblock test (Why?)


"หุ้นไทย" ปิดตลาดร่วง10.67 จุด บล.เอเซีย พลัส คาด ไซด์เวย์ รอผลประชุม กนง. - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 10.67 จุดเผชิญแรงขายกลุ่มประกัน-แบงก์ลดเสี่ยงก่อนประชุมกนง.พรุ่งนี้ - อาร์วายที9

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,610.58 จุด ลดลง 10.67 จุด (-0.66%) มูลค่าการซื้อขาย 75,039.57 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงหลังช่วงต้นภาคเช้ารีบาวด์ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,627.30 จุด และระดับต่ำสุด 1,610.32 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 394 หลักทรัพย์ ลดลง 1,319 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 514 หลักทรัพย์

นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังอยู่ในภาพของการปรับตัวลง เผชิญแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มประกัน และแรงขายของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หลังนักลงทุนลดความเสี่ยงก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนว่าธนาคารพาณิชย์จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามกนง. หรือไม่

ขณะที่ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่า ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออก โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงขายทำกำไร หรือขายลดพอร์ตในหุ้นขนาดใหญ่ต่อเนื่อง

แนวโน้มวันพรุ่งนี้ นายณรงค์เดช คาดว่า มีโอกาสรีบาวด์ขึ้น หากตลาดหุ้นสหรัฐคืนนี้ปรับตัวขึ้น หลังปรับตัวลงไปมากแล้ว โดยให้แนวต้านที่ 1,630 จุด และแนวรับที่ 1,610 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,179.60 ล้านบาท ปิดที่ 145.00 บาท ลดลง 4.50 บาท

TLI มูลค่าการซื้อขาย 3,910.64 ล้านบาท ปิดที่ 16.80 บาท ลดลง 0.70 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,700.21 ล้านบาท ปิดที่ 164.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,030.15 ล้านบาท ปิดที่ 36.75 บาท ลดลง 0.25 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,934.13 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท ลดลง 3.00 บาท


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 10.67 จุดเผชิญแรงขายกลุ่มประกัน-แบงก์ลดเสี่ยงก่อนประชุมกนง.พรุ่งนี้ - อาร์วายที9
Read More

Krungthai COMPASS จับตา ศก.โลกอ่อนแรง กดดันส่งออกแนวโน้มที่เหลือของปีชะลอลง - สยามรัฐ

ส่งออกเดือน ส.ค. เติบโต 7.5%YoY เร่งขึ้นเมื่อเทียบกับ 4.3% ในเดือนก่อน จากการคลี่คลายของปัญหาการขาดแคลนชิพเซมิคอนดักเตอร์ที่ส่งผลดีต่อการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม ประกอบกับความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทั้งนี้ การส่งออกทองคำกลับมาขยายตัว 16.7% ทำให้เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนนี้ขยายตัว 7.4%YoY 

Krungthai COMPASS คาดการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มชะลอลง จากเศรษฐกิจของประเทศตลาดหลักที่มีสัญญาณอ่อนแรง นอกจากนี้ การส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มแผ่วลงสะท้อนจากเครื่องชี้ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม การส่งออกสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมีทิศทางดีขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการสินค้ากลุ่มอาหาร

มูลค่าส่งออกในรอบ 8 เดือนแรกขยายตัว 11%  
มูลค่าส่งออกเดือน ส.ค.อยู่ที่ 23,632 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 7.5%YoY เร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่เพิ่มขึ้น 4.3%YoY ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่เร่งตัวขึ้นเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนชิพเซมิคอนดักเตอร์ที่คลี่คลายลงส่งผลดีต่อการส่งออกรถยนต์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กลับมาขยายตัวได้ ขณะที่การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องตามความต้องการสินค้าเกษตรและอาหาร รวมถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าขึ้นส่งผลให้การส่งออกยังเติบโตได้ดี โดยการส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกขยายตัว 11.0% ส่วนการส่งออกทองคำเดือนนี้กลับมาขยายตัว 16.7% ทำให้เมื่อหักทองคำแล้ว มูลค่าส่งออกเดือนนี้ขยายตัว 7.4%YoY 

ด้านการส่งออกรายสินค้า บางส่วนขยายตัวต่อเนื่อง  

•การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 18 ที่ 9.2%YoY เร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ขยายตัวเพียง 0.1%YoY จากการกลับมาขยายตัวของการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ (+22.5%YoY) การขยายตัวต่อเนื่องของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ (+31.2%YoY) แผงวงจรไฟฟ้า (+25.1%YoY) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (+15.6%YoY) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (+61.1%YoY) เป็นต้น อย่างไรก็ตามสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน (-11.4%YoY) และผลิตภัณฑ์ยาง (-0.2%YoY) ยังคงหดตัวต่อเนื่อง 

•การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 21 ที่ 4.6%YoY 
แต่ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 14.6%YoY โดยมีปัจจัยหลักจากการหดตัวของยางพารา (-2.8%YoY) ที่กลับมาหดตัวในรอบ 4 เดือน และผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง (-63.8%YoY) อย่างไรก็ดีสินค้าหลายชนิดขยายตัวได้ดีโดยเฉพาะข้าว (+15.3%YoY) น้ำตาลทราย (+173.5%YoY) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+18.5%YoY) และไก่สดแช่เย็น/แช่แข็ง/แปรรูป (+125.4%YoY)

ด้านการส่งออกรายตลาด ส่วนใหญ่ยังขยายตัว 

•สหรัฐฯ : ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 27 ที่ 16.3%YoY เร่งขึ้นจากเดือนก่อน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น (ส่งออก 8 เดือนแรกขยายตัว 17.8%)  

•จีน : หดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ -20.1%YoY โดยสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เม็ดพลาสติก และรถยนต์ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ขยายตัว ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาง และไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง เป็นต้น (ส่งออก 8 เดือนแรกหดตัว -5.0%)

•ญี่ปุ่น : กลับมาขยายตัวในรอบ 3 เดือน ที่ 6.6%YoY โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ไก่แปรรูป น้ำมันสำเร็จรูป ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง รถยนต์ และเครื่องคอมพิวเตอร์ เป็นต้น (ส่งออก 8 เดือนแรกขยายตัว 1.2%)

•EU27 : ขยายตัวเป็นเดือนที่ 4 ที่ 19.0%YoY เร่งขึ้นจากเดือนก่อน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ไก่แปรรูป และแผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า เป็นต้น (ส่งออก 8 เดือนแรกขยายตัว 7.5%)  

•ASEAN5 : ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 ที่ 5.8%YoY ชะลอลงจากเดือนก่อน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ น้ำตาลทราย รถยนต์ แผงวงจรไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น (ส่งออก 8 เดือนแรกขยายตัว 21.8%)

มูลค่าการนำเข้าเดือน ส.ค. อยู่ที่ 27,848 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 21.3%YoY ชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนที่ขยายตัว 23.9%YoY จากการหดตัวต่อเนื่องของสินค้ายานพาหนะฯ (-4.5%YoY) และการขยายตัวที่ชะลอลงของสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (+13.7%YoY) และสินค้าเชื้อเพลิง (+77.4%YoY) อย่างไรก็ตามสินค้าทุน (+5.3%YoY) และสินค้าอุปโภคบริโภค (+10.7%YoY) กลับมาขยายตัว ด้านดุลการค้าเดือน ส.ค. ขาดดุลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ที่ระดับ -4,215 ล้านดอลลาร์ฯ โดยดุลการค้า 8 เดือนแรกขาดดุลสะสม -14,131 ล้านดอลลาร์ฯ

Implication:
•Krungthai COMPASS คาดการส่งออกมีแนวโน้มชะลอลงจากเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรง โดยเฉพาะตลาดหลักทั้งสหรัฐฯ ยุโรป และจีน เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอลงสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) เดือนสิงหาคมที่ปรับลดลง จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะในยุโรป ปัญหาภัยแล้งและการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในจีนทำให้มีการประกาศล็อกดาวน์ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ชะลอลงจากการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจ เครื่องชี้ดังกล่าวสะท้อนแนวโน้มการส่งออกของไทยในระยะข้างหน้าอาจได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของตลาดหลักที่ชะลอลง

•จับตาทิศทางการส่งออกสินค้ากลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมีทิศทางดีขึ้น ขณะที่สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มปรับตัวสวนทางกัน แม้ว่าการส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์จะเติบโตดีนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิดจากอานิสงค์ของกระแสสินค้าเทคโนโลยี แต่มีแนวโน้มชะลอลงหลังสถานการณ์แพร่ระบาดคลี่คลายลงในหลายประเทศทำให้สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นต้องใช้ในช่วงล็อคดาวน์ปรับลดลง ทำให้ยอดคำสั่งซื้อเซมิคอนดักเตอร์ของโลกเข้าสู่ช่วงขาลงและอาจกระทบต่อผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด อย่างไรก็ดี ผู้ส่งออกในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรมีแนวโน้มได้รับผลดีจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง รวมถึงการปรับขึ้นภาษีส่งออกข้าวของอินเดียซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่จะทำให้ผู้ส่งออกได้รับประโยชน์จากราคาที่ปรับสูงขึ้น

Adblock test (Why?)


Krungthai COMPASS จับตา ศก.โลกอ่อนแรง กดดันส่งออกแนวโน้มที่เหลือของปีชะลอลง - สยามรัฐ
Read More

Monday, September 26, 2022

ดาวโจนส์ปิดร่วง 329.60 จุด วิตกดอกเบี้ยขาขึ้นฉุดศก.ถดถอย : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงและเข้าสู่ภาวะตลาดหมี (Bear Market) แล้วในวันจันทร์ (26 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,260.81 จุด ร่วงลง 329.60 จุด หรือ -1.11%,
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,655.04 จุด ลดลง 38.19 จุด หรือ -1.03% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,802.92 จุด ลดลง 65.00 จุด หรือ -0.60%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. และปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือนธ.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย.,ก.ค.,ก.ย.และพ.ย.

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความผันผวนในตลาดปริวรรตเงินตรา โดยดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ ขณะที่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะการคลังของรัฐบาลอังกฤษ

ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะตลาดหมีแล้วในวันจันทร์ เนื่องจากดัชนีทรุดตัวลงกว่า 20% จากระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ปีนี้ ซึ่งเข้าเกณฑ์คำนิยามภาวะตลาดหมี

ส่วนดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้นแตะระดับ 32.88 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย.

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลงหนักสุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทั้งนี้ หุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 1.14% หุ้นอาร์มาดา ฮอฟเฟอร์ พร็อพเพอร์ตีส์ ดิ่งลง 3.01%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 2% โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 5.17% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 1.38% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.63% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.06%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มกาสิโนพุ่งขึ้น ขานรับรายงานที่ว่าเขตปกครองพิเศษมาเก๊าเตรียมเปิดรับกรุ๊ปทัวร์จีนในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการเปิดรับครั้งแรกในรอบเกือบ 3 ปี ทั้งนี้ หุ้นลาเวกัส แซนด์ส พุ่งขึ้น 11.72% หุ้นวินน์ รีสอร์ทส์ พุ่งขึ้น 11.99% หุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ทะยานขึ้น 25.47%

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก Conference Board, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2565, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 65)

Tags: , ,

Adblock test (Why?)


ดาวโจนส์ปิดร่วง 329.60 จุด วิตกดอกเบี้ยขาขึ้นฉุดศก.ถดถอย : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

ทองปิดร่วง $22.2 ดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในวันจันทร์ (26 ก.ย.) เนื่องจากแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐเป็นปัจจัยลบต่อตลาด นอกจากนี้ การที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อยังสร้างแรงกดดันต่อตลาดทองคำด้วย

  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 22.2 ดอลลาร์ หรือ 1.34% ปิดที่ 1,633.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 2563
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 43 เซนต์ หรือ 2.27% ปิดที่ 18.48 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 8.6 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 850.1 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 21.50 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 2,049 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.81% แตะที่ระดับ 114.1030 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟด พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย

ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับปัจจัยลบจากการที่เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนพ.ย. และปรับขึ้นอีก 0.50% ในเดือนธ.ค. ซึ่งหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันถึง 4 ครั้งในการประชุมเดือนมิ.ย.,ก.ค.,ก.ย.และพ.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 65)

Tags: , , , ,

Adblock test (Why?)


ทองปิดร่วง $22.2 ดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งฉุดตลาด : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

"บล.พาย" แนะติดตามกนง.พุธนี้คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% กลุ่มแบงก์ได้ประโยชน์ - Hoonsmart - https://ift.tt/NsIfVdi

[unable to retrieve full-text content]

  1. "บล.พาย" แนะติดตามกนง.พุธนี้คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% กลุ่มแบงก์ได้ประโยชน์ - Hoonsmart  https://ift.tt/NsIfVdi
  2. “บล.พาย” วิเคราะห์ ติดตามผลประชุม กนง. ในวันพุธ ประเมินกลุ่ม Bank ได้ประโยชน์  efinanceThai
  3. SET ฟื้นตัวกรอบจำกัด 1,645-1,650 จุด ลุ้นกลางสัปดาห์ กนง. ขึ้นดอกเบี้ย  ประชาชาติธุรกิจ
  4. "บล.พาย" วิเคราะห์ติดตามผลประชุม กนง. ในวันพุธ  ผู้จัดการออนไลน์
  5. บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะจับตาประชุม กนง. เคาะขึ้นดอกเบี้ย หลังทั่วโลกคุมเข้มนโยบายการเงิน  กรุงเทพธุรกิจ
  6. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

"บล.พาย" แนะติดตามกนง.พุธนี้คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% กลุ่มแบงก์ได้ประโยชน์ - Hoonsmart - https://ift.tt/NsIfVdi
Read More

Sunday, September 25, 2022

'เกาหลีใต้'มองหา'พื้นที่เป็นกลาง'ใน 'สงครามเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯ-จีน' - ผู้จัดการออนไลน์


ซัมซุง แห่งเกาหลีใต้ เผชิญสถานการณ์พะอืดพะอม เมื่อตกอยู่ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีสหรัฐฯ-จีน
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

S Korea seeks neutral ground in US-China chip war
By SCOTT FOSTER
19/09/2022

เกาหลีใต้ปลอบโยนจีนด้วยข้อตกลงความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทานฉบับใหม่ ก่อนจะไปเข้ากลุ่มกลุ่มพันธมิตร “ชิป 4” ที่นำโดยสหรัฐฯ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายอันเจาะจงที่จะกีดกันขัดขวางการพัฒนาของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์แดนมังกร

โตเกียว - จีน กับ เกาหลีใต้ เพิ่งทำความตกลงกันได้ในเรื่องที่จะจัดตั้งหน่วยงานประสานงานแห่งใหม่ ซึ่งใช้ชื่อว่า “สภาเพื่อความร่วมมือกันด้านห่วงโซ่อุปทาน” (Collaborative Supply Chain Council) เพื่อรับมืออย่างทันการณ์ทันเวลากับการสะดุดติดขัดใดๆ ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศทั้งสองซึ่งทั้งแผ่ขยายกว้างไกลและทั้งพึ่งพาขึ้นต่อกันและกัน

ดองอา อิลโบ (Dong-A Ilbo) หนังสือพิมพ์ทรงอิทธิพลฃองแดนโสมขาวรายงานข่าวนี้ในลักษณะพูดย้อนแย้งอย่างแหลมคมเชือดเฉือน โดยบอกว่า “ขณะที่การปฏิรูปห่วงโซ่อุปทานกำลังเริ่มต้นขึ้นมาอย่างเอาจริงเอาจังโดยมีสหรัฐฯเป็นผู้นำ ก็มีข้อสรุปประการหนึ่งจากการหารือกันอย่างลงลึกในคราวนี้ระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจของจีนและของเกาหลี ...”

นับตั้งแต่ที่คณะบริหารทรัมป์กระหน่ำออกมาตรการแซงก์ชั่นเล่นงานใส่ หัวเว่ย ยักษ์ใหญ่เทคสัญชาติจีนเมื่อปี 2019 สหรัฐฯก็กำลังใช้ความพยายามเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะกีดกันจีนให้ออกไปจากห่วงโซ่อุปทานไฮเทคระหว่างประเทศ
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://ift.tt/8xG0mto และ https://ift.tt/cuf8NLW)

ข้อตกลงทางด้านห่วงโซ่อุปทานโสมขาว-แดนมังกรฉบับใหม่นี้ ทำกันได้สำเร็จ ณ การประชุมเกาหลีใต้-จีนว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจครั้งที่ 17 (the 17th South Korea-China Meeting on Economic Cooperation) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 สิงหาคมที่ผ่านมา การหารือกันครั้งนี้ยังส่งผลให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) อีกหลายฉบับ ว่าด้วยแง่มุมอื่นๆ ของการร่วมมือกันทางเศรษฐกิจระหว่างสองฝ่าย ซึ่งก็รวมไปถึงการไปดำเนินโครงการร่วมในประเทศที่สามอีกด้วย

โกลบอลไทมส์ (Global Times) สื่อหนึ่งในเครือพรรคคอมมิวนิสต์จีนชี้ว่า “เกาหลีใต้ต้องการที่จะได้ตลาดจีนซึ่งมีเสถียรภาพเพื่อส่งออกผลิตภัณฑ์สำคัญๆ ของตน ส่วนจีนก็ต้องการเกาหลีใต้สำหรับการพัฒนาทางอุตสาหกรรม”

สื่อรายนี้อ้างคำพูดของ ต้า จื้อกัง (Da Zhigang) ผู้อำนวยการของสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือศึกษา (Institute of Northeast Asian Studies) ของบัณฑิตยสภาทางสังคมศาสตร์แห่งมณฑลเฮยหลงเจียง (Heilongjiang Provincial Academy of Social Sciences) ของจีน ที่บอกว่า “โซลแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต้องการที่จะรักษาความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และความร่วมมือกันอย่างเสมอต้นเสมอปลายกับปักกิ่งในด้านห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานเอาไว้ ในเวลาที่เผชิญหน้ากับแรงกดดันของสหรัฐจาก กลุ่ม “ชิป 4” (Chip 4)”

อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่ายังจะต้องระมัดระวังตัว ด้วยการกล่าวต่อไปว่า “ถึงแม้ข้อตกลงล่าสุดเหล่านี้ให้ความหวังสูงมากสำหรับการสร้างเสริมความหนักแน่นมั่นคงให้แก่ความร่วมมือทวิภาคีในด้านห่วงโซ่อุปทาน และดูเหมือนกับเกาหลีใต้ให้ความมั่นใจแก่จีนว่าการที่พวกเขาอาจจะเข้าร่วมในกลุ่มพันธมิตรด้านชิปที่นำโดยสหรัฐฯกลุ่มนี้นั้น ไม่ได้มีข้อหมางใจเข้าใจผิดใดๆ เลย แต่กระนั้นเราก็จำเป็นต้องคอยเฝ้าติดตามการลงมือปฏิบัติจริงๆ ของเกาหลีใต้กันต่อไป”

กลุ่ม ชิป 4 เป็นแผนการริเริ่มอย่างหนึ่งของรัฐบาลสหรัฐฯที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่ประกอบด้วย สหรัฐฯ, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, และไต้หวัน เพื่อร่วมมือประสานความพยายามในเรื่องการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน, การวิจัยและการพัฒนา, การให้การอุดหนุน, และมิติอื่นๆ ของธุรกิจนี้ แผนการริเริ่มนี้ถูกมองกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามประการหนึ่งในการกีดกันและจำกัดควบคุมจีน แต่ขณะเดียวกันมันก็ก่อให้เกิดคำถามต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องความลับทางการค้าและความได้เปรียบทางการแข่งขัน

หากมองกันแค่จากผิวนอก การหาทางรับประกันให้มีซัปพลลายเซมิคอนดักเตอร์จัดส่งไปถึงผู้ต้องการใช้อย่างเพียงพอ ควรที่จะกลายเป็นเรื่องที่ทำให้ง่ายขึ้นและมีราคาถูกลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากการใช้จ่ายด้านเงินทุนอย่างมโหฬารเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมากำลังถูกแปรให้กลายเป็นศักยภาพในการผลิตชิปซึ่งเพิ่มสูงขึ้นมาก เวลาเดียวกันนั้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปัจจุบันก็เป็นตัวหั่นลดดีมานด์ให้ต่ำลงไปด้วย ทั้งนี้ ภาวะขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งกลายเป็นปัญหาใหญ่โตสำหรับหลายๆ อุตสาหกรรม (โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมรถยนต์) อีกทั้งกลายเป็นประเด็นปัญหาทางการเมืองประการหนึ่งซึ่งกำลังทำให้โลกเกิดการเปลี่ยนแปลงในเวลาเดียวกับที่เคลื่อนเข้าสู่จุดสูงสุดของการแพร่ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 จึงอาจจะกลับกลายเป็นภาวะเซมิคอนดักเตอร์ล้นเกินไปเลยก็ได้

อย่างที่สามารถมองเห็นได้จากแผนภูมิข้างล่างนี้ การเปลี่ยนแปลงในบิลลิ่ง (ยอดขาย) เซมิคอนดักเตอร์แบบเปรียบเทียบปีต่อปี ซึ่งรายงานเอาไว้โดย สำนักงานสถิติการค้าเซมิคอนดักเตอร์โลก (World Semiconductor Trade Statistics หรือ WSTS) ได้พลิกผันไปเป็นตัวเลขติดลบในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา หลังจากมีแต่เติบโตขยายตัวในตลอดช่วงเวลา 2 ปีครึ่งก่อนหน้านั้น สำหรับยอดขายอุปกรณ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากใบสั่งซื้อที่ป้อนเข้ามาอย่างสูงลิ่วชนิดทำสถิติใหม่ก่อนหน้านี้ กำลังอยู่ในช่วงของการจัดตั้งและการติดตั้ง ทว่ามันก็เป็นตัวเลขการเติบโตในระดับแค่ตัวเลขหลักเดียวเสียแล้ว

ชิปหน่วยความจำแบบแฟลช (flash memory) ทั้ง DRAM และ NAND ต่างมีราคาขายแบบส่งมอบทันที (spot price) ซึ่งลดต่ำลงมาแทบจะตลอดทั้งปีนี้ เมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน ไมครอน (Micron) บริษัทผู้ผลิตชิปความจำสัญชาติอเมริกันรายใหญ่ที่สุดประกาศ “การลงมือทำกันในทันทีเพื่อลดเส้นโคจรของการขยายตัวด้านซัปพลายของเรา” สืบเนื่องจาก “การลดต่ำลงอย่างสำคัญ” ในดีมานด์ของพวกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ผู้บริโภค ซึ่งรวมไปถึงเครื่องคอมพิวเตอร์พีซี และโทรศัพท์สมาร์ตโฟน

ไมครอน เป็นผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองลงมาจาก ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ (Samsung Electronics) และ เอสเค ไฮนิกซ์ (SK hynix) และเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ทางด้านชิปแฟลช เมโมรี แบบ NAND ตามหลังบริษัทเกาหลี 2 รายดังกล่าวข้างต้น และ กิจการที่เป็นการร่วมทุนกันระหว่าง คิโอกซ์เซีย (Kioxia) ของญี่ปุ่น กับ เวสเทิร์น ดิจิตอล (Western Digital) ของอเมริกา

แต่การรักษาความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานนั้น มันยังมีอะไรมากเกินกว่าเรื่องของ ซัปพลาย, ดีมานด์, และระดับราคา เท่านั้น พวกผู้ผลิตชิปความจำสัญชาติเกาหลีอย่าง ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และ เอสเค ไฮนิกซ์ ยังประสบปัญหาใหญ่อีกประการหนึ่ง ซึ่งชนปะทะอย่างจังกับการที่รัฐบาลสหรัฐฯมุ่งมั่นตั้งใจจะขัดขาตัดกำลังความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของจีน ปัญหาดังกล่าวได้แก่การที่พวกเขามีการดำเนินธุรกิจอย่างใหญ่โตอยู่ในจีน และธุรกิจตลอดจนรายรับของพวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยตลาดจีนในระดับสูงลิ่วทีเดียว

เมื่อปี 2021 ยอดส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้เกือบๆ 40% เป็นการส่งไปยังประเทศจีน ทั้งนี้ตามตัวเลขของหอการค้าและอุตสาหกรรมเกาหลี (Korea Chamber of Commerce and Industry) สูงขึ้นมาลิบลิ่วจากระดับเพียงแค่ 3% ในปี 2000 ยิ่งไปกว่านั้น ซัมซุง ผลิตชิปแฟลชเมโมรี NAND ประมาณ 40% ของตนในนครซีอาน มณฑลส่านซีของจีน ณ โรงงานชิปแฟลชเมโมรี NAND แห่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้าน เอสเค ไฮนิกซ์ ก็ผลิต DRAM ในเมืองอู่ซี มณฑลเจียงซู และเพิ่งซื้อโรงงานทำแฟลช NAND ของ อินเทล (Intel) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองต้าเหลียน มณฑลเหลียวหนิง

เวลาเดียวกันนั้น เกาหลีใต้ยังพึ่งพาอาศัยพวกชิ้นส่วนอะไหล่ของจีนสำหรับการนำมาทำผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ โดยที่สำคัญก็คือไปสหรัฐฯ อย่างที่สามารถเห็นได้จากแผนภูมิข้างล่างนี้ มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดทีเดียวระหว่างการส่งออกของจีนไปยังเกาหลีใต้ และการส่งออกของเกาหลีใต้ไปยังสหรัฐฯ

ห่วงโซ่อุปทานอิเล็กทรอนิกส์ของอเมริกาเอง ต้องพึ่งพาอาศัยจีนทั้งทางตรงและทางอ้อมทีเดียว ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ากระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯได้มีการขบคิดพิจารณาอย่างตลอดถี่ถ้วนแล้วหรือไม่ ในเรื่องผลกระทบต่อเนื่องทั้งหลายทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นจากการใช้มาตรการจำกัดกีดกันเพื่อเล่นงานจีน

การที่รัฐบาลสหรัฐฯใช้มาตรการแซงก์ชั่นเพื่อจำกัดควบคุมการส่งออกอุปกรณ์ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ระดับก้าวหน้าไปยังประเทศจีน อาจสร้างความลำบากยุ่งยากในชีวิตให้แก่ ซัมซุง ซึ่งเผชิญการแข่งขันมากขึ้นเรื่อยๆ จาก แยงซี เมโมรี เทคโนโลยีส์ (Yangtze Memory Technologies) บริษัทผู้ผลิตแฟลช NAND สัญชาติจีน

สหรัฐฯนั้นได้สกัดขัดขวางไม่ให้มีการจัดส่งเครื่องจักรอุปกรณ์พิมพ์แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (lithography) แบบ advanced extreme ultraviolet (EUV) ซึ่งเป็นระดับก้าวหน้าของโลกในเวลานี้ จากบริษัท ASML ที่ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ไปยังเมืองอู่ซี อันเป็นสถานที่ผลิตชิป DRAM ประมาณครึ่งหนึ่งซึ่ง เอสเค ไฮนิกซ์ นำออกมาจำหน่าย ถ้าหากโรงงานเหล่านี้ไม่สามารถอัปเกรดติดตั้งเครื่องจักรอุปกรณ์ล้ำสมัยเช่นนี้ได้ ในที่สุดแล้วมันก็จะต้องสูญเสียความสามารถในการแข่งขันกับผู้ผลิตรายอื่นๆ

เรื่องนี้จึงก่อใหเกิดคำถามที่สำคัญอย่างยิ่งยวดขึ้นมา นั่นคือ นโยบายของสหรัฐฯนั้นมีจุดมุ่งหมายที่จะควบคุม จีน, เกาหลีใต้ หรือว่าทั้งสองประเทศนั่นแหละ? คำตอบที่ออกมาดูเหมือนจะเป็นว่า รัฐบาลสหรัฐฯปรารถนาที่จะให้อีก 3 เจ้าซึ่งตนเองเสนอให้เข้ามาร่วมเป็นหุ้นส่วนอยู่ในกลุ่มพันธมิตร ชิป 4 ด้วยกัน –ได้แก่ เกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, และไต้หวัน— จัดแจงหันเหความสนใจของพวกเขาออกไปจากจีน และหวนกลับมาที่สหรัฐฯ ไม่ว่ามันจะทำให้พวกเขาต้องสูญเสียอะไรไปสักแค่ไหนก็ตามที ด้วยการอาศัยมาตรการให้การอุดหนุนต่างๆ ตามที่ระบุเอาไว้ในรัฐบัญญัติ CHIPS Act ซึ่งเพิ่งมีผลบังคับใช้ใหม่ๆ หมาดๆ มันก็เหมือนกับสหรัฐฯก็แสดงความประสงค์ด้วยว่า พร้อมที่จะติดสินบนหุ้นส่วนอีก 3 รายนี้ อย่างน้อยที่สุดก็ในระดับหนึ่ง เพื่อให้ดำเนินการอย่างที่วอชิงตันประสงค์

สำหรับเรื่องการวิจัยและการพัฒนานั้น ต้องถือเป็นประเด็นปัญหาที่มีมิติแง่มุมที่แตกต่างออกไป การพิทักษ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาย่อมเป็นผลประโยชน์ร่วมของทุกๆ ฝ่ายที่ถูกชักชวนให้เข้าร่วมในกลุ่ม ชิป 4 และการมาปรึกษาหารือกันตลอดจนการร่วมมือประสานงานกันก็อาจให้ประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้จีนสามารถใช้วิธีการแบบมือไวพร้อมฉกฉวยเอาความลับทางการค้าของคนอื่น หรือใช้วิธีการจ้างงานแบบทุ่มเทเงินเพื่อดึงดูดวิศวกรผู้มีประสบการณ์ของคนอื่นไป อย่างไรก็ตาม ในอีกด้านหนึ่ง ไม่ว่าฝ่ายเกาหลี, ญี่ปุ่น, หรือไต้หวัน ก็อาจจะมีปัญหากับโครงการร่วมแบ่งปันเทคโนโลยีและดำเนินการวิจัยและการพัฒนาร่วมกัน ตามการชี้นำจากกรุงวอชิงตัน

พวกบริษัทเกาหลี, ญี่ปุ่น, และอเมริกันนั้น มีการแข่งขันระหว่างกันอยู่ในเรื่องชิปความจำ อีกทั้ง ซัมซุง ยังมีการแข่งขันกับพวกบริษัทไต้หวัน และ อินเทล ในเรื่องการเป็นโรงงานรับจ้างผลิตเซมิคอนดักเตอร์ตามการดีไซน์และคำสั่งซื้อของลูกค้า ดังนั้นทำไมพวกเขาจะต้องมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนเรื่องการวิจัยและการพัฒนากับพวกที่เป็นคู่แข่งอยู่ในตลาด? ทั้งนี้มีการแสดงความรู้สึกหวาดกลัวออกมาแล้ว โดยที่โดดเด่นมากคือในเกาหลี ว่ากลุ่มชิป 4 อาจจะกลายเป็นเวทีสำหรับการดูดเอาเทคโนโลยีของเอเชียตะวันออกไปให้แก่ อินเทล และ ไมครอน

กระนั้น ในอีกด้านหนึ่ง ทั้ง 4 รายนี้ก็มีการร่วมไม้ร่วมมือกันอยู่แล้ว รวมทั้งต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน เป็นต้นว่า อินเทล เป็นทั้งคู่แข่งขันและลูกค้าของบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง คอมพานี (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company หรือ TSMC) เวลาเดียวกันนั้น เมื่อเร็วๆ นี้เอง TSMC ก็เพิ่งจะกลายเป็นหุ้นส่วนร่วมลงทุนรายหนึ่งของโซนี่ แล้วถ้าหากไม่มีอุปกรณ์และวัสดุหลายๆ ชนิดของญี่ปุ่น (เป็นต้นว่า พวก photoresists) ก็ไม่มีเพลเลอร์ในแวดวงเซมิคอนดักเตอร์รายไหนเลยที่จะสามารถผลิตอะไรออกมามากมายได้

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงข้อเท็จจริงอียแสนยุ่งยากใจที่ว่า จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของโลกในเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ และก็เป็นตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเครื่องจักรอุปกรณ์สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์—อย่างน้อยที่สุดก็มีฐานะเช่นนี้ จวบจนกระทั่งในช่วงหลังๆ มานี้ ซึ่งแดนมังกรถูกกีดกันควบคุมจากมาตรการแซงก์ชั่นของสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้เพลเยอร์ทุกๆ รายจึงมีอะไรต้องสูญเสียอย่างมากมายใหญ่โตทีเดียว เมื่อจะตัดจีนทิ้งไป ทั้งนี้รวมไปถึงพวกบริษัทอเมริกันซึ่งทำหน้าที่ดีไซน์แผงวงจรรวมโดยที่ไม่มีโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของตัวเอง (อย่างเช่น อินวีเดีย), พวกบริษัทที่มีโรงงานผลิตอุปกรณ์แผงวงจรรวม (อย่างเช่น อินเทล), และพวกบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรอุปกรณ์สำหรับการทำเซมิคอนดักเตอร์ (อย่างเช่น แอปพลายด์ แมตทีเรียลส์ Applied Materials)

เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ว่าจะเลือกข้างไหนก็เจอกับความยากลำบากและความเสี่ยงสูงทั้งสิ้น ฝ่ายเกาหลีจึงดูเหมือนต้องการที่จะย้ำยืนยันให้เกิดความมั่นใจกับฝ่ายจีน ก่อนที่จะเข้าเจรจาเพื่อให้ได้ฐานะการเป็นสมาชิกแบบที่ไม่มีภัยคุกคามใดๆ ในแผนการริเริ่ม ชิป4 ของอเมริกา ญี่ปุ่นก็น่าที่จะใช้วิธีการทำนองเดียวกันเพียงแต่กระทำไปอย่างเงียบๆ มากกว่า

มีรายงานว่า สำหรับไต้หวันนั้น ตกลงเห็นชอบแล้วที่จะเข้าร่วม ชิป 4 ทว่าไม่น่าที่จะถึงกับนำเอาการค้าขายด้านอิเล็กทรอนิกส์กับจีนซึ่งมีมูลค่ามหาศาลเข้ามาเสี่ยง สำหรับพวกบริษัทเทคอเมริกันนั้น ก็จะพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเองในเวลาปรึกษาหารือกับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

ด้วยเหตุนี้ กลุ่มชิป 4 จึงอาจกลายเป็นสิ่งที่อุดมไปด้วยถ้อยคำโวหารทางการเมืองมากกว่าเนื้อหาสาระจริงๆ จังๆ หรือว่า เมื่อผสมผสานเข้ากับการแซงก์ชั่นหลายๆ ระลอกที่วอชิงตันประกาศบังคับใช้แล้ว (และบางทีอาจจะมีเพิ่มเติมขึ้นมาอีกด้วย) มันก็อาจจะกลายเป็นการมุ่งสร้างอุปสรรคต่างๆ มาขวางกั้นเส้นทางของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร๋ของจีน โดยที่จีนอาจจะต้องใช้เวลาเป็นแรมปีทีเดียวกว่าจะฝ่าข้ามไปได้ นี่อาจจะกลายเป็นสร้างความเพลี่ยงพล้ำครั้งใหญ่ให้แก่พวกอุตสาหกรรมต่างๆ ของจีน ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมด้านการประมวลผลข้อมูล, ปัญญาประดิษฐ์, ตลอดจน อุตสาหกรรมกลาโหม –ตรงเป๊ะกับสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯวาดหวังต้องการทีเดียว

แล้วฝ่ายจีนจะตอบโต้อย่างไร? อาจจะมีการตอบโต้แก้เผ็ดทางเศรษฐกิจแบบตรงๆ หรือในแบบอสมมาตร –อย่างเช่น การคว่ำบาตรสินค้าเกาหลีหรือสินค้าญี่ปุ่นบางอย่างบางประเภท ซึ่งเป็นสิ่งที่จีนเคยทำมาแล้วในอดีต— นี่คือความเป็นไปได้ประการหนึ่ง อีกอย่างหนึ่งซึ่งแทบรับประกันได้เลยว่าปักกิ่งจะต้องกระทำ ได้แก่การทุ่มเทความพยายามเพิ่มมากขึ้นอีกเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองขึ้นมา โดยที่กระทั่งอาจจะสนใจใยดีกับทรัพย์สินทางปัญญาของต่างชาติน้อยลงกว่าที่พวกเขาได้สาธิตให้เห็นก่อนหน้านี้

หรือว่าประเด็นนี้อาจถูกนำมาผสมปนกันกับการต่อสู้ทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯกับจีนซึ่งมีขนาดขอบเขตใหญ่โคกว่านี้เสียอีก โดยที่เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ได้เดินทางไปเยือนนครไทเป ซึ่งจุดชนวนให้จีนดำเนินการซ้อมรบอย่างใหญ่โตมโหฬารที่เป็นการจำลองการปิดล้อมไต้หวัน ทั้งนี้เมื่อมองเห็นว่าช่องทางแห่งโอกาสของตนกำลังเริ่มจะถูกปิด จีนก็อาจเลือกที่จะรีบเร่งกระทำสิ่งที่เป็น “ของจริง” กันเสียที

Adblock test (Why?)


'เกาหลีใต้'มองหา'พื้นที่เป็นกลาง'ใน 'สงครามเซมิคอนดักเตอร์สหรัฐฯ-จีน' - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Friday, September 23, 2022

ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $25.5 เหตุดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันราคา - อาร์วายที9

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (23 ก.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี โดยถูกกดดันจากการที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่าง ๆ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตระยะสั้นพุ่งขึ้น ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และอาจทำให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 25.5 ดอลลาร์ หรือ 1.52% ปิดที่ 1,655.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. 2563 และร่วงลง 1.7% ในรอบสัปดาห์นี้

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 70.7 เซนต์ หรือ 3.6% ปิดที่ 18.91 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 47.3 ดอลลาร์ หรือ 5.22% ปิดที่ 858.7 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 104.50 ดอลลาร์ หรือ 4.8% ปิดที่ 2,070.50 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ท่ามกลางแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะลดความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น ขณะที่การดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟดพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.2% ในวันศุกร์ และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี

การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวสูงกว่าระยะยาว ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย

เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนแตะระดับ 4.6% ในปี 2566


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก: ทองปิดร่วง $25.5 เหตุดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งกดดันราคา - อาร์วายที9
Read More

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้2565 บางจาก ปตท. ขึ้น ลดเบนซิน แก๊สโซฮอล์หรือไม่ เช็คเลย - ฐานเศรษฐกิจ

ราคาน้ำมันพรุ่งนี้2565 บางจาก ปตท. ปรับขึ้น ลดเบนซิน แก๊สโซฮอล์เท่าไหร่ "ฐานเศรษฐกิจ" มีคำตอบ  

อัพเดทหลังบมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์  (OR) และบมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตร

 
ส่วน E85 ปรับลด 30 สตางค์ต่อลิตร


ขณะที่น้ำมันดีเซลราคาไม่เปลี่ยนแปลง

 
ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ 

Adblock test (Why?)


ราคาน้ำมันพรุ่งนี้2565 บางจาก ปตท. ขึ้น ลดเบนซิน แก๊สโซฮอล์หรือไม่ เช็คเลย - ฐานเศรษฐกิจ
Read More

Thursday, September 22, 2022

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 107.10 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดบ.ฉุดเศรษฐกิจ - อาร์วายที9

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันพฤหัสบดี (22 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นปัจจัยกดดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,076.68 จุด ลดลง 107.10 จุด หรือ -0.35%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,757.99 จุด ลดลง 31.94 จุด หรือ -0.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,066.81 จุด ลดลง 153.39 จุด หรือ -1.37%

เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งแม้ว่าเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่เฟดยังคงส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในปี 2566 ซึ่งสร้างความผิดหวังต่อนักลงทุนที่คาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ หลังเฟดปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในปีนี้เหลือเพียง 0.2%

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดแถลงกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมว่า เขาจะไม่พิจารณาเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมั่นใจว่าตัวเลขเงินเฟ้อปรับตัวลงสู่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงก็ตาม ขณะเดียวกันนายพาวเวลยอมรับว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะอยู่ในลักษณะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือซอฟต์แลนดิ้งนั้น มีน้อยลง

ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมเฟดและการแถลงของนายพาวเวล นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะยังคงเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมอีก 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.1% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. และให้น้ำหนัก 66.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย และกลุ่มการเงิน โดยหุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง 4.25% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 1.24% หุ้นมาสเตอร์การ์ด ร่วงลง 2.02% หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ดิ่งลง 3.82% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.96%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยร่วงลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นเหนือระดับ 4.1% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2551 โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.04% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.64% หุ้นอินวิเดีย ดิ่งลง 5.28% หุ้นเทสลา ร่วงลง 4.06%

หุ้นกลุ่มสายการบินถูกเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 4.62% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 3.85% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.93% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ร่วงลง 7.07%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 5,000 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 218,000 ราย

ทางด้าน Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ของสหรัฐปรับตัวลง 0.3% ในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 0.5% ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดลบ 107.10 จุด วิตกเฟดเร่งขึ้นดบ.ฉุดเศรษฐกิจ - อาร์วายที9
Read More

"ราคาทองคำ" ร่วง 1% สู่ระดับ 1,656.97 ดอลล์/ออนซ์ หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย - การเงินธนาคาร

สำนักข่าว The Business Times รายงานเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ว่า ราคาทองคำร่วงลง 1% เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% พร้อมส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก

โดยราคา Spot gold ร่วงลง 1% สู่ระดับ 1,656.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 01.14 น. GMT ราคา US gold futures ร่วงลง 0.5% สู่ระดับ 1,667.30 ดอลลาร์

ขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษเมื่อเทียบกับกลุ่มคู่แข่งรายใหญ่ ทำให้ราคาทองคำแท่งแพงขึ้นสำหรับผู้ซื้อที่ถือสกุลเงินอื่น แม้ว่าทองคำจะถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อ แต่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะเพิ่มค่าเสียโอกาสของการถือทองคำแท่งที่ให้ผลตอบแทนเป็นศูนย์

โดยการถือครอง SPDR Gold Trust  ซึ่งเป็นกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ลดลง 0.12% สู่ระดับ 952.16 ตันในวันพุธ จาก 953.32 ตันในวันอังคาร

ราคาสปอตเงินร่วง 1.7% สู่ 19.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แพลตตินั่มลดลง 1.1% สู่ 897.92 ดอลลาร์ และแพลเลเดียมลดลง 0.8% ที่ 2,138.51 ดอลลาร์

อ้างอิง : https://www.businesstimes.com.sg/energy-commodities/gold-prices-fall-1-as-dollar-jumps-on-hawkish-fed

Adblock test (Why?)


"ราคาทองคำ" ร่วง 1% สู่ระดับ 1,656.97 ดอลล์/ออนซ์ หลังเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย - การเงินธนาคาร
Read More

Wednesday, September 21, 2022

Tuesday, September 20, 2022

วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,638.59 จุด เพิ่มขึ้น 7.02 จุด หรือ 0.43% - efinanceThai


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -20 ก.ย. 65 16:45 น. สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย (20 ก.ย. 65)-- ณ เวลา HH:mm น. มีมูลค่าการซื้อขาย 65,128.45 ล้านบาท. หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.CPALL ปิดที่ 58.25 บาท ปิดไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 3,338.36 ลบ. 2.DELTA ปิดที่ 614.00 บาท ลดลง -4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,766.23 ลบ. 3.TLI ปิดที่ 17.60 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,004.47 ลบ. 4.PTT ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,985.90 ลบ. 5.EA ปิดที่ 91.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,655.26 ลบ. ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,229.02 จุด เพิ่มขึ้น 9.41 จุด หรือ 0.42% ดัชนี SET50 ปิดที่ 985.66 จุด เพิ่มขึ้น 4.29 จุด หรือ 0.44% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 669.29 จุด ลดลง -2.99 จุด หรือ -0.44%

Adblock test (Why?)


วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,638.59 จุด เพิ่มขึ้น 7.02 จุด หรือ 0.43% - efinanceThai
Read More

Monday, September 19, 2022

หุ้นไทยวันนี้ 19 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับขึ้น 1.17 ดัชนีอยู่ที่ 1,631 จุด - ไทยรัฐ

หุ้นไทยวันนี้ 19 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับขึ้น 1.17 ดัชนีอยู่ที่ 1,631 จุด

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยวันนี้ 19 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับขึ้น 1.17 ดัชนีอยู่ที่ 1,631 จุด - ไทยรัฐ
Read More

Sunday, September 18, 2022

ชงบอร์ด “บขส.” เคาะจ้างวิ่งมินิบัสไฟฟ้า 54 คัน วงเงิน 800 ล้าน - เดลินิวส์ออนไลน์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


ชงบอร์ด “บขส.” เคาะจ้างวิ่งมินิบัสไฟฟ้า 54 คัน วงเงิน 800 ล้าน - เดลินิวส์ออนไลน์
Read More

Ethereum ยังไม่ move on ชนะเลิศ! ราคาร่วงนำ ส่วน XRP-ATOM ดีดสวน 8% - efinanceThai

           Ethereum (ETH) ไหลลงสวนตลาดรวม ราคายังไม่มีทีท่าจะพลิกกลับอย่างชัดเจน โดยต่ำสุดอยู่ที่ 1,405 ดอลลาร์ และสูงสุด 1,482 ดอลลาร์ในรอบ 24 ชม. ขณะนี้ซื้อขายอยู่ในพื้นที่ 1,444 ดอลลาร์ลดลง 1.55%

           ETH เผชิญกับ Sell on fact หลังเหตุการณ์ The Merge ที่บรรดาสาวกทั่วโลกรอคอยมาอย่างยาวนานได้เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา แม้ช่วงแรกราคาจะยังไม่เลือกข้างชัดเจน แต่ในคืนวันเดียวกัน ETH เผชิญแรงขายกระทั่งหลุด 1,500 ดอลลาร์ และไหลลงต่อเนื่องมาถึงวันนี้ ล่าสุดซื้อขายในพื้นที่ 1,400 ดอลลาร์

           นอกจากนี้ ยังมีประเด็นข่าวด้านลบที่กี่ยวข้องกับ ETH หลังประธาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ได้กล่าวเป็นนัยว่า ETH อาจจะเข้าข่ายเป็นหลักทรัพย์หลังการอัปเกรด The Merge และเข้าสู่กลไกการทำงานแบบ PoS

           สวนทางกับราชาคริปโทอย่าง Bitcoin ที่พยายามยกตัวกลับขึ้นไปยืนเหนือระดับ 20,000 ดอลลาร์อีกครั้งเมื่อเช้านี้ แม้จะขึ้นแตะ 20,000 ดอลลาร์ได้เป็นระยะแต่ฐานดังกล่าวยังไม่แข็งแรงพอ ราคายังคงผันผวนในเช้าวันนี้ หลังจากเที่ยงคืนที่ผ่านมาราคาทรุดต่ำลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 19,320 ดอลลาร์

           มองไปยังหรียญ Top20 พบว่า DOGE ราชาแห่งมีมและใหญ่อันดับ 10 ของโลกฟื้นแรงกว่าเหรียญหลักบวกไป 3% ซื้อขายอยู่ที่ 0.0608 ดอลลาร์ แต่ก็ต้องยอมแพ้ให้กับ XRP และ ATOM ที่ทำผลงานได้ดีกว่าทั้งคู่กอดคอกันดีดตัว 8% โดยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 0.3514 ดอลลาร์ และ 16.41 ดอลลาร์ ตามลำดับ

           ปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค เริ่มมีผลกระทบต่อความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโทเคอร์เรนซีซึ่งนักทุนทั่วโลกต่างก็เฝ้าจับตาดูการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20-21 กันยายนนี้ นักวิเคราะห์เริ่มมองว่า มีโอกาสที่จะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยในช่วง 0.75-1% ซึ่งหากปรับขึ้น 1% จะถือว่าเป็นการใช้ยาแรง เพราะส่วนใหญ่ให้น้ำหนักการปรับขึ้นที่ 0.75%

           นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลกับเศรษฐกิจในปีหน้า หลังล่าสุดทางไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย อาจนำไปสู่การลดความเสี่ยงในการลงทุนโดยเฉพาะกับสินทรัพย์เสี่ยงสูง

           จากสภาพตลาดในเช้าวันนี้ ส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาดโดยรวมของคริปโทเคอร์เรนซี อยู่ที่ 9.68 แสนล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.65% ส่วนมูลค่าการซื้อขายลดลง 22% เหลือ 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์ในรอบ 24 ชม.ที่ผ่านมา

Adblock test (Why?)


Ethereum ยังไม่ move on ชนะเลิศ! ราคาร่วงนำ ส่วน XRP-ATOM ดีดสวน 8% - efinanceThai
Read More

'บิตคอยน์' เป็นเหตุ! ราคาร่วงหนัก ทำ 'รายย่อยไทย' เทรดคริปโทต่ำสุดรอบ 17 เดือน - The Bangkok Insight

พบ นักลงทุนรายย่อยไทย เทรด “คริปโทเคอร์เรนซี” น้อยสุด ในรอบ 17 เดือน เหตุมูลค่า “บิตคอยน์” ร่วงหนัก 

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยภาพรวมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล โดยพบว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกมีมูลค่าทางตลาด หรือ มาร์เก็ตแคป อยู่ที่ 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 37 ล้านล้านบาท

บิตคอยน์

ราคาบิตคอยน์ร่วง เหตุนักลงทุนรายย่อยเทรดน้อยลง

ขณะที่มูลค่าการซื้อขายล่าสุด อยู่ที่ 100,000 ล้านดอลลาร์ต่อวัน ซึ่งกว่า 39% ในจำนวนนี้ มาจากการซื้อขายบิตคอยน์ (BTC)  โดยมูลค่าการซื้อขายในเดือน สิงหาคม 2565 อยู่ที่ 66,000 ล้านบาท ถือเป็นจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี ส่วนใหญ่เป็นการลดลงของนักลงทุนรายย่อยในประเทศเป็นหลัก และยังลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย

อย่างไรก็ดี ตลาดได้แรงชดเชย จากมูลค่าการซื้อขายของนักลงทุนนิติบุคคลในประเทศ ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาถึง แต่นักลงทุนนิติบุคคลต่างประเทศ ยังเป็นผู้ซื้อสุทธิหลักตั้งแต่เดือนมีนาคม ส่วนกลุ่มที่ขายสุทธิหลักในเดือนที่ผ่านมา คือ กลุ่มบุคคลธรรมดา หรือนักลงทุนรายย่อย

มูลค่าการซื้อขายที่ลดลง สอดคล้องยอดบัญชี Active ที่ลดลงเช่นกัน โดยเฉพาะบัญชีของนักลงทุนรายย่อยที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน เมษายน 2564 หรือต่ำสุดในรอบ 17 เดือน ซึ่ง ก.ล.ต.สังเกตว่า ยอดบัญชี Active ที่ลดลง เป็นไปตามทิศทางราคาบิตคอยน์ (BTC) ที่ลดลง

แม้จำนวนบัญชีซื้อขายทั้งหมดในแต่ละเดือนจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่จำนวนบัญชีที่เปิดใหม่ เริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (มิ.ย.-ส.ค.)

เมื่อดูผลตอบแทนของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับความนิยมในไทย พบว่า ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ยังคงติดลบ ไม่ว่าจะเป็น อีเธอเรียม (ETH) ติดลบ 53.93% BTC ติดลบ 54.97% ริพเพิล (XRP) ติดลบ 58.11% และคับ (KUB) ติดลบ 87.31%

บิตคอยน์

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Adblock test (Why?)


'บิตคอยน์' เป็นเหตุ! ราคาร่วงหนัก ทำ 'รายย่อยไทย' เทรดคริปโทต่ำสุดรอบ 17 เดือน - The Bangkok Insight
Read More

สรุป 5 ประเด็นต้องรู้! Cardano อัปเกรดใหญ่ Vasil Hard Fork - efinanceThai

            ใกล้เข้ามาแล้ว! วันที่ 22 กันยายนนี้สาวก Cardano ทั่วโลกรวมถึงแฟนๆ ชาวไทยมีอีก 1 เหตุการณ์ใหญ่ให้ได้ลุ้นกันอีกกับการอัปเกรดที่ชื่อ "Vasil Hard Fork"

            Vasil Hard Fork คืออะไร? ทำไมต้องมีเหตุการณ์นี้ มันสำคัญกับอนาคตของ Cardano มากแค่ไหน? หลังอัปเกรดจะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ใครที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ตามมาได้เลย เราสรุปมาให้ 5 ประเด็นสำคัญที่จะทำให้คุณไม่ตกขบวน!!!

            1.#ทำความรู้จักกับ Cardano "บล็อกเชนเจเนอเรชั่นที่ 3"

            เพื่อให้รู้จัก Cardano ได้ง่ายขึ้น จะขอเชื่อมโยงภาพกับแพลตฟอร์ม Ethereum เราอยากให้คุณลองหลับตานึกภาพว่า Cardano ก็จะคล้ายๆ กันกับ Ethereum เลยนั่นคือการเป็นแพลตฟอร์มบล็อกเชนสาธารณะที่มีการเปิดเผยซอร์สโค้ดหรือใครก็ก็อปปี้ไปประยุกต์ต่อได้ ใครอยากพัฒนาอะไรก็มาสร้างบนแพลตฟอร์มเหล่านี้ โดยแต่ละบล็อกเชนก็จะมีภาษาเป็นของตัวเอง อย่างของ Ethereum คือ ภาษา Solidity แต่ของ Cardano ชื่อภาษา Plutus

            บล็อกเชน Ethereum มีเหรียญประจำเครือข่ายชื่อว่า Ether (ETH) เช่นเดียวกัน Cardano มีเหรียญประจำเครือข่ายว่า ADA บางคนเรียก "เอดีเอ" บางคนเรียก "เอด้า" อันนี้แล้วแต่ศรัทธาเลย ซึ่งการเป็นเหรียญประจำเครือข่ายก็คล้ายๆ กับการเป็นสกุลเงินประจำเครือข่ายเอาไว้ใช้จ่ายค่าบริการ เช่น จะใช้งานบล็อกเชนไหน ก็จ่ายค่าธรรมเนียมใช้บริการด้วยเหรียญของบล็อกเชนนั้นๆ ในวงการเรียก "ค่าแก๊ส"

            บล็อกเชน Cardano ใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof-of-Stake (PoS -การวางเหรียญไว้ในระบบเพื่อแลกรับสิทธิ์ในการตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมบนบล็อกเชน) ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก Ethereum ที่เพิ่งจะเปลี่ยนมาใช้กลไก PoS หลังการอัปเกรด The Merge เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง

            Cardano ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2015 โดยวางตัวเองเป็นเหมือน Ethereum ในเวอร์ชั่นอัปเกรดโดยชูคุณสมบัติของการเป็น "บล็อกเชนเจเนอเรชั่นที่ 3" ที่มุ่งเน้นเรื่องการขยายขีดความสามารถในการรองรับปริมาณธุรกรรม ต่อยอดจากบล็อกเชนเจเนอเรชั่นที่ 1 คือ Bitcoin ซึ่งถือเป็นคริปโทเคอร์เรนซีสกุลแรกที่ประสบความสำเร็จ และบล็อกเชนเจเนอเรชั่นที่ 2 คือ Ethereum ที่เป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคโนโลยี Smart Contracts หรือสัญญาอัจฉริยะ

            2.#จุดประสงค์ในการ Hard Fork ของ Cardano

            การ Hard Fork คือ กระบวนการที่ผู้ใช้งานของเครือข่ายบล็อกเชนดำเนินการแยกเครือข่ายออกมา จึงส่งผลให้เกิดเป็นเครือข่ายหรือโปรโตคอลเดียวกันที่แตกออกเป็น 2 เวอร์ชั่น

            ซึ่งการ Hard Fork ของ Cardano ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ ยกระดับเครือข่ายให้ขยายขีดความสามารถในการ "รองรับปริมาณธุรกรรมที่สูงขึ้น"

            รวมถึงเป็นการปรับปรุงระบบเพื่อให้นักพัฒนา Web3 สามารถทำงานได้ง่ายขึ้นและทำให้เครือข่าย Cardano รองรับการสร้างสรรค์แอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (dApps)

            และการอัปเดตครั้งนี้ก็จะเป็นการ "เพิ่มศักยภาพให้กับ Plutus" ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมที่ใช้สำหรับการเขียน Smart Contract ของ Cardano โดยในฝั่งของนักพัฒนาจะสามารถออกแบบแอปฯ บนบล็อกเชนที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าเดิม

            3.#การอัปเกรดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของเครือข่าย Cardano

            การอัปเกรดนี้เจอโรคเลื่อนมาหลายรอบ จริงๆ แล้วถ้าไม่มีอะไรติดขัดแล้วละก็ Cardano น่าจะอัปเกรดใหญ่ไปก่อนหน้า Ethereum เสียอีก แต่ปรากฎว่าการอัปเกรดก็ถูกเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จากตอนแรกบอกเดือนมิถุนายน มาเป็นปลายเดือนกรกฎาคม ต่อมาเดือนสิงหาคมก็มีการประกาศขอเลื่อนไปอีก กระทั่งมาลงตัวที่วันที่ 22 กันยายนที่จะถึงนี้

            สาเหตุหลักของโรคเลื่อน มาจากปัญหาเกี่ยวกับซอฟต์แวร์และการทดสอบระบบ ซึ่งผู้ก่อตั้งของ Cardano อย่าง Charles Hoskinson ที่เคยเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งของ Ethereum ถึงกับออกปากว่า "การทำ Vasil Hard Fork คือการอัปเดตที่หนักข้อที่สุดเท่าที่ Cardano เคยทำมา"

            "การอัปเกรด Vasil สะท้อนให้เห็นว่าเราจำเป็นต้องพัฒนากระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้รวมถึงการวางพื้นฐานที่มั่นคงแข็งแกร่งกว่าเดิมเพื่อรองรับงานสำคัญครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นกับเครือข่าย Cardano ในลักษณะนี้ การอัปเกรด Vasil ถือเป็นการทดสอบขีดจำกัดของเราและเรียกได้ว่าเป็นการอัปเดตที่หนักข้อที่สุดตั้งแต่ที่เครือข่าย Cardano เคยทำมา แต่นี่ก็ถือเป็นเพียงก้าวหนึ่งบนหนทางอันแสนยาวไกลที่ทอดไปสู่อนาคต"

            หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องเรียกอัปเกรดครั้งนี้ว่า "Vasil" ที่มาที่ไปก็คือ มันคือชื่อสมาชิกของชุมชนชาว Cardano ผู้ล่วงลับอย่าง Vasil St. Dabov อดีตหัวหน้าที่ปรึกษาด้านบล็อกเชนนั่นเอง โดย Vasil ได้เสียชีวิตลงในเดือนธันวาคม ปี 2021

            4.#มูลค่าตามราคาตลาดของ Cardano ขึ้นแซงหน้า XRP เป็นระยะเวลาสั้นๆ

            ด้วยกระแสความตื่นเต้นกับการอัปเกรด Vasil ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ ได้ผลักดันให้มูลค่าตามราคาตลาดของเหรียญ ADA พุ่งสูงขึ้นจนเบียดตำแหน่งของเหรียญ XRP และขึ้นแท่นเป็นคริปโทฯ ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดเป็นอับดับ 7 หรือคิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาดเฉียด 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่ในที่สุดราคาของ ADA ก็ปรับตัวลดลงจนทำให้ถอยกลับมาลงมาเป็นคริปโทฯ ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดเป็นอับดับ 8 ในปัจจุบัน

            แต่ก็ยังมีข่าวดีที่เป็นปัจจัยบวกกับ Cardano เข้ามาอย่างต่อเนื่องเมื่อเหรียญหลักประจำเครือข่ายอย่าง ADA ได้ถูกนำไปเปิดให้ซื้อขายบนกระดานของ Robinhood ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ชื่อดังที่ชูจุดขายด้วยการไม่เรียกเก็บค่าธรรมเนียมนายหน้าจากผู้ใช้งาน

            การที่ Robinhood ประกาศข่าวผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัทฯ ว่าจะทำการเพิ่ม Cardano เข้ามาในกระดานซื้อขายเป็นการแสดงให้เห็นถึงการทำตามกระแสเรียกร้องของลูกค้า ส่งผลให้ Cardano เข้าไปอยู่บนกระดานซื้อขายสินทรัพย์ของ Robinhood ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวน 13.2 ล้านรายต่อเดือนเมื่อนับจากบัญชีที่มีความเคลื่อนไหวบนแพลตฟอร์ม

            เท่ากับเป็นการขยายฐานของนักลงทุน Cardano ให้เติบโตขึ้นและน่าจะช่วยเสริมสภาพคล่องในการซื้อขายให้มากกว่าเดิม

            5.#ชุมชนชาวคริปโทฯ มีมุมมองเป็นบวกต่อ Cardano

            จำนวนรวมของกระเป๋าเงิน Cardano มีตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 3.6 ล้านกระเป๋า ส่วนจำนวนของที่อยู่ ซึ่งมีการรับหรือส่งเหรียญ ADA บนบล็อกเชนของ Cardano ก็เพิ่มสูงขึ้นกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับตัวเลขที่บันทึกไว้ในเดือนพฤศจิกายนปี 2021 ด้วยจำนวนที่อยู่ซึ่งมีการเคลื่อนไหวในจำนวนเกือบ 500,000 ที่อยู่ จึงส่งผลให้เหรียญ ADA ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2021 จนทาบรัศมีเป็นตัวเลือกหลักที่จะเข้ามาทดแทน Ethereum

            หลายคนอาจมีคำถามว่า ราคาหลังการ Hard Fork จะเป็นอย่างไร? ชุมชนชาวคริปโทฯ มีมุมมองที่เป็นบวกอย่างมากต่อการอัปเกรด Vasil และคาดการณ์ว่าราคาของ Cardano จะทะยานขึ้นราว 26% จากในปัจจุบันก่อนไปจบรอบที่ช่วงสิ้นเดือนกันยายน

            แต่ถ้าหากดูจาก Ethereum ก็อย่าได้ชะล่าใจไป เราพอจะเห็นเค้าลางว่าสิ่งที่คิดอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็ได้ เพราะหลัง The Merge ราคายังไม่ฟื้นเลย แม้ลึกๆ แล้วชุมชน Ethereum ก็แอบหวังให้ราคาดีดตัวขึ้นแต่ปรากฎว่าต้องพักผ่อนกันไปตามระเบียบ

            มีข้อมูลให้แฟนๆ ADA ได้ชื่นใจ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องออกมาตามนี้ ข้อมูลจากตัวเลขประมาณการราคาของ CoinMarketCap ระบุว่ามีผู้ใช้งานจำนวน 14,000 ราย ที่คาดว่าราคาของเหรียญ ADA ณ สิ้นเดือนนี้จะซื้อขายกันอยู่ที่ 0.62 ดอลลาร์

            โดยสรุป หลังอัปเกรดจะทำให้ระบบนิเวศของ Cardano คึกคักแค่ไหน อย่างไร ชาวคริปโทก็อดใจรอในอีกไม่กี่วันจากนี้ แต่สิ่งที่แอบหวาดเสียวอยู่ก็คือวันอัปเกรด Cardano อาจจะไปชนกับบิ๊กอีเวนต์ของเฟดที่ตลาดแพนิกกันมาแล้วทุกรอบ ซึ่งนั่น...เป็นประเด็นระดับโลกที่ซัดมาแล้วทุกสินทรัพย์!

            อ้างอิง :  nasdaq.com  efinancethai.com efinancethai.com  efinancethai.com 

Adblock test (Why?)


สรุป 5 ประเด็นต้องรู้! Cardano อัปเกรดใหญ่ Vasil Hard Fork - efinanceThai
Read More

นักวิเคราะห์ชื่อดัง David Gokhshtein เผยถึงปัจจัยที่ราคา LUNC จะกลับมาอีกครั้ง - Siam Blockchain

bitkub-2022-768x90

นาย David Gokhshtein ผู้ก่อตั้ง Gokhshtein Media เชื่อว่า LUNC จะไม่เป็นบ่อนการพนันและจะกลับมาอีกครั้งหากชุมชนหาทางที่จะใช้ประโยชน์จากมันได้อย่างถูกกฏหมาย

นาย Gokhshtein บอกว่าเหรียญ LUNC ในตอนนี้เป็นเหมือนกับบ่อนพนัน ที่จะมีคนที่เสียเยอะมาก ๆ และได้เยอะมาก ๆ อยู่ตลอดเวลา เหมือนกับเกมเก้าอี้ดนตรีที่จะมีแค่บางคนเท่านั้นที่ได้นั่งเก้าอี้ และบางคนก็จะไม่ได้อะไรเลย

เขาเสริมว่า LUNC เพิ่งจะได้รับความนิยมหลังจากการล่มสลายของโปรเจค Terra  โดยมันถูกมันมาใช้เป็นบ่อนพนันเพื่อสร้างรายได้อย่างรวดเร็ว

bitazza-may-768x90

ในทวีตล่าสุดของนาย David Gokhshtein บอกว่า LUNC เป็นของชุมชนไม่ใช่ของนาย Do Kwon และครึ่งนึงเข้าไปหามันเพื่อใช้เป็นบ่อนพนัน และอีกครึ่งนึงคือผู้ที่ทุกข์ทรมานจากการล่มสลายของโปรเจค Terra และเขาเชื่อว่ามันจะกลับมาอีกครั้งได้หากชุมมชนหาทางที่จะใช้ประโยชน์กับมันอย่างถูกกฏหมาย

หลังจากการล่มสลายของโปรเจค Terra ในเดือนพฤษาคม Chain ดั้งเดิมของ Terra ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Terra Classic และในวันที่ 28 พฤษาคม 2022 ก็ได้ทำการเปิดตัว Terra 2.0 เพื่อรองรับการใช้งานใหม่ในอนาคตภายใต้เชื่อ Terra ส่วนเหรียญของ Chain เก่าก็ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น LUNC

นี่คือความท้าทายครั้งใหญ่

นาย Will Chen อดีตนักพัฒนาโปรเจค Terra ได้ออกมาพูดถึงประเด็นสำคัญว่า “ใครคือวาฬของเหรียญ LUNC และใครคือผู้ควบคุมเครือข่าย” และชุมชนมีความเป็นเจ้าของโปรเจคมากน้อยเพียงใด

แล้วเขายังบอกอีกว่า มันเรื่องยากที่จะดึงดูดให้โปรเจคต่าง ๆ มาสร้างบน Terra Classic จนกว่าจะรู้ว่าใครเป็นคนที่คุมเกมนี้อยู่

เหรียญของ Terra ทั้ง LUNC และ LUNA ต่างก็ได้รับผลกระทบจากข่าวล่าสุดของนาย Do Kwon CEO ของ Terra ที่ทางตำรวจสิงคโปร์บอกว่าเขาไม่ได้อยู่ในประเทศนี้แล้ว

Source : U.Today

Adblock test (Why?)


นักวิเคราะห์ชื่อดัง David Gokhshtein เผยถึงปัจจัยที่ราคา LUNC จะกลับมาอีกครั้ง - Siam Blockchain
Read More

Saturday, September 17, 2022

Nicox กำไร Q2 เป็นไปตามคาด ส่วนรายได้ต่ำกว่าคาด โดย Investing.com - Investing.com

Investing.com - บริษัท Nicox รายงานประจำไตรมาสที่ 2 ตรงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีรายได้ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ ตามข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์

กำไรต่อหุ้น (EPS) ของ Nicox อยู่ที่ €-0.16 จากรายได้ €700K ทั้งนี้ ความเห็นของนักวิเคราะห์ที่รวบรวมโดย Investing.com ก่อนหน้านี้ มองว่าตัวเลขดังกล่าวน่าจะอยู่ที่ €-0.16 ต่อหุ้น บนพื้นฐานรายได้ €750K

นอกจาก Nicox ยังมีบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มการดูแลสุขภาพของตลาดหุ้นปารีส ที่รายงานผลประกอบการในช่วงเดือนนี้

ก่อนหน้านี้ Biomerieux ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 โดยมีกำไรอยู่ที่ €1.93 ต่อหุ้น จากรายได้ €820.9M เทียบกับคาดการณ์ที่ €2.22 และรายได้ €719.4M

ขณะที่ผลการดำเนินงานของ Erytech Pharma จากรายงานล่าสุดนั้นสูงกว่าการพยากรณ์ของนักวิเคราะห์ โดยมีผลกำไรประจำไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ €-0.03 ต่อหุ้น และมีรายรับ €25.30M เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์โดยนักวิเคราะห์ของ Investing.com ซึ่งมองว่าตัวเลขกำไรต่อหุ้นน่าจะอยู่ที่ราว €-0.33 บนพื้นฐานรายรับ €2.5M

ติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทผ่าน ปฏิทินผลประกอบการ ของ Investing.com

Adblock test (Why?)


Nicox กำไร Q2 เป็นไปตามคาด ส่วนรายได้ต่ำกว่าคาด โดย Investing.com - Investing.com
Read More

หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับลด 11.93 ดัชนีอยู่ที่ 1,630 จุด - ไทยรัฐ

หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับลด 11.93 ดัชนีอยู่ที่ 1,630 จุด

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นบ่าย ปรับลด 11.93 ดัชนีอยู่ที่ 1,630 จุด - ไทยรัฐ
Read More

Friday, September 16, 2022

หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นเช้า ปรับลด 6.38 ดัชนีอยู่ที่ 1,635 จุด - ไทยรัฐ

หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นเช้า ปรับลด 6.38 ดัชนีอยู่ที่ 1,635 จุด

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยวันนี้ 16 ก.ย. 65 ปิดตลาดหุ้นเช้า ปรับลด 6.38 ดัชนีอยู่ที่ 1,635 จุด - ไทยรัฐ
Read More

ลดความเสี่ยง จับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า I TNN รู้ทันลงทุน I 16-09-65 - TNN Online

Adblock test (Why?)


ลดความเสี่ยง จับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า I TNN รู้ทันลงทุน I 16-09-65 - TNN Online
Read More

การควบรวม Ethereum ล้มเหลวในการย้ายราคา ETH, $2000 ยังคงอยู่ยาก - www.thaifrx.com

ราคาของ Ethereum ยังคงดิ้นรนต่ำกว่า 1,600 ดอลลาร์แม้ว่าการควบรวมจะประสบความสำเร็จก็ตาม ดังที่ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ Ethereum Merge ดูเหมือนจะเป็นเหตุการณ์ “ซื้อข่าวลือ ขายข่าว” ซึ่งดูเหมือนว่าจะเกิดขึ้น แต่การขาดราคาที่ผันผวนสูงแสดงให้เห็นว่าแม้แต่การเทขายที่คาดว่าจะไม่มี เกิดขึ้น. ดูเหมือนว่าโมเมนตัมจะถูกปิดเสียงอยู่ในขณะนี้ ทำให้ราคาแกว่งตัวไปทางใดทางหนึ่งไม่ได้

ผสานเป็นราคาใน

ในระหว่างการชุมนุมที่นำไปสู่การควบรวม Ethereum มีการถกเถียงกันว่าการอัพเกรดนั้นได้กำหนดราคาเป็นมูลค่าของสินทรัพย์ดิจิทัลในที่สุดหรือไม่ จนถึงจุดหนึ่ง ETH ได้ขี่คลื่นสูงถึง $2,000 แต่สูญเสียฐานรากไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเรื่องของสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล

ตอนนี้ หลังจากการผสานเสร็จสิ้น ดูเหมือนว่าจะมีการตกลงกันมากขึ้นว่าราคานั้นได้กำหนดราคาไว้แล้ว สำหรับนักวิเคราะห์ตลาด Julius Baer เขากล่าวว่ากรณีที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการที่การผสานจะจบลงด้วยการไม่เกิดเหตุการณ์ . หากสิ่งนี้เป็นจริง แนวต้านในปัจจุบันต่อการเคลื่อนไหวที่สำคัญในส่วนของสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นเป็นสิ่งที่ดี

กราฟราคา Ethereum จาก TradingView.com

Merge fails to move ETH price | Source: ETHUSD on TradingView.com

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่คาดการณ์ไว้สูงนั้นดูเหมือนจะไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลแต่อย่างใด แต่การตกต่ำของตลาดหลังการเปิดเผยข้อมูล CPI เมื่อต้นสัปดาห์ มีแนวโน้มว่าจะนำไปสู่ความอ่อนล้าในตลาด

Ethereum สามารถฟื้นตัวจากที่นี่ได้หรือไม่?

ก่อนการควบรวม ราคาเป้าหมายจาก Ethereum อยู่ที่ $2,000 เมื่อพิจารณาจากโมเมนตัมขาขึ้นที่บันทึกไว้ในช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตาม ราคาที่ลดลงทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลอยู่ในสถานะที่ยากลำบากเป็นพิเศษ

ด้วยราคาที่ลดลงไปที่ 1,590 ดอลลาร์ ทำให้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถล้างระดับทางเทคนิคที่สำคัญ เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วันได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 100 วันยังดูแย่กว่า สิ่งนี้บ่งชี้ถึงแนวโน้มที่จะมีการเคลื่อนไหวเป็นขาลงมากขึ้นในสัปดาห์หน้า

การเทขายยังไม่คลี่คลายในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา Ethereum บันทึกการไหลเข้าของการแลกเปลี่ยนจำนวนมากที่นำไปสู่การควบรวม ทำให้ปริมาณการไหลเข้า 7 วันเป็น 11.52 พันล้านดอลลาร์ ปริมาณการไหลเข้าขนาดใหญ่นี้ ประกอบกับการลดลงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน ทำให้ MACD 50 วันเบ้อย่างมากต่อแรงกดดันในการขาย

ระดับแนวรับหลักถัดไปสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลตอนนี้อยู่ที่ 1,500 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ความล้มเหลวในการรักษาระดับนี้อย่างเหมาะสมจะทำให้ Ethereum ทดสอบอาณาเขตที่ 1,300 ดอลลาร์อีกครั้ง

Featured image from CNBC, chart from TradingView.com

ติดตาม สุดยอด Owie บน Twitter สำหรับข้อมูลเชิงลึกของตลาด การอัปเดต และทวีตตลกเป็นครั้งคราว…

Adblock test (Why?)


การควบรวม Ethereum ล้มเหลวในการย้ายราคา ETH, $2000 ยังคงอยู่ยาก - www.thaifrx.com
Read More

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...