Rechercher dans ce blog

Thursday, September 30, 2021

จีนสั่งบริษัทพลังงานของรัฐเร่งดำเนินการรับมือปัญหาขาดแคลนพลังงาน - อาร์วายที9

เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลจีนได้สั่งการให้บริษัทพลังงานของรัฐ ซึ่งรวมถึงบริษัทถ่านหินและน้ำมัน ให้ดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าจะมีพลังงานเพียงพอต่อความต้องการในช่วงฤดูหนาวนี้ โดยรัฐบาลจีนมองว่าวิกฤตพลังงานที่ทำให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้นั้น เป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า มาตรการดังกล่าวเป็นคำสั่งโดยตรงจากนายหาน เจิง รองนายรัฐมนตรีจีนซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลการผลิตในภาคพลังงานและอุตสาหกรรม โดยนายหานได้ออกคำสั่งในระหว่างการประชุมฉุกเฉินซึ่งจัดขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกำกับดูแลทรัพย์สินทรัพย์ของรัฐบาลประจำกรุงปักกิ่งและหน่วยงานด้านการวางแผนเศรษฐกิจเข้าร่วมการประชุมด้วย

การที่จีนจัดการประชุมฉุกเฉินดังกล่าวถือเป็นการเน้นย้ำถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นในประเทศ เนื่องจากวิกฤตพลังงานที่รุนแรงได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยหลายภูมิภาคของจีนต้องลดการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ผู้อยู่อาศัยในบางพื้นที่เผชิญปัญหาไฟฟ้าดับอย่างฉับพลัน นอกจากนี้ วิกฤตพลังงานในจีนยังสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกด้วย

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็วในปีที่แล้ว แต่อัตราการขยายตัวซบเซาลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากภาคการผลิตเผชิญกับการพุ่งขึ้นของต้นทุน, ภาวะคอขวดที่ส่งผลกระทบต่อการผลิต และล่าสุดคือการที่รัฐบาลออกมาตรการให้ภาคอุตสากรรมใช้ไฟฟ้าแบบหมุนเวียนกัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวในเดือนก.ย.

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.ย. ร่วงลงแตะระดับ 49.6 จากระดับ 50.1 ในเดือนส.ค. โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตจีนร่วงลงต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคการผลิตเข้าสู่ภาวะหดตัว


Adblock test (Why?)


จีนสั่งบริษัทพลังงานของรัฐเร่งดำเนินการรับมือปัญหาขาดแคลนพลังงาน - อาร์วายที9
Read More

“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ! ตามดาวโจนส์ หลังนลท.วิตกความขัดแย้งเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐนั้น อาจส่งผลให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ โดยความกังวลดังกล่าวส่งผลให้เกิดแรงเทขายในหุ้นกลุ่มต่างๆ เป็นวงกว้าง ส่วนตลาดหุ้นบางแห่งในภูมิภาคปิดทำการวันนี้

โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 29,235.11 จุด ลดลง 217.55 จุด หรือ -0.74%

ส่วนตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (1 ต.ค.) เนื่องในวันชาติ

สำหรับตลาดในภูมิภาคได้รับแรงกดดันจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้, ความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ, การที่สภาคองเกรสอาจให้การอนุมัติการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ และความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา

อย่างไรก็ดีแม้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติผ่านร่างกฎหมายระงับเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่นักลงทุนกังวลว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกขัดขวางจากสมาชิกพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเตือนว่า สภาคองเกรสมีเวลาไม่ถึง 3 สัปดาห์ในการพิจารณาเรื่องการขยายเพดานหนี้ โดยหากสภาคองเกรสล้มเหลวในการดำเนินการดังกล่าว ก็จะส่งผลให้สหรัฐเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศ

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่เปิดเผยวันนี้ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ของญี่ปุ่น (ทังกัน) ประจำไตรมาส 3/2564 ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ พุ่งขึ้นแตะระดับ +18 จากระดับ +14 ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 5 ไตรมาส และบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตในไตรมาส 3 สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ระดับ +13

นอกจากนี้ผลสำรวจความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจญี่ปุ่นจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ BOJ ใช้ประกอบการพิจารณาในการประชุมกำหนดนโยบายครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27 – 28 ต.ค.นี้

Adblock test (Why?)


“หุ้นเอเชีย” เปิดลบ! ตามดาวโจนส์ หลังนลท.วิตกความขัดแย้งเพิ่มเพดานหนี้สหรัฐ - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
Read More

ราคาทองขึ้นพรวด 250 บาท รูปพรรณ 28500 บาท-แท่ง 28000 บาท - สยามรัฐ

เมื่อวันที่ 1 ต.ค.64 สมาคมค้าทองคำรายงานราคาทอง(ทองคำ 96.5%) ในประเทศเปิดตลาดเมื่อเวลา 09.24 น.ราคาทองปรับขึ้น 250 บาท โดยทองคำแท่งขายออกบาทละ 28,000บาท รับซื้อบาทละ 27,900 บาท ส่วนทองรูปพรรณขายออกบาทละ 28,500 บาท รับซื้อ 27,394.12 บาท

Adblock test (Why?)


ราคาทองขึ้นพรวด 250 บาท รูปพรรณ 28500 บาท-แท่ง 28000 บาท - สยามรัฐ
Read More

วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวร่างกฎหมายเลี่ยงชัตดาวน์แล้ว - อาร์วายที9

วุฒิสภาสหรัฐให้การอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้ว ด้วยคะแนนเสียง 65-35 เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน

วุฒิสมาชิกสังกัดพรรคเดโมแดรตทั้ง 50 คนต่างลงคะแนนสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกัน 15 คน

สำหรับในขั้นตอนต่อไป วุฒิสภาจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร และหากสภาผู้แทนฯให้การอนุมัติ ก็จะต้องส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมายก่อนเวลาเที่ยงคืนของวันนี้ (30 ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 11.00 น.ของวันที่ 1 ต.ค.ตามเวลาไทย


Adblock test (Why?)


วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวร่างกฎหมายเลี่ยงชัตดาวน์แล้ว - อาร์วายที9
Read More

ขสมก.ปรับเวลาให้บริการรถโดยสารเริ่ม 1 ต.ค. - ผู้จัดการออนไลน์



ขสมก.ปรับเวลาให้บริการรถโดยสารเริ่ม 1 ต.ค.

ขสมก.ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการรถโดยสารประจำทาง จากเดิม ให้บริการ เวลา 05.00 - 21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือ เวลาที่รถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทาง) เป็นให้บริการ เวลา 05.00 - 22.00 น. (เวลา 22.00 น. คือ เวลาที่รถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทาง)
ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม ศบค.

นางพนิดา ทองสุข รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร รักษาการแทน ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ตามมติที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2564 เห็นชอบให้มีการลดระยะเวลา การห้ามออกนอกเคหสถาน จากเดิม เวลา 21.00 - 04.00 น. ปรับลดลงเป็นเวลา 22.00 - 04.00 น. และอนุญาตให้ห้างสรรพสินค้า เปิดกิจการได้ถึง เวลา 21.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป

ขสมก. จึงจัดแผนการเดินรถโดยสาร ให้สอดคล้องกับมติที่ประชุม ศบค. โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. ปรับเปลี่ยนเวลาให้บริการรถโดยสารประจำทาง จากเดิม ให้บริการ เวลา 05.00 - 21.00 น. (เวลา 21.00 น. คือ เวลาที่รถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทาง) เป็นให้บริการ เวลา 05.00 - 22.00 น. (เวลา 22.00 น. คือ เวลาที่รถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทาง) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น โดยเพิ่มความถี่ในการปล่อยรถ ช่วงเวลาเร่งด่วนเช้า (05.00 - 08.00 น.) และช่วงเวลาเร่งด่วนเย็น ถึงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (16.00 - 22.00 น.) ให้มีระยะห่างกันไม่เกิน 5 - 10 นาที หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชน

2. ให้บริการรถโดยสาร วันธรรมดา 22,000 เที่ยว/วัน วันเสาร์ - วันอาทิตย์ 18,000 - 20,000 เที่ยว/วัน หรือจัดเดินรถให้สอดคล้องกับความต้องการใช้บริการของประชาชนในแต่ละช่วงเวลา

3. ปล่อยรถโดยสารคันสุดท้าย ออกจากท่าปลายทาง จากเดิม เวลา 21.00 น. เป็นเวลา 22.00 น. พร้อมปรับเพิ่มความถี่ ในช่วงการปล่อยรถ 3 คันสุดท้ายให้มีระยะห่างกัน 5 - 10 นาที ซึ่งรถโดยสาร 3 คันสุดท้าย จะติดป้ายข้อความบ่งชี้บริเวณหน้ารถโดยสาร ดังนี้

3.1 เหลือรถ 2 คันสุดท้าย
3.2 เหลือรถ 1 คันสุดท้าย
3.3 รถคันสุดท้าย

ขสมก.ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ได้แก่ การสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งขณะใช้บริการรถโดยสาร นั่งหรือยืนตามจุดที่กำหนด กรณีผู้ใช้บริการเต็มจะต้องรอใช้บริการรถโดยสารคันถัดไป

ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการ เตรียมตัวกลับบ้าน ก่อนเวลา 20.00 น. เพื่อลดความแออัดของผู้ใช้บริการบนรถโดยสาร ในช่วงเวลาก่อนรถโดยสารหยุดให้บริการ (21.00 - 22.00 น.) ซึ่งจะทำให้การดำเนินการตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมบนรถโดยสาร เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

Adblock test (Why?)


ขสมก.ปรับเวลาให้บริการรถโดยสารเริ่ม 1 ต.ค. - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดร่วง 11.30 จุด รับแรงขายระยะสั้นหุ้นบิ๊กแคป-เงินบาทอ่อนค่ากดดัน - อาร์วายที9

ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,605.68 จุด ลดลง 11.30 จุด (-0.70%) มูลค่าการซื้อขาย 90,650.11 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,621.15 จุด และระดับต่ำสุด 1,601.79 จุด

ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 470 หลักทรัพย์ ลดลง 1,333 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 430 หลักทรัพย์

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลง จากแรงขายระยะสั้นในหุ้นบิ๊กแคป โดยหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเป็นหลักหลังจากขึ้นไปแรง และใกล้เข้าสู่ช่วงพรีวิวผลประกอบการคาดกำไรไตรมาส 3/64 ลดลงจากผลล็อกดาวน์ และหุ้นกลุ่มพลังงานปรับลงตามราคาน้ำมัน รวมถึงยังกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ปรับขึ้นมาเกินหลักหมื่นรายต่อวันอีกครั้ง ทำให้เกิดความไม่แน่นอน และไปกดดันหุ้น AOT จากที่ปรับขึ้นไปมากแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ด้วย

นอกจากนี้ เงินบาทอ่อนค่าทำให้มีความเป็นไปได้ที่นักลงทุนต่างชาติจะขายออกหุ้นไทย

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ส่วนตลาดยุโรปแกว่งบวกเล็กน้อยตามดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ปรับตัวขึ้น ในช่วงที่จะต้องติดตามเรื่องเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา และให้ติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ต.ค.นี้ ส่วนบ้านเรายังต้องติดตามสถานกาณณ์น้ำท่วมว่าจะลุกลามมาสู่พื้นที่เศรษฐกิจสำคัญ โดยเฉพาะ กทม.หรือไม่

แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (1 ต.ค.) นายชัยยศ กล่าวว่า ตลาดฯมีโอกาสอ่อนตัวลงต่อ เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่เข้ามา พร้อมให้แนวรับ 1,590-1.600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,615-1,620 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,280.33 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท ลดลง 4.00 บาท

GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 5,164.43 ล้านบาท ปิดที่ 4.86 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,270,95 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท ลดลง 2.50 บาท

          TRUE    มูลค่าการซื้อขาย  3,214.51 ล้านบาท  ปิดที่    3.80 บาท  ลดลง   0.20 บาท
          UBE     มูลค่าการซื้อขาย  3,047.37 ล้านบาท  ปิดที่    2.06 บาท  ลดลง   0.34 บาท

Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดร่วง 11.30 จุด รับแรงขายระยะสั้นหุ้นบิ๊กแคป-เงินบาทอ่อนค่ากดดัน - อาร์วายที9
Read More

Wednesday, September 29, 2021

บทวิเคราะห์ ราคาทองคำวันนี้ (30 ก.ย.) โดย YLG Bullion - ประชาชาติธุรกิจ

ราคาทองคำ
Photo by STR/AFP

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 30 กันยายน 2564

สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 7.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในระหว่างวัน การพักตัวของดัชนีดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี จะช่วยหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดที่ 1,745.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำถูกแรงขายทำกำไรสลับออกมา ประกอบกับดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนครึ่งที่ 94.432 โดยยังคงได้แรงหนุนจากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลด QE ภายในสิ้นปี และอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปลายปี 2022

นอกจากนี้ ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่ม หลังการเปิดเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ที่พุ่งขึ้นถึง 8.1% สู่ระดับ 119.5 ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.4%

นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากถ้อยแถลงของนายแพทริก ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย ที่กล่าวว่า “เร็ว ๆ นี้” จะถึงเวลาแล้วที่เฟดจะเริ่มลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE พร้อมเสริมว่า เขาอาจสนับสนุนการเริ่มต้นลด QE อย่างเร็วที่สุดในเดือน พ.ย. และการลด QE จะสิ้นสุดลงภายในกลางปีหน้า ปัจจัยที่กล่าวมา กดดันให้ราคาทองคำร่วงลงหลุดระดับต่ำสุดเดิม จนกระตุ้นแรงขายทางเทคนิคเพิ่มซึ่งนั่นทำให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์ที่ 1,721.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง

สำหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยประมาณการครั้งสุดท้ายจีดีพีไตรมาส 2/2021, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกของสหรัฐ

คำแนะนำ ราคาแกว่งตัวในทิศทางอ่อนตัวลง โดยเน้นการซื้อขายทำกำไรระยะสั้น หากราคาไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้านบริเวณ 1,737-1,746 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับลงต่อเพื่อทดสอบแนวรับบริเวณ 1,717-1,711 ดอลลาร์ต่อออนซ์

Adblock test (Why?)


บทวิเคราะห์ ราคาทองคำวันนี้ (30 ก.ย.) โดย YLG Bullion - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

จส. 100 - จส. 100


          แท่นขุดเจาะนอกชายฝั่งสหรัฐฯกลับมาเดินเครื่องตามปกติอีกครั้ง หลังต้องปิดปฏิบัติการบางส่วน ผลกระทบจากเฮอร์ริเคน 2 ลูก ขณะที่ สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(อีไอเอ) รายงานเมื่อวันพุธ 29 ก.ย.64 ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 4.6 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มากเกินความคาดหมาย ได้แรงหนุนจากกำลังการผลิตที่ฟื้นตัว


-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพ.ย.64  ลดลง 46 เซนต์ ปิดที่ 74.83 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล


-เบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพ.ย.64 ลดลง 45 เซนต์ ปิดที่ 78.64 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

         ตลาดน้ำมัน ยังถูกกดดันจากดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปี เมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน ปัจจัยนี้เองฉุดราคาทองคำ ปิดตลาดเมื่อวันพุธ 29 ก.ย.64 ดิ่งลงต่ำสุดในรอบราวๆ 6 เดือน


-ราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือน ธ.ค.64  ลดลง 14.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,722.90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์

        ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานจากแรงฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ นักลงทุนผิดหวังกับข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ

-ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 90.73 จุด หรือร้อยละ 0.26  ปิดที่ 34,390.72 จุด


-เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.83 จุด หรือร้อยละ 0.16  ปิดที่ 4,359.46 จุด


-แนสแดค ลดลง 34.24 จุด  หรือร้อยละ 0.24  ปิดที่ 14,512.44 จุด


 


#น้ำมันโลก


#หุ้นสหรัฐฯ


แฟ้มภาพ 

Adblock test (Why?)


จส. 100 - จส. 100
Read More

“บางกอกแอร์เวย์ส” คว้าแอร์ไลน์ระดับภูมิภาคดีสุดในโลก-เอเชีย 5 ปีซ้อน - เดลีนีวส์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


“บางกอกแอร์เวย์ส” คว้าแอร์ไลน์ระดับภูมิภาคดีสุดในโลก-เอเชีย 5 ปีซ้อน - เดลีนีวส์
Read More

กนง. เอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.5% ยันจีดีพีปีนี้ที่ 0.7% ย้ำเศรษฐกิจผ่ายจุดต่ำสุดแล้ว - ข่าวสด

กนง. เอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.5% ยันจีดีพีปีนี้ที่ 0.7% ย้ำเศรษฐกิจผ่ายจุดต่ำสุดแล้ว ได้อานิสงส์กระจายวัคซีนเร็ว

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

กนง. เอกฉันท์คงดอกเบี้ย – นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5% ต่อปี พร้อมทั้งประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับคาดการณ์ในการประชุมครั้งก่อนที่ 0.7% และปี 2565 ที่ 3.9% โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยยังมีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่ระยะต่อไปมองว่าการกระจายวัคซีนที่ดีขึ้น และการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เร็วกว่าคาดการณ์จะเป็นผลบวกต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป

“ไตรมาส 3/2564 จะเป็นจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจ เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่รุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่การกระจายวัคซีนที่เร็วและดีขึ้นมาก รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่เร็วกว่าคาดการณ์ จะส่งผลดีให้เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้และปีหน้าให้สามารถทยอยฟื้นตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง” นายทิตนันทิ์ กล่าว

ทั้งนี้ โจทย์สำคัญของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ คือ การดำเนินมาตราการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เอื้อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและรายได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดย กนง. เห็นว่ามาตรการภาครัฐและการประสานนโยบายมีความสำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่มาตรการสาธารณสุขเพื่อควบคุมการระบาดที่เอื้อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและรายได้ฟื้นตัวต่อเนื่องยังมีความสำคัญ มาตรการการคลังควรเร่งสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยเน้นการสร้างรายได้และเตรียมมาตรการเพื่อฟื้นฟูและยกระดับศักยภาพทางเศรษฐกิจ

ส่วนนโยบายการเงินต้องสนับสนุนให้ภาวะการเงินโดยรวมผ่อนคลายต่อเนื่อง สำหรับมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อควรเร่งกระจายสภาพคล่องไปสู่ผู้ได้รับผลกระทบให้ตรงจุดและลดภาระหนี้ อาทิ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ และมาตรการอื่นๆ ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ควบคู่กับการผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้เห็นผลในวงกว้างและสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในระยะยาว

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจในไตรมาส 4/2564 นั้น มองว่ามีทั้งปัจจัยบวก อาทิ การอั้นของการอุปโภคบริโภคภาคประชาชนที่คาดว่าจะมีปริมาณมาก แต่ก็ยังมีปัจจัยลบที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 การควบคุมการแพร่ระบาดที่อาจจะช้ากว่าที่คาด ดังนั้นกรณีที่เศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวที่ 0.7% ก็ยังมีความไม่แน่นอนในช่วงไตรมาส 4/2564 กดดันอยู่ ด้านตลาดแรงงานมีแนวโน้มปรับดีขึ้น จากรายได้ของแรงงานในภาคบริการและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ฟื้นตัวตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ปี 2565 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มทยอยฟื้นตัวจากการใช้จ่ายในประเทศเป็นสำคัญ ตามความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยฟื้นตัวอย่างช้า ๆ และการส่งออกจะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และเซมิคอนดักเตอร์

นายทิตนันทิ์ กล่าวอีกว่า ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดหลังจากนี้ ได้แก่ การระบาดและการกลายพันธุ์ของโควิด-19 มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด นโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ความเชื่อมั่นภาคเอกชนและภาคธุรกิจ และความต่อเนื่องของแรงสนับสนุนของมาตรการรัฐในด้านต่าง ๆ รวมถึงความคลี่คลายของปัญหาในภาคการผลิตที่ถูกกระทบจากการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และปัญหาเซมิคอนดักซ์เตอร์

สำหรับสภาพคล่องในระบบการเงินยังอยู่ในระดับสูง โดยการกระจายตัวยังไม่ทั่วถึงจากความเสี่ยงด้านเครดิตที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี และภาคครัวเรือน ทั้งนี้ มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูที่ออกมาช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น

ด้านอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวผันผวนมากขึ้นจากช่วงก่อนหน้าจากการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจหลักและแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง คณะกรรมการฯ เห็นควรให้ติดตามพัฒนาการของตลาดการเงินโลกและไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (FX ecosystem) อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี ภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนและเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน คณะกรรมการฯ ยังคงให้น้ำหนักกับการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ และจะติดตามปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ได้แก่ พัฒนาการของมาตรการควบคุมการระบาดในประเทศ รวมทั้งความเพียงพอของมาตรการการคลังและมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อ โดยพร้อมใช้เครื่องมือนโยบายการเงินที่เหมาะสมเพิ่มเติมหากจำเป็น

Adblock test (Why?)


กนง. เอกฉันท์คงดอกเบี้ย 0.5% ยันจีดีพีปีนี้ที่ 0.7% ย้ำเศรษฐกิจผ่ายจุดต่ำสุดแล้ว - ข่าวสด
Read More

“แอร์เอเชีย” แชมป์สายการบินโลว์คอสต์ดีสุดในโลก 12 ปีซ้อน - เดลีนีวส์

This website uses cookies to improve your experience while you navigate through the website. Out of these, the cookies that are categorized as necessary are stored on your browser as they are essential for the working of basic functionalities of the website. We also use third-party cookies that help us analyze and understand how you use this website. These cookies will be stored in your browser only with your consent. You also have the option to opt-out of these cookies. But opting out of some of these cookies may affect your browsing experience.

Adblock test (Why?)


“แอร์เอเชีย” แชมป์สายการบินโลว์คอสต์ดีสุดในโลก 12 ปีซ้อน - เดลีนีวส์
Read More

Tuesday, September 28, 2021

แอร์เอเชียคว้ารางวัล “สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 จาก SkyTrax 2021 World Airline Awards - airasia newsroom

กรุงเทพฯ วันที่ 29 กันยายน 2564 - แอร์เอเชียฉลองรางวัลแห่งความภูมิใจ “สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12” จากการประกาศของ Skytrax 2021 World Airline Awards โดยเป็นรางวัลที่ได้รับต่อเนื่องมาจากรางวัล สุดยอดธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม (Business Innovation Award)  โดย Flight Global’s Airline Strategy Awards 2021 ที่ประกาศเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2564

นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มแอร์เอเชีย กล่าวว่า การได้รับรางวัลนี้ เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างมาก หลังจากที่เราเผชิญกับวิกฤตที่รุนแรงที่สุดของอุตสาหกรรมการบิน 

“แอร์เอเชียเติบโตใกล้ชิดกับทุกคนมาโดยตลอด เราทำให้ใครๆ ก็สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ อีกทั้งเรายังให้ความสำคัญกับพนักงานของเรามาเป็นอันดับแรก  การได้รับรางวัลอันทรงคุณค่านี้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 มีความสำคัญกับเรามาก เนื่องจากเป็นรางวัลที่มาจากการโหวตโดยผู้คนกว่า 1 ล้านคน ที่เคยบินกับแอร์เอเชีย ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ในเดือนมีนาคม 2563 นอกจากนี้เราขอบคุณสกายเเทรกซ์อย่างมากที่ให้ความสำคัญกับเสียงและความคิดเห็นของผู้โดยสารมาตลอด เพราะกลุ่มเป้าหมายนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญในความสำเร็จของแอร์เอเชีย”  นายโทนี่ กล่าว 

ความสำเร็จต่างๆ ที่เกิดขึ้น ในขณะที่เรากำลังเผชิญกับวิกฤตตลอด 18 เดือน เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมาก เราได้ปรับตัวให้เป็นมากกว่าผู้นำด้านสายการบิน สู่การเป็นซูเปอร์ แอป ที่พร้อมตอบโจทย์ด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์แบบครบวงจร ซึ่งเรามั่นใจว่าช่วงเวลาหลังโควิด-19 เราจะกลับมาให้บริการอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิมเเน่นอน

รางวัลนี้ผมขอมอบให้กับทีมงาน ครอบครัว Alltars ที่ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้บริการที่ดีที่สุดสำหรับผู้โดยสาร โดยเฉพาะในวิกฤติ ที่ร่วมแรงร่วมใจก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาด้วยกัน

“ขณะนี้ประเทศต่างๆ อยู่ในช่วงการกระจายวัคซีน และฟื้นตัว ซึ่งเราพร้อมแล้วที่จะกลับมาให้บริการและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เราจะทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงด้วยฝูงบินของเราอีกครั้ง พร้อมมอบการให้บริการที่ใส่ใจเเละคุ้มค่าที่สุดในทุกเที่ยวบิน”

นาย เอ็ดเวิร์ด เพลสเต็ด (Edward Plaisted) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของสกายแทรกซ์ กล่าวถึงรางวัลสายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลกที่แอร์เอเชียได้รับว่า แอร์เอเชียยังเป็นสายการบินยอดนิยม และเป็นตัวเลือกในลำดับแรกๆ ของนักเดินทางเสมอ และการครองตำแหน่งอย่างต่อเนื่องของสายการบินในหมวดรางวัลนี้ ถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้

สำหรับการสำรวจความคิดเห็นในปี 2564 นี้ รวบรวมความคิดเห็นจากผู้ใช้บริการกว่า 100 สัญชาติ จากกลุ่มตัวอย่างที่ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์กว่า 13.42 ล้านคน  มาจากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 88% ของจำนวนผู้ลงทะเบียน ถึงเดือนมีนาคม 2563) 

สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลข่าวสาร โปรโมชั่น และกิจกรรมดีๆ อื่นๆอีกมากมาย สามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่ทวิตเตอร์แอร์เอเชีย (twitter.com/AirAsia) เฟสบุ๊กแฟนเพจ (facebook.com/airasiasuperapp) และอินสตาแกรม (instagram.com/airasiasuperapp)

Adblock test (Why?)


แอร์เอเชียคว้ารางวัล “สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 12 จาก SkyTrax 2021 World Airline Awards - airasia newsroom
Read More

ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 569.38 จุด วิตกผลกระทบบอนด์ยีลด์พุ่ง - อาร์วายที9

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ รวมทั้งความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,299.99 จุด ลดลง 569.38 จุด หรือ -1.63% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,352.63 จุด ลดลง 90.48 จุด หรือ -2.04% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,546.68 จุด ลดลง 423.29 จุด หรือ -2.83%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งทะลุ 1.54% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยสาเหตุที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากความวิตกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ รวมทั้งการที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดถึง 1 ปี

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดร่วงลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนักถึง 2.98% โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 3.66% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.62% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.38% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.72% หุ้น Nvidia ร่วงลง 4.44% หุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 2.64% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.48%

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.46% และเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่ปิดในแดนบวก โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 1.63% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 1.13% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.05% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 0.38%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับเกือบ 4% ภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังมีรายงานว่า วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันได้ขัดขวางร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐต้องปิดการดำเนินงานในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากขาดงบประมาณ และรัฐบาลสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 109.3 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 115.2 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 114.5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนส.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 569.38 จุด วิตกผลกระทบบอนด์ยีลด์พุ่ง - อาร์วายที9
Read More

ราคาทอง วันนี้ (28 ก.ย.) ปรับล่าสุด ราคาทองรูปพรรณขาย 28350 - กรุงเทพธุรกิจ

“ราคาทอง” วันนี้ (28 ก.ย.) ปรับขึ้น 50 ราคาทองรูปพรรณขาย ขายออก 28,350 บาท ราคาทองคำแท่ง ขายออกบาทละ 27,850 บาท

ราคาทองคำประจำวันที่ 28 ก.ย.64 เปลี่ยนแปลงล่าสุด ครั้งที่ 4 ณ เวลา  14:50 น. ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ

  • ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 27,750.00 ขายออกบาทละ 27,850.00
  • ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 27,257.68 ขายออกบาทละ 28,350.00

ราคาทอง วันนี้ (28 ก.ย.) ปรับล่าสุด ราคาทองรูปพรรณขาย 28,350

ทั้งนี้ ราคาทองคำ ปรับเพิ่ม 50 เมื่อเทียบกับประกาศราคาซื้อขายวานนี้ (27 ก.ย.)

ประกาศครั้งที่ 1

  • ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 28,400.00 บาท รับซื้อบาทละ 27,303.16 บาท
  • ราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 27,900.00 บาท รับซื้อบาทละ 27,800.00 บาท

ประกาศครั้งที่ 2

  • ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 28,350.00 บาท รับซื้อบาทละ 27,257.68 บาท
  • ราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 27,850.00 บาท รับซื้อบาทละ 27,750.00 บาท

ประกาศครั้งที่ 3

  • ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 28,300.00 บาท รับซื้อบาทละ 27,197.04 บาท
  • ราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 27,800.00 บาท รับซื้อบาทละ 27,700.00 บาท

ประกาศครั้งที่ 4

  • ราคาทองรูปพรรณ ขายออกบาทละ 28,350.00 บาท รับซื้อบาทละ 27,257.68 บาท
  • ราคาทองแท่ง ขายออกบาทละ 27,850.00 บาท รับซื้อบาทละ 27,750.00 บาท

ราคาทอง วันนี้ (28 ก.ย.) ปรับล่าสุด ราคาทองรูปพรรณขาย 28,350

Adblock test (Why?)


ราคาทอง วันนี้ (28 ก.ย.) ปรับล่าสุด ราคาทองรูปพรรณขาย 28350 - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก พันธบัตรแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนา โดย Investing.com - Investing.com

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก พันธบัตรแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนา

โดย Peter Nurse

Investing.com - ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นในช่วงบ่าย โดยได้แรงหนุนจากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น นักลงทุนจับตาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะลดระดับโครงการซื้อพันธบัตรในปีนี้ หลังจากการประชุมนโยบายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนีดอลลาร์ซึ่งได้จากการเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ อีก 6 สกุล ซื้อขายสูงขึ้น 0.1% ที่ 93.472 ต่ำกว่าระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนเล็กน้อย

เพิ่มขึ้น 0.3% ที่ 111.29 เยนต่อดอลลาร์ โดยไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม ซื้อขายค่อนข้างทรงตัวที่ 1.3696 

เพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 0.7295 ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อต้นวันแสดงให้เห็นว่ายอดค้าปลีกของออสเตรเลียหดตัว 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนส.ค. ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะหดตัว 2.5%

ลดลง 0.1% มาที่ 1.1686 จับตาสมดุลระหว่างความไม่แน่นอนเกี่ยวกับบรรยากาศทางการเมืองของเยอรมนีหลังการเลือกตั้งในวันอาทิตย์และความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด

เพิ่มขึ้นเป็น 0.3 จุดในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบครึ่งปี จากการสำรวจเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา หลังจากแก้ไขเป็น -1.1 จุดในเดือนก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม แรงผลักดันหลักที่อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวล่าสุดในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศคืออัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่ที่ 1.5% ในวันจันทร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2564 และพันธบัตรอายุสองปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่มีนาคม 2563

สิ่งนี้เป็นไปตามที่ธนาคารกลางสหรัฐระบุในการประชุมกำหนดนโยบายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สินทรัพย์อาจเริ่มลดระดับลงทันทีในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะสิ้นสุดที่ประมาณกลางปี ​​2565 เป็นการเปิดทางให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากนั้น

“เว้นแต่ว่ารายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนกันยายนจะตกลงมาเกินคาด การตัดสินใจในเดือนพฤศจิกายนนั้นก็จะคงอยู่” นักวิเคราะห์จาก Nordea กล่าวในหมายเหตุ โดยเสริมว่า “กระบวนการลดสินทรัพย์มูลค่า 4 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อไตรมาสจะเริ่มต้นในเดือนพฤศจิกายน โดยจะพุ่งเป้าไปที่ MBS และการเปิดตัวครั้งแรกในช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงปี 2565 ดูเหมือนว่าจะเดิมพันได้ในตอนนี้”

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีกำหนดแถลงต่อหน้าคณะกรรมการการธนาคารวุฒิสภา คาดว่าจะเน้น "upside risks" ต่อเงินเฟ้อเนื่องจากปัญหาคอขวด ปัญหาการจ้างงาน และปัจจัยกดดันด้านราคาอื่น ๆ ยังคงดำเนินต่อไป 

ข้อมูลของสหรัฐอเมริกาในช่วงท้ายจะเผย สำหรับเดือนกันยายน เช่นเดียวกับ ดัชนี CoreLogic Case - Shiller Home Price ของ Standard & Poor (ดัชนีราคาบ้านขายซ้ำสำหรับสหรัฐอเมริกา)

การปฏิเสธความรับผิด: Fusion Media would like to remind you that the data contained in this website is not necessarily real-time nor accurate. All CFDs (stocks, indexes, futures) and Forex prices are not provided by exchanges but rather by market makers, and so prices may not be accurate and may differ from the actual market price, meaning prices are indicative and not appropriate for trading purposes. Therefore Fusion Media doesn`t bear any responsibility for any trading losses you might incur as a result of using this data.

Fusion Media or anyone involved with Fusion Media will not accept any liability for loss or damage as a result of reliance on the information including data, quotes, charts and buy/sell signals contained within this website. Please be fully informed regarding the risks and costs associated with trading the financial markets, it is one of the riskiest investment forms possible.

Adblock test (Why?)


ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอีก พันธบัตรแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนา โดย Investing.com - Investing.com
Read More

Monday, September 27, 2021

ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่ง 1.47 ดอลล์ - กรุงเทพธุรกิจ

ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเวสต์เท็กซัส ปิดวันจันทร์ (27ก.ย.) พุ่งขึ้น 1.47 ดอลลาร์ ปรับตัวขึ้น 5 วันทำการติดต่อกัน ขานรับการขยายตัวของอุปสงค์ ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 มีสัญญาณชะลอตัวลง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ พุ่งขึ้น 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 75.45 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.53 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันเวสต์เท็กซัสถูกกดดันในสัปดาห์ที่แล้ว จากการที่จีนระบายน้ำมันดิบจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (เอสพีอาร์)

ทั้งนี้ จีนได้ทำการระบายน้ำมันดิบออกจากเอสพีอาร์ ผ่านทางการประมูล ซึ่งถือเป็นการดำเนินการเป็นครั้งแรกของจีน โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยให้โรงกลั่นสามารถควบคุมต้นทุน และสร้างเสถียรภาพสำหรับอุปสงค์และอุปทานในตลาด รวมทั้งรับประกันความมั่นคงด้านพลังงานของจีน
 

ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันได้แรงหนุนในวันนี้จากภาวะน้ำมันตึงตัวจากอิทธิพลของพายุเฮอริเคนนิโคลัสและไอดา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสและอ่าวเม็กซิโก

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 ต.ค.

Adblock test (Why?)


ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสพุ่ง 1.47 ดอลล์ - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ภาคค่ำ สถานการณ์วัคซีนโควิดดี บั่นทอนแรงซื้อทองคำ - Investing.com

สรุป นายอัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์ กล่าวว่า โลกจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้งภายใน 1 ปี และมีแนวโน้มว่าใน อนาคตวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะกลายเป็นวัคซีนประจำปีที่ทุกคนต้องฉีดซ้ำเพื่อป้องกันโรค นายเบอร์ลาเผยกับสำนักข่าวเอบีซีว่า "ภายใน 1 ปี ผมคิดว่า เราจะสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเชื้อไวรัสจะไม่กลับมาอีก ฉะนั้น ผมจึงไม่คิดว่าเราจะสามารถใช้ชีวิตได้โดยปราศจากวัคซีน" แนวโน้มดังกล่าวบั่นทอนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ เฟด อาทิ นายอีแวนส์ ประธานเฟดชิคาโก นายวิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์ก นางเบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดเบื้องต้น หากตลอดวันยังไม่สามารถฝ่ำแนวต้านบริเวณ 1,767-1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้ระมัดระวังแรงขายเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาอาจมีโอกาสที่จะปรับย่อลงมา บริเวณแนวรับ 1,748-1,737 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง

คำแนะนำ หากราคาสามารถทรงตัวเหนือระดับ 1,737 ดอลลาร์ ต่อออนซ์จะทำให้มีแรงซื้อเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาสามารถสร้าง ระดับสูงสุดใหม่จากวันก่อนหน้าได้จึงมีโอกาสที่ราคาจะทดสอบแนว ต้าน 1,767-1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนได้ ราคาอาจ ขยับลงทดสอบแนวรับโซน 1,724 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ดูกราฟราคาทองคำ SPOT

https://th.investing.com/currencies/xau-usd

กระทู้พูดคุยเกี่ยวกับราคาทองคำ SPOT

https://th.investing.com/currencies/xau-usd-commentary

บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th

การปฏิเสธความรับผิด: Fusion Media would like to remind you that the data contained in this website is not necessarily real-time nor accurate. All CFDs (stocks, indexes, futures) and Forex prices are not provided by exchanges but rather by market makers, and so prices may not be accurate and may differ from the actual market price, meaning prices are indicative and not appropriate for trading purposes. Therefore Fusion Media doesn`t bear any responsibility for any trading losses you might incur as a result of using this data.

Fusion Media or anyone involved with Fusion Media will not accept any liability for loss or damage as a result of reliance on the information including data, quotes, charts and buy/sell signals contained within this website. Please be fully informed regarding the risks and costs associated with trading the financial markets, it is one of the riskiest investment forms possible.

Adblock test (Why?)


บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ภาคค่ำ สถานการณ์วัคซีนโควิดดี บั่นทอนแรงซื้อทองคำ - Investing.com
Read More

โออาร์-บางจาก ปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 40 สต.E85 ขึ้น 20 สต.มีผลพรุ่งนี้ : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) และ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 40 สตางค์ เว้น E85 ปรับขึ้น 20 สตางค์ มีผลตั้งแต่เวลา 05.00 น.วันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.) เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องถิ่นวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน ออกเทน 95 ของ PTT Station อยู่ที่ลิตรละ 38.16 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 30.75 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 30.48 บาท, E20 ลิตรละ 29.24 บาท และ E85 ลิตรละ 23.24 บาท ส่วนดีเซล B7 อยู่ที่ลิตรละ 30.69 บาท, B10 ลิตรละ 27.69 บาท และ B20 ลิตรละ 27.44 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 64)

Tags: , , , , , ,

Adblock test (Why?)


โออาร์-บางจาก ปรับขึ้นราคาน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 40 สต.E85 ขึ้น 20 สต.มีผลพรุ่งนี้ : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

หุ้น China Evergrande ร่วงหนัก หลังถอนตัวจากธุรกิจย่อย โดย Investing.com - Investing.com

หุ้น China Evergrande ร่วงหนัก หลังถอนตัวจากธุรกิจย่อย © Reuters

โดย Gina Lee

Investing.com – หุ้นของบริษัท China Evergrande New Energy Vehicle Group Ltd. ร่วงลงในวันจันทร์ หลังจากมีข่าวในวันเสาร์ออกมาว่า บริษัทจะละทิ้งแผนการออกหุ้นหยวนจีน ในส่วนของนวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเซี่ยงไฮ้

ภาคผลิตยานยนต์ไฟฟ้าของ China Evergrande Group (HK:) ยังเตือนด้วยว่ามีอนาคตที่ไม่แน่นอน เว้นแต่จะได้รับเงินสดอย่างรวดเร็ว

หุ้นฮ่องกงของ China Evergrande New Energy Vehicle ร่วงลง 10.31% สู่ 2 ดอลลาร์ฮ่องกง(0.26 ดอลลาร์) เมื่อเวลา 00:39 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (4:39 น. GMT) หลังจากร่วงลงสูงสุด 26% และแตะ 1.66 ดอลลาร์ฮ่องกงในเซสชั่นก่อนหน้า หุ้น China Evergrande ทรงตัวที่ 2.36 ดอลลาร์ฮ่องกง

คำเตือนที่ออกหลังมาหลังจากตลาดปิดในวันศุกร์เป็นสัญญาณล่าสุดว่าวิกฤตสภาพคล่องของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์กำลังแพร่กระจายไปยังธุรกิจอื่น

อย่างไรก็ตาม ความกังวลว่าการล่มสลายของ China Evergrande อาจผลักดันให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้ลดลงสำหรับนักลงทุนบางส่วน

“ฉันคิดว่าตลาดมีความสมดุลอยู่ และความตกใจจากความกลัวจบลงแล้ว” ไคล์ ร็อดดา นักวิเคราะห์จาก IG Markets กล่าวกับรอยเตอร์

“ตลาดคาดการณ์ไว้ระดับนึงแล้วว่า บริษัทหนึ่งจะล้มลง แต่จะไม่ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อระบบการเงินของจีน ดังนั้น ความเสียหายจะไม่แพร่กระจายไปยังตลาดโลก”

China Evergrande พลาดกำหนดชำระเงินพันธบัตรดอลลาร์ในช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า และได้รับระยะเวลาผ่อนผัน 30 วัน บริษัทมีกำหนดชำระดอกเบี้ยพันธบัตรจำนวน 47.5 ล้านดอลลาร์สำหรับพันธบัตรดอลลาร์ 9.5% ในเดือนมีนาคม 2567 ในวันที่ 29 ก.ย.

ปัจจุบัน บริษัท Evergrande มีหนี้สินประมาณ 3 แสน 5 พันล้านดอลลาร์และกำลังดิ้นรนเพื่อระดมทุนเพื่อชำระเงิน หากบริษัทล้มละลาย ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ความเสียหายต่อตลาด หรือความช่วยเหลือจากรัฐบาลจีน ล้วนเป็นไปได้ทั้งหมด

การปฏิเสธความรับผิด: Fusion Media would like to remind you that the data contained in this website is not necessarily real-time nor accurate. All CFDs (stocks, indexes, futures) and Forex prices are not provided by exchanges but rather by market makers, and so prices may not be accurate and may differ from the actual market price, meaning prices are indicative and not appropriate for trading purposes. Therefore Fusion Media doesn`t bear any responsibility for any trading losses you might incur as a result of using this data.

Fusion Media or anyone involved with Fusion Media will not accept any liability for loss or damage as a result of reliance on the information including data, quotes, charts and buy/sell signals contained within this website. Please be fully informed regarding the risks and costs associated with trading the financial markets, it is one of the riskiest investment forms possible.

Adblock test (Why?)


หุ้น China Evergrande ร่วงหนัก หลังถอนตัวจากธุรกิจย่อย โดย Investing.com - Investing.com
Read More

โกลด์แมนแซคส์คาดราคาน้ำมันเบรนท์พุ่งแตะ 90 ดอลลาร์ปีนี้ รับดีมานด์ฟื้นตัว : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในปีนี้ขึ้นสู่ระดับ 90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าความต้องการน้ำมันจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ คาดว่าการที่พายุเฮอริเคนไอดาส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโกจะส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานตัว และเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นด้วย

โกลด์แมน แซคส์ระบุในรายงานว่า “ภาวะไร้สมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกนั้น รุนแรงกว่าที่เราคาดไว้ และความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกก็ฟื้นตัวรวดเร็วกว่าที่เราคาดไว้เช่นกัน”

อย่างไรก็ดี โกลด์แมน แซคส์คาดว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน และการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตรหรือโอเปกพลัส เพิ่มการผลิตนั้น จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มราคาน้ำมันด้วย

ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในไตรมาส 2 และไตรมาส 4 ของปี 2565 ลงสู่ระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล จากระดับ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ในการประชุมเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกพลัสได้บรรลุข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันสำหรับเดือนต.ค. เช่นเดียวกับที่ได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนก.ย.

สำหรับการประชุมกำหนดนโยบายการผลิตน้ำมันของโอเปกพลัสครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 4 ต.ค. ซึ่งบรรดาประเทศผู้ผลิตน้ำมันจะตัดสินใจเกี่ยวกับแผนการด้านอุปทาน โดยคาดว่าการประชุมดังกล่าวจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมัน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 64)

Tags: , , , ,

Adblock test (Why?)


โกลด์แมนแซคส์คาดราคาน้ำมันเบรนท์พุ่งแตะ 90 ดอลลาร์ปีนี้ รับดีมานด์ฟื้นตัว : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

ราคาทองวันนี้ 27 ก.ย. 64 ล่าสุดเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ ปรับขึ้น 50 บาท - ไทยรัฐ

"ราคาทองวันนี้" เปิดตลาดเช้าวันจันทร์ ราคาปรับขึ้น 50 บาท โดยราคา "ทองคำแท่ง" ขายออกบาทละ 27,800 ราคา "ทองรูปพรรณ" ขายออกบาทละ 28,300 บาท


วันที่ 27 ก.ย. 2564 สมาคมค้าทองคำรายงานว่า ราคาทองไทยวันนี้ ครั้งที่ 1 เมื่อเวลา 09.25 น. ราคาทองปรับขึ้น 50 บาท ส่งผลให้ "ทองคำแท่ง" รับซื้อบาทละ 27,700 ขายออกบาทละ 27,800 บาท ส่วน "ทองรูปพรรณ" รับซื้อบาทละ 27,197.04 ขายออกบาทละ 28,300 บาท.

Adblock test (Why?)


ราคาทองวันนี้ 27 ก.ย. 64 ล่าสุดเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ ปรับขึ้น 50 บาท - ไทยรัฐ
Read More

Sunday, September 26, 2021

บทวิเคราะห์ ราคาทองคำวันนี้ (27 ก.ย.) โดย YLG Bullion - ประชาชาติธุรกิจ

ราคาทองคำ
Photo by SIMIN WANG / AFP

บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 27 กันยายน 2564

สรุป ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,757.58 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อทางเทคนิค อย่างไรก็ดี ราคาทองคำปรับตัวลดลงในเวลาต่อมาโดยได้รับแรงกดดันจากหลายปัจจัย

ได้แก่ (1) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ดีดตัวขึ้นต่อสู่ระดับสูงสุดที่ 1.4647% ในวันศุกร์จากการปรับพอร์ตการลงทุน หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณจะเริ่มลด QE ในไม่ช้า ซึ่งอาจนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วสุดในปีหน้า (2) ดัชนีดอลลาร์ ปิดแข็งค่าขึ้น 0.21% หลังยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 740,000 ยูนิตในเดือน ส.ค. และ (3) ถ้อยแถลงในเชิง Hawkish หรือ สนับสนุนการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินของเจ้าหน้าเฟด อาทิ นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟดแคนซัสซิตี้ที่กล่าวในวันศุกร์ว่า ตลาดแรงงานได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของเฟดสำหรับการลด QE แล้ว และเฟดควรหันมาอภิปรายว่าควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

ส่วนนางลอเร็ตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดคลีฟแลนด์ กล่าวในระหว่างงานที่จัดโดยโอไฮโอแบงค์เกอร์ลีกว่า เฟดควรเริ่มลดวงเงิน QE ในเดือน พ.ย. และอาจเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ภายในสิ้นปี 2022 หากตลาดแรงงานยังคงฟื้นตัวขึ้นตามที่คาดไว้ ซึ่งปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,740.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงปลายตลาด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น +0.87 ตัน

สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน และถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด อาทิ นายอีแวนส์ ประธานเฟดชิคาโก นายวิลเลียมส์ ประธานเฟดนิวยอร์ก นางเบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด

คำแนะนำ หากตลอดวันราคาทองคำยังไม่สามารถฝ่าแนวต้านบริเวณ 1,767-1,782 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้ระมัดระวังแรงขายเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาอาจมีโอกาสที่จะปรับย่อลงมาบริเวณแนวรับ 1,748-1,737 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง

Adblock test (Why?)


บทวิเคราะห์ ราคาทองคำวันนี้ (27 ก.ย.) โดย YLG Bullion - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! นลท.จับตาข้อมูลกำไรอุตสาหกรรมจีน-สถานการณ์เอเวอร์แกรนด์ - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผันผวนในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลกำไรภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. ของจีนในวันนี้ รวมถึงความเคลื่อนไหวหลังจากที่บริษัทไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ได้ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ 2 งวดซึ่งมีกำหนดชำระเมื่อวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,625.96 จุด เพิ่มขึ้น 12.89 จุด หรือ +0.36%, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 30,277.82 จุด เพิ่มขึ้น 29.01 จุด หรือ +0.095% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,131.42 จุด ลดลง 60.74 จุด หรือ -0.25%

ทั้งนี้บริษัทเอเวอร์แกรนด์มีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ 2 งวดเมื่อวันที่ 23 ก.ย. โดยมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยวงเงิน 232 ล้านหยวน หรือราว 35.88 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลเงินหยวนที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนก.ย.2568 รวมทั้งจ่ายดอกเบี้ยอีกก้อนหนึ่งวงเงิน 83.5 ล้านดอลลาร์สำหรับหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2565 อย่างไรก็ดี เอเวอร์แกรนด์ยังคงมีเวลาอีก 30 วันในการหาทางระดมทุน ก่อนที่จะถูกประกาศว่าบริษัทผิดนัดชำระหนี้

นอกจากนี้เอเวอร์แกรนด์ยังมีกำหนดชำระดอกเบี้ยวงเงิน 47.50 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 29 ก.ย.สำหรับหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนมี.ค.2567

ขณะเดียวกันการผิดนัดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้เกิดขึ้นแม้ว่าประธานบริษัทเอเวอร์แกรนด์ได้ออกแถลงการณ์สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในช่วงเช้าวันที่ 23 ก.ย. ขณะที่ทางการจีนก็ได้แจ้งเตือนบริษัทให้ทำการชำระหนี้หุ้นกู้สำหรับนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้สำหรับหุ้นกู้สกุลดอลลาร์ โดยขณะนี้ผู้บริหารของเอเวอร์แกรนด์ยังไม่ได้ออกแถลงการณ์ใดๆ ต่อผู้ถือหุ้นกู้ของบริษัท รวมทั้งไม่ได้ยื่นหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของฮ่องกง

ส่วนทางการจีนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในมณฑลต่างๆ เตรียมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการล้มละลายของเอเวอร์แกรนด์ ซึ่งคำเตือนดังกล่าวเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลจีนไม่มีความประสงค์ที่จะเข้ากอบกู้กิจการของเอเวอร์แกรนด์ แต่จะเตรียมพร้อมรับมือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคเศรษฐกิจและสังคมของจีน หากเอเวอร์แกรนด์ต้องประสบกับภาวะล้มละลายในที่สุด

Adblock test (Why?)


“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! นลท.จับตาข้อมูลกำไรอุตสาหกรรมจีน-สถานการณ์เอเวอร์แกรนด์ - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
Read More

NWR เผยกิจการร่วมค้าเอ็นทีเอชคว้างานก่อสร้างรันเวย์สนามบินตรัง 1.78 พันลบ. : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) เปิดเผยว่า กิจการร่วมค้า เอ็นทีเอช ที่ประกอบด้วยบริษัทฯ, บริษัท ไทยสเลอรี่ ซิล จำกัด (TSS) และ ห้างหุ้นส่วนจำกัด หาดใหญ่เรืองชัยการ โยธา (RC) ได้ร่วมลงนามในสัญญาก่อสร้างกับกรมท่าอากาศยาน โดยเป็นโครงการก่อสร้างต่อเติมความยาวทางวิ่งพร้อมระบบไฟฟ้าสนามบิน และองค์ประกอบอื่นๆ ท่าอากาศยานตรัง มูลค่าโครงการ 1,775,721,300.00 บาท ซึ่งมีระยะเวลาก่อสร้าง ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.64 ถึง วันที่ 5 ม.ค.68

โดยกิจการร่วมค้า เอ็นทีเอช ประกอบด้วย NWR 53% คิดเป็นมูลค่า 941,32,289.00 บาท, สัดส่วนของ TSS 23.50% คิดเป็นมูลค่า 417.,294.505.50 บาท และสัดส่วนของ RC 23.50% คิดเป็นมูลค่า 417,294,505.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ย. 64)

Tags: , , ,

Adblock test (Why?)


NWR เผยกิจการร่วมค้าเอ็นทีเอชคว้างานก่อสร้างรันเวย์สนามบินตรัง 1.78 พันลบ. : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

ไทยร่วมทุนพลังงานอนาคต - ไทยรัฐ

ความเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจและเศรษฐกิจจากนี้ไป เป็นเรื่องที่ต้องจับตามากที่สุดเพราะถือว่าเป็นการปรับตัวของ ยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ที่มาเร็วกว่าที่คาดคิดเอาไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วย ที่จะทำให้ธุรกิจต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกอนาคต

เมื่อไม่กี่วันมานี้ รองนายกฯและ รมว.พลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ได้ลงนามความร่วมมือด้านการลงทุนอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ระหว่าง ปตท. กับ บริษัท หงไห่ พริซิชั่น อินดัสทรี หรือ ฟ็อกซ์คอนน์ เพื่อสร้างฐานการผลิตและพัฒนาแพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้าขึ้นในประเทศไทย ที่จะช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยเปลี่ยนผ่านสู่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับสากลมากขึ้น

ประเทศในยุโรป สหรัฐฯ มีนโยบายที่จะใช้รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบใน 4-5 ปีนี้ บริษัทรถยนต์ในอเมริกา ยุโรป หรือในญี่ปุ่น หันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ มาลงทุนสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ที่อินโดนีเซีย ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นโดยจะเห็นสถานีเติมพลังงานไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ในสถานีน้ำมันหลายพื้นที่แล้ว

ผู้บริหาร ปตท. อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ กับ ยัง ลวือ ผู้บริหาร ฟ็อกซ์คอนน์ รวมทั้ง ศ.ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ ประธานบอร์ด ปตท. นฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือบีโอไอ ดร.ลัษมณ อรรถาพิช รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พร้อมผู้บริหารระดับสูงเห็นตรงกันว่า จะเป็นการที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยมีส่วนร่วมในการพัฒนาแพลตฟอร์มยานยนต์ไฟฟ้าในครั้งนี้ และจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในระดับสากลมากยิ่งขึ้น

การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ EV Value Chain กำลังเป็นแผนธุรกิจแนวใหม่ เป็นที่สนใจของ นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ และนักลงทุน แม้ว่าการลงทุนในขั้นแรกเริ่มจะต้องใช้เงินลงทุนสูง อาทิ สร้างโรงงานผลิต ศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรม การวางระบบการผลิต ที่คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุน 1-2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ การพลิกโฉมภาคการพัฒนาและผลิตยานยนต์ไฟฟ้า โดยรวมที่เบื้องต้นใช้เวลา 2-3 ปี ในการเตรียมพร้อมและเริ่มผลิตออกสู่ตลาด ตามเป้าหมายการผลิตที่ 50,000 คันต่อปีและขยายเป็น 150,000 คันต่อปีในอนาคต ถือว่าเป็นการคุ้มค่าในการลงทุนอย่างมากเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับ

และด้วยเม็ดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนภายในประเทศ สร้างงานภาคแรงงาน เสริมสร้างทักษะและอาชีพให้กับคนไทยอีกจำนวนมาก ตามเป้าหมายของภาครัฐที่จะยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย พร้อมขับเคลื่อนประเทศให้บรรลุหลักการลดก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย

ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียน เริ่มมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด ภายใต้ชื่อ บริษัท อรุณ พลัส ที่ ปตท.ถือหุ้นร้อยละ 100 ทุนจดทะเบียน 5,000 ล้านบาท รองรับการขยายฐานธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย เป็นการนำร่องธุรกิจในอนาคตยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของพลังงานในอนาคต ที่จะเป็นการยกระดับอนาคตเศรษฐกิจของประเทศไทยยุค 4.0.

Adblock test (Why?)


ไทยร่วมทุนพลังงานอนาคต - ไทยรัฐ
Read More

SCBX ก้าวข้ามขีดจำกัด “ไทยพาณิชย์” คิดใหญ่ทำใหญ่ - ผู้จัดการออนไลน์



แผนปรับโครงสร้างธุรกิจ “ไทยพาณิชย์” กลายร่างสู่ SCBX หลายฝ่ายซูฮกการก้าวข้ามขีดจำกัด หากยังต้องใช้ระยะเวลาและผลงานพิสูจน์ เพื่อดันราคาหุ้นไปต่อ

ยอมรับการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ “ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ ” รอบนี้ สร้างแรงสะเทือนให้หลายฝ่าย การตัดสินใจครั้งนี้ นอกจากเป็นเรื่องที่ท้าทายผู้บริหารแล้ว ยังท้าทายผู้ถือหุ้น เพราะหากไฟเขียว นั่นหมายถึงการต้องยอมรับสภาพกับอนาคตที่อาจไม่แน่ไม่นอน เพราะทุกอย่างบางครั้งเวลาก็ไม่สามารถการันตีอะไรได้

“อาทิตย์ นันทวิทยา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้เหตุผลถึงความจำเป็นที่ต้องปรับตัวจาก SCB สู่ SCBX และเส้นทางธุรกิจในอนาคตที่เชื่อมั่นว่าจะมีความรุ่งโรจน์รออยู่เบื้องหน้า หลังจากที่ผ่านมาหาก SCB ปรับลดสาขาและปลดพนักงานลงกว่าครึ่งมาตั้งแต่ 3 ปีก่อนหน้าแล้ว นั่นเป็นที่ชัดเจนว่าธนาคารในรูปแบบเดิมกำลังหมดไป

โดยประเมินว่า ประมาณปี 2025 การมาถึงของ decentralized finance technology การขยายตัวและการบุกของแพลตฟอร์มระดับโลกเข้าสู่ธุรกิจการเงิน พฤติกรรมของผู้บริโภคหลังCOVID-19 รวมถึงกฎระเบียบข้อบังคับที่เปลี่ยนไปอย่างมาก จะทำให้รูปแบบการทำธุรกิจในแบบการเป็นตัวกลางเก็บค่าธรรมเนียมของธนาคารแบบดั้งเดิมลดบทบาทลง เพราะไม่สามารถตอบสนองความต้องการและความคาดหวังใหม่ของลูกค้าได้ และจะกระทบต่อมูลค่าธุรกิจในอนาคตของธนาคาร

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ SCB คิดว่าจะต้องไม่จำกัดตัวเองอยู่ที่ธุรกิจธนาคารแบบดั้งเดิมอีกต่อไป หากแต่ต้องใช้ความเข้มแข็งทางการเงินของธุรกิจธนาคารปัจจุบันให้เป็นประโยชน์ เร่งขยายธุรกิจเชิงรุกเข้าสู่ธุรกิจการเงินประเภทอื่นที่ตลาดต้องการ และสร้างขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยี รวมถึงการบริหารจัดการแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยีขนาดใหญ่ให้ทัดเทียมกับคู่แข่งระดับโลก เข้าสู่สนามการแข่งขันแบบใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น

และจากเรื่องดังกล่าว จึงนำมาสู่การการจัดตั้งบริษัทใหม่ และเป็นบริษัทแม่ในชื่อ SCBX ที่ไม่ใช่ธนาคารเท่านั้น แต่เป็นบริษัทลงทุน (Holding Company) มีบทบาทเป็น Tech Company โดยจะขอมติผู้ถือหุ้น SCB ในการแลกหุ้นเพื่อให้ผู้ถือหุ้น SCB ไปเป็นผู้ถือหุ้น SCBX แทน พร้อมกับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อแลกเปลี่ยนกับหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของธนาคารในอัตรา 1 หุ้นสามัญ SCB ต่อ 1 หุ้นสามัญ SCBX และ 1 หุ้นบุริมสิทธิ SCB ต่อ 1 หุ้นสามัญ SCBX การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 2565 จากนั้นจะนำ SCBX ไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเพิกถอนหุ้น SCB ออกจากตลาด โดย SCBX จะกลายเป็นผู้ถือหุ้น SCB แทน

ไม่เพียงเท่านี้ บอร์ดยังมีมติให้เสนอผู้ถือหุ้น SCB เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นกรณีพิเศษ จำนวน 7 หมื่นล้านบาท โดยสัดส่วน 70% จะใช้ในการทำเรื่องการโอนธุรกิจ จัดตั้งบริษัทใหม่ และการลงทุนใหม่ เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจการและการเติบโตในอนาคต ส่วนอีก 30% ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและจ่ายเงินปันผลในรอบปี 2565

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับประเด็นดังกล่าว คือการปลดล็อก SCB ออกจากพันธะเดิมๆ เพื่อกายการเติบโตในอนาคต เพราะต่อจากนี้ SCB จะไม่เป็นเพียงแค่ธนาคารพาณิชย์แล้ว แต่จะเป็นอะไรที่มากกว่าธนาคารและบริษัทสามารถหยิบหรือจับต้องสิ่งที่ทำผลประโยชน์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องวางอยู่บนเงื่อนไข การเป็นธนาคารพาณิชย์ นั่นหมายถึงการเพิ่มอักษร “X” ต่อท้าย SCB มันช่วยทำให้ศักยภาพของSCB นั่นมีมากขึ้น มีโอกาสมากขึ้น มีความเป็นไปได้มากขึ้น

นั่นเพราะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แทนธนาคารไทยพาณิชย์จะเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดจากกฎระเบียบแบบเดิมที่ธนาคารทำไม่ได้ ทำให้การดำเนินธุรกิจมีความคล่องตัว มากขึ้น และสามารถลงทุนในธุรกิจอื่นๆ ที่ต่อยอดการเติบโตได้

โดยกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งธนาคารควบคู่ไปกับการสร้างธุรกิจใหม่สำหรับอนาคตนั้น พบว่าในส่วนของธนาคารจะมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการปรับลดกระบวนการขั้นตอนต่างๆ ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปให้มากที่สุดในทุกช่องทาง  ส่วนการแปลงสภาพธนาคารให้กลายเป็นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินที่แข็งแรง และมีธนาคารพาณิชย์เป็นแกนนำของกลุ่ม หลายฝ่ายชื่นชมว่าเป็นเรื่องที่ชาญฉลาด แต่อย่างไรก็ตามการขยายเข้าสู่ธุรกิจการเงินส่วนบุคคลที่มีการเติบโตสูงและธนาคารไม่สามารถตอบสนองได้เต็มที่ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย แม้คำยืนยันจากผู้บริหารจะออกมาซัพพอร์ตว่าแต่ละธุรกิจ SCB จะร่วมมือกับพันธมิตรระดับประเทศ และระดับภูมิภาคที่แข็งแกร่งที่จะเริ่มเปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้ก็ตาม

นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่ผู้ถือหุ้นSCB ต้องไม่ลืมว่าการขยายเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับโลกเพื่อเข้าสู่โลกการเงินแห่งอนาคตผ่าน SCB 10X และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) โดยการร่วมลงทุนและเป็นพันธมิตรกองทุนระดับโลก และการพัฒนาธุรกิจ digital asset ด้านต่างๆ ใน business model ใหม่เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่กลุ่มในระยะยาวนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และก็เป็นเรื่องที่เกินความสามารถหากมุ่งมั่นจะทำ

ประเด็นที่น่าสนใจถัดมา คือการต่อยอดการเติบโตของธุรกิจภายใต้การดำเนินการของ SCBX จะมีการนำธุรกิจในเครือของ SCB เข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อยต่างๆราว 15-16 บริษัท เพื่อให้มีการบริหารงานที่คล่องตัวมากขึ้น และสามารถรุกขยายธุรกิจได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถจะแยกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม Cash Cow คือ ธุรกิจธนาคาร SCB ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ SCBX เป็นกลุ่มสร้างผลกำไรที่ดีและสนับสนุนเงินทุนให้ SCBX ลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ รวมทั้งธุรกิจการเงินอื่นๆ เช่น ธนาคารในกัมพูชา, เมียนมา, บริษัทบริหารสินทรัพย์ รัชโยธิน, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBAM), SCB Protect, ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์, ไทยพาณิชย์พลัส

และอีกกลุ่มจะเป็นกลุ่ม New Growth กลุ่มธุรกิจแฟลกชิปผลักดันการเติบโต เพิ่มมูลค่าธุรกิจที่เข้าไปลงทุนด้าน Digital Asset และ Digital Platforms โดยแยกเป็น กลุ่ม Consumer Finance และ Digital Financial เช่นการจัดตั้งบริษัทออโต้ เอกซ์, บริษัทคาร์ด เอกซ์, บริษัทบริหารสินทรัพย์ คาร์ด เอกซ์ และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ รวมถึงกลุ่ม Digital Platforms และ Technology Services ประกอบด้วย บริษัทเพอร์เพิล เวนเจอร์ส, บริษัท เอสซีบี เทคเอกซ์, บริษัทดิจิทัล เวนเจอร์ส, บริษัทโทเคน เอกซ์, บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์, บริษัท เอสซีบี อบาคัส, บริษัท มันนิกซ์, บริษัท เอไอเอสซีบี, บริษัทร่วมทุน AIS และบริษัทร่วมทุนเครือซีพี SCB-CP

หากดูโครงสร้างธุรกิจในกลุ่ม New Growth ส่วนหนึ่งจะมาจากการโอนธุรกิจที่อยู่กับธนาคารไทยพาณิชย์ แตกเป็นบริษัทลูก เช่น Card X รับโอนธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล Auto X ธุรกิจสินเชื่อรถ ลิสซิ่ง, กลุ่มธุรกิจเดิมที่ SCB ถือหุ้นอยู่แล้วด้าน Digital Asset ผ่านบริษัท SCB 10X ธุรกิจแพลตฟอร์ม Food Delivery ผ่านบริษัท Purple Ventures ธุรกิจหลักทรัพย์ ดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลผ่าน SCB security ซึ่งเป็นเรือธงในกลุ่มธุรกิจสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนร่วมกับพาร์ตเนอร์ AIS จัดตั้ง AISCB เพื่อให้บริการด้านการเงินดิจิทัล เช่น บริการด้านสินเชื่อ (digital lending) และบริการทางการเงินอื่นๆ และการร่วมทุนกับ MGC Group ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ จัดตั้ง Alpha X บริการธุรกิจให้เช่าซื้อ ลิสซิ่ง และให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์ รถจักรยานยนต์ (Big Bike) เรือยอชต์ และ River Boat รวมทั้งการร่วมทุนเครือเจริญโภคภัณฑ์ จัดตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600-800 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน Decentralized Finance ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกิดใหม่อื่นๆ

แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดยังไม่น่าสนใจ เท่ากับ การส่ง SCBX ขยายเข้าสู่ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับโลกเพื่อเข้าสู่โลกการเงินแห่งอนาคตผ่าน SCB 10X และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) โดยการร่วมลงทุนและเป็นพันธมิตรกองทุนระดับโลก และการพัฒนาธุรกิจ digital asset ด้านต่างๆ เพราะแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจมาเป็น SCBX ตามแผนงาน 5 ปีที่ตั้งไว้ถึงปี 2568 ตั้งเป้าขึ้นเป็นบริษัทในระดับภูมิภาคและนานาชาติ นั้นจะครอบคลุมการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 ล้านราย สามารถผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า และผลักดันมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาด (Market Cap) ของ SCBX แตะ 1 ล้านล้านบาท หรือสามารถขึ้นเป็นบริษัทระดับ Reginal และ International สร้างการเติบโตของ Earning ที่มีคุณภาพ เป็นก้าวใหม่ของ SCB ที่จะเดินหน้าปรับเปลี่ยนเพื่อการเติบโตในอนาคต

สำหรับมุมมองแวดวงในตลาดหุ้น มองว่าหลังประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น Holding company ภายใต้ SCBX หนุนความได้เปรียบคู่แข่งในการขยายธุรกิจด้าน Digital เทรนด์อนาคตนั้นจะช่วยให้การขยายธุรกิจด้านต่างๆทำได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากบางธุรกิจไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้กฎระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

โดย SCBX แบ่งธุรกิจเป็นกลุ่ม cash cow และ growth โดย Cash cow มีการเติบโตที่มั่นคง ความเสี่ยงต่ำ ROE ต่ำ เช่น ธุรกิจธนาคารและการบริหารสินทรัพย์ คิดเป็น 85% ของรายได้ทั้งหมด อีกกลุ่มหนึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูงและ ROE สูง ซึ่งคิดเป็น 15% ของกำไร ส่วนใหญ่มาจากธุรกิจสินเชื่อและหลักทรัพย์ที่ไม่มีหลักประกัน ทำให้ผู้บริหารตั้งเป้าเพิ่มรายได้ 150% และธุรกิจที่เติบโตจะมีสัดส่วนมากกว่าหนึ่งในสามของรายได้ทั้งหมดภายในปี2569 โดยในแผน 5 ปี ผู้บริหารตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนลูกค้าเป็น 200 ล้านคนด้วยการร่วมพันธมิตรเชิงรุกและการควบรวมกิจการ จากลูกค้า 40-50 ล้านคนในปัจจุบัน นั่นเพราะ SCBX ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้านสินทรัพย์ดิจิทัลและการวิเคราะห์ข้อมูลเทคโนโลยี โดยมีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO บริษัท CardX (บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล), Auto X (สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์), SCB Securities (พร้อมบริการสินทรัพย์ดิจิทัล) MONIX และ SCB ABACUS (สินเชื่อดิจิทัล) ใน 3-5 ปีข้างหน้า

ดังนั้น การประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจเป็น Holding company ชื่อ SCBX จะหนุนให้ได้เปรียบคู่แข่งในการขยายธุรกิจที่เป็น Digital ที่เป็นเทรนด์ของอนาคต และจะช่วยให้การขยายธุรกิจด้านต่างๆทำได้ง่ายมากขึ้น เนื่องจากบางธุรกิจไม่จำเป็นต้องอยู่ใต้กฎระเบียบของแบงก์ชาติ รวมถึงจะสามารถร่วมมือพันธมิตรด้านต่างๆได้คล่องตัวมากขึ้น ซึ่งจะเข้ามาช่วยในการขยายฐานลูกค้าของบริษัทได้มากยิ่งขึ้น

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเชิงบวกต่อแผนการปรับโครงสร้างโดยตั้ง SCBX เป็นบริษัทโฮลดิ้งและเพิกถอนหุ้นด้วย SCBX แบบหุ้นต่อหุ้น 1:1 โดยจะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 พ.ย. โดยจะมีการโอนเงินครั้งเดียวมูลค่า 7 หมื่นล้านบาทจาก SCB ไปยัง SCBX สำหรับการโอนธุรกิจสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน (70% หรือ 4.9 หมื่น ล้านบาท) และการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นสำหรับ SCBx (30% หรือ 2.1 หลื่น ล้านบาท) คาดว่า SCBx จะจ่ายเงินปันผลพิเศษ 5.1-6.2 บาท/หุ้นในไตรมาส 2/65 ภายใต้ SCBX

ด้าน บล.ทิสโก้  ระบุว่า ยังชอบในแนวคิดการปรับโครงสร้าง โดยมีเหตุผลหลักคือ ความยืดหยุ่นในการทำธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านฟินเทคที่กฎระเบียบต่างๆ ยังคงพัฒนาอยู่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มมูลค่าจากบริษัทในเครือผ่านการ IPO ที่คาดการแยกธุรกิจบัตรเครดิต และธุรกิจสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันน่าจะนำไปสู่การประเมินมูลค่าที่ดีขึ้น โดย การจัดตั้งบริษัทลูกหลายบริษัทจะมีค่าใช้จ่ายในระยะสั้น และกดดันแนวโน้มกำไรในช่วงดังกล่าว และการแยกธุรกิจสินเชื่อไม่มีหลักประกันอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเนื่องจากการดำเนินการซ้ำซ้อน แต่ประเด็นต้นทุนส่วนนี้จะค่อยๆ หมดไป หลังบริษัทลูกเริ่มสร้างรายได้ คาดกำไรในอนาคตจะเพิ่มขึ้นจากกำไรที่คาดว่าจะได้รับจากการ IPO หุ้นในเครือ

ท้ายสุดไม่มีใครชี้ชัดได้ว่า SCB เมื่อกลายเป็นSCBX แล้วจะกล้าแข็งเพียงใด เพราะทุกอย่างไม่ใช่เพียงแค่อาศัยระยะเวลาพิสูจน์ แต่กลุ่มไทยพาณิชย์จำเป็นต้องทำให้เห็นในเชิงประจักษ์ว่าสามารถทำได้ดั่งที่ตั้งเป้าหมายไว้ มิเช่นนั้นจากราคาหุ้นที่ดีดตัวเพิ่ม ก็พร้อมที่จะหดตัวลงตามความเสี่ยงที่จะเข้ามาท้ายเพิ่มขึ้นอีกนับจากนี้


Adblock test (Why?)


SCBX ก้าวข้ามขีดจำกัด “ไทยพาณิชย์” คิดใหญ่ทำใหญ่ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

ชี้อนาคตแบงก์พาณิชย์ไทย ตัวเล็กอยู่ยาก - โพสต์ทูเดย์

ชี้อนาคตแบงก์พาณิชย์ไทย ตัวเล็กอยู่ยาก

วันที่ 26 ก.ย. 2564 เวลา 17:42 น.

นักวิชาการ ประเมินธุรกิจธนาคารไทย โดดข้ามธุรกิจผูกขาดการแข่งขัน ทำให้แบงก์เล็กอยู่ยาก

ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึง อนาคตธุรกิจการเงินการธนาคารไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จะมีการขยายพรมแดนทางธุรกิจออกไป พลวัตนี้ส่งผลบวกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดการเงิน เพิ่มบทบาทของอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารต่อเศรษฐกิจไทยมากขึ้นกว่าเดิม อาจทำให้การผูกขาดอำนาจทางเศรษฐกิจแข็งตัวขึ้น ฉะนั้นต้องส่งเสริมให้เกิดสภาวะการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรม และ เปิดพื้นที่ให้รายเล็กรายกลางสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ สถาบันการเงินขนาดเล็ก ธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อขนาดเล็ก กิจการแพลตฟอร์มขนาดเล็กต้องมีการปรับตัวให้อยู่รอด หลังการปรับโครงสร้างใหม่ของธนาคารไทยพาณิชย์สู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารขนาดใหญ่ของไทยอย่างน้อยสี่แห่งมีความพร้อมสามารถเดินหน้าสู่กลุ่มบริษัทเทคโนโลยีการเงินได้เช่นเดียวกัน โดยธุรกิจการให้บริการการเงินของธนาคารแบบดั้งเดิม Traditional Banking Service จะลดบทบาทลงอย่างรวดเร็ว ธนาคารใดที่มีการลงทุนในส่วนนี้ไว้มากเกินไปจะมีภาระต้นทุนสูงกว่าคู่แข่ง ขณะที่การให้บริการการเงินและปล่อยสินเชื่อแบบดิจิทัล (Digital Financial Service) และ ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม การลงทุนและการบริการทางด้านเทคโนโลยีที่ใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีบล็อกเชน จะเป็นอนาคตของกลุ่มธุรกิจการเงิน สิ่งนี้จะทำให้ราคาหุ้นของกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นจากการคาดการณ์การเติบโตของผลกำไรในอนาคตในระยะปานกลางและระยะยาว ส่วนในระยะสั้นนั้น การขยายตัวของสินเชื่อและปัญหาหนี้เสียยังคงได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ Covid-19

การขยับตัวของธนาคารขนาดใหญ่จะทำให้บรรดาธุรกิจบริการทางการการเงินขนาดย่อม ขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่มีฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายชัดเจนได้รับผลกระทบและต้องปรับตัว แม้นการขยายตัวของการร่วมทุนของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ทำให้ภาคธุรกิจมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพิ่มความมั่งคั่งให้ผู้ถือหุ้น แต่อาจทำให้โครงสร้างเศรษฐกิจ มีกลุ่มธุรกิจ Too big to fail หรือใหญ่เกินกว่าที่จะปล่อยให้ล้ม มากขึ้น อันนำมาสู่ความเสี่ยงของภาระต่อเงินสาธารณะในอนาคต หรือ อาจทำให้เกิด “จริยวิบัติ” (Moral Hazard) เวลาเราพูดถึงการทำหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นกรรมการบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือฝ่ายจัดการ ต้องทำหน้าที่อย่างรับผิดชอบ (Fiduciary Duty) ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ (Duty of Loyalty) และ ทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวังรอบคอบ (Duty of Care) ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมด ไม่เฉพาะผู้ถือหุ้น โดยเฉพาะเมื่อต้องทำรายการระหว่างกัน จึงทำให้ “กิจการ” มีความยั่งยืนในระยะยาว

ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา Too big to fail หรือ Moral Hazard ต้องอาศัย กฎระเบียบที่ทันสมัย และ การกำกับดูแลกิจการที่เหมาะสมโดยทำหน้าที่อย่างมืออาชีพ กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการเงินและกลุ่มธุรกิจธนาคารมีการควบรวมจำนวนมาก ต้องมีกฎระเบียบคอยกำกับไม่ให้มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่มากจนมีอำนาจเหนือตลาดได้

นอกจากนี้ การเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อกสู่ยุคดิจิทัลของภาคการเงินการธนาคาร เทคโนโลยีอนาล็อกเป็นตัวขับเคลื่อนในยุคอุตสาหกรรมการเงินการธนาคารแบบเดิม เมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลในยุคสารสนเทศทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจ วิธีการทำธุรกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค วิถีชีวิตและวัฒนธรรม เทคโนโลยีดิจิทัลทำให้สำเนาสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมายและเข้าถึงได้ฟรีอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เทคโนโลยีทำให้เกิดการเข้าถึงสินค้าและบริการมากมายได้ง่ายขึ้นในราคาที่ถูกลง ภาคธุรกิจการเงินการธนาคารจึงต้องปรับตัวครั้งใหญ่ เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการปล่อยสินเชื่อบุคคลสู่บุคคล ธุรกิจอื่นๆสามารถขยายมาให้บริการทางการเงินได้ ทำให้บทบาทและธุรกิจของธนาคารแบบเดิมลดลงไปในอัตราเร่ง การที่ผลกำไรของกลุ่มธุรกิจธนาคารยังดีอยู่เป็นเพราะโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม ผลกำไรของกลุ่มธนาคารไม่ได้สะท้อนมาที่ราคาหุ้นธนาคารมากนักในช่วงที่ผ่านมาจากโครงสร้างองค์กรที่เป็นอุปสรรคต่อการปลดปล่อยมูลค่าทางธุรกิจให้สะท้อนมาที่ราคาหุ้น การจัดโครงสร้างใหม่ของกลุ่มธุรกิจธนาคารและการเงินรวมทั้งการขยายพรมแดนทางธุรกิจโดยอาศัยฐานลูกค้าที่มีอยู่จะทำให้ราคาหุ้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ปรับตัวสูงขึ้น และ สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจเพื่อการควบรวมของธนาคารขนาดเล็กอีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ เราจะเห็นการหลอมรวมของธุรกิจธนาคาร ธุรกิจโทรคมนาคม ธุรกิจสื่อสังคมออนไลน์ ธุรกิจค้าปลีกและเครือข่ายมากขึ้น องค์กรที่จะอยู่รอดได้จึงจำเป็นต้องมีการร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจข้ามอุตสาหกรรม หรือ จำเป็นต้องทำธุรกิจแบบครบวงจรมากขึ้น ด้วยการผนวกรวม ทั้งแนวตั้งและแนวนอน (Verticle and Horizontal Integration) จะเกิดนวัตกรรมมากขึ้นในภาคธุรกิจไทยจากการลงทุนใน ธุรกิจสตาร์อัพร่วมกันของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้นการผนวกรวมธุรกิจหรือกิจการทั้งแนวตั้งและแนวนอน จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยต่อธุรกิจข้ามชาติระดับภูมิภาคหรือระดับโลกได้ดีขึ้น เพิ่มบทบาทและการขยายกิจการของธุรกิจขนาดใหญ่ในเศรษฐกิจภูมิภาค ประสิทธิภาพของระบบเศรษฐกิจดีขึ้น แต่อาจทำให้มิติความเป็นธรรมและการกระจายความมั่งคั่งและรายได้อ่อนแอลง และทำให้อำนาจผูกขาดในระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นได้

Adblock test (Why?)


ชี้อนาคตแบงก์พาณิชย์ไทย ตัวเล็กอยู่ยาก - โพสต์ทูเดย์
Read More

Saturday, September 25, 2021

สัปดาห์หน้าเฮ! "ม.33 - คนละครึ่งเฟส 3" รับอีก 4000 บาท เช็กให้ชัวร์เงินเข้าวันไหน - TNN24

สัปดาห์หน้าเฮ! "ม.33 - คนละครึ่งเฟส 3" เงินเข้ากระเป๋าแล้ว เช็กเลยวันไหนบ้าง

วันนี้( 26 ก.ย.64) ความคืบหน้าสำนักงานประก้นสังคมจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ระยะที่ 2 โดยจังหวัดที่ได้รับการเยียวยารอบ 2 มี เป็น 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และ พระนครศรีอยุธยา

ทั้งนี้ จะเริ่มโอนเงิน วันที่ 27 – 28 ก.ย. 64 นี้ จำนวนทั้งหมด 3.02 ล้านราย ได้รับรายละ 2,500 บาท ผ่านบัญชีธนาคารที่ผูกกับพร้อมเพย์

วิธีการตรสจสอบสิทธิประกันสังคมมาตรา 33

1.เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th เลือก คลิกตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยาตามมาตราของตนเอง

2.เลือกตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33

3.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด

4.จากนั้นกดค้นหา

5.ระบบจะแสดงผลการค้นหา พร้อมระบุจะอัปเดตข้อมูลล่าสุด ตามวันเวลาที่กำหนดอีกครั้ง

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่กระทรวงแรงงาน โทร.1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางเฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน

ขณะที่ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 กระทรวงการคลัง จะเติมเงินให้ผู้ได้รับสิทธิ์ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง สิทธิได้รับคนละครึ่งจำนวน 3,000 บาท รอบละ 1,500 บาท ดังนี้

รอบที่ 1 วันที่ 1 ก.ย.- 30 ก.ย. 2564

รอบที่ 2 วันที่ 1 ต.ค.- 31 ธ.ค. 25 64

อย่างไรก็ตาม สิทธิในโครงการสามารถใช้สะสมได้

ข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม , กระทรวงการคลัง

ภาพจาก AFP , สำนักงานประกันสังคม , คนละครึ่ง

Adblock test (Why?)


สัปดาห์หน้าเฮ! "ม.33 - คนละครึ่งเฟส 3" รับอีก 4000 บาท เช็กให้ชัวร์เงินเข้าวันไหน - TNN24
Read More

คลังเตือนประชาชนระวังถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏว่ามีการแอบอ้างว่าจะการใช้สกุลเงินดิจิทัลใหม่ทั่วโลก รวมทั้งจะมีการยกหนี้ในระบบสถาบันการเงิน และแลกเปลี่ยนเงินฝากในระบบสถาบันการเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัลนั้น กระทรวงการคลังขอชี้แจงว่า ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด จึงขอให้ประชาชนใช้ความระมัดระวัง อย่าโอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่มีการแอบอ้างในลักษณะดังกล่าว รวมทั้งอย่าส่งต่อ หรือแชร์ข้อมูลต่างๆ ที่มิได้ถูกเผยแพร่อย่างเป็นทางการจากกระทรวงการคลัง หรือธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ปัจจุบัน กฎหมายว่าด้วยเงินตรากำหนดให้เงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย มีเพียงเหรียญกษาปณ์ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง และธนบัตรที่ออกโดย ธปท.เท่านั้น นอกจากนี้ การหลอกลวงผู้อื่นด้วยการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เผยแพร่ หรือส่งต่อข้อมูลดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จเพื่อให้ผู้อื่นและให้ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม จะมีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

“กระทรวงการคลัง ขอเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมแอบอ้าง โดยมีเจตนาหลอกลวงหรือทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว โดยหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องจะมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และหากพบว่ามีการกระทำความผิดจะดำเนินการตามกฎหมายทันที”

โฆษกกระทรวงการคลังกล่าว

นอกจากนี้ ตามที่มีผู้ไม่หวังดีหรือมิจฉาชีพออกข่าวหลอกลวงประชาชน ซึ่งแพร่หลายในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะ LINE Open Chat (โอเพนแชท) อย่างกว้างขวาง เป็นประเด็นการออกใบกระจายเงินพิเศษ จ่ายเงินให้ประชาชนรายชื่อละหลักล้านบาท ปลอดภาษี ชำระหนี้ให้ศูนย์ (ล้างหนี้ให้) โดยมีการกล่าวอ้างและปลอมแปลงหลักฐานว่าได้รับการรับรองจากกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงประเด็นที่กล่าวอ้างว่าธนาคารโลก (World Bank) จะมีการปรับปรุงระบบการเงินโลก (Reset) อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างๆ ทั่วโลกในเรต 1:1 และยกเลิกบัตรบัตรเครดิต การจำนอง การล้างหนี้ โดยระบุว่ามีประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกรวมตัวกันอย่างลับ ๆ เพื่อสนับสนุนการสร้างระบบหรือกองทุนที่เรียกว่า Gesara โดยโน้มน้าวให้ประชาชนมาร่วมลงทุนกับระบบดังกล่าวนั้น

กระทรวงการคลัง ขอยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ภาครัฐโดยเฉพาะกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่เคยมีการดำเนินงานใดเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือกองทุนในลักษณะนี้ เป็นการหลอกลวงประชาชน ขอประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ

ทั้งนี้ การลงทุนหลอกลวงลักษณะนี้ เกิดขึ้นมานานแล้ว และที่ผ่านมา ผู้หลงเชื่อไม่เคยมีใครได้รับประโยชน์ที่กล่าวอ้าง หรือหากได้รับก็เป็นการหลอกล่อให้เหยื่อตายใจเพื่อลงทุนเพิ่มกับมิจฉาชีพ

น.ส.กุลยา กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง กำลังอยู่ระหว่างการร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อดำเนินคดีกับมิจฉาชีพผู้กระทำผิดและขอให้ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ และผู้ที่ได้รับผลกระทบได้โปรดรวบรวมหลักฐานและแจ้งความเอาผิดเครือข่ายดังกล่าวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเอาผิดมิจฉาชีพดังกล่าวต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 64)

Tags: , , , , ,

Adblock test (Why?)


คลังเตือนประชาชนระวังถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

ถึงคิวผู้ประกันตนมาตรา 33 โอนเงินเยียวยา 27 ก.ย. นี้รีบเช็กสิทธิด่วน - TNN24

ผู้ประกันมาตรา 33 เตรียมรับเงินเยียวยาจากประกันสังคม 27-28 ก.ย. นี้ อย่าลืมตรวจสอบได้รับสิทธิหรือไม่

วันนี้ ( 25 ก.ย. 64 )ความคืบหน้าสำนักงานประก้นสังคมจ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 ระยะที่ 2 ซึ่งการเยียวยาลูกจ้างผู้ประกันตนมาตรา 33 จะต้องอยู่ใน 9 กิจการดังนี้

1. กิจการก่อสร้าง

2. กิจการที่พักแรมบริการด้านอาหาร

3. กิจกรรมศิลปะ ความบันเทิงและนันทนาการ

4.กิจกรรมบริการด้านอื่น ๆ สาขาการขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า สาขาขายส่งและการขายปลีก

5.การซ่อมยานยนต์

6.สาขากิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน

7.สาขากิจกรรมวิชาชีพ

8.วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ

9.สาขาข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร

จังหวัดที่ได้รับการเยียวยารอบ 2 มีจังหวัดอะไรบ้าง

- 13 จังหวัดสีแดงเข้ม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และ พระนครศรีอยุธยา

โอนเงินประกันสังคมมาตรา 33 รอบ 2 วันไหน?

- วันที่ 27 – 28 ก.ย. 64 นี้ จำนวนทั้งหมด 3.02 ล้านราย ได้รับรายละ 2,500 บาท ผ่านบัญชีธนาคารที่ผูกกับพร้อมเพย์

วิธีการตรสจสอบสิทธิประกันสังคมมาตรา 33

1.เข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th เลือก คลิกตรวจสอบสิทธิโครงการเยียวยาตามมาตราของตนเอง

2.เลือกตรวจสอบสถานะโครงการเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 33

3.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และกรอกรหัสให้ตรงตามรูปที่กำหนด

4.จากนั้นกดค้นหา

5.ระบบจะแสดงผลการค้นหา พร้อมระบุจะอัปเดตข้อมูลล่าสุด ตามวันเวลาที่กำหนดอีกครั้ง

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่กระทรวงแรงงาน โทร.1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือทางเฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน

ข้อมูลจาก : สำนักงานประกันสังคม

ภาพจาก : Getty image

Adblock test (Why?)


ถึงคิวผู้ประกันตนมาตรา 33 โอนเงินเยียวยา 27 ก.ย. นี้รีบเช็กสิทธิด่วน - TNN24
Read More

Friday, September 24, 2021

ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 5.02 จุด กังวลแบงก์ชาติอังกฤษจ่อขึ้นดอกเบี้ย - อาร์วายที9

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) ท่ามกลางความกังวลที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่ BoE ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษในปีนี้ ขณะเดียวกันมีรายงานว่า กรรมการ 2 รายของ BoE สนับสนุนให้ยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,078.35 จุด ลดลง 5.02 จุด หรือ -0.07%

ที่ประชุม BoE มีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และมีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ให้คงวงเงินในโครงการ QE ที่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์ เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ตลาดได้รับแรงกดดันหลังจากผลการประชุมบ่งชี้ว่า กรรมการ 2 รายของ BoE สนับสนุนให้ยุติโครงการ QE นอกจากนี้ ที่ประชุม BoE ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อของอังกฤษในปีนี้ขึ้นสู่ระดับกว่า 4% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายของ BoE กว่าสองเท่า พร้อมกับส่งสัญญาณว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นมีความเป็นไปได้มากขึ้น

ราคาหุ้นในตลาดลอนดอนปรับตัวผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโรลส์-รอยซ์ พุ่งขึ้น 3.9% ขณะที่หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ดีดตัวขึ้น 2.46% แต่หุ้นโพลีเมทัล อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองโลหะรายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 3.27% และหุ้นฮาร์เกรเวส แลนด์ส์ดาวน์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการเงิน ดิ่งลง 2.43%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยลบหลังจากรายงานของมาร์กิต/ซีไอพีเอสซึ่งระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนก.ย.ของอังกฤษร่วงลงสู่ระดับ 56.3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ จากระดับ 60.3 ในเดือนส.ค. ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นเดือนก.ย.ลดลงสู่ระดับ 54.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีนี้ จากระดับ 55.0 ในเดือนส.ค.


Adblock test (Why?)


ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: ฟุตซี่ปิดลบ 5.02 จุด กังวลแบงก์ชาติอังกฤษจ่อขึ้นดอกเบี้ย - อาร์วายที9
Read More

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...