Rechercher dans ce blog

Wednesday, December 29, 2021

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ภาคค่ำ จับตามาตรการรับมือโควิดช่วงปีใหม่ อาจกดดันทองคำ - Investing.com

สรุประหว่างวันแกว่งตัวในกรอบแคบ 1,801.30-1,807.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่วานนี้ราคาทองคําได้ปรับตัวลง 5.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จาก ที่ฟื้นตัวขึ้นมาขานรับการเปิดเผยตัวเลขดัชนีภาคการผลิตจากเฟตริชมอนต์ที่ดีดตัวขึ้นสูงกว่าคาด ในวันนี้ทองคําได้ปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นเอเชีย ปิดร่วงลง หลังนักลงทุนยังคงประเมินผลกระทบจากมีครอน อีกทั้งสหรัฐตรวจพบผู้ป่วยโควิต-19 รายวันสูงถึง 512,553 ราย และผู้เสียชีวิต 1,762 ราย โดยยอด ผู้ป่วยใหม่รายวันข้างต้นถือเป็นสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่นับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดใหญ่ในสหรัฐ ขณะที่เมืองใหญ่หลายแห่งในสหรัฐ รวมถึงนครนิวยอร์ก ได้ลดระดับหรือยกเลิกการจัดงานฉลองปีใหม่ติดต่อกันเป็นปีที่สอง ส่วนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (27 ธ.ค.) นายแพทย์แอนโทนี เฟาซี แพทย์ใหญ่ประจํา คณะทํางานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทําเนียบขาว เรียกร้องให้ชาวอเมริกันหลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะในช่วงที่ไม่รู้ว่า ใครฉีดวัคซีนไปแล้ว ประเด็นเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่มากดดันราคาทองคําได้ สําหรับคืนนี้ให้นักลงทุนติดตามตัวเลขเศรษฐกิจฝั่งสหรัฐ มีการเปิดเผยสต็อกสินค้า คงคลังภาคค้าส่งเดือนพ.ย.และยอดทําสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. (pending home sales) ทั้งนี้หากราคาทดสอบแนวต้าน 1,820-1,834 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทํากําไร ประเมินแนวรับที่ 1,797-1,789 ตอลลาร์ต่อออนซ์

คําแนะนํา

เปิดสถานะขาย $1,820-1,834

จุดทํากําไร

ซื้อคืนเพื่อทํากําไร $1,797-1,789

ตัดขาดทุน

ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,834

ดูกราฟราคาทองคำ SPOT

https://th.investing.com/currencies/xau-usd

กระทู้พูดคุยเกี่ยวกับราคาทองคำ SPOT

https://th.investing.com/currencies/xau-usd-commentary

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th

การปฏิเสธความรับผิด: Fusion Media would like to remind you that the data contained in this website is not necessarily real-time nor accurate. All CFDs (stocks, indexes, futures) and Forex prices are not provided by exchanges but rather by market makers, and so prices may not be accurate and may differ from the actual market price, meaning prices are indicative and not appropriate for trading purposes. Therefore Fusion Media doesn`t bear any responsibility for any trading losses you might incur as a result of using this data.

Fusion Media or anyone involved with Fusion Media will not accept any liability for loss or damage as a result of reliance on the information including data, quotes, charts and buy/sell signals contained within this website. Please be fully informed regarding the risks and costs associated with trading the financial markets, it is one of the riskiest investment forms possible.

Adblock test (Why?)


บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ภาคค่ำ จับตามาตรการรับมือโควิดช่วงปีใหม่ อาจกดดันทองคำ - Investing.com
Read More

หุ้นไทย เวลา 10.43น. ดัชนีอยู่ที่ 1,643.99 จุด บวก 2.47 จุด หรือ 0.15% - กรุงเทพธุรกิจ

5 อันดับ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูง คือ DELTA เปิดที่ 410.00 บาท ลดลง -30.00 บาท, MAKRO เปิดที่ 41.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท, SCB เปิดที่ 125.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท, RBF เปิดที่ 22.30 บาท ลดลง -1.00 บาท และ EA เปิดที่ 93.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

Adblock test (Why?)


หุ้นไทย เวลา 10.43น. ดัชนีอยู่ที่ 1,643.99 จุด บวก 2.47 จุด หรือ 0.15% - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

Tuesday, December 28, 2021

ด่วน! รพ.จุฬาลงกรณ์ เปิดจองวัคซีน "ไฟเซอร์" ฉีดฟรีเป็นเข็มกระตุ้น - pptvhd36.com

รพ.จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เปิดระบบจองวัคซีน "ไฟเซอร์" ฉีดฟรีเป็นเข็มกระตุ้น เริ่ม 28 ธันวาคม 2564 เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป ด่วนจำนวนจำกัด

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ประกาศเปิดให้ลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด19 ยี่ห้อ ไฟเซอร์ (Pfizer) เข็มกระตุ้น สำหรับประชาชนทั่วไป

สำหรับเงื่อนไข คือ สำหรับประชาชนทั่วไป ที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า (Astra Zeneca) ครบ 2 เข็ม ภายในเดือนกันยายน 2564 หรือได้รับวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) หรือ ซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ครบ 2 เข็ม ภายในเดือนตุลาคม 2564

รพ.จุฬาลงกรณ์ เปิดจองวัคซีน "โมเดอร์นา" ฉีดฟรีเป็นเข็มกระตุ้น เริ่ม 8 ธ.ค. 64

เช็กวันหยุดธนาคาร ปี 2565 เพิ่มวันหยุดพิเศษ 2 วัน

“ซิโนแวค 3 เข็ม” vs “ไฟเซอร์ 3 เข็ม” ป้องกัน “โอมิครอน” ได้ดีแค่ไหน?

ด่วน! รพ.จุฬาลงกรณ์ เปิดจองวัคซีน "ไฟเซอร์" ฉีดฟรีเป็นเข็มกระตุ้น

เข็ม 4! "อัศวิน" วาง 3 กลุ่มเป้าหมาย ฉีดวัคซีนโควิดกระตุ้น เข็มที่ 4

สามารถลงทะเบียนและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สแกน QR Code หรือ https://chulapfizer.kcmh.or.th/โดยผู้ที่ผ่านการลงทะเบียนรับสิทธิ สามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนตามวันและเวลาที่ได้ลงทะเบียนไว้เท่านั้น

เริ่มลงทะเบียนตั้งแต่วันนี้ (28 ธ.ค. 64) เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป โดยใช้เลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก และหมายเลขโทรศัพท์ ทั้งนี้ จะปิดรับตามจำนวนโควตาที่ได้รับการจัดสรรมาเท่านั้น! เลือกวันเข้ารับการฉีด คือตั้งแต่วันที่ 4-7 และ 10-14 มกราคม 2565 ณ คลินิกบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์

เช็กปีชง 2565 เตรียมเข้า “ปีขาล” นักษัตรไหนบ้าง “ชงตรง-ชงร่วม”

อัปเดตข่าวล่าสุดก่อนใคร Add friend ได้ที่ @PPTVOnline

Adblock test (Why?)


ด่วน! รพ.จุฬาลงกรณ์ เปิดจองวัคซีน "ไฟเซอร์" ฉีดฟรีเป็นเข็มกระตุ้น - pptvhd36.com
Read More

Monday, December 27, 2021

“Token X” ผนึกกำลัง “iAM” ผู้ดูแลศิลปินวง BNK48 - โพสต์ทูเดย์

“Token X” ผนึกกำลัง “iAM” ผู้ดูแลศิลปินวง BNK48 ร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ประยุกต์ใช้ระบบบล็อกเชน ยกระดับประสบการณ์ของแฟนคลับกับศิลปิน

บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด เป็นบริษัทในเครือของ บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ ซึ่งอยู่ภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารไทยพาณิชย์ เดินหน้าให้บริการเกี่ยวกับธุรกิจโทเคนดิจิทัลแบบครบวงจรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผนึกกำลัง บริษัท อินดิเพนเดนท์ อาร์ตทิสต์ เมเนจเมนต์ หรือ iAM ต้นสังกัดดูแลบริหารงานศิลปินวงไอดอลหญิงวง BNK48 (บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต) และ ศิลปินวงไอดอลหญิงวง CGM48 ( ซีจีเอ็มโฟร์ตีเอต) ร่วมกันนำระบบบล็อกเชนและ Tokenization มาประยุกต์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของแอปพลิเคชัน iAM48 ยกระดับประสบการณ์การใช้งาน และเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างแฟนคลับและศิลปิน ตอกย้ำในแผนงานของ Token X ที่มีความมุ่งมั่นในการเป็น “Technology Service Provider” ร่วมกับลูกค้าองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศ มุ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจในรูปแบบใหม่โดยมีบล็อกเชนและโทเคนดิจิทัลเป็นแกนหลักสำคัญ

นายรุจิพล วิโรจน์โภคา Chief Operating Officer บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) กล่าวว่า “หลังจาก Token X ได้รับความเห็นชอบในการเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) โดยอยู่ระหว่างการรอเปิดใช้งานใบอนุญาตจากสำนักงาน ก.ล.ต. นั้น อีกหนึ่งเป้าหมายทางธุรกิจที่สำคัญของบริษัท คือ การให้บริการเป็น “Technology Partner” ร่วมกับลูกค้าองค์กรจากหลากหลายอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศเพื่อร่วมกันศึกษาและพัฒนาระบบบล็อกเชนและการทำ Tokenization เพื่อตอบโจทย์โซลูชั่นสำหรับภาคธุรกิจและการพัฒนา Utility Token พร้อมใช้ มุ่งสร้างโอกาสทางธุรกิจในรูปแบบใหม่โดยมีบล็อกเชนและโทเคนดิจิทัลเป็นแกนหลักสำคัญ โดยเราเล็งเห็นว่าบล็อกเชนเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง มีความโปร่งใส น่าเชื่อถือ และตรวจสอบได้ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่จำกัดแค่เพียงแวดวงการเงินเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เราจึงร่วมมือกับ “บริษัท อินดิเพนเดนท์ อาร์ตทิสต์ เมเนจเมนต์ หรือ iAM” นำขีดความสามารถทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่ง พร้อมความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัลของ Token X ผสานกับวิสัยทัศน์ของ “iAM” ที่มุ่งนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหา Pain point ของแฟนคลับ ร่วมกันพัฒนาระบบบล็อกเชนและรวมไปถึงการทำ Tokenization เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของแอปพลิเคชัน iAM48 สร้างเสริมการมีส่วนร่วมที่ดียิ่งขึ้นให้กับแฟนคลับได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พร้อมร่วมกันสร้าง Ecosystem ของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยให้เติบโตได้อย่างสร้างสรรค์และยั่งยืนโดยมีบล็อกเชนและโทเคนดิจิทัลเป็นรากฐานสำคัญ”

นางสาวอัมพร สมบัติอารีพาณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบัญชีและการเงิน บริษัท อินดิเพนเด้นท์ อาร์ทิสท์ เมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ iAM (ไอแอม) ต้นสังกัดดูแลบริหารงานศิลปินวงไอดอลหญิงวง BNK48 (บีเอ็นเคโฟร์ตีเอต) และ ศิลปินวงไอดอลหญิงวง CGM48 ( ซีจีเอ็มโฟร์ตีเอต) กล่าวว่า “ปัจจุบันเรามีฐานแฟนคลับและผู้ติดตามผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และออฟไลน์ต่างๆ จำนวนหลายล้านคนครอบคลุมทั่วประเทศ บริษัทจึงมีความตั้งใจอย่างยิ่งในการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาพัฒนาประสบการณ์ Fan Engagement รวมถึง Use case ที่น่าตื่นเต้นรูปแบบใหม่ๆ ผ่านความร่วมมือกับ Token X ในการพัฒนาระบบบล็อกเชนและรวมไปถึงการทำ Tokenization ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการบริหารจัดการกิจกรรมต่างๆ ด้วยหลักธรรมาภิบาลที่โปร่งใส (Decentralized Good Governance) ให้แฟนคลับทุกคนสามารถมีอำนาจในการตัดสินใจร่วมกัน พร้อมได้รู้สึกใกล้ชิดกับศิลปินที่ชื่นชอบได้มากกว่าเคย อีกทั้งยังช่วยขยายช่องทางการเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มแฟนคลับให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น”

Adblock test (Why?)


“Token X” ผนึกกำลัง “iAM” ผู้ดูแลศิลปินวง BNK48 - โพสต์ทูเดย์
Read More

วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,636.50 จุด ลดลง -0.72 จุด หรือ -0.04% - efinanceThai


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -27 ธ.ค. 64 16:45 น. สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย (27 ธ.ค. 64)-- ณ เวลา 16:44 น. มีมูลค่าการซื้อขาย 51,458.91 ล้านบาท. หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.GUNKUL ปิดที่ 5.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,101.24 ลบ. 2.GPSC ปิดที่ 86.00 บาท ลดลง -0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,217.46 ลบ. 3.PTT ปิดที่ 37.75 บาท ลดลง -0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,121.56 ลบ. 4.CRC ปิดที่ 32.50 บาท ลดลง -1.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,095.54 ลบ. 5.CPALL ปิดที่ 58.00 บาท ลดลง -0.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,071.53 ลบ. ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,233.08 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด หรือ 0.08% ดัชนี SET50 ปิดที่ 975.51 จุด เพิ่มขึ้น 0.38 จุด หรือ 0.04% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 574.29 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด หรือ 0.71%

Adblock test (Why?)


วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,636.50 จุด ลดลง -0.72 จุด หรือ -0.04% - efinanceThai
Read More

5 บิ๊กรับเหมาฯ ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 'เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ' 7.8 หมื่นล้าน - สำนักข่าวอิศรา

mrta 27 12 21 pic

5 บิ๊กรับเหมาฯ ‘ช.การช่าง-ซิโนไทย-อิตาเลียนไทย-ยูนิคเอ็นจิเนียริ่งฯ-เนาวรัตน์พัฒนาการ’ ยื่นซองข้อเสนอประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ‘เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ’ 6 สัญญา 7.8 หมื่นล้าน รฟม.คาดลงนามสัญญาจ้าง มี.ค.65

...........................

สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดให้เอกชนข้อเสนอประกวดราคาจ้างก่อสร้างงานโยธาโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ซึ่งเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และแนวทางการประกวดราคานานาชาติ (ICB) จำนวน 6 สัญญา มูลค่า 7.8 หมื่นล้านบาท ผลปรากฏว่ามีผู้มายื่นข้อเสนอประกวดราคาฯ 5 ราย ดังนี้

สัญญาที่ 1 งานจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้างงานโยธา โครงสร้างใต้ดิน ช่วงเตาปูน – หอสมุดแห่งชาติ จำนวน 3 ราย ได้แก่

1.CKST-PL JOINT VENTURE (ประกอบด้วย บมจ. ช.การช่าง และ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น)

2.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

3.บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

สัญญาที่ 2 งานจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้างงานโยธา โครงสร้างใต้ดิน ช่วงหอสมุดแห่งชาติ – ผ่านฟ้า จำนวน 3 ราย ได้แก่

1.CKST-PL JOINT VENTURE (ประกอบด้วย บมจ. ช.การช่าง และ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น)

2.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

3.บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

สัญญาที่ 3 งานจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้างงานโยธา โครงสร้างใต้ดิน ช่วงผ่านฟ้า – สะพานพระพุทธยอดฟ้า จำนวน 3 ราย ได้แก่

1.CKST-PL JOINT VENTURE (ประกอบด้วย บมจ. ช.การช่าง และ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น)

2.ITD – NWR JOINT VENTURE (ประกอบด้วย บมจ. อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ และ บมจ. เนาวรัตน์พัฒนาการ)

3.บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

สัญญาที่ 4 งานจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้างงานโยธา โครงสร้างใต้ดิน ช่วงสะพานพระพุทธยอดฟ้า – ดาวคะนอง จำนวน 3 ราย ได้แก่

1.CKST-PL JOINT VENTURE (ประกอบด้วย บมจ. ช.การช่าง และ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น)

2.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

3.บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

สัญญาที่ 5 งานจ้างก่อสร้างงานโยธา โครงสร้างยกระดับ ช่วงดาวคะนอง – ครุใน จำนวน 3 ราย ได้แก่

1.CKST-PL JOINT VENTURE (ประกอบด้วย บมจ. ช.การช่าง และ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น)

2.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

3.บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

สัญญาที่ 6 งานจ้างออกแบบควบคู่การก่อสร้างงานระบบราง ช่วงเตาปูน – ครุใน จำนวน 3 ราย ได้แก่

1.CKST-PL JOINT VENTURE (ประกอบด้วย บมจ. ช.การช่าง และ บมจ. ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น)

2.บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)

3.บมจ. ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น

สำหรับขั้นตอนต่อไป รฟม. จะพิจารณาข้อเสนอประกวดราคา ซองที่ 1 – 3 ประกอบด้วย ซองที่ 1 ข้อเสนอด้านคุณสมบัติ ซองที่ 2 ข้อเสนอทางเทคนิค และซองที่ 3 ข้อเสนอด้านราคา และคาดว่าจะสามารถลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างงานโยธาได้ภายในเดือน มี.ค.2565

ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน - ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เป็นโครงการรถไฟฟ้าที่เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างนนทบุรี กับกรุงเทพมหานครฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี รวมถึงสมุทรปราการ เข้าด้วยกัน มีระยะทางรวมทั้งสิ้น 23.6 กิโลเมตร เป็นโครงสร้างทางวิ่งใต้ดิน 13.6 กิโลเมตร 10 สถานี และโครงสร้างทางวิ่งยกระดับ 10 กิโลเมตร 7 สถานี โดยมีแผนจะเริ่มดำเนินงานก่อสร้างในปี 2565 และเปิดให้บริการในปี 2570

อ่านประกอบ :

‘ศักดิ์สยาม’ ปัดแทรกแซง‘บอร์ดคัดเลือกฯ’ กำหนดเกณฑ์ประมูลรถไฟฟ้า‘สายสีส้ม-สายสีม่วง’

‘รฟม.’เปิดฟังความเห็นร่าง TOR ‘สายสีม่วงใต้’ กลับลำใช้‘เกณฑ์ราคา’คัดเลือกผู้ชนะประมูล

ร้องส่ง ‘ป.ป.ช.’ สอบ! 'รฟม.' ล้มประมูลรถไฟฟ้า ‘สายสีม่วง’ หนีอภิปรายไม่ไว้วางใจ

‘รฟม.’ ประกาศล้มประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วง ‘เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ’ 7.8 หมื่นล.

ยกหลักฐานสู้! ‘สามารถ’ โต้กลับ ‘รฟม.’ กีดกัน ‘รับเหมาต่างชาติ’ แข่งประมูลสายสีม่วงใต้

ส่อ‘ล็อก’ ผู้รับเหมาง่าย! ชำแหละเกณฑ์ประมูล สายสีม่วง ‘เตาปูน–ราษฎร์บูรณะ’

รฟม.เปิดขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วง 'เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ' 5 ก.ค.-7 ต.ค.นี้

แบ่ง 6 สัญญา! รฟม.เปิดฟังความเห็นร่าง TOR สายสีม่วง ‘เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ’ 7.8 หมื่นล.

Adblock test (Why?)


5 บิ๊กรับเหมาฯ ยื่นซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ 'เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ' 7.8 หมื่นล้าน - สำนักข่าวอิศรา
Read More

กลยุทธ์การลงทุนรอบเช้าวันที่ 27 ธันวาคม 2564 - อาร์วายที9

กลยุทธ์การลงทุนรอบเช้า รวบรวมจากบทวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ประจำวันนี้

 โบรกเกอร์     แนวรับ            แนวต้าน            กลยุทธ์                                                 จากบทวิเคราะห์

 AIRA         1,633            1,646             Selective Buy                                         Stock Trading
              1,613            1,658

 KINGSFORD    1,635-1,630      1,640-1,645       คาดดัชนีแกว่งตัวในกรอบจำกัดโดยมีแนวต้านหลักที่ 1,658 จุด         Technical Brief

(ยังไม่ผ่าน)ระยะสั้นประเมินกรอบ แนวต้าน 1,640-1,645 จุด

แนวรับ 1,635-1,630 จุด

 KTBST        1,630-1,633      1,642-1,647       คาดว่าการพักตัวหากไม่หลุด 1,630 เชื่อว่าจะมีโอกาสฝ่า 1,646 จุด   Morning Bell

ได้ เพื่อเข้าหา 1,651 เป็น step ถัดไป อย่างไรก็ตามทิศทางระดับ

วันอยู่ในรอบของการพักตัว คงต้องลุ้นที่แนว 1,630 จุด เพื่อฟื้นตัว

อีกครั้ง แต่หากหลุดจะเปิดระยะทางลง ซึ่งคงต้องไปลุ้นแนว 1,620 จุด

กันต่อ


Adblock test (Why?)


กลยุทธ์การลงทุนรอบเช้าวันที่ 27 ธันวาคม 2564 - อาร์วายที9
Read More

ปฏิทินหุ้น ประจำวันที่ 27 ธ.ค. 2564 - อาร์วายที9

ขอแก้ไข รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงราคาใช้สิทธิ ของ B-W6 เดิมจากหุ้นละ 0.66 บาท เป็นหุ้นละ 0.396 บาท เปลี่ยนเป็น จากหุ้นละ 0.66 บาท เป็นหุ้นละ 0.602 บาท (ตามข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ วันที่ 24 ธ.ค. 2564 เวลา 12:31 น.) โดยเนื้อหาที่ถูกต้องหลังแก้ไขแล้วเป็นดังนี้

ปฏิทินหลักทรัพย์รวบรวมจากข่าวที่บริษัทจดทะเบียนแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ จนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2564

ธันวาคม 2564

  16 ธ.ค.-21 ม.ค.      3K-BAT      เสนอซื้อ                37,768,087 หุ้น หุ้นละ 79.09 บาท
  22 ธ.ค.-27 ม.ค.      FSS         เสนอซื้อ                411,133,047 หุ้น หุ้นละ 4.07 บาท
  22 ธ.ค.-25 ก.พ.      VNT         เสนอซื้อ                192,491,246 หุ้น หุ้นละ 39.00 บาท

ธันวาคม 2564
  24 ธ.ค.              B-W6        เปลี่ยนแปลงราคาใช้สิทธิ    จากหุ้นละ 0.66 บาท เป็นหุ้นละ 0.602 บาท
  27 ธ.ค.              HYDRO       หลักทรัพย์เพิ่มทุน          768,227,679 หุ้น
                       JCKH        หลักทรัพย์เพิ่มทุน          55,248,618 หุ้น
                       PPPM        หลักทรัพย์เพิ่มทุน          69,444,444 หุ้น
                       SDC         หลักทรัพย์เพิ่มทุน          179,967,298 หุ้น
                       GLOCON-W4   ซื้อขายวันสุดท้าย          -
  28 ธ.ค.              GRAND       XR                    6 : 1 @ 0.56 บาท (จองซื้อ 17 - 21 ม.ค. 2565)
                       GLOCON-W4   XE                    1 : 1.0474 @ 0.50 บาท (ยื่นใช้สิทธิ 5 - 19 ม.ค. 2565)

BEYOND ย้ายหมวด/กลุ่ม/ตลาดรอง กลุ่มอุตสาหกรรมเดิม: ทรัพยากร

หมวดธุรกิจเดิม: พลังงานและสาธารณูปโภค

กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่: บริการ

หมวดธุรกิจใหม่: การท่องเที่ยวและสันทนาการ

  29 ธ.ค.              HEMP        เปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้น       จากหุ้นละ 1.00 บาท เป็นหุ้นละ 12.90 บาท
                       QHPF        จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.1420 บาท (รอบ 1 ก.ย. - 31 ต.ค. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
                       ERWPF       ลดทุนจดทะเบียน          จากหุ้นละ 8.6057 บาท เป็นหุ้นละ 8.5234 บาท

ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจำนวนหน่วยลงทุน

  30 ธ.ค.              SVH         XD                    หุ้นละ 6.00 บาท (รอบ 1 ม.ค. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
  31 ธ.ค.              WIIK-W2     เพิกถอนหลักทรัพย์         -

มกราคม 2565
  04 ม.ค.              UAC         XD                    หุ้นละ 0.08 บาท (รอบ 1 ม.ค. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
                       UBIS        XR                    4 : 1 @ 4.00 บาท (จองซื้อ 14 - 21 ก.พ. 2565)
                       UBIS        XW                    2 : 1
                       TNDT        จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.10 บาท ปันผลจากกำไรสะสม

หุ้นปันผล 1 : 2 ปันผลจากกำไรสะสม

  06 ม.ค.              TTT         XD                    หุ้นละ 0.50 บาท (รอบ 1 เม.ย. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม
                       WFX         XD                    หุ้นละ 0.22 บาท (รอบ 1 ม.ค. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
  07 ม.ค.              ADB         XD                    หุ้นละ 0.00556 บาท ปันผลจากกำไรสะสม

หุ้นปันผล 10 : 1 ปันผลจากกำไรสะสม

                       CHAYO       XD                    หุ้นละ 0.0018519 บาท ปันผลจากกำไรสะสม

หุ้นปันผล 30 : 1 ปันผลจากกำไรสะสม

                       AIT         XW                    2 : 1
                       RWI-W2      เพิกถอนหลักทรัพย์         -
  13 ม.ค.              AJA         XR                    20 : 1 @ 0.20 บาท
                       AJA         XW                    1 : 2 สำหรับผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน
  14 ม.ค.              TBSP        XR                    5 : 1 @ 10.00 บาท (จองซื้อ 26 ม.ค. - 1 ก.พ. 2565)
  17 ม.ค.              HYDRO-W1    ซื้อขายวันสุดท้าย          -
                       UAC         จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.08 บาท (รอบ 1 ม.ค. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
  18 ม.ค.              HYDRO-W1    XE                    1 : 0.50 @ 1.00 บาท (ยื่นใช้สิทธิ 26 ม.ค. - 9 ก.พ. 2565)
  19 ม.ค.              SVH         จ่ายปันผล               หุ้นละ 6.00 บาท (รอบ 1 ม.ค. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
                       WFX         จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.22 บาท  (รอบ 1 ม.ค. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
  21 ม.ค.              ADB         จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.00556 บาท ปันผลจากกำไรสะสม

หุ้นปันผล 10 : 1 ปันผลจากกำไรสะสม

                       TTT         จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.50 บาท (รอบ 1 เม.ย. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม
                       GLOCON-W4   เพิกถอนหลักทรัพย์         -
  26 ม.ค.              CHAYO       จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.0018519 บาท ปันผลจากกำไรสะสม

หุ้นปันผล 30 : 1 ปันผลจากกำไรสะสม

  28 ม.ค.              KTIS        XD                    หุ้นละ 0.10 บาท ปันผลจากกำไรสะสม

กุมภาพันธ์ 2565
  03 ก.พ.              TSC         XD                    หุ้นละ 0.60 บาท (รอบ 1 ต.ค. 2563 - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม
  04 ก.พ.              EE          XW                    2 : 1
                       UV          จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.016 บาท (รอบ 1 ต.ค. 2563 - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
  08 ก.พ.              IRC         XD                    หุ้นละ 0.8845 บาท (รอบ 1 ต.ค. 2563 - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
  09 ก.พ.              METCO       XD                    หุ้นละ 14.00 บาท ปันผลจากกำไรสะสม
  11 ก.พ.              YGG         XD                    หุ้นปันผล 2.90322581 : 1 (รอบ 1 ม.ค.-30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม
                       YGG         XR                    1 : 2 @ 0.50 บาท (จองซื้อ 2 - 8 มี.ค. 2565)
                       YGG         XW                    4 : 1
                       FPT         จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.34 บาท (รอบ 1 ต.ค. 2563 - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
                       HYDRO-W1    เพิกถอนหลักทรัพย์         -
  14 ก.พ.              KTIS        จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.10 บาท ปันผลจากกำไรสะสม
  17 ก.พ.              EVER        XW                    3 : 1
  18 ก.พ.              EFORL       XW                    5 : 1 @ 0.40 บาท

2 : 1 สำหรับผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน

  25 ก.พ.              METCO       จ่ายปันผล               หุ้นละ 14.00 บาท ปันผลจากกำไรสะสม
                       OISHI       จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.50 บาท (รอบ 1 เม.ย. - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ
                       SSC         จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.34 บาท (รอบ 1 ต.ค. 2563 - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม
                       TSC         จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.60 บาท (รอบ 1 ต.ค. 2563 - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม
  28 ก.พ.              IRC         จ่ายปันผล               หุ้นละ 0.8845 บาท (รอบ 1 ต.ค. 2563 - 30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิ

มีนาคม 2565
  03 มี.ค.              YGG         จ่ายปันผล               หุ้นปันผล 2.90322581 : 1 (รอบ 1 ม.ค.-30 ก.ย. 2564) ปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม

Adblock test (Why?)


ปฏิทินหุ้น ประจำวันที่ 27 ธ.ค. 2564 - อาร์วายที9
Read More

Sunday, December 26, 2021

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (27 ธ.ค.) ขยับขึ้น 0.74% อยู่ที่ 50,778.10 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

  1. ราคาบิตคอยน์วันนี้ (27 ธ.ค.) ขยับขึ้น 0.74% อยู่ที่ 50,778.10 เหรียญสหรัฐ  ประชาชาติธุรกิจ
  2. 10 อันดับ เหรียญคริปโทฯ ราคาพุ่งแรงรับคริสต์มาส  กรุงเทพธุรกิจ
  3. ดูเรื่องราวจากทุกช่องทางใน Google News

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (27 ธ.ค.) ขยับขึ้น 0.74% อยู่ที่ 50,778.10 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ช้อปดีมีคืน เริ่ม 1 ม.ค.65 ลดหย่อนภาษีตามจริง ได้สูงสุด 3 หมื่นบาท คนละครึ่ง เฟส 4 เริ่ม 1 มี.ค.65 - มติชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 21 ธันวาคมที่ผ่านมา สำหรับมาตรการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจปี 2565 หรือมาตรการของขวัญปีใหม่ ได้แก่ มาตรการ ช้อปดีมีคืน ปี 2565 มีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีและผู้ประกอบกิจการการผลิตสินค้าท้องถิ่น โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ซึ่งมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

สามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการเท่าที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อสินค้า หรือค่าบริการสำหรับการซื้อสินค้า หรือการรับบริการในราชอาณาจักรให้กับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รวมถึงค่าซื้อหนังสือและค่าบริการหนังสือที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเตอร์เน็ตและค่าสินค้าโอท็อป ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท

เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-15 กุมภาพันธ์ 2565 แต่ไม่รวมถึงค่าสินค้าและบริการบางชนิด เช่น ค่าสุรา เบียร์ และไวน์ ค่ายาสูบ ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ ค่าบริการจัดนำเที่ยว ค่าที่พักในโรงแรม ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย เป็นต้น ซึ่งเป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร โดยมีผลต่อการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภงด.) มูลค่า 6,200 ล้านบาท

คาดว่าจะมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 42,000 ล้านบาท ส่งผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 0.12% และส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทั่วไป เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเข้าร่วมโครงการ 1.4 ล้านราย

ส่วนโครงการ คนละครึ่ง เฟส 4 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม-30 เมษายน 2565 โดยขอเวลาปรับปรุงระบบการลงทะเบียน ระบบการโอนเงิน คาดว่าจะใช้เวลาปรับปรุงระบบ 1 เดือน รวมถึงการปิดโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ที่จะสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคมนี้ก่อน เพื่อตรวจสอบว่าการใช้เงินภายใต้โครงการคนละครึ่งเฟส 3 วงเงินเท่าใด และเหลือวงเงินเท่าใดที่จะสามารถนำมาใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ได้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Adblock test (Why?)


ช้อปดีมีคืน เริ่ม 1 ม.ค.65 ลดหย่อนภาษีตามจริง ได้สูงสุด 3 หมื่นบาท คนละครึ่ง เฟส 4 เริ่ม 1 มี.ค.65 - มติชน
Read More

Saturday, December 25, 2021

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (26 ธ.ค.) ปรับลง .7% อยู่ที่ 50,432.70 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (26 ธ.ค.) ปรับลง .7% อยู่ที่ 50,432.70 เหรียญสหรัฐ  ประชาชาติธุรกิจ
ราคาบิตคอยน์วันนี้ (26 ธ.ค.) ปรับลง .7% อยู่ที่ 50,432.70 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (25 ธ.ค.) ขยับขึ้น .21% อยู่ที่ 51,034.20 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content]

ราคาบิตคอยน์วันนี้ (25 ธ.ค.) ขยับขึ้น .21% อยู่ที่ 51,034.20 เหรียญสหรัฐ  ประชาชาติธุรกิจ
ราคาบิตคอยน์วันนี้ (25 ธ.ค.) ขยับขึ้น .21% อยู่ที่ 51,034.20 เหรียญสหรัฐ - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

Friday, December 24, 2021

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 20-24 ธันวาคม 2564 - กรุงเทพธุรกิจ

สรุปความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท

เงินบาทอ่อนค่าสุดรอบ 2 สัปดาห์ที่ 33.84 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนฟื้นตัวกลับมาบางส่วนปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงแรกตามค่าเงินหยวน หลังธนาคารกลางจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ย LPR อายุ 1 ปีลงเพื่อหนุนเศรษฐกิจจีนในภาพรวม ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นในฐานะสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความกังวลต่อการระบาดของโอมิครอน อย่างไรก็ดีเงินบาทลดช่วงอ่อนค่าได้บางส่วนตามสัญญาณฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยงและสถานะซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ  

-  ในวันศุกร์ (24 ธ.ค.) เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.42 เทียบกับระดับ 33.35 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (17 ธ.ค.)
 

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-30 ธ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.00-33.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ รายงานเศรษฐกิจการเงินเดือนพ.ย. ของไทย ทิศทางเงินทุนของต่างชาติ และสถานการณ์โควิด-19 ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามตัวเลขกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการเดือนธ.ค.ของจีน

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทย

หุ้นไทยปิดต่ำกว่าสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,637.22 จุด ลดลง 0.27% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 67,481.17 ล้านบาท ลดลง 13.32% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 0.01% มาปิดที่ 570.24 จุด     

- หุ้นไทยร่วงลงแรงช่วงต้นสัปดาห์ทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ก่อนจะทยอยปรับตัวขึ้นในเวลาต่อมา หลังตลาดตอบรับปัจจัยลบดังกล่าวไปพอสมควรแล้ว ประกอบกับมีแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางการ รวมถึงแรงซื้อหุ้นกลุ่มสื่อสาร จากประเด็นการควบรวมกิจการและการจ่ายเงินปันผลพิเศษ อย่างไรก็ดีกรอบขาขึ้นของหุ้นไทยถูกจำกัดลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ หลังมีรายงานว่าพบจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอนในประเทศพุ่งสูงขึ้น
 

สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 20-24 ธันวาคม 2564

สำหรับสัปดาห์ถัดไป (27-30 ธ.ค.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,620 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,645 และ 1,655 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ ทิศทางเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ และการทำ Window Dressing ช่วงปลายปี ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนต.ค. ยอดการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และดัชนี PMI เดือนธ.ค.ของจีน ตลอดจนยอดค้าปลีกเดือนพ.ย.ของญี่ปุ่น 

Adblock test (Why?)


สรุปภาวะตลาดเงินตลาดทุนรายสัปดาห์ วันที่ 20-24 ธันวาคม 2564 - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

น้ำมันผันผวน โอมิครอนเบาบางลง แต่ความกังวลอุปทานยังอยู่ โดย Investing.com - Investing.com

น้ำมันผันผวน โอมิครอนเบาบางลง แต่ความกังวลอุปทานยังอยู่ © Reuters.

โดย Gina Lee

Investing.com – น้ำมันผันผวนในเช้าวันศุกร์ในเอเชีย เนื่องจากความกังวลต่อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอาจส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันที่ลดลง แต่อุปทานยังคงตึงตัว

ลดลง 0.10% สู่ 76.52 เมื่อเวลา 21:47 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (2:47 น. GMT) และ เพิ่มขึ้น 1.32% เป็น 73.72 ดอลลาร์

ข่าวดีจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้น้ำมันมีแรงหนุน โดยปริมาณการซื้อขายลดลงก่อนวันหยุด

หน่วยงานด้านสุขภาพของสหราชอาณาจักรเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่าการติดเชื้อโอไมครอนมีโอกาสน้อยที่จะนำไปสู่การรักษาในโรงพยาบาลน้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกายังให้การอนุมัติการใช้ยารักษาโรคโควิด-19  ของบริษัท Merck & Co  Inc. (NYSE:) ในกรณีฉุกเฉิน ในวันพฤหัสบดีหลังจากได้รับอนุญาตให้ใช้ Paxlovid ของบริษัท Pfizer Inc (NYSE:) เมื่อวันก่อน

“ราคาน้ำมันดิบทรงตัวหลังจากพาดหัวข่าวเกี่ยวกับวัคซีน/การรักษาโควิด-19 ในเชิงบวกส่วนใหญ่ต่อโอมิครอน” เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA Corp. กล่าวกับบลูมเบิร์ก

“ดูเหมือนว่าตัวเร่งปฏิกิริยาหลักทั้งหมดที่รอน้ำมันในช่วงปีใหม่จะเอนเอียงไปทางราคาที่สูงขึ้น” เขากล่าวเสริม

อย่างไรก็ตาม "นักลงทุนยังคงระมัดระวังท่ามกลางการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น"  ฮิโรยูกิ คิคุกาวะ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์จากนิสสัน (OTC:) กล่าวกับรอยเตอร์

ยูไนเต็ดแอร์ไลน์และเดลต้าแอร์ไลน์ (NYSE:) กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าพวกเขาได้ยกเลิกเที่ยวบินคริสต์มาสอีฟหลายสิบเที่ยว เนื่องจากการแพร่กระจายของโอมิครอน 

"ถึงกระนั้น ด้วยราคา ที่พุ่งสูงขึ้นในยุโรปและเอเชีย น้ำมันน่าจะรักษาโมเมนตัมเชิงบวกจากความคาดหวังว่าบางอุตสาหกรรมจะเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากก๊าซที่มีราคาสูงเป็นน้ำมัน" คิคุกาวะกล่าว

ในขณะเดียวกัน Exxon Mobil (NYSE:) ได้ปิดโรงงานแปรรูปน้ำมันในเมือง Baytown ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา Julie King โฆษกของ Exxon กล่าวว่าบริษัทกำลังปรับอัตราการดำเนินงานเพื่อมุ่งเน้นที่การรักษาเสถียรภาพและค่าน้ำมันเบนซินส่วนเกิน น้ำมันดิบพุ่งขึ้นราว 6.1% หลังมีการเปิดเผยข่าวดังกล่าว

“วันนี้เรามีปัจจัยเชิงบวกบางประการในการขับเคลื่อนความเชื่อมั่นของตลาด” แอนดรูว์ เลอโบว์ หุ้นส่วนอาวุโสของ Commodity Research Group กล่าวกับบลูมเบิร์ก

“เพลิงไหม้โรงกลั่น Baytown อาจทำให้อุปทานน้ำมันเบนซินตึงตัวขึ้นในสหรัฐฯ และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่น้ำมันดิบคงคลังถูกดึงออกมาใช้ในประเทศ” เขากล่าวเสริม

การปฏิเสธความรับผิด: Fusion Media would like to remind you that the data contained in this website is not necessarily real-time nor accurate. All CFDs (stocks, indexes, futures) and Forex prices are not provided by exchanges but rather by market makers, and so prices may not be accurate and may differ from the actual market price, meaning prices are indicative and not appropriate for trading purposes. Therefore Fusion Media doesn`t bear any responsibility for any trading losses you might incur as a result of using this data.

Fusion Media or anyone involved with Fusion Media will not accept any liability for loss or damage as a result of reliance on the information including data, quotes, charts and buy/sell signals contained within this website. Please be fully informed regarding the risks and costs associated with trading the financial markets, it is one of the riskiest investment forms possible.

Adblock test (Why?)


น้ำมันผันผวน โอมิครอนเบาบางลง แต่ความกังวลอุปทานยังอยู่ โดย Investing.com - Investing.com
Read More

สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร

25 ธ.ค. 2564 | 05:15:46

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน หรือ กบง. มีมติให้ขยายระยะเวลา คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ซึ่งไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 14.3758 บาทต่อกิโลกรัม โดยมีกรอบเป้าหมายเพื่อให้ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ต่อไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 มกราคม 2565 

โดยมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ ติดตามสถานการณ์ราคา และประสานคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เพื่อพิจารณาบริหารจัดการเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องกับการทบทวนการกำหนดราคาก๊าซ LPG ต่อไป แล้วนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น LPG ต่อ กบง. พิจารณาอีกครั้ง 
 


Share this:

Adblock test (Why?)


สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร - สวพ. FM 91 สถานีวิทยุเพื่อความปลอดภัยและการจราจร
Read More

คลัง-ธปท.-แบงก์รัฐ อุ้มลูกหนี้ตามแนวทางแก้หนี้ระยะยาวมีผล 1 ม.ค.65 - efinanceThai

  คลัง ร่วมกับ ธปท. แบงก์รัฐ เร่งช่วยเหลือลูกหนี้ ตามแนวทางแก้หนี้ระยะยาว เริ่มมีผล 1 ม.ค. 65 หวังช่วยลูกหนี้พ้นวิกฤติ

  นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (GFA) ร่วมกันแก้ไขปัญหาในเรื่องผลกระทบจากโควิดที่มีผลต่อประชาชน การชำระหนี้ของลูกหนี้ การช่วยบรรเทาผลกระทบ การให้ SFIs ช่วยลูกหนี้ต่อเนื่อง

  ทั้งนี้ ทั้ง 3 หน่วยงาน เห็นร่วมกันให้ ธปท. กำหนดกรอบดำเนินการและสร้างกลไกผลักดันให้ SFIs เร่งให้ความช่วยเหลือและปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เป็นการแก้ไขปัญหาของลูกหนี้ได้อย่างตรงจุดในระยะยาว โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ยังต้องเผชิญกับภาวะการระบาดของ COVID-19 เพื่อให้ลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจหรือใช้ชีวิตประจำวันต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยแนวทางและมาตรการดำเนินการในการช่วยเหลือและแก้ไขหนี้ในระยะยาว ดังนี้

  1. แนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว ที่เป็นการยกระดับแนวนโยบายให้ SFIs ปฏิบัติเดิม เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อรองรับการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติของการจัดทำนโยบาย การกำกับดูแล และกระบวนการพิจารณาการปรับโครงสร้างหนี้ ตลอดจนมีการควบคุมภายในที่รัดกุม ซึ่งจะเอื้อให้ SFIs สามารถใช้ดุลยพินิจอย่างระมัดระวังและรอบคอบในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างแท้จริง

  2. มาตรการสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ SFIs เร่งแก้ไขปัญหาหนี้เดิมด้วยการปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะยาวอย่างตรงจุดและเหมาะสมกับปัญหาของลูกหนี้แต่ละราย โดยกำหนดงวดการจ่ายชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงมากของลูกหนี้ และให้ลูกหนี้ทยอยจ่ายชำระหนี้เพิ่มขึ้นเมื่อรายได้เริ่มกลับมา

  รวมทั้งต้องเร่งช่วยลูกหนี้ให้ได้จำนวนมากและรวดเร็ว ซึ่ง ธปท. ได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรองตามความเข้มข้นของการให้ความช่วยเหลือ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เป็นการชั่วคราวระหว่าง วันที่ 1 ม.ค.65 - 31 ธ.ค. 66 ซึ่งจะสอดคล้องกับมาตรการแก้หนี้ระยะยาว 3 ก.ย.64 ของธนาคารพาณิชย์ที่ดำเนินการอยู่

  นายพรชัย กล่าวว่า ในช่วงสถานการณ์วิกฤติต่าง ๆ SFIs ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ ซึ่งช่วงวิกฤติ COVID-19 ในสองปีที่ผ่านมา SFIs ได้ร่วมกันช่วยเหลือลูกหนี้มาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพักชำระหนี้และการให้สินเชื่อเพื่อเติมสภาพคล่องให้กับลูกหนี้

  สำหรับปีหน้า จากกรอบหลักเกณฑ์และมาตรการที่ ธปท. ได้กำหนดขึ้น จะเป็นแนวทางให้ SFIs ได้นำไปปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ โดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และลดภาระหนี้ให้กับลูกหนี้อย่างแท้จริงให้สอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ที่ลดลง ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระยะยาวนี้ นอกจากจะช่วยให้ลูกหนี้สามารถก้าวพ้นวิกฤตินี้ไปได้ ยังก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวกับ SFIs และเน้นย้ำบทบาทของ SFIs ในการเป็นสถาบันการเงินเพื่อประชาชน

  นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า แนวทาง การปรับปรุงโครงสร้างหนี้และมาตรการแก้ไขหนี้เดิมข้างต้น มีวัตถุประสงค์ให้ SFIs มีความมั่นใจและเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้อย่างแท้จริง สอดคล้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นและสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังได้รับผลกระทบหนักสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องผ่านช่วงที่ยากลำบากนี้ไปได้

  สำหรับมาตรการนี้ จะทำให้การช่วยเหลือลูกหนี้ของ SFIs มีความครอบคลุมและเข้าถึงลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ธปท. จะร่วมกับกระทรวงการคลัง และ GFA ในการเร่งรัดและติดตามการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด

  นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา SFIs ได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตามกรอบมาตรการของ ธปท. และตามแนวทางการให้ความช่วยเหลือตามมาตรการของแต่ละ SFIs มาเป็นระยะ ซึ่งสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ได้เป็นจำนวนมาก โดยมาตรการต่างๆ จะสิ้นสุดระยะเวลาในวันที่ 31 ธ.ค.64 นี้เป็นส่วนใหญ่

  สำหรับแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้โดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามประกาศ ธปท. ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.65 นี้ นอกจากการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางในการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.64 สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 7 แห่ง ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกันเพื่อเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางดังกล่าวให้สอดคล้องกับคุณลักษณะลูกหนี้ของแต่ละ SFIs เพื่อให้ความช่วยเหลือและดูแลลูกหนี้ให้สามารถดำเนินธุรกิจหรือใช้ชีวิตประจำวันต่อไปได้ตามศักยภาพอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวมด้วย

  ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ธปท. และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ มุ่งหวังว่ามาตรการของ ธปท. ดังกล่าว จะทำให้ลูกหนี้ของ SFIs ได้รับความช่วยเหลืออย่างตรงจุด ทันการณ์ และเกิดผลจริงในระยะยาว สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนของสถานการณ์และผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ดังนั้น ลูกหนี้ที่ต้องการความช่วยเหลือหรือแก้ไขหนี้เดิม สามารถติดต่อ SFIs ที่ใช้บริการอยู่เพื่อขอรับความช่วยเหลือได้แล้ว และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อผ่าน SFIs ที่ท่านใช้บริการ หรือศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) โทร. 1213

Adblock test (Why?)


คลัง-ธปท.-แบงก์รัฐ อุ้มลูกหนี้ตามแนวทางแก้หนี้ระยะยาวมีผล 1 ม.ค.65 - efinanceThai
Read More

Wednesday, December 22, 2021

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 4.54 จุด แกว่งไซด์เวย์ มาตรการกระตุ้นศก.-กนง.เพิ่มคาดการณ์ GDP - อาร์วายที9

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,626.79 จุด เพิ่มขึ้น 4.54 จุด (+0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 60,938.22 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,632.33 จุด และระดับต่ำสุด 1,624.77 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 585 หลักทรัพย์ ลดลง 854 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 646 หลักทรัพย์

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์สอดคล้องตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ปัจจัยบวกมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เริ่มจากปลายปีนี้ต่อเนื่องปี 65 อีกทั้งคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 64 เป็น 0.9% จากการประเมินครั้งก่อนอยู่ที่ 0.7% ขณะที่ในปีหน้าคาดว่าจะขยายตัว 3.4% และปี 66 ที่ 4.7%

ขณะที่ปัจจัยลบยังกดดันจากการยกเลิกมาตรการ Test&Go ชั่วคราวในช่วงวันที่ 21 ธ.ค.64-4 ม.ค.65 ซึ่งส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) นายณัฐชาต กล่าวว่า ตลาดฯ น่าจะแกว่งไซด์เวย์เพื่อรอปัจจัยใหม่ๆ พร้อมให้แนวรับที่ 1,610 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

GPSC มูลค่าการซื้อขาย 2,731.28 ล้านบาท ปิดที่ 83.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท

BRI มูลค่าการซื้อขาย 2,457.76 ล้านบาท ปิดที่ 11.60 บาท ลดลง 0.80 บาท

EA มูลค่าการซื้อขาย 1,989.02 ล้านบาท ปิดที่ 92.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,582.54 ล้านบาท ปิดที่ 58.50 บาท ลดลง 0.25 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,430.52 ล้านบาท ปิดที่ 137.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 4.54 จุด แกว่งไซด์เวย์ มาตรการกระตุ้นศก.-กนง.เพิ่มคาดการณ์ GDP - อาร์วายที9
Read More

Sunday, December 19, 2021

สถาบันตรวจแบรนด์เนม ยันกระเป๋าของแท้ แจ้งผลตร.แล้ว รอผลจากสหรัฐ 20 ธ.ค. - ข่าวสด

สถาบันตรวจแบรนด์เนม ยันกระเป๋าของแท้ แจ้งผลให้ตร.แล้ว รอผลจากสหรัฐ 20 ธ.ค. ส่วนมีฝ่ายไม่เชื่อ เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน ลั่นสถาบันรับตรวจกระเป๋าเดือนละ 500 ใบ

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

จากกรณีสาวรายหนึ่งตกลงขายกระเป๋า Hermes Constance 24 ให้กับร้านรับซื้อแบรนด์เนมในราคา 390,000 บาท จากที่ซื้อมาประมาณ 500,000 บาท ต่อมา ทีน่า เจ้าของร้าน ตรวจสอบและบอกว่าเป็นของปลอม จึงใช้ปากกาเขียนลงที่กระเป๋าว่า “ปลอม” อ้างว่าทำแบบเดียวกับที่ช็อปแอร์เมส เวลาลูกค้าเอากระเป๋าปลอมมาให้ดู จะได้ไม่เอาไปหลอกใครอีก จากนั้นเจ้าของกระเป๋าจะขอรับกระเป๋าคืน แต่ทางร้านไม่คืน ยืนยันตรวจสอบเองรู้ว่าจริงหรือปลอม จากนั้นได้ส่งไปตรวจสอบที่ช็อปต่างประเทศ โดย ทีน่า อัดคลิปเผยว่า ถ้าใบนี้เป็นของแท้ให้เลย 2 ล้านบาท และจะเลิกเป็นกะเทย ต่อไปจะไม่มีทีน่า จะเป็นสรพงษ์ ให้หมอใส่อวัยวะเพศชายไปเลย

ต่อมาตรวจสอบพบว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของจริง ก่อนสาวเจ้าของกระเป๋า อัพเดตว่า จู่ๆ ทีน่าโอนเงินมาให้ 395,000 บาท โดยที่ยังไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ พูดง่ายๆ ก็คือลักไก่ ตอนนี้กำลังเดินทางไปที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน เพื่อลงบันทึกประจำวัน เนื่องจากยังไม่ประสงค์ที่จะรับเงินดังกล่าว ขอยืนยันว่ายังไม่รับเงินก้อนนี้ เพราะทีน่าบอกว่าถ้าของแท้จะจ่าย 2 ล้านบาท และเลิกเป็นกะเทย พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น สรพงษ์ จึงควรจะทำตามคำพูด ไม่ใช่มาลักไก่แล้วหายเงียบไป

สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สถาบัน The Catch fake Brandname ซึ่งเป็นสถาบันเปิดรับสอนดูกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังของประเทศไทย ตั้งอยู่ม.ลานทอง ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยพบกับ น.ส.สุนิสา เอกวิทยาเวชนุกูล และนายชานนท์ แตงโสภา ครูผู้สอนผู้ก่อตั้งสถาบันเพื่อสอบถามกรณีดราม่ากระเป๋าแบรนด์เนมใบดังกล่าว หลังพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี สน.บางขุนเทียน ส่งกระเป๋าใบดังกล่าวมาตรวจสอบผลสรุปแท้จริงที่สถาบันแห่งนี้ หลังน.ส.ชมพู่ เจ้าของกระเป๋าตัวจริงเข้าแจ้งความเอาผิดดำเนินคดีกับเจ้าของร้านรับซื้อกระเป๋าใบดังกล่าวแล้ว

น.ส.สุนิสา เอกวิทยาเวชนุกูล หรือครูเจี๊ยบ กล่าวว่า สถาบันได้รับการติดต่อมาจากตำรวจ สน.บางขุนเทียน เพื่อให้ช่วยตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมใบดังกล่าว ที่เกิดคดีความกันระหว่างคนขายกับคนซื้อ ซึ่งสถาบันยินดีตรวจสอบให้ จนกระทั่งเมื่อสถาบันได้รับกระเป๋าตัวจริงมาตรวจสอบแล้ว พบว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของแท้แน่นอน จึงได้แจ้งผลตรวจสอบกลับไปให้ตำรวจและคนขายเจ้าของกระเป๋ารับทราบ แต่เพื่อให้เกิดความมั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก สถาบันจึงส่งข้อมูลของตัวกระเป๋าแอร์เมส สแตม หรือซีเรียลทั้งหมดไปตรวจสอบกับสถาบันที่อเมริกาอีกด้วย ซึ่งผลตรวจจากอเมริกาจะส่งอีเมล์แจ้งผลกลับมาในวันที่ 20 ธ.ค.

น.ส.สุนิสา กล่าวอีกว่า ส่วนที่จะมีฝ่ายเชื่อและฝ่ายไม่เชื่อนั้น เป็นสิทธิ์ของแต่ละฝ่าย สถาบันเราเปิดรับตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมมานานกว่า 7 – 8 ปีแล้ว ในแต่ละเดือนสถาบันทำหน้าที่ตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมมาไม่ต่ำกว่าเดือนละ 400 – 500 ใบ ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ที่ผ่านมาแม้แต่การตรวจสอบการันตีกระเป๋าแบรนด์เนมใบละ 2 ล้านบาท สถาบันก็ตรวจสอบการันตีใบซื้อขายให้ลูกค้ามาแล้ว ดังนั้นในเคสนี้ที่สถาบันการันตีผลออกไป สถาบันก็ยินดีรับผิดชอบในคำพูดในการการันตีกระเป๋าใบนี้ ด้วยการรับซื้อกระเป๋าใบดังกล่าวอยู่ที่ประมาณ 2 แสนกว่าบาทตามสภาพปัจจุบัน เนื่องจากกระเป๋ามีตำหนิจากการขีดเขียนมาแล้ว ทำให้ราคาหายไปประมาณแสนกว่าบาท ซึ่งการรับซื้อนี้เป็นการรับซื้อตามสภาพปัจจุบันและเป็นการรับผิดชอบในคำพูดของสถาบันนั้น ไม่ได้พูดลอย ๆ เพราะของแท้สามารถซื้อขายกันต่อได้ แม้จะมีตำหนิมาทำให้ราคาลดลงไปก็ตาม

ด้านนายชานนท์ ครูผู้สอนของสถาบันแห่งนี้ กล่าวว่า ประเด็นเรื่องที่ว่าฝ่ายคนซื้อจะขอนำกระเป๋าส่งไปตรวจสอบเองที่ฮ่องกงนั้น มองว่าเป็นเรื่องระหว่างคนซื้อกับคนขายที่ต้องไปตกลงกันเองทั้งสองฝ่าย เนื่องจากการส่งกระเป๋าไปตรวจสอบนั้นจะมีปัญหาในเรื่องค่าภาษีและค่าศุลกากรอีก สถาบันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ตั้งแต่แรก เพียงแต่ได้รับการติดต่อจากเตำรวจให้ตรวจสอบผลเท่านั้น สถาบันก็รายงานตามความเป็นจริงให้รับทราบไป ที่ผ่านมาสถาบันออกใบรับรองผลยืนยันไปเป็นจำนวนมาก สามารถช่วยเหลือไกล่เกลี่ยปรับความเข้าใจให้ผู้ซื้อผู้ขายเข้าใจกันในกรณีที่เกิดปัญหามาแล้วหลายราย ทางสถาบันยังรับรองผล รับผิดชอบกระเป๋าทุกใบที่ตรวจสอบแล้วการันตีผลออกไปทุกใบด้วย

Adblock test (Why?)


สถาบันตรวจแบรนด์เนม ยันกระเป๋าของแท้ แจ้งผลตร.แล้ว รอผลจากสหรัฐ 20 ธ.ค. - ข่าวสด
Read More

ธอส. ประมูลบ้านมือสองออนไลน์ 50,000 บาท แค่ 4 ชั่วโมง ยอดขายกว่า 252 ล้านบาท - Sanook

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า วันนี้ (19 ธ.ค. 64) ธอส. ได้จัดให้มีการประมูลขายทรัพย์ NPA ในงาน “ประมูลบ้านมือสอง ธอส. ออนไลน์ (Full Moon Full Sale)” ผ่านช่องทาง Application : G H Bank Smart NPA เพื่อมอบความสุขให้กับประชาชนได้มีบ้านในราคาที่คุ้มค่า ส่งท้ายปี 2564 โดยจัดประมูลในระหว่างเวลา 10.00-14.00 น. ผลปรากฏว่า สามารถจำหน่ายบ้านมือสอง ธอส. ทั่วประเทศได้ถึง 227 รายการ คิดเป็นมูลค่าที่จำหน่ายได้รวม 252,125,000 บาท แบ่งเป็น ทรัพย์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล 57 รายการ คิดเป็นมูลค่าที่จำหน่ายได้ 58,575,000 บาท และทรัพย์ในส่วนภูมิภาค 170 รายการ มูลค่า 193,550,000 บาท โดยทรัพย์ที่ประมูลขายได้ในราคาต่ำที่สุด คือ ห้องชุดโครงการปลาทอง เนื้อที่ 26.25 ตารางเมตร อ.เมือง จ.ปทุมธานี ปิดประมูลในราคาตั้งต้นที่ 50,000 บาทเท่านั้น ขณะที่ทรัพย์ที่ประมูลขายได้ในราคาสูงสุด คือ ทรัพย์ประเภทบ้านเดี่ยว ขนาดเนื้อที่ 53 ตารางวา อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ปิดประมูลได้ในราคา 3,585,000 บาท

“นอกจากงานประมูลบ้านมือสอง ธอส. ออนไลน์ ในครั้งนี้จะช่วยให้ประชาชนได้มีบ้านเป็นของตนเองในราคาที่คุ้มค่าและทำเลที่ต้องการแล้ว ธนาคารยังมอบส่วนลดให้กับผู้ชนะ การประมูลเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ On Top ให้อีก 10% จากราคาที่ปิดประมูล เพียงทำสัญญาจะซื้อจะขายภายใน 30 ธันวาคม 2564 และทำนิติกรรมภายใน 28 กุมภาพันธ์ 2565 รวมทั้งยังสามารถเลือกใช้โปรโมชั่นผ่อนดาวน์ดอกเบี้ย 0% ได้นานสูงสุดถึง 48 เดือนอีกด้วย(ทั้งนี้ เป็นไปตามประกาศธนาคาร) และหากต้องการเข้าอยู่อาศัยในระหว่างการผ่อนดาวน์ ก็สามารถทำได้เพียงต้องชำระเงินประกันการเข้าอยู่อาศัยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 1.5 ของราคาที่ซื้อได้เท่านั้น”นายฉัตรชัย กล่าว

ทั้งนี้ ผู้ชนะการประมูลจะได้รับ QR Code สำหรับติดต่อกับธนาคารเพื่อวางเงินประกันการซื้อทรัพย์สินตามจำนวนที่ธนาคารกำหนดโดยเริ่มต้นเพียง 5,000 บาท และทำสัญญาจะซื้อจะขายภายใน 9 วันทำการนับถัดจากวันที่ประมูลออนไลน์ได้ สำหรับผู้ที่พลาดการประมูลทรัพย์ NPA ของธนาคารในครั้งนี้ ยังสามารถเข้าร่วมประมูลทรัพย์ได้ตลอดทั้งปี 2565 โดยดาวน์โหลด Application : G H Bank Smart NPA และลงทะเบียนเพื่อรอเข้าร่วมประมูลออนไลน์กับ ธอส. ในครั้งต่อไปได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ติดตามข้อมูลข่าวสารของธนาคารเพิ่มเติมได้ที่www.ghbhomecenter.com และ www.ghbank.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ฝ่ายบริหาร NPA โทร. 0-2202-1582-3 และ 0-2202-1016 และ ฝ่ายบริหารหนี้ภูมิภาค โทร.0-2202-1170 และ 0-2202-2036

Adblock test (Why?)


ธอส. ประมูลบ้านมือสองออนไลน์ 50,000 บาท แค่ 4 ชั่วโมง ยอดขายกว่า 252 ล้านบาท - Sanook
Read More

ปีหน้าลงทุน 1 ล้านล้าน! 'อาคม' มองจีดีพี 65 โต 4%-มุ่งสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจชนบท - สำนักข่าวอิศรา

gdp 19 12 21 pic

‘รมว.คลัง’ มองเศรษฐกิจไทย 65 โต 4% จากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 1% เผยภาครัฐเตรียมอัดฉีดเม็ดเงินลงทุน 1 ล้านล้านบาท เดินหน้าสร้างภูมิคุ้มกันในระดับประชาชน มุ่งสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจในภาคชนบท

................................

เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาเศรษฐกิจประจำปี 2564 ‘ทางรอด 2022 Survival Guide’ จัดโดยสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ โดยนายอาคม ระบุตอนหนึ่งว่า คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัวที่ประมาณ 4% เทียบกับปี 2564 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ที่ 1% หลังจากในช่วง 9 เดือนของปี 2564 เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ 1.3% แม้ว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 3 จะติดลบก็ตาม

“เท่าที่ประมวลดู ไม่ว่าจะเป็นนักวิเคราะห์ของสถาบันการเงิน หรือบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ องค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงล่าสุดธนาคารโลกได้ปรับประมาณใหม่ว่า ปีนี้เราจะโตประมาณ 1% ซึ่งก็ตรงกันหมด ส่วนปีหน้าก็ตรงกันว่า เราจะอยู่ที่ประมาณ 4% ซึ่งถือว่าใช้ได้ ในขณะที่การท่องเที่ยวเรายังไม่ฟื้น” นายอาคม กล่าว

นายอาคม ระบุว่า ในปี 2565 ตนไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับไปที่ 40 ล้านคน แต่น่าได้เห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่หลักล้านคนได้ และในปี 2566 ตัวเลขจะไปอยู่ที่หลัก 10 ล้านคนขึ้นไป ส่วนการส่งออกปี 2565 น่าจะขยายตัวได้ 5-6% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ใช้ได้ เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่หลายฝ่าย เช่น สมาคมผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ (สรท.) ฝ่ายวิจัยของภาคเอกชน และสถาบันการเงินภาครัฐ ประเมินว่าการส่งออกจะขยายตัวที่ประมาณ 15%

ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนนั้น แม้ว่าในปี 2563-64 กำลังซื้อของประชาชนจะลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ และมาตรการจำกัดการเปิดกิจการในภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร ผับ และบาร์ รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป แต่ภาครัฐได้อัดฉีดเม็ดเงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 2 ฉบับ ซึ่งมีวงเงินรวม 1.5 ล้านล้านบาท เข้าไปพยุงกำลังซื้อให้กับประชาชนผ่านมาตรการรัฐ เช่น มาตรการเยียวยาต่างๆ โครงการคนละครึ่ง และช้อปดีมีคืน เป็นต้น

นอกจากนี้ ตั้งแต่ปลายปีนี้ โดยเฉพาะในเดือน ธ.ค.2564 จะมีเม็ดเงินจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวและการช่วยเหลือต้นทุนปลูกข้าวกว่า 1.4 แสนล้านบาท รวมถึงเม็ดเงินจากโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกยางที่จะทยอยเริ่มออกมา โดยเม็ดเงินเหล่านี้จะทำให้มีการใช้จ่ายในภาคชนบทเพิ่มขึ้น

นายอาคม กล่าวต่อว่า ในปีงบ 2565 ภาครัฐจะมีเม็ดเงินสำหรับการลงทุนในประเทศ 1 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2565

“ตอนนี้เราอยู่ในปีงบ 65 ซึ่งจะเม็ดเงินลงทุนภาครัฐ 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนแรก งบแผ่นดิน 6 แสนล้านบาท เช่น งบสร้างถนน โครงสร้างพื้นฐาน งบลงทุนระบบชลประทาน หรืองบก่อสร้างอาคารภาครัฐ ส่วนที่ 2 งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3 แสนล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และสาธารณูปการ และส่วนที่ 3 เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินฯ ส่วนที่ยังมีเงินเหลืออยู่ ซึ่งกำหนดให้กู้ภายในเดือน ก.ย.2565” นายอาคม กล่าว

นายอาคม ยังกล่าวถึงการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยว่า เป็นที่ทราบกันดีว่า เศรษฐกิจไทยพึ่งพาเศรษฐกิจภายนอกค่อนข้างมาก ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องกลับมาเน้นที่เศรษฐกิจภายในประเทศมากขึ้น โดยในส่วนของธุรกิจสมัยใหม่และธุรกิจขนาดใหญ่นั้น รัฐบาลยังให้การส่งเสริมต่อไป แต่เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันในระดับประชาชนทั่วไป สิ่งที่รัฐบาลต้องกลับมามอง คือ เศรษฐกิจในภาคชนบท ซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย โดยจะต้องทำให้เขาดำรงชีพอยู่ได้

ทั้งนี้ นอกจากบทบาทของภาครัฐในใช้จ่ายเม็ดเงินภาครัฐแล้ว สถาบันการเงินของรัฐจะเข้ามามีส่วนช่วยในการดูแลเกษตรกรและ SMEs ด้วย

“การปรับโครงสร้างพวกนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นเศรษฐกิจฐานราก ต้องไปดู SMEs ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ขนาดเล็ก มาตรการของรัฐวันนี้ กระทรวงการคลังได้ผ่อนคลายมาตรการจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ SMEs ในต่างจังหวัด เข้าไปสู่การจัดซื้อจัดจ้างได้ ซึ่งมีความก้าวหน้าพอสมควร แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ ทำอย่างไรให้ โมเดิร์นเทรด กับ SMEs ที่เป็นซัพพลายเออร์ของบริษัทขนาดใหญ่หรือห้างสรรพาสินค้าต่างๆ มีความเชื่อมโยงกัน

ซึ่งในช่วง 2 ปีนี้ เราจะเห็นว่าภาคเอกชนมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พี่ช่วยน้อง แต่วันนี้สิ่งที่เราต้องมอง คือ เทรนด์ในปีหน้าที่ต้องเข้มข้นขึ้นมากขึ้น คือ เรื่องดิจิทัล ฉะนั้น ดิจิทัลจะถูกใช้ในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ภาครัฐจะปรับการให้บริการที่เรียกว่า paperless ไม่ต้องมาติดต่อทุกอย่าง ให้ทุกอย่างใช้บนมือถือได้ แต่ที่จะพัฒนาเพิ่มเติม คือ การเชื่อมต่อระหว่าง SMEs ไปยังโมเดิร์นเซ็กเตอร์ สถาบันการเงิน ที่เรียกว่า digital supplychain finance ที่ได้เปิดตัวไปแล้ว

โดยมีแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงว่า เมื่อ SMEs ขายของไปแล้ว จะได้เงินทันที หรือ e-invoicing ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องของเอกชน โดยเฉพาะ SMEs ดีขึ้น ส่วนภาคดิจิทัลที่สำคัญ คือ สตาร์ทอัพ และ venture cap นั้น กระทรวงการคลังได้หารือกับสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เพื่อปลดล็อกสิ่งจูงใจที่จะทำให้เกิดสตาร์ทอัพในเมืองไทยได้มากขึ้น เช่น การเปิดโอกาสให้กับ venture cap ต่างประเทศมาลงทุนในสตาร์ทอัพไทยได้” นายอาคม กล่าว

นายอาคม กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป จะเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวไปสู่การเปลี่ยนผ่านในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากเครื่องยนต์สันดาปเป็นเครื่องยนต์ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการส่งเสริมแล้ว ส่วนกระทรวงการคลังจะเข้าไปสนับสนุนผ่านการปรับโครงสร้างภาษี ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อผูกพันของไทยในการลดปริมาณคอร์บอนไดร์ออกไซด์ตามมติ COP26 ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (climate change)

ขณะเดียวกัน จากแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ภาครัฐจะเข้าไปสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เช่น การแพทย์ สาธารณสุข และสุขภาพ (wellness) รวมถึงการมีมาตรการสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นายอาคม กล่าวด้วยว่า ในปีนี้เราได้เห็นแนวโน้มว่า ภาคธุรกิจเริ่มเข้ามาใช้ คริปโทเคอร์เรนซี (cryptocurrency) และสินทรัพย์ดิจิทัลกันมากขึ้น ดังนั้น ตนในฐานะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะร่วมผลักดันให้มีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ไม่ต้องถูกหลอกลวง และทำให้เป็นธุรกิจที่สร้างมั่นคงให้ระบบการเงิน และเป็นทางเลือกให้นักธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมได้

นายอาคม ย้ำว่า กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะร่วมกับดูแลภาคการคลัง และภาคการเงิน เพื่อให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

อ่านประกอบ :

‘รมว.คลัง’สั่ง‘รสก.’เร่งเบิกจ่ายโค้งสุดท้าย-ปิดหีบงบปี 64 กู้ชดเชยขาดดุลฯ 7.3 แสนล.

ตั้งเป้าเบิกจ่าย 95%! ครม.เคาะงบลงทุนรัฐวิสาหกิจปีงบ 65 กว่า 3 แสนล้าน

Adblock test (Why?)


ปีหน้าลงทุน 1 ล้านล้าน! 'อาคม' มองจีดีพี 65 โต 4%-มุ่งสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจชนบท - สำนักข่าวอิศรา
Read More

Thursday, December 16, 2021

หุ้นปิดพุ่ง 21.66 จุด ขานรับผลประชุมเฟดออกตามคาด ส่ง Fund Flow ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง - ผู้จัดการออนไลน์



หุ้นปิดพุ่ง 21.66 จุด ผลประชุมเฟดออกตามคาด ส่ง Fund Flow ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง คาดนักลงทุนต่างชาติ และกองทุน น่าจะซื้อสุทธิ สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้คาดตลาดคงจะเริ่มชะลอหลังจากที่ขึ้นไปมากในวันนี้

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีตามตลาดหุ้นทั่วโลก โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียต่างเคลื่อนไหวในแดนบวก ตามตลาดสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้บวกได้ดีกว่า 1% ตอบรับผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ออกมาตามที่คาดไว้ ทั้งการเร่งปรับลด QE และการจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ส่งผลให้ Fund Flow ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงหุ้นด้วย ซึ่งคาดว่าบ้านเราวันนี้นักลงทุนต่างชาติ และกองทุนน่าจะซื้อสุทธิ

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ต่อไป ส่วนบ้านเราให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในสัปดาห์หน้า และติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในยุโรป ส่วนบ้านเราติดตามสถานการณ์การระบาดช่วงปีใหม่

ด้านภาวะตลาดหุ้นไทยปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,645.32 จุด เพิ่มขึ้น 21.66 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +1.33% มูลค่าการซื้อขาย 89,098.47 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (17 ธ.ค.) นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดคงจะเริ่มชะลอหลังจากที่ขึ้นไปมากในวันนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,620 จุด ส่วนแนวต้าน 1,650-1,660 จุด

Adblock test (Why?)


หุ้นปิดพุ่ง 21.66 จุด ขานรับผลประชุมเฟดออกตามคาด ส่ง Fund Flow ไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

Wednesday, December 15, 2021

ของขวัญปีใหม่! ออมสิน - ธอส. - ธ.ก.ส. "คืนเงิน" ให้ลูกค้าที่น่ารัก สูงถึงหลักพัน เช็กที่นี่! - Bright Today

ถือเป็นข่าวดี และเป็น ของขวัญปีใหม่ 2565 ออมสิน – ธอส. – ธ.ก.ส. “คืนเงิน” ให้ลูกค้าที่น่ารัก สูงถึงหลักพัน ภายใต้เงื่อนไขของธนาคาร

เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564  นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ติดตามข้อสั่งการที่ให้ทุกกระทรวงจัดของขวัญปีใหม่ 2565 ให้กับประชาชน โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้สังกัดกระทรวงการคลัง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์

ได้จัดทำมาตรการ “ของขวัญปีใหม่” ให้ลูกค้าที่ชำระดี เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับประชาชนที่มีศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ได้มีโอกาสได้รับเงินสดกลับทันทีเพื่อเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ และเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน ซึ่งแต่ละธนาคารได้จัดทำรายละเอียดและเงื่อนไขที่น่าสนใจแตกต่างกัน

เงื่อนไขการคืนเงินของแต่ละธนาคาร

Government Savings Bank – ธนาคารออมสิน
  • ธนาคารออมสิน
    • คืนเงิน 500 บาท ให้กับลูกค้าที่มีประวัติการชำระดีต่อเนื่อง 3 ปี ภายใต้เงื่อนไขสัญญาสินเชื่อไม่เกิน 200,000 บาท
    • แคมเปญเงินฝากสลากออมสินพิเศษ 2 ปี (ช่วงปีใหม่) ตั้งแต่วันนี้ – 29 ธ.ค. 65 โดยกำหนดรางวัลพิเศษ 1 ล้านบาท จำนวน 20 รางวัล
ธนาคาร ธ.ก.ส. พร้อมโอน เยียวยาเกษตรกร 5,000 บาท 10 ล้านราย
  • ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.)
    • โครงการชำระดีมีคืน ในวงเงิน 1,200 ล้านบาท โดยคืนดอกเบี้ย 20% ของดอกเบี้ยที่ชำระจริง ไม่เกิน 1,000 บาท
    • โครงการ “นาทีทองลูกค้า NPLs” โดยการลดดอกเบี้ย
    • เมื่อลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยตามอัตราการลดดอกเบี้ยงของโครงการ ตั้งแต่ 10-50 % ทั้ง 2 โครงการ ภายในวันที่ 15 ธ.ค. 64 – 31 มี.ค. 65
ธนาคารอาคารสงเคราะห์
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
    • โครงการของขวัญปีใหม่ 2565 สำหรับลูกค้าสินเชื่อบ้านของ ธอส. ที่มีวินัยในการผ่อนชำระ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
      • 1) กลุ่มชำระดี 48 เดือน (นับถึงงวดเดือน พ.ย. 2564) ได้รับเงิน 1,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขวงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท ชำระเงินกุ้ผ่านแอปพลิเคชั่น GHB ALL ในงวดเดือน พ.ย.-ธ.ค. 64 หรือกรณีลูกค้าสวัสดิการหักเงินเดือนผ่อนชำระผ่านหน่วยงาน
      • 2) กลุ่มชำระดี 43 เดือน ได้รับเงิน 500 บาท ภายใต้เงื่อนไขชำระเงินกู้ผ่านแอปพลิเคชั่น GHB ALL ในงวดเดือน ธ.ค. 2564 – ม.ค. 65 หรือกรณีลูกค้าสวัสดิการหักเงินเดือนผ่อนชำระผ่านหน่วยงาน

นายธนกร กล่าวว่า มาตรการของขวัญปีใหม่ เป็นความร่วมมือจากธนาคารของรัฐตามการสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ต้องการให้ประชาชนไทยมีความสุขโดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งไม่ได้มีการจัดงานติดต่อกัน 2 ปีแล้ว 

ปีนี้เป็นปีที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มฟื้นตัว มีการเปิดประเทศและประชาชนเริ่มออกมาใช้ชีวิตแบบ New Normal ท่านนายกฯ กำชับทุกกระทรวงให้จัดเตรียมมาตรการ/โครงการต่างๆ เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ในส่วนมาตรการด้านการเงินครั้งนี้ ถือเป็นของขวัญให้กับประชาชนที่มีวินัยในการชำระหนี้ และยังมีเงินรางวัลพิเศษให้ประชาชนได้ลุ้นรับโชคเงินล้านกันในช่วงปีใหม่ด้วยเป็นการมอบความสุขอีกทาง

Adblock test (Why?)


ของขวัญปีใหม่! ออมสิน - ธอส. - ธ.ก.ส. "คืนเงิน" ให้ลูกค้าที่น่ารัก สูงถึงหลักพัน เช็กที่นี่! - Bright Today
Read More

Monday, December 13, 2021

เดอะ วัน ประกันภัย ถูก คปภ.เพิกถอนใบอนุญาตแล้ว! ผู้เอาประกันต้องทำอย่างไร? เช็กเลย - TrueID News

เดอะ วัน ประกันภัย ถูก คปภ. เพิกถอนใบอนุญาตแล้ว! หลังรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มีคำสั่งให้เพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย บริษัท เดอะ วัน ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2564 เป็นต้นไป โดย คปภ. ได้มีการสั่งตั้งศูนย์ทั่วประเทศ ให้คำแนะนำ รับเรื่องร้องเรียน และอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เอาประกันภัยทุกพื้นที่ และกองทุนประกันวินาศภัยเข้ารับจ่ายเคลมประกันเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนเต็มที่ วันนี้ TrueID รวบรวมข้อมูลสำหรับผู้เอาประกันภัยทุกกลุ่ม ที่ได้รับความเสียหาย และต้องการร้องเรียน เคลมประกัน ตามนี้

ลูกค้า เดอะ วัน ประกันภัย เช็ควิธีเคลมประกันโควิด

3 กรณี ครอบคลุมผู้เอาประกันภัยทุกกลุ่ม

กรณีที่ 1 ผู้เอาประกันภัยที่ได้รับความเสียหายแล้ว

  • ยื่นเรียกร้องความเสียหายแล้ว ให้ยื่นขอรับชำระหนี้จากกองทุนประกันวินาศภัย โดยกองทุนประกันวินาศภัยจะเข้ารับช่วงจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หรือผู้มีสิทธิเรียกร้อง ตามที่ได้มีการอนุมัติค่าสินไหมทดแทนไว้แล้ว
  • ยังไม่ได้ยื่นเรียกร้องความเสียหาย ให้ยื่นเรียกร้องค่าเสียหายจากกองทุนประกันวินาศภัย โดยกองทุนประกันวินาศภัย จะพิจารณาค่าสินไหใทดแทนตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัย 

กรณีที่ 2 ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่

  • สามารถนำเบี้ยประกันภัยไปซื้อความคุ้มครองโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จากบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะให้ความคุ้มครองเฉพาะภาวะโคม่าในวงเงินความคุ้มครอง 300.000 บาท เบี้ยประกันภัย 300 บาท
  • นำเบี้ยประกันภัยไปซื้อความคุ้มครองกับบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะได้ส่วนลดเบี้ยประกันภับเพิ่มอีก 10% ของกรมธรรม์ใหม่ แต่ไม่เกิน 500 บาท ยกเว้นกรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองโรคโควิด-19 ของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.)

กรณีที่ 3 ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยรถทุกประเภท ที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่

สามารถที่จะดำเนินการในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่า ดังนี้

  • ขอรับคืนเบี้ยประกันภัยที่เหลือจากกองทุนประกันวินาศภัย ให้ยื่นขอรับชำระหนี้จากกองทุนประกันวินาศภัย โดยกองทุนประกันวินาศภัยจะคืนเบี้ยประกันภัย ให้ตามส่วนระยะเวลาตามความคุ้มครองที่เหลืออยู่
  • นำเบี้ยประกันภัยที่จะได้รับคืนไปใช้แทนเงินสดในการเลือกซื้อประกันภัย จากบริษัทประกันวินาศภัยที่เข้าร่วมโครงการ ได้ทุกประเภทกรมธรรม์ประกันภัย

กรณีที่ 1 และกรณีที่ 3 (การขอรับคืนเบี้ยประกันภัย) ต้องดำเนินการตามกระบวนการยื่นขอรับชำระหนี้จากกองทุนประกันวินาศภัย

สถานที่่ยื่นคำขอรับชำระหนี้ จากกองทุนประกันวินาศภัย (ในฐานผู้ชำรระบัญชี)

เจ้าหนี้ทุกรายสามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้แก่

  1. กองทุนประกันวินาศภัย (ในฐานะผู้ชำระบัญชี) อาคารชินวัตรทาวเวอร์ 3 ชั้น 15 เลขที่ 1010 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2791-1444 ต่อ 26-30
  2. สำนักงาน คปภ. ซึ่งได้รับมอบหมายจากกองทุนประกันวินาศภัยทำหน้าที่อำนวยความสะดวกในการรับเอกสารหลักฐานการขอรับชำระหนี้แล้วส่งต่อให้กองทุนประกันวินาศภัยต่อไป โดยผู้เอาประกันภัยสามารถยื่นได้ทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัด ดังนี้


ส่วนกลาง ยื่นได้ 3 แห่ง 

  1. สำนักงาน คปภ. ส่วนกลาง เลขที่ 22/79 ถนนรัชดาภิเษก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โทร. 0-2515-3999 หรือ สายด่วน คปภ. 1186 หรือ chatbot “คปภ. รอบรู้” (LINE@OICConnect)
  2. สำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ เลขที่ 287 ซอยรัชดาภิเษก 6 ถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2476-9940-3
  3. สำนักงาน คปภ. เขตบางนา เลขที่ 1/16 อาคารบางนาธานี ชั้น 8 ถนนบางนาตราด กม.3 แขวงบางนา เขตบางนา กรุงเทพมหานคร 10260 หมายเลขโทรศัพท์ 0-2361-3769-70

ส่วนภูมิภาค สามารถยื่นขอรับชำระหนี้ได้ที่สำนักงาน คปภ. ภาค และสำนักงาน คปภ. จังหวัด ทั่วประเทศ

แบ่งเจ้าหนี้ออกเป็น 2 กลุ่ม

หากเป็นเจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัยของบริษัท ให้ยื่นขอรับชำระหนี้ต่อกองทุนประกันวินาศภัยในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัท ภายใน 60 วันนับแต่วันที่กองทุนประกันวินาศภัยกำหนดในประกาศ โดยให้นำเอกสารต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 2 ชุด ประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ ดังนี้

  1. กรมธรรม์ประกันภัย
  2. บัตรประจำตัวประชาชน
  3. ใบเคลม ใบนัดชำระหนี้ หรือเอกสารอื่นใด ที่แสดงถึงมูลหนี้
  4. หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล)

และหากเป็นเจ้าหนี้อื่นที่ไม่ใช่เจ้าหนี้ตามสัญญาประกันภัย ให้นำเอกสารแสดงความเป็นเจ้าหนี้ ต้นฉบับพร้อมทั้งสำเนา จำนวน 1 ชุด ประกอบการยื่นขอรับชำระหนี้ ดังนี้

  1. หลักฐานแสดงถึงมูลหนี้
  2. บัตรประจำตัวประชาชน
  3. หนังสือรับรองการจดทะเบียนนิติบุคคล (กรณีเป็นนิติบุคคล)

ทั้งนี้ หากเจ้าหนี้ไม่สามารถยื่นได้ด้วยตนเอง จะต้องมีหนังสือมอบอำนาจโดยติดอากรแสตมป์ 30 บาท พร้อมกับสำเนาบัตรประชาชนผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ ยื่นต่อกองทุนประกันวินาศภัยในฐานะผู้ชำระบัญชีของบริษัทฯ

--------------------

เกาะติดสถานการณ์โควิด-19  ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก

กดเลย >> community แห่งความบันเทิง

ทั้งข่าว หนัง ซีรีส์ ละคร ดนตรี และศิลปินไอดอล ที่คุณชื่นชอบ บนแอปทรูไอดี

Adblock test (Why?)


เดอะ วัน ประกันภัย ถูก คปภ.เพิกถอนใบอนุญาตแล้ว! ผู้เอาประกันต้องทำอย่างไร? เช็กเลย - TrueID News
Read More

Sunday, December 12, 2021

ก.ล.ต.-ธปท.เกาะติดกระแส “คริปโตเคอร์เรนซี” ปรับกลยุทธ์ดูแลความเสี่ยงนักลงทุน - ไทยรัฐ

ความร้อนแรงของกระแส “คริปโตเคอร์เรนซี” ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ทั้งการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่เพิ่มมูลค่าขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ความหวือหวาของค่าเงิน ดึงดูดความนิยมจากคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่มีความรู้ในด้านเทคโนโลยี

รวมทั้งความเคลื่อนไหวของผู้ประกอบธุรกิจที่ดาหน้ากันออกมา แถลงข่าวเปิดรับการนำสินทรัพย์ดิจิทัลและเหรียญของไทยและต่างประเทศสามารถมาชำระค่าสินค้าและบริการของตนเองได้ แม้จะรู้ดีว่าสินทรัพย์เหล่านี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย

โดยสามารถชำระค่าสินค้าบริการได้ทั้งกับผู้ประกอบการ โรง ภาพยนตร์ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทุกค่าย ผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าทุกค่าย และที่ชัดเจนที่สุดก็คือการประกาศของห้างใหญ่แห่งหนึ่งร่วมกับศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งเป็นเจ้าตลาดประกาศตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อจัดตั้ง “ชุมชนสินทรัพย์ดิจิทัล” และรับชำระสินค้าและบริการในห้างสรรพสินค้าในเครือ รวมไปถึงพันธมิตรธุรกิจจำนวนมาก

ส่งผลให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกมาเตือนถึงการลงทุนและไม่สนับสนุนการลงทุน และการนำสินทรัพย์ดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี่ไปซื้อสินค้าและบริการ

โดยให้เหตุผลถึงความผันผวนสูงของมูลค่าที่มีสูงมากขึ้นลงรวดเร็ว การเก็บรักษาที่ต้องใช้ความรู้ด้านเทคโนโลยี และเสี่ยงกับการโจรกรรมข้อมูลบุคคลรั่วไหล จนถึงอาจไปพัวพันกับขบวนการฟอกเงิน ซึ่งจะทำให้นักลงทุนและร้านค้าได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ทั้ง ก.ล.ต.และ ธปท.ไม่ได้ห้ามการซื้อขายหรือเข้าไปลงทุนใน “คริปโตเคอร์เรนซี” อย่างสิ้นเชิง โดยยืนยันว่า เห็นประโยชน์จากการนำไปต่อยอดนวัตกรรมทางการเงินที่หลากหลาย แต่ก็ได้แสดงความกังวลอย่างชัดเจน รวมทั้งได้ออกกฎเกณฑ์ และเตรียมออกเกณฑ์เพิ่มเติมออกมาดูแลเงินดิจิทัล “Digital Currency” เพื่อปกป้องความเสียหายให้กับนักลงทุน

“ทีมเศรษฐกิจ” ขอสรุปความเป็นห่วงของ ก.ล.ต. และ ธปท.ว่ามีประเด็นใดบ้าง ทั้งเรื่องความเสียหายที่อาจเกิดกับนักลงทุน ความกังวลต่อภาพรวม และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน สะท้อนมุมมองเอกชนที่เกี่ยวข้องถึงก้าวต่อไป “ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี” ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป หลัง “ทางการ” ได้แสดงจุดยืนเรื่องนี้อย่างชัดเจน

มูลค่า “ตลาดคริปโตฯ” พุ่งกระฉูด

เรามาเริ่มต้นจากมูลค่า “ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล” ซึ่งเป็นเงินในโลกเสมือน ที่มูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการซื้อขายมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างมากและราคายังมีความผันผวนสูงมาก

สำนักงาน ก.ล.ต.ได้รายงานสรุปภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลประจำสัปดาห์ ระบุว่า ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงถึง 2.27 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 74.91 ล้านล้านบาท (33 บาทต่อเหรียญฯ) โดย 40.75% มาจากมูลค่าของบิทคอยน์ (Bitcoin) ขณะที่มีมูลค่าการซื้อขายต่อวันสูงถึง 130,210 ล้านเหรียญฯ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลว่าสินทรัพย์ดิจิทัลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนสูงมากเมื่อเทียบกับหุ้น ทองคำและน้ำมัน แม้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูงมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้น

โดยข้อมูลจากบลูมเบิร์ก ณ 6 ธ.ค. ระบุ ผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน (Year to date) ดังนี้ ทองคำติดลบ 6.32% ตลาดหุ้นในตลาดเกิดใหม่ (MSCI Emerging market) ลบ 6.02% ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปี บวก 1.43 % ตลาดหุ้นไทยบวก 9.58% ตลาดหุ้นโลก (MSCI World) บวก 15.88% ตลาดหุ้นแนสแดก บวก 22.95 % น้ำมันบวก 43.22% เหรียญบิทคอยน์บวก 71.35%

เหล่านี้ล้วนส่งผลให้นักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรุ่นใหม่เฮละโลเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั้งในต่างประเทศ และประเทศไทยที่พบว่าจำนวนบัญชีนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดามีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยล่าสุด ณ สิ้นเดือน ต.ค.64 มีจำนวนบัญชีผู้ลงทุนทั้งหมด 1.77 ล้านบัญชี

ขณะที่ข้อมูล ก.ล.ต.ระบุว่า ตลาดซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย มูลค่าการซื้อขายส่วนใหญ่มาจากบุคคลธรรมดาในประเทศ โดยในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมามูลค่าการซื้อขายของบุคคลธรรมดาในประเทศรวมกันสูงถึง 190,000 ล้านบาท บุคคลธรรมดาต่างประเทศ 39,000 ล้านบาท และนิติบุคคลต่างประเทศ 14,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ มูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่าน Exchange หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตในไทยตลอดปี 64 สิ้นสุด ณ 6 ธ.ค.64 มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 1.56 ล้านล้านบาท

โดยสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ในตลาด Exchange หรือศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาต เรียงตามลำดับ ดังนี้ นำโดยเหรียญสกุล KUB , JFIN, Six, The SandBox และ Ethereum โดยมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้กลับมาสูงขึ้นตามแนวโน้มราคาคริปโตเคอร์เรนซีโลก โดยพบว่า เหรียญสกุล Bitcoin และ Ethereum ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่า เหรียญสกุลอื่นๆ โดยเริ่มมีการกระจายตัวของการซื้อขายของเหรียญต่างๆมากขึ้น

ทั้งนี้ การซื้อขายเหรียญดิจิทัลในช่วงที่ผ่านมา หากมองเฉพาะผู้ประกอบการไทยคือ KUB, JFIN และ SIX ในกระดานซื้อขายในไทยมีความผันผวนสูงมาก โดยราคาได้เดินหน้าทำสถิติทำราคาสูงสุด (All Time High) เหรียญ KUB ราคาพุ่งสูงสุดไปที่ 500 บาท ก่อนจะมีแรงขายทิ้งดิ่งลงมาต่ำสุดของวันเดียวกันที่ราคา 150 บาท เหรียญ JFIN พุ่งสูงสุดที่ 248 บาท ก่อนจะร่วงลงมาต่ำสุดที่ 88 บาท และเหรียญ SIX สูงสุด 19.8 บาท และลงมาต่ำสุดที่ 6.1 บาท

ก.ล.ต.เตือน-ออกเกณฑ์ดูแลลงทุน

จากกรณีดังกล่าว ทำให้ ก.ล.ต.ออกมาเตือนว่า กำลังติดตามการซื้อ ขายของเหรียญดิจิทัลอย่างใกล้ชิด

โดยในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ก.ล.ต.ร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ได้มีการประสานงานเพื่อหารือถึงกระบวนการสืบสวนและตรวจสอบการกระทำผิดในตลาดทุนและสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะในกรณีที่มีผลกระทบในวงกว้างต่อประชาชนและสังคม รวมทั้งการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงข้อมูลการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อกัน

ถือเป็นการทำงานเชิงรุก ตามพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 เนื่องจากการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูงมากในช่วงที่ผ่านมา โดยทางตำรวจพร้อมให้การสนับสนุนด้านการติดตามผู้ถูกกล่าวหาที่หลบหนีการกระทำผิดเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นอกจากนั้น ยังเร่งดำเนินการเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้บริการแก่ลูกค้าของผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล และที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลในการทำธุรกรรมบน Decentralized Finance Platform (แพลตฟอร์ม DeFi) เพื่อป้องกันการชักชวนให้ประชาชนมาใช้บริการในวงกว้าง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง

โดย ก.ล.ต.มองว่า ปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ให้บริการทางการเงินรูปแบบ DeFi ซึ่งเป็นบริการทางการเงินรูปแบบ กระจายศูนย์ ไม่พึ่งพาตัวกลาง มาใช้ในธุรกรรมหลากหลาย เช่น การให้ยืมและยืมสินทรัพย์ดิจิทัล การนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปเพิ่มสภาพคล่องเพื่อหาผลตอบแทนจากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม เป็นต้น

ทั้งนี้ การทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องใหม่ อาจอยู่ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ และยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าการให้บริการดังกล่าวจะอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานใด มีความเสี่ยงสูง และที่ผ่านมามีกรณีที่เป็นการหลอกลวงมีการโจรกรรมทางไซเบอร์ ทำให้ผู้ลงทุนเสียหายและอาจไม่มีโอกาสติดตามทวงคืน เนื่องจากอำนาจการเข้าถึงและควบคุมทรัพย์สินเป็นของผู้พัฒนาแพลตฟอร์มแต่เพียงผู้เดียว

ก.ล.ต.จึงมีแนวคิดที่จะปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวให้มีความชัดเจน โดยห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล นำสินทรัพย์ดิจิทัลของลูกค้าไปทำธุรกรรมใดๆบนแพลตฟอร์ม DeFi และห้ามมิให้ที่ปรึกษาสินทรัพย์ดิจิทัลให้คำแนะนำแก่ลูกค้า หรือจัดทำบทวิเคราะห์เกี่ยวกับ DeFi เพื่อป้องกันการชักชวนให้ประชาชนมาใช้บริการดังกล่าวในวงกว้าง

ธปท.กังวลใช้แทนเงิน-ห่วงเสถียรภาพ

ในช่วงเดียวกัน ธปท.ก็ได้ออกมาแสดงความกังวล และแสดงออกชัดเจนว่าไม่สนับสนุนการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลซื้อขายสินค้าและบริการเพราะเกรงว่าจะกระทบกับเสถียรภาพของระบบการเงินในประเทศ

โดย ธปท.ได้ออกแถลงการณ์ชัดเจนว่า กำลังติดตามการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ในรูปแบบต่างๆอย่างต่อเนื่อง ทั้งเพื่อการลงทุนและการพัฒนานวัตกรรมการให้บริการทางการเงิน รวมถึงการนำสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ในรูปแบบที่เป็นสื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ขอย้ำว่า ธปท.ไม่สนับสนุนการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ เนื่องจากราคาสินทรัพย์ดิจิทัลมีความผันผวนสูง อีกทั้งยังมีความเสี่ยงจากการถูกโจรกรรมทางไซเบอร์ ความเสี่ยงข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล หรือการถูกใช้เป็นเครื่องมือของการฟอกเงิน ซึ่งจะส่งผลต่อร้านค้า ผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงประชาชนให้ได้รับความเสียหาย

และในระยะต่อไป หากนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้ชำระค่าสินค้าและบริการในวงกว้างอาจส่งผลต่อเสถียรภาพของระบบการชำระเงิน เสถียรภาพระบบการเงิน และความเสียหายแก่สาธารณชนทั่วไป โดย ธปท. กำลังพิจารณารูปแบบการกำกับดูแลการให้บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อจำกัดความเสี่ยงอย่างเหมาะสม

ขณะที่นายสักกะภพ พันธ์ยานุกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. ระบุว่า ธปท.มีความกังวลในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีสินทรัพย์อื่นหนุนหลัง (Blank Coin) เพราะราคามีความผันผวนสูง มูลค่าไม่คงที่ ซึ่งอาจจะไม่เหมาะสมกับการนำมาเป็น “สื่อกลางในการชำระค่าสินค้าและบริการ” โดย ธปท.กำลังหารือกับ ก.ล.ต.เพื่อดูแลความเสี่ยง และการแข่งขันต้องให้เกิดความเท่าเทียมกัน ขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีสินทรัพย์อื่นหนุนหลัง (Stable Coin) จะดูแลในลักษณะธุรกิจอี-มันนี่ โดยดูแลในส่วนโครงสร้างชำระเงิน และความปลอดภัย

“การใช้สินทรัพย์ดิจิทัลชำระค่าสินค้าและบริการ ซึ่งอาจไม่ต้องผ่านตัวกลาง ทำให้จะเกิดความเสี่ยงสร้างผลกระทบต่อผู้บริโภค ความผันผวนด้านราคา, และมาตรฐานความปลอดภัยที่เกี่ยวกับการใช้ชำระ เช่น ภัยไซเบอร์ อาจถูกแฮ็กเจาะระบบ เกิดการสูญหายของสินทรัพย์ หรือเหรียญได้”

นอกจากนั้น หากนำมาใช้อย่างแพร่หลายอาจกระทบต่อเสถียรภาพระบบการชำระเงิน และเสถียรภาพด้านการเงิน เพราะถ้าคนมาถือเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้น การดูแลรักษามูลค่าของเงินจะน้อยลง เพราะคนใช้เงินบาทน้อย ขณะที่ความสามารถ ธปท.ควบคุมดูแลภาวะการเงินสอดคล้องภาวะเศรษฐกิจลดน้อยลง ภาวะดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ เงินทุนเคลื่อนย้าย และการดูแลความผันผวนจะทำได้ยากขึ้น และเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ อาจจะไม่สามารถป้องกันได้

เอกชนชี้หาจุดสมดุลหนุนเศรษฐกิจโต

หลังจากการออกมาของ 2 หน่วยงานของรัฐที่กำกับดูแลการลงทุนและดูแลเสถียรภาพระบบการเงินในประเทศ เหมือนกับการออกมาปรามหรือแตะเบรกวงการสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ประกอบการทั้งหลายลดความร้อนแรงลง ขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวที่หวือหวาของเหรียญทั้ง 3 เหรียญเริ่มนิ่งลง

โดยต้องยอมรับและชื่นชมหน่วยงานรัฐทั้งสองที่ออกมาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อปกป้องความเสียหายกับนักลงทุนที่จะเกิดขึ้นต่อไป รวมไปถึงการออกมาเตือนไม่สนับสนุนการใช้จ่ายและมีความสุ่มเสี่ยงเพราะกฎหมายไม่ยอมรับ แม้ว่าไม่สามารถต้านทานของกระแสของเทคโนโลยีที่มีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปทุกวันได้หากจะมีการลงทุนและใช้จ่ายกันจริงๆในอนาคต

ขณะที่มุมมองภาคเอกชน นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กลุ่มธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและเทคโนโลยีบล็อกเชน และผู้ให้บริการตลาดซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี ผ่านบิทคับ ออนไลน์ มองว่า การลงทุนทางด้านสินทรัพย์ทั่วโลก

มูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีประมาณ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ หากเราหวังเพียงแค่ 1% ของนักลงทุนที่เคลื่อนย้ายพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ดังนั้นโอกาสเติบโตของการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลยังมีโอกาสอีกมากมายในอนาคต

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา บิทคับเฉลี่ยเติบโตปีละ 1,000% จากการเป็นธุรกิจ “สตาร์ตอัพ” ได้ขยับมาเป็น “สเกลอัพ” ระดับยูนิคอร์น รายที่สองของประเทศไทย ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านศูนย์ของบิทคับเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยวันละ 25,000 ล้านบาท จากสมาชิกที่ซื้อขายประจำ 1.2 ล้านบัญชี มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาลงทุนจำนวนมากเพิ่มฐานอายุจากก่อนหน้าระหว่าง 20-30 ปี แต่หลังจากการเปิดตัวของยานแม่ SCBX ที่ประกาศร่วมลงทุนกับบิทคับ ได้สร้างกระแสตื่นตัวให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนจำนวนมาก มีนักลงทุนในตลาดสินทรัพย์อื่นๆเคลื่อนย้ายเข้ามาจำนวนมากไม่จำกัดอยู่ที่กลุ่มคนรุ่นใหม่เดิมๆอีกต่อไป

“การลงทุนทางด้านสินทรัพย์ดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซี (Digital Asset) เป็นเมกะเทรนด์ของโลกและในอนาคตจะมีขนาดใหญ่กว่าการลงทุนในรูปแบบเดิม (Physical Asset) เป็นเทรนด์ของโลก ในอนาคตสินทรัพย์ดิจิทัลจะมีขนาดใหญ่กว่าหลายเท่าตัว ทุกคนต้องปรับตัว ซึ่งเราสามารถใช้เทรนด์นี้สร้างอีโคซิสเต็มขึ้นเพื่อรองรับโลกยุคใหม่ ภาครัฐสามารถใช้เทรนด์เหล่านี้สร้างมูลค่าการเติบโตเศรษฐกิจได้”.

ทีมเศรษฐกิจ

Adblock test (Why?)


ก.ล.ต.-ธปท.เกาะติดกระแส “คริปโตเคอร์เรนซี” ปรับกลยุทธ์ดูแลความเสี่ยงนักลงทุน - ไทยรัฐ
Read More

EA ประกาศความสำเร็จ โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในไทย ใหญ่สุดในอาเซียน - ไทยรัฐ

EA กดปุ่มสตาร์ท โรงงานผลิตแบตเตอรี่ระดับ Gigafactory ครบวงจรสุดทันสมัย พร้อมดันประเทศไทยขึ้นแท่นเป็นแหล่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมกักเก็บพลังงานไฟฟ้าในระดับภูมิภาค

วันที่ 12 ธ.ค. 2564 นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียน พลังงานไฟฟ้า และยานยนต์ไฟฟ้า เผยว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและระบบกักเก็บพลังงาน จะเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) และการนำพลังงานหมุนเวียนที่มีเสถียรภาพเข้ามาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้ออกแบบให้โรงงานแห่งนี้ใช้ระบบที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งยังสามารถปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการผลิตต่างๆ ได้ง่ายเพื่อตอบโจทย์เทคโนโลยีต่างๆ ในอนาคต

อีกทั้งโรงงานยังเน้นแนวคิดที่ใช้พลังงานในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ลดของเสียที่เกิดจากกระบวนการผลิต โดยมุ่งเน้นการรีไซเคิลในกระบวนการผลิตให้มากที่สุด โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัท อมิตา เทคโนโลยี อิงค์ (ไต้หวัน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในไต้หวันมากว่า 20 ปี ที่กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์เข้าไปร่วมทุน ถ่ายทอดประสบการณ์และเทคโนโลยีในการสร้างโรงงานจนเป็นผลสำเร็จ จนมีกำลังการผลิตขนาดใหญ่มากขึ้นในระดับ World Class เพื่อผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ชนิด Pouch Cell

ทั้งนี้ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และวัสดุที่มีความปลอดภัยสูงในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ให้สามารถจุพลังงานได้สูง มีน้ำหนักเบา มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่มีส่วนประกอบของสารที่เป็นอันตราย เช่น กรดหรือตะกั่ว และใช้เทคนิคพิเศษในการผลิตเซลล์ เพื่อให้สามารถคัดแยกแผ่นขั้วบวกและขั้วลบได้ง่ายในขั้นตอนของการรีไซเคิลเมื่อแบตเตอรี่หมดอายุการใช้งาน จึงทำให้เป็นแบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ แบตเตอรี่ของอมิตา ยังออกแบบให้เข้ากันกับเทคโนโลยีแบบ Ultra-Fast Charge ที่รองรับการชาร์จยานยนต์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ภายในเวลาเพียง 15 นาที พร้อมรองรับการชาร์จได้สูงถึง 3,000 รอบ ที่จะเป็นจุดเด่นสำหรับรองรับการใช้งานของยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจัยเรื่องเวลาเป็นสิ่งสำคัญในการใช้งานอย่างคุ้มค่าที่สุด”

สำหรับ แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนที่ผลิตได้สามารถนำไปใช้กับยานยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า รถโดยสารไฟฟ้า และเรือโดยสารไฟฟ้า เพื่อช่วยในการลดการปล่อยมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมที่เกิดจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ที่ผลิตได้ในระยะเริ่มต้น ขนาด 1 กิกะวัตต์ หรือ 1,000,000 กิโลวัตต์ สามารถนำมาใช้ในรถโดยสารไฟฟ้า ขนาด 11 เมตร ซึ่งขับเคลื่อนได้ระยะทางสูงสุด 240 กิโลเมตร ได้ถึง 4,160 คันต่อปี และการใช้รถโดยสารไฟฟ้า จำนวน 4,160 คัน สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (GHG Emission Reduction) ประมาณ 91,709 ตันต่อปี และลดปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลได้กว่า 97,066,667 ลิตรต่อปี เมื่อเทียบกับรถโดยสารที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันดีเซล

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากศักยภาพในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ได้เองแล้ว EA ยังคิดไกลแบบก้าวกระโดด ด้วยการขยาย Supply Chain ให้กว้างขึ้น เพื่อช่วยลดต้นทุน ลดขยะและลดการพึ่งพาจากภายนอก โดยมีการสร้างหอกลั่นสาร Solvent ที่ใช้ในกระบวนการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ เพื่อทำให้บริสุทธิ์จนสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ทำให้มีของเสียน้อยลง และลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ

อีกทั้งยังได้สร้างโรงงานผลิตสาร Electrolyte ซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่สำคัญที่เป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพของเซลล์แบตเตอรี่ใช้เองเป็นรายแรกในภูมิภาคอาเซียน ประกอบกับมีทีม In House R&D ทำให้สามารถนำสาร Electrolyte ที่ผลิตเสร็จ มาทดสอบในเซลล์แบตเตอรี่เพื่อวัด Performance ได้ทันที และสามารถคิดค้นพัฒนาสูตรเองให้ดียิ่งขึ้นตลอดเวลา

นอกจากนี้ ยังมีการนำระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ที่บริษัทฯ ผลิตได้เองมาใช้เป็นแหล่งจ่ายไฟฟ้าสำรองให้กับเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีโรงรีไซเคิล เพื่อลดขยะที่เป็นพิษ เป็นการคิดและออกแบบกระบวนการผลิตแบบครบวงจร ซึ่งเป็นจุดแข็งที่โดดเด่น สามารถเสริมศักยภาพของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เป็น New S-Curve ตามยุทธศาสตร์ของประเทศ ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และสนับสนุนด้านความยั่งยืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดมลพิษและภาวะโลกร้อนให้บรรลุเป้าหมายอย่างแท้จริง.

Adblock test (Why?)


EA ประกาศความสำเร็จ โรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนในไทย ใหญ่สุดในอาเซียน - ไทยรัฐ
Read More

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...