Rechercher dans ce blog

Tuesday, August 31, 2021

กรมบัญชีกลางจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพ ตกเบิกผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ - ผู้จัดการออนไลน์



นางแก้วกาญจน์ วสุพรพงศ์ รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า เนื่องจากคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ มีมติเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เห็นชอบการจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยที่ได้รับสิทธิในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐจากกองทุนผู้สูงอายุ โดยกรมบัญชีกลางทำหน้าที่ในการจ่ายเงินเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ ตามอัตราการจ่ายเดิม (ผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 100 บาทต่อเดือน และผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 30,000 บาทต่อปี แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี จะได้รับความช่วยเหลือ 50 บาทต่อเดือน) ซึ่งจะจ่ายย้อนหลัง ดังนี้
 
- ปีงบบประมาณ พ.ศ.2563 จ่าย 4 เดือน (มิถุนายน-กันยายน 2563)
 
- ปีงบประมาณ พ.ศ.2564 จ่าย 6 เดือน แบบเดือนเว้นเดือน (ตุลาคม และธันวาคม 2563 กุมภาพันธ์ เมษายน มิถุนายน และสิงหาคม 2564)


“สำหรับเงื่อนไขของผู้มีสิทธิจะต้องเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีอายุครบ 60 ปีขึ้นไป ก่อนเดือนที่ได้รับสิทธิเงินสงเคราะห์ฯ โดยกรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีสิทธิ ในวันที่ 3 กันยายน 2564 ซึ่งวงเงินดังกล่าวสามารถใช้ชำระค่าสินค้าหรือบริการผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (เครื่อง EDC) หรือแอปพลิเคชัน “ถุงเงินประชารัฐ” ที่ร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง รวมทั้งสามารถถอนเป็นเงินสดได้ที่ตู้ ATM ของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย หรือสาขาของ บมจ.ธนาคารกรุงไทย ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center กรมบัญชีกลาง 0-2270-6400 หรือ Call Center บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0-2109-2345 ในวัน เวลาราชการ” โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว

Adblock test (Why?)


กรมบัญชีกลางจ่ายเงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพ ตกเบิกผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ - ผู้จัดการออนไลน์
Read More

หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นเช้า ปรับลด 2.98 ดัชนีอยู่ที่ 1,635 จุด - ไทยรัฐ

ไทยรัฐออนไลน์

1 ก.ย. 2564 12:42 น.

การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือหุ้นไทยวันนี้ ประจำวันที่ 1 ก.ย. 64 ครึ่งวันเช้า พบว่า ดัชนีปรับลง 2.98 จุด เปลี่ยนแปลง -0.18% ดัชนีอยู่ที่ 1,635.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 65,489.44 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) 4. บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 5. ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน).

อ่านเพิ่มเติม...

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นเช้า ปรับลด 2.98 ดัชนีอยู่ที่ 1,635 จุด - ไทยรัฐ
Read More

ราคาน้ำมันดิบร่วง 1.04% หวั่นดีมานด์อ่าวเม็กซิโกวูบ - Businesstoday

ราคาน้ำมันดิบโลกวันนี้ปรับลง 0.58-1.04% จากความกังวลความต้องการใช้น้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโก หลังโรงกลั่นบริเวณโดยรอบถูกกระทบจากพายุไอดา ส่งผลให้ต้องหยุดผลิตชั่วคราว ฝั่งกลุ่มโอเปกพลัสส่งสัญญาณกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตตามแผน

ราคาน้ำมันดิบต่างประเทศประจำวันที่ 1 ก.ย.64 มีการเปลี่ยนแปลงตามชนิดที่อ้างอิง ดังนี้

• เวสต์เท็กซัส (WTI) อยู่ที่ 68.50 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับลง 0.71 ดอลลาร์ หรือปรับลง 1.04%

• เบรนท์ (Brent) อยู่ที่ 72.99 ดอลลาร์/บาร์เรล ปรับลง 0.42 ดอลลาร์ หรือปรับลง 0.58%

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลง หลังตลาดกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบ เนื่องจากโรงกลั่นบริเวณอ่าวเม็กซิโกได้รับผลกระทบจากพายุไอดา ส่งผลให้ขาดกระแสไฟฟ้าและน้ำท่วมจนต้องมีการหยุดดำเนินการผลิตชั่วคราว ซึ่งบริษัทยังไม่สามารถประเมินความเสียหายและไม่สามารถระบุได้ว่าโรงกลั่นจะสามารถกลับมาดำเนินการผลิตต่อได้เมื่อใด

นอกจากนี้ กลุ่มโอเปกพลัสส่งสัญญาณปรับเพิ่มกำลังการผลิตตามแผนที่ระดับ 4 แสนบาร์เรลต่อวัน จนถึงเดือน ธ.ค.64 สิ้นปี แม้ว่าสหรัฐฯ จะเสนอให้ทางกลุ่มปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพิ่มเติมหลังราคาน้ำมันดิบอยู่ในระดับสูง

อย่างไรก็ดี สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 27 ส.ค. 64 ปรับตัวลดลง 4.0 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 432.0 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงราว 3.1 ล้านบาร์เรล

Adblock test (Why?)


ราคาน้ำมันดิบร่วง 1.04% หวั่นดีมานด์อ่าวเม็กซิโกวูบ - Businesstoday
Read More

ติ๊กต่อก-ทวิตเตอร์เช็กชื่อจ่ายแวต e-Service - ไทยรัฐ

ไทยรัฐฉบับพิมพ์

1 ก.ย. 2564 08:05 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่กรมสรรพากรได้เปิดให้แพลตฟอร์มดิจิทัล ต่างชาติมาลงทะเบียนเพื่อเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 53) พ.ศ.2564 หรือ พ.ร.บ. e-Service (อี-เซอร์วิส) ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้ มีแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติมาลงทะเบียนแล้ว 61 ราย อาทิ เฟซบุ๊ก (Facebook) ยูทูบ (YouTube) กูเกิล (Google) เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) สปอร์ติฟาย (Sportify) แอปเปิลเพลย์ (Apple Play) ซูม (Zoom) Line (ไลน์) ทวิตเตอร์ (Twitter) อาลีบาบา (Alibaba cloud) ติ๊กต่อก (TikTok) Dropbox, Nuverse เป็นต้น

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวว่า พ.ร.บ. e-Service (อี-เซอร์วิส) มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ก.ย.2564 เพื่อจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากธุรกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ ที่ให้บริการในไทย แต่ไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจในประเทศไทย มีรายได้ปีละ 1.8 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทำให้ประเทศไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2565 และในอนาคตจะทำให้ประเทศไทยมีฐานข้อมูลรายได้ของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างชาติ ที่จะสามารถนำไปใช้ในการคำนวณเป็นฐานภาษีใหม่ ที่น่าจะเป็นรายได้อีกทางหนึ่งของประเทศไทยในอนาคต ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า หลังจากจดทะเบียนเพื่อเป็นผู้เสียภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มต่างชาติจะต้องจัดส่ง-รับ-เก็บรักษาเอกสาร การยื่นแบบและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษีและไม่มีสิทธินำภาษีซื้อมาหักออกจากภาษีขายได้ ขณะที่ผู้ประกอบการแพลตฟอร์มดิจิทัลต่างชาติ ที่จดทะเบียนและตั้งสาขาในไทย ให้ยื่นแบบและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มและสามารถนำภาษีมูลค่าเพิ่มตามใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากรมาหักเป็นภาษีซื้อได้เช่นเดิม.

อ่านเพิ่มเติม...

Adblock test (Why?)


ติ๊กต่อก-ทวิตเตอร์เช็กชื่อจ่ายแวต e-Service - ไทยรัฐ
Read More

เมกาบางนา เตรียมเปิด 1 ก.ย. เข้มมาตรการคุมโควิด - ประชาชาติธุรกิจ

เมกาบางนา พร้อมเปิด 1 ก.ย. นี้

เมกาบางนา พร้อมเปิดให้บริการ 1 ก.ย. นี้ ตามมาตรการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เตรียมพร้อมโปรโมชันและสิทธิพิเศษ

วันที่ 31 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) วันที่ 27 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา เรื่องการผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด ที่อนุญาตให้ศูนย์การค้าเปิดให้บริการธุรกิจบางส่วนเพิ่มเติมได้

ศูนย์การค้าเมกาบางนาจะกลับมาเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบภายใต้การดำเนินการตามมาตรการของภาครัฐ พร้อมร้านค้าประเภทต่าง ๆ เช่น แฟชั่น ไลฟ์สไตล์ ร้านตัดผม คลินิกเสริมความงาม ร้านนวดและร้านอาหารซึ่งจะเปิดให้นั่งทานในร้านได้ โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน นี้ เป็นต้นไป

ทั้งนี้ สำหรับสถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สวนน้ำ ฟิตเนส สปา รวมไปถึงเครื่องเล่น สนามเด็กเล่น และร้านเกมส์ ยังคงปิดให้บริการต่อเนื่องจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ศูนย์การค้าเมกาบางนาและผู้เช่ากว่า 600 ร้านค้า พร้อมใจกันขานรับมาตรการคลายล็อกของภาครัฐ ด้วยการส่งมอบโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษสุดคุ้มเพื่อต้อนรับการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง

ภายใต้การดำเนินงานตามมาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มข้นทุกพื้นที่เน้นย้ำการดำเนินการด้านความสะอาดตามที่กรมควบคุมโรคและกระทรวงสาธารณสุขแนะนำไว้ และส่งมอบบริการที่สะดวกสบายใจและปลอดภัยให้กับลูกค้า

พลินี คงชาญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา กล่าวว่า “ภายหลังจากรับทราบนโยบายของภาครัฐในการผ่อนปรนมาตรการต่อศูนย์การค้า เมกาบางนาได้เร่งประสานงานกับร้านค้าภายในศูนย์ฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งและพบว่าร้านค้าเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ที่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของภาครัฐสามารถเปิดให้บริการได้และมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งโดยกำลังดำเนินการเตรียมความพร้อมกันอย่างคึกคักที่จะกลับมาเปิดให้บริการและต้อนรับลูกค้าของเมกาบางนา

อย่างไรก็ตามยังคงมีร้านค้าบางกลุ่มที่ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้จากการผ่อนคลายมาตรการในครั้งนี้ อันเป็นไปตามประกาศจากภาครัฐ ได้แก่ ฟิตเนส สปา โรงภาพยนตร์ และสถาบันกวดวิชา รวมไปถึงเครื่องเล่น สนามเด็กเล่น ร้านเกมส์ เป็นต้น”

ทั้งนี้ สำหรับร้านค้าที่กลับมาเปิดให้บริการในทุกกลุ่มจะต้องปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทางกรมควบคุมโรคได้แนะนำไว้อย่างเคร่งครัด โดยยึดหลัก Covid-Free Setting Protocol ที่ครอบคลุมทุกส่วน ทั้งพนักงานร้านค้า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน การดูแลความสะอาดในพื้นที่ส่วนกลางของศูนย์ฯและมาตรการสำหรับลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการนอกจากเรื่องมาตรการที่เข้มข้นด้านความสะอาด

และสร้างพื้นที่ให้บริการให้ปลอดภัยสำหรับลูกค้าที่จะมาชอปที่เมกาบางนาแล้วเรายังเตรียมจัดทำแคมเปญการตลาด Welcome Back – We’ve missed You เพื่อมอบแคมเปญสนุก ๆ และสิทธิประโยชน์จากการชอปปิ้งให้กับลูกค้าที่คิดถึงเมกาบางนาได้กลับมาชอปกันอย่างคุ้มค่าและได้รับประสบการณ์ที่ดีและปลอดภัยกลับไปด้วย

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดในการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง คือการเตรียมความพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ คือ Customer Touchpointsที่ถือเป็นจุดสำคัญซึ่งจะทำให้ลูกค้าของเมกาบางนาเกิดความมั่นใจและสบายใจ เมื่อเลือกมาชอปปิ้งที่นี่โดยศูนย์การค้าเมกาบางนาได้กำหนดมาตรการและแนวทางการปฏิบัติใน ส่วนต่าง ๆ ดังนี้

ด้านสถานที่ จัดพื้นที่ให้บริการ โดยเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล ประมาณ 1 – 2 เมตร พร้อมติดตั้งจุดบริการเจลล้างมือสำหรับผู้ใช้บริการ ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโรคทั่วพื้นที่ทุกวันและทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อในทุกจุดที่มีการสัมผัสอย่างสม่ำเสมอและเพิ่มความถี่ในจุดที่มีการสัมผัสสูง เช่น ลิฟต์ บันไดเลื่อน ราวจับ ห้องน้ำ
เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งเครื่องสแกนอุณหภูมิทุกประตูทางเข้า-ออกของศูนย์ พร้อมเพิ่มเติมมาตรการเพื่อลดความแออัด โดยจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในศูนย์การค้าเหลือเพียง 50% ของผู้เคยเข้ามาใช้บริการ โดยจำนวนลูกค้า 1 คน ต่อ 5 ตารางเมตร สำหรับการนั่งทานอาหารเปิดให้บริการได้ไม่เกิน 50% ของพื้นที่
การจัดโต๊ะต้องมีระยะห่างและฉากกั้น (Social Distancing) โดยหม้อต้ม หรือปิ้งย่าง และอุปกรณ์การทาน ต้องใช้ 1 ชุด ต่อ 1 คน

นอกจากนี้ เมกาบางนายังได้พัฒนาระบบปรับอากาศโดยให้มีอากาศหมุนเวียนภายในอย่างน้อย 5-6 ACH และทำความสะอาดระบบระบายอากาศ ฆ่าเชื้อด้วยแสง UVC ในระบบถ่ายเทอากาศ หรือล้างไส้กรองโลหะเป็นประจำ ด้านพนักงาน พนักงานทุกคนจะต้องใส่หน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามแนวทางของกระทรวงสาธารณสุข D-M-H-T-T คือ Distancing (อยู่ห่างไว้) Mask wearing (ใส่มาส์กกัน) Hand washing (หมั่นล้างมือ) Testing (ตรวจให้ไว) ThaiChana (ใช้แอปฯ ไทยชนะและหมอชนะ) และมีการประเมินร้านค้าทุกเดือนตามมาตรฐาน Thai Stop COVIDโดยกรมควบคุมโรค

พร้อมแสดงใบรับรองก่อนเข้าปฏิบัติงานอีกทั้งพนักงานทุกคนจะต้องได้รับวัคซีนตามเงื่อนไขที่กำหนดจึงจะอนุญาต ให้กลับมาปฏิบัติงาน ด้านผู้เข้ามาใช้บริการ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาและต้องตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าใช้บริการและขอความร่วมมือสำหรับการเข้าใช้บริการบางร้านที่จำเป็นจะต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 และต้องได้รับวัคซีนแล้วก่อนเข้ารับบริการรวมถึงแนะนำให้ใช้ระบบการจองคิวก่อนเข้าใช้บริการล่วงหน้าผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่ออำนวยสะดวกและสำหรับบางบริการจะจำกัดการใช้บริการได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อราย

เช่น ร้านทำผม คลีนิคเสริมความงาม ร้านนวดซึ่งเปิดได้เฉพาะบริการนวดเท้าเท่านั้น นอกจากนี้ ทางศูนย์ฯ
ขอความร่วมมือให้ลูกค้าทุกท่านงดการเดินรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม ภายในศูนย์ฯ นอกเหนือจากมาตรการที่เข้มข้น และการดำเนินการที่เข้มแข็งโดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างศูนย์ฯและร้านค้า ผู้เช่าทุกร้านแล้ว

เมกาบางนายังร่วมมือกับร้านค้าจัดทำแคมเปญการตลาด Welcome Back – We’ve missed you
โดยมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าที่ชอปครบทุก ๆ 500 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ สามารถสะสมคะแนนเมกา สไมล์ รีวอร์ดสเพื่อใช้แต้มแลกรับของรางวัลได้ตลอด 365 วัน พิเศษตั้งแต่วันที่ 1 – 30 กันยายนนี้ เพียงลูกค้า
ชอปครบ 5,000 บาทขึ้นไปต่อใบเสร็จ แลกรับฟรีทันที “Overload Shopping Bag” ดีไซน์เก๋ ใส่ของจุใจ มูลค่า 550 บาท พิเศษ!

สำหรับสมาชิกเมกา สไมล์ รีวอร์ดส ยังสามารถใช้คะแนนแลกฟรีเมนูเด็ดจาก 10 ร้านดัง ในแคมเปญ Yummy
Tummy พิเศษ! เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ ได้แก่ บัตรเครดิต Citibank, บัตรเครดิต กรุงศรี,บัตรเครดิต KTC , บัตรเครดิต SCB และ บัตรเครดิต ttb แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุดถึง 13% ลูกค้าสามารถเช็คคะแนนและตรวจสอบสิทธิพิเศษต่างๆ เพิ่มเติม ได้ผ่านแอปพลิเคชันเมกาบางนา “เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถเดินหน้าไปได้

การผ่อนคลายมาตรการในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เช่าและร้านค้าต่าง ๆ ของศูนย์ฯ สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง ดังนั้น ในฐานะพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เมกาบางนาจึงดำเนินการทุกอย่างเพื่อเตรียมความพร้อมทุกส่วน โดยคำนึงถึงเรื่องความสะอาดและความปลอดภัยของพนักงานและผู้ที่เข้ามาใช้บริการเป็นสำคัญ

เราทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่ได้รับจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นอย่างดี จึงได้เน้นย้ำให้พนักงานและทุกหน่วยงาน รวมถึงร้านค้าต่าง ๆ ให้ปฏิบัติตามมาตรการที่ทางกรมควบคุมโรคแนะนำไว้อย่างเคร่งครัด รวมถึงการช่วยเหลือและสนับสนุนธุรกิจของผู้เช่าหรือร้านค้าภายในศูนย์การค้าเพื่อเป็นอีกแรงขับเคลื่อนให้ทุกคนสามารถผ่านวิกฤตการณ์นี้ไปได้อย่างดีที่ สุดด้วยกัน” พลินี คงชาญศิริ กล่าวสรุป

Adblock test (Why?)


เมกาบางนา เตรียมเปิด 1 ก.ย. เข้มมาตรการคุมโควิด - ประชาชาติธุรกิจ
Read More

CPN ยกระดับมาตรการขั้นสูงสุดพร้อมเปิดบริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาเริ่ม 1 ก.ย. : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์

บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ประกาศใช้มาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุด “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” ยืนยันความพร้อมเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด เริ่ม 1 กันยายนนี้ ตามประกาศภาครัฐ เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการป้องกันการแพร่ระบาด ให้ศูนย์การค้าเป็นสถานที่ปลอดภัย COVID-FREE พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดทุกจุด และส่งเสริมรณรงค์สังคมสะอาดปลอดภัย

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด CPN กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนา ได้ริเริ่มแผนแม่บทมาตรการความสะอาดมาตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด สร้างมาตรฐานใหม่ New Normal และเราไม่เคยหยุดยั้งในการยกระดับมาตรการ ปรับปรุงตามสถานการณ์ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน เป็นต้นแบบมาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุดของวงการศูนย์การค้าไทย อีกทั้งยังช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งคู่ค้าผู้เช่า และอาชีพต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเปิดศูนย์การค้าภายใต้นโยบายที่ภาครัฐควบคุมดูแลจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศให้เดินหน้า ซึ่งเราหวังว่าสถานการณ์ในประเทศจะค่อยๆ คลี่คลาย พร้อมฟื้นตัวช่วงปลายปี

ทั้งนี้จากการประกาศของศบค.เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่อนุญาตให้ธุรกิจในศูนย์การค้าเปิดให้บริการได้เพิ่มเติมได้นั้น เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเปิดให้บริการ และพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ในฐานะผู้นำแผนแม่บทเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ใน 5 แกนหลัก 75 มาตรการ เรามุ่งมั่นและต้องการรณรงค์ให้ทุกคนร่วมกันสร้างสังคมที่สะอาด ปลอดภัยด้วยกัน จึงเป็นที่มาของการพัฒนามาตรการ เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+ ที่เข้มข้นขึ้น โดยเน้นที่การดูแลสถานที่และพนักงานให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พื้นที่ของศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัย COVID-FREE เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการมาตรการของศูนย์การค้าไทยต่อไป

“โดยมาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” สอดคล้องตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำเป็นพิเศษในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมไปถึงให้พนักงานให้บริการมีการฉีดวัคซีน – ตรวจคัดกรองวันแรก 100% และต่อเนื่องทุกสัปดาห์ – กักตัวอย่างเป็นระบบ – เว้นระยะห่าง – สะอาดปลอดภัยตลอดเวลาทุกวัน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งผู้เช่าร้านค้า และพนักงานภายในศูนย์การค้า ที่พร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ รวมถึงการประเมินร้านค้าผ่าน Thai Stop Covid Plus, พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Safe Thai ทุกวัน ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้มาใช้บริการ”

นายณัฐกิตติ์ กล่าว

โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด จะเปิดให้บริการธุรกิจตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 11:00 – 20:00 น. ยกเว้นบางธุรกิจที่เปิดแบบมีเงื่อนไข ได้แก่

  • ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม/ Food Court ที่มีเครื่องปรับอากาศให้นั่งรับประทานได้ 50% สำหรับร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งรับประทานได้ 75% และงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร
  • ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัด สระ ซอย แต่งผม โดยผ่านการนัดหมาย ให้บริการไม่เกิน 1 ชั่วโมง และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน
  • ร้านนวด เปิดได้เฉพาะฝ่าเท้า โดยผ่านการนัดหมาย
  • คลินิกเวชกรรม คลินิกเสริมความงาม (ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น)

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เฟสติวัล อิสต์วิลล์, เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, ปิ่นเกล้า, พระราม 2, พระราม 3, แกรนด์ พระราม 9, รามอินทรา, บางนา, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, รัตนาธิเบศร์, ศาลายา, มหาชัย, เซ็นทรัลวิลเลจ, เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี, เซ็นทรัล มารีนา, เฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัลพลาซา ระยอง, นครราชสีมา และเฟสติวัล หาดใหญ่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ส.ค. 64)

Tags: , , , ,

Adblock test (Why?)


CPN ยกระดับมาตรการขั้นสูงสุดพร้อมเปิดบริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาเริ่ม 1 ก.ย. : อินโฟเควสท์ - สำนักข่าวอินโฟเควสท์
Read More

'เซ็นทรัลพัฒนา' มั่นใจขั้นสูงสุด พนักงานฉีดวัคซีนแล้ว-ตรวจคัดกรอง ATK ต่อเนื่อง พร้อมเปิดศูนย์ฯ 1 ก.ย.นี้ - Bizpromptinfo

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาต์เล็ตแห่งแรกของไทย ตอกย้ำผู้นำศูนย์การค้าสะอาดปลอดภัย ประกาศใช้มาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุด “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” ยืนยันความพร้อมเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด เริ่ม 1 กันยายนนี้

ดร. วัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นางวัลยา วัฒนรัตน์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมคณะผู้บริหารลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมของมาตรการที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ก่อนเปิดให้บริการตามปกติพร้อมกัน 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพและปริมณฑล, ชลบุรี, ระยอง, นครราชสีมา และหาดใหญ่

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา เราได้ริเริ่มแผนแม่บทมาตรการความสะอาดมาตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด สร้างมาตรฐานใหม่ New Normal และเราไม่เคยหยุดยั้งในการยกระดับมาตรการ ปรับปรุงตามสถานการณ์ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน เป็นต้นแบบมาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุดของวงการศูนย์การค้าไทย อีกทั้งยังช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งคู่ค้าผู้เช่า และอาชีพต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเปิดศูนย์การค้าภายใต้นโยบายที่ภาครัฐควบคุมดูแลจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศให้เดินหน้า ซึ่งเราหวังว่าสถานการณ์ในประเทศจะค่อยๆ คลี่คลาย พร้อมฟื้นตัวช่วงปลายปี”

“ทั้งนี้จากการประกาศของศบค.เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่อนุญาตให้ธุรกิจในศูนย์การค้าเปิดให้บริการได้เพิ่มเติมได้นั้น เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเปิดให้บริการ และพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ในฐานะผู้นำแผนแม่บทเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ใน 5 แกนหลัก 75 มาตรการ เรามุ่งมั่นและต้องการรณรงค์ให้ทุกคนร่วมกันสร้างสังคมที่สะอาด ปลอดภัยด้วยกัน จึงเป็นที่มาของการพัฒนามาตรการ เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+ ที่เข้มข้นขึ้น โดยเน้นที่การดูแลสถานที่และพนักงานให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พื้นที่ของศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัย COVID-FREE เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการมาตรการของศูนย์การค้าไทยต่อไป” ดร. ณัฐกิตติ์ กล่าว

“โดยมาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” สอดคล้องตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำเป็นพิเศษในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมไปถึงให้พนักงานให้บริการมีการฉีดวัคซีน – ตรวจคัดกรองวันแรก 100% และต่อเนื่องทุกสัปดาห์ – กักตัวอย่างเป็นระบบ – เว้นระยะห่าง – สะอาดปลอดภัยตลอดเวลาทุกวัน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งผู้เช่าร้านค้า และพนักงานภายในศูนย์การค้า ที่พร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ รวมถึงการประเมินร้านค้าผ่าน Thai Stop Covid Plus, พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Safe Thai ทุกวัน ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้มาใช้บริการ” ดร.ณัฐกิตติ์ กล่าว

ไฮไลท์ มาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” ยกระดับเข้มข้นสูงสุด อาทิ

· Extra Screening+ เรื่องการฉีดวัคซีน และตรวจคัดกรองด้วย ATK

สำหรับลูกค้า

– ลูกค้าที่มาใช้บริการในศูนย์การค้าทุกคนต้องสแกน “ไทยชนะ” ก่อนเข้าพื้นที่ศูนย์การค้า และร้านค้าทุกครั้ง

– ส่งเสริมให้ทุกคนร่วมกันสร้างสังคมสะอาด ปลอดภัย ด้วยการแสดงหลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ 1) ฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม 2) ผลตรวจ ATK ไม่เกิน 7 วัน 3) ผู้ป่วยที่หายจากโควิด ไม่เกิน 3 เดือน แสดงใบรับรองแพทย์ 4) ผลตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 7 วัน 5) ประเมินความเสี่ยงผ่าน ไทยเซฟไทย ทุกวัน

– เน้นย้ำการสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา วัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์

สำหรับพนักงาน

– พนักงานที่จะเข้าปฏิบัติงานในศูนย์การค้าเซ็นทรัล มี 3 ทางเลือก ได้แก่

1. พนักงานร้านค้า และศูนย์การค้าต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม พร้อมแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน

2. พนักงานที่เคยติดโควิดและรักษาหายแล้ว ต้องมีใบรับรองแพทย์ไม่เกิน 3 เดือน

3. พนักงานที่ยังรอรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะต้องตรวจ ATK ในครั้งแรกทุกคน และตรวจเป็นระยะต่อเนื่อง ทุกสัปดาห์

– วันแรกที่เปิดให้บริการ พนักงานต้องตรวจ Antigen Test Kit (ATK) ทุกคน 100% และสุ่มตรวจคัดกรองด้วย ATK หมุนเวียนทุกสัปดาห์

– หากมีอาการ พนักงานต้องหยุดทำงาน และไปตรวจ ATK ทันที

– ผลการตรวจ ATK ของพนักงาน ต้องได้รับการรับรองจากบริษัทต้นสังกัด โดยใบรับรองจะมีผลใช้ได้ 3 วัน นับจากวันที่ตรวจ

– อุปกรณ์การตรวจ ATK ต้องเป็นแบรนด์ที่ได้รับเครื่องหมาย อย. เท่านั้น

· 100% Social Distancing+

– จำกัดจำนวนคนในพื้นที่ 1 ต่อ 5 ตร.ม.

– ร้านอาหาร นั่งได้ 50% ของพื้นที่เพื่อลดความแออัดและ 75% หากไม่มีแอร์

– สำหรับศูนย์อาหาร จัดให้มีระบบ Customer counting ในการควบคุมจำนวนลูกค้า 50% ของพื้นที่

– ส่งเสริมการจองคิวล่วงหน้า และการทำธุรกรรมผ่านออนไลน์

– พนักงานต้องทานข้าวคนเดียวเท่านั้น

– กำหนดระยะห่างระหว่างบุคคลเมื่อใช้บันไดเลื่อน ไม่ต่ำกว่า 2 เมตร หรือ 4 ขั้นบันไดเลื่อน

· Extra Deep Cleaning+

– ฆ่าเชื้อระบบปรับอากาศในศูนย์การค้าตลอดเวลาด้วยแสง UV-C, ควบคุมระบบอากาศหมุนเวียนภายใน 5-6 ACH และล้างไส้กรองแอร์ทุก 2 เดือน

– ทำความสะอาดทุกจุดสัมผัสทุก 30 นาที

– ทำความสะอาด Big Cleaning หลังศูนย์ฯ ปิดทุกวัน

– ศูนย์การค้า / ร้านค้า ต้องลงทะเบียนเพื่อทำการประเมินผ่าน Thai Stop Covid Plus

– พนักงานศูนย์ฯ และร้านค้าทุกคน ต้องประเมินตนเองผ่าน Thai Save Thai ทุกวัน

– ป้องกัน 2 ชั้น พนักงานทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น หรือ ใส่หน้ากากอนามัย 1 ชั้น และ Face Shield

– ห้ามเดินทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ระหว่างอยู่ในศูนย์การค้า

– ตรวจสอบคุณภาพน้ำตลอดเวลา โดยควบคุมระดับคลอรีนฆ่าเชื้อในน้ำไม่ต่ำกว่า 0.5 ppm

โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด จะเปิดให้บริการธุรกิจตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 11:00 – 20:00 น.* ยกเว้นบางธุรกิจที่เปิดแบบมีเงื่อนไข ได้แก่

· ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม/ Food Court ที่มีเครื่องปรับอากาศให้นั่งรับประทานได้ 50% สำหรับร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งรับประทานได้ 75% และงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร

· ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัด สระ ซอย แต่งผม โดยผ่านการนัดหมาย ให้บริการไม่เกิน 1 ชั่วโมง และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน

· ร้านนวด เปิดได้เฉพาะฝ่าเท้า โดยผ่านการนัดหมาย

· คลินิกเวชกรรม คลินิกเสริมความงาม (ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น)

โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 21 สาขา ในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เฟสติวัล อิสต์วิลล์, เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, ปิ่นเกล้า, พระราม 2, พระราม 3, แกรนด์ พระราม 9, รามอินทรา, บางนา, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, รัตนาธิเบศร์, ศาลายา, มหาชัย, เซ็นทรัลวิลเลจ, เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี, เซ็นทรัล มารีนา, เฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัลพลาซา ระยอง, นครราชสีมา และเฟสติวัล หาดใหญ่ เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 11:00 – 20:00 น.* ซูเปอร์มาร์เก็ต เปิดให้บริการ 8:00 – 20:00 น. ทุกวัน*

Adblock test (Why?)


'เซ็นทรัลพัฒนา' มั่นใจขั้นสูงสุด พนักงานฉีดวัคซีนแล้ว-ตรวจคัดกรอง ATK ต่อเนื่อง พร้อมเปิดศูนย์ฯ 1 ก.ย.นี้ - Bizpromptinfo
Read More

วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,638.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.98 จุด หรือ 0.30% - efinanceThai


สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -31 ส.ค. 64 16:45 น. สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย (31 ส.ค. 64)-- ณ เวลา 16:39 น. มีมูลค่าการซื้อขาย 117,902.39 ล้านบาท. หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่ 1.BBL ปิดที่ 114.00 บาท ลดลง -3.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6,942.99 ลบ. 2.GULF ปิดที่ 41.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าการซื้อขาย 6,406.66 ลบ. 3.KBANK ปิดที่ 123.00 บาท ลดลง -0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,809.30 ลบ. 4.PTT ปิดที่ 38.25 บาท ลดลง -0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,772.61 ลบ. 5.INTUCH ปิดที่ 85.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,755.56 ลบ. ดัชนี SET100 ปิดที่ 2,254.77 จุด เพิ่มขึ้น 10.11 จุด หรือ 0.45% ดัชนี SET50 ปิดที่ 992.13 จุด เพิ่มขึ้น 4.82 จุด หรือ 0.49% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 522.15 จุด ลดลง -2.51 จุด หรือ -0.48%

Adblock test (Why?)


วันนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,638.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.98 จุด หรือ 0.30% - efinanceThai
Read More

YLG เผยทองพุ่งรับผลถ้อยแถลงประธานเฟด แนะนำแบ่งทองขายทำกำไร แล้วรอซื้อเมื่ออ่อนตัว - โพสต์ทูเดย์

YLG เผยทองพุ่งรับผลถ้อยแถลงประธานเฟด แนะนำแบ่งทองขายทำกำไร แล้วรอซื้อเมื่ออ่อนตัว

วันที่ 31 ส.ค. 2564 เวลา 18:32 น.

วายแอลจี เผยราคาทองคำยังมีสัญญาณไปต่อหลังท้ายสัปดาห์ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง จากหลายปัจจัยบวก ส่วนเหตุระเบิดที่อัฟกานิสถาน และโควิด ยังเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำไปต่อ มองระยะสั้นแนะนักลงทุนแบ่งขายกำไรบริเวณแนวต้าน 27,900 แล 28,050 บาท

นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่าหลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นไปแบบก้าวกระโดดเมื่อท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ผลการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ได้แถลงว่ามีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้ 

อย่างไรก็ตามการที่เฟดไม่ได้กำหนดเวลาการปรับลด QE ที่แน่นอนเพราะยังต้องจับตาดูทิศทางของการระบาดของโควิด -19 ที่ยังน่าเป็นห่วง รวมการประชุมครั้งนี้ไม่ได้ส่งสัญญาณโดยตรงถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจึงยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ราคาทองปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ดีตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆนี้ โดยคาดว่าจะปรับขึ้นอย่างเร็วในปลายปี 2566

นอกจากนี้เหตุระเบิดที่กรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย กองกำลังสหรัฐจึงเริ่มปฏิบัติการทางอากาศอีกครั้งทำให้เกิดความกังวลและส่งผลให้ราคาทองคำปรับขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังมีปัจจัยสนุนสนุนราคาทองคำจากกรณีที่นายหยิน หยูปิง รองผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคด้านการเงินของธนาคารกลางจีน (PBOC) ระบุว่า บิตคอยน์และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ ไม่ใช่สกุลเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และไม่มีการสนับสนุนด้านมูลค่าที่แท้จริง

สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำนั้นยังมีแรงส่งให้เคลื่อนไหวในทิศทางบวก แต่ก็ต้องอาศัยปัจจัยบวกใหม่เพิ่มเติมโดยในระยะสั้นจะมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา ขณะที่การเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานสหรัฐในวันศุกร์นี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ชี้นำทิศทางราคาทองคำในระยะถัดๆไป 

ดังนั้น  นักลงทุนต้องการเข้าซื้อในช่วงนี้แนะนำให้รอจังหวะการย่อตัว สามารถใช้แนวรับที่ 1,807 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 27,600 บาทต่อบาททองคำ  และ 1,789 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 27,350 บาทต่อบาททองคำ ถ้าราคายืนระดับนี้ได้ก็มีโอกาสรีบาวด์ และแนะนำให้แบ่งขายทำกำไรเป็นระยะหากราคาทองคำยังไม่สามารถทะลุแนวต้านระยะสั้นที่ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 27,900 บาทต่อบาททองคำ  โดยจะมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,833 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือ 28,050 บาทต่อบาททองคำ

ส่วนการให้บริการของ YLG ยังคงมอบโปรโมชั่นวางเงินประกันขึ้นต่ำลดลงมาจาก 100,000 บาท เหลือ 50,000 บาท ในการเทรดทองคำแท่ง และในส่วนของตลาดฟิวเจอร์สก็ยังคงลดค่าคอมมิชชั่น 80% สำหรับนักลงทุนในตลาด TFEX และได้เพิ่มโอกาสให้กับนักลงทุนหน้าใหม่สามารถซื้อขายทองคำออนไลน์เรียลไทม์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยการซื้อขายผ่านแอปพลิเคชั่น YLG Trader ที่รองรับระบบ iOS ทำให้นักลงทุนที่ต้องการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนสามารถลงทุนได้ทุกที่ทุกเวลา

อีกทั้งมีความปลอดภัยสูง ส่วนนักลงทุนที่ไม่ได้ใช้ระบบ iOS สามารถสมัครออนไลน์ คลิก www.ylgopenacc.com สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนใน TFEX ซึ่งรวมการให้บริการเทรดทองคำ หุ้น และค่าเงิน คลิก https://www.ylgfutures.co.th/th/contact-us/contact-information 

Adblock test (Why?)


YLG เผยทองพุ่งรับผลถ้อยแถลงประธานเฟด แนะนำแบ่งทองขายทำกำไร แล้วรอซื้อเมื่ออ่อนตัว - โพสต์ทูเดย์
Read More

CPN พร้อมเปิดห้างเซ็นทรัล 21 สาขา 1 ก.ย.นี้ ยกระดับมาตรการป้องกัน “โควิด” เข้มงวด - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ประกาศใช้มาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุด “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” ยืนยันความพร้อมเปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด เริ่ม 1 กันยายนนี้ ตามประกาศภาครัฐ เสริมความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยความเป็นมืออาชีพในการบริหารจัดการป้องกันการแพร่ระบาด ให้ศูนย์การค้าเป็นสถานที่ปลอดภัย COVID-FREE พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดทุกจุด และส่งเสริมรณรงค์สังคมสะอาดปลอดภัย

นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด CPN กล่าวว่า เซ็นทรัลพัฒนา ได้ริเริ่มแผนแม่บทมาตรการความสะอาดมาตั้งแต่เริ่มต้นการระบาด สร้างมาตรฐานใหม่ New Normal และไม่เคยหยุดยั้งในการยกระดับมาตรการ ปรับปรุงตามสถานการณ์ เพื่อให้ศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชน เป็นต้นแบบมาตรการยกระดับเข้มข้นสูงสุดของวงการศูนย์การค้าไทย

อีกทั้งยังช่วยเหลือผู้ประกอบการทั้งคู่ค้าผู้เช่า และอาชีพต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย ซึ่งการเปิดศูนย์การค้าภายใต้นโยบายที่ภาครัฐควบคุมดูแลจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศให้เดินหน้า ซึ่งเราหวังว่าสถานการณ์ในประเทศจะค่อยๆ คลี่คลาย พร้อมฟื้นตัวช่วงปลายปี

ทั้งนี้จากการประกาศของศบค.เมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่อนุญาตให้ธุรกิจในศูนย์การค้าเปิดให้บริการได้เพิ่มเติมได้นั้น เรามีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการเปิดให้บริการ และพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด ในฐานะผู้นำแผนแม่บทเซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ ใน 5 แกนหลัก 75 มาตรการ มุ่งมั่นและต้องการรณรงค์ให้ทุกคนร่วมกันสร้างสังคมที่สะอาด ปลอดภัยด้วยกัน จึงเป็นที่มาของการพัฒนามาตรการ เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+ ที่เข้มข้นขึ้น โดยเน้นที่การดูแลสถานที่และพนักงานให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พื้นที่ของศูนย์การค้าเป็นพื้นที่ปลอดภัย COVID-FREE เป็นต้นแบบของการบริหารจัดการมาตรการของศูนย์การค้าไทยต่อไป

“โดยมาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+” สอดคล้องตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข เน้นย้ำเป็นพิเศษในการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล รวมไปถึงให้พนักงานให้บริการมีการฉีดวัคซีน – ตรวจคัดกรองวันแรก 100% และต่อเนื่องทุกสัปดาห์ – กักตัวอย่างเป็นระบบ – เว้นระยะห่าง – สะอาดปลอดภัยตลอดเวลาทุกวัน ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากทั้งผู้เช่าร้านค้า และพนักงานภายในศูนย์การค้า ที่พร้อมให้ความร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเต็มที่ รวมถึงการประเมินร้านค้าผ่าน Thai Stop Covid Plus, พนักงานประเมินตนเองผ่าน Thai Safe Thai ทุกวัน ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อตอกย้ำความมั่นใจให้แก่ผู้มาใช้บริการ” นายณัฐกิตติ์ กล่าว

โดยศูนย์การค้าเซ็นทรัล 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด จะเปิดให้บริการธุรกิจตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย. 2564 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 11:00  20:00 น. ยกเว้นบางธุรกิจที่เปิดแบบมีเงื่อนไข ได้แก่

– ร้านอาหาร-เครื่องดื่ม/ Food Court  ที่มีเครื่องปรับอากาศให้นั่งรับประทานได้ 50% สำหรับร้านที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศ นั่งรับประทานได้ 75% และงดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร

– ร้านเสริมสวย ร้านตัดผมหรือแต่งผม เปิดได้เฉพาะตัด สระ ซอย แต่งผม โดยผ่านการนัดหมาย ให้บริการไม่เกิน 1 ชั่วโมง และต้องไม่มีผู้นั่งรอในร้าน

– ร้านนวด เปิดได้เฉพาะฝ่าเท้า โดยผ่านการนัดหมาย

– คลินิกเวชกรรม คลินิกเสริมความงาม (ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้น)

ทั้งนี้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั้ง 21 สาขาในพื้นที่เข้มงวดสูงสุด ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เฟสติวัล อิสต์วิลล์, เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว, ปิ่นเกล้า, พระราม 2, พระราม 3, แกรนด์ พระราม 9, รามอินทรา, บางนา, แจ้งวัฒนะ, เวสต์เกต, รัตนาธิเบศร์, ศาลายา, มหาชัย, เซ็นทรัลวิลเลจ, เซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี, เซ็นทรัล มารีนา, เฟสติวัล พัทยา บีช, เซ็นทรัลพลาซา ระยอง, นครราชสีมา และเฟสติวัล หาดใหญ่

Adblock test (Why?)


CPN พร้อมเปิดห้างเซ็นทรัล 21 สาขา 1 ก.ย.นี้ ยกระดับมาตรการป้องกัน “โควิด” เข้มงวด - ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์
Read More

Monday, August 30, 2021

หุ้นไทย เปิดเช้าร่วง 1.84 จุด รับแรงหนุน Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ย โดย Investing.com - Investing.com

หุ้นไทย เปิดเช้าร่วง 1.84 จุด รับแรงหนุน Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ย © Reuters

โดย วณิชชา สุมานัส

Investing.com - ​​บรรยากาศการลงทุนเช้านี้ (SET) เปิดตลาดปรับตัวลดลงอยู่ที่  1.84 จุด หรือ 0.11% อยู่ที่ระดับ 1,631.93 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 2,807 ล้านบาท

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ชี้ว่า หุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,640- 1,645จุด ก่อนสลับอ่อน รับแรงหนุนเฟด ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ยแม้ลดคิวอีในปีนี้ และผ่อนคลายล็อกดาวน์ในประเทศหลังยอดติดเชื้อโควิดชะลอตัว แต่คาดมีแรงขายช่วงท้ายตลาด MSCI Rebalance ลดน้ำหนักกลุ่ม EM

​​ขณะที่ ปดัชนี SET50 ปรับลง -2.55 จุด หรือ -0.26% อยู่ที่ 984.76 จุด มูลค่าซื้อ-ขายรวม อยู่ที่ 1,526 ล้านบาท เทียบเป็นราว 54.38% ของมูลค่าซื้อ-ขายในตลาด SET

10 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อ-ขายโดดเด่นที่สุด

1. มูลค่า 159.78 ล้านบาท ราคา -0.25 บาท ลดลง 0.65%

2.  มูลค่า 125.42 ล้านบาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

3.  มูลค่า 121.21 ล้านบาท ราคา +0.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.61%

4.  มูลค่า 115.91 ล้านบาท ราคา -0.50 บาท ลดลง 0.43%

5. มูลค่า 82.43 ล้านบาท ราคา -1.00 บาท ลดลง 0.81%

ดัชนี mai ปรับขึ้น +0.99 จุด คิดเป็น +0.19% สวนทางกับ SET อยู่ที่ระดับ 525.65 จุด มูลค่าซื้อขาย 157.63 ล้านบาท

การปฏิเสธความรับผิด: Fusion Media would like to remind you that the data contained in this website is not necessarily real-time nor accurate. All CFDs (stocks, indexes, futures) and Forex prices are not provided by exchanges but rather by market makers, and so prices may not be accurate and may differ from the actual market price, meaning prices are indicative and not appropriate for trading purposes. Therefore Fusion Media doesn`t bear any responsibility for any trading losses you might incur as a result of using this data.

Fusion Media or anyone involved with Fusion Media will not accept any liability for loss or damage as a result of reliance on the information including data, quotes, charts and buy/sell signals contained within this website. Please be fully informed regarding the risks and costs associated with trading the financial markets, it is one of the riskiest investment forms possible.

Adblock test (Why?)


หุ้นไทย เปิดเช้าร่วง 1.84 จุด รับแรงหนุน Fed ไม่ขึ้นดอกเบี้ย โดย Investing.com - Investing.com
Read More

YLG ประเมิน "ราคาทองคำ" เคลื่อนไหวแกว่งตัวเพื่อสะสมแรงซื้อ หากยืนได้จะดีดตัวขึ้นต่อ - การเงินธนาคาร

YLG Bullion International ประเมินราคาทองคำ วันที่ 31 สิงหาคม 2564 ว่า แม้จะมีแรงซื้อให้ราคาดีดตัวขึ้นอย่างมาก แต่ยังคงเห็นแรงขายกดดันเมื่อราคาปรับตัวขึ้นเข้าใกล้กรอบแนวต้านด้านบน หากการดีดตัวของราคายังไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านโซน 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของเดือน ก.ค.) อาจทำให้เกิดแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงสู่ระดับ 1,807-1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เบื้องต้นประเมินการเคลื่อนไหวของราคาในแบบของการแกว่งตัวเพื่อสะสมแรงซื้อหากยืนได้จะเกิดการดีดตัวขึ้นต่อ 

ขณะที่ ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 6.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,823.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าของวานนี้ในตลาดเอเชีย โดยได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากวันศุกร์ หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้เฟดอาจเริ่มปรับวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้ก็ตาม 

อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ โดยได้รับแรงกดดันจากแรงขายทำกำไรหลังจากราคารับตัวขึ้น ทดสอบระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน ประกอบกับเกิดสัญญาณทางเทคนิคที่บ่งชี้ว่าแรงซื้อเริ่มชะลอตัวลง นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากดัชนีดอลลาร์ที่ปิดตลาดแข็งค่าขึ้น +0.02% โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนจากธุรกิจต่างๆ ส าหรับทำธุรกรรมการนำเข้าและส่งออก สถานการณ์ที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,806.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่การปรับตัวลงของราคาทองคำเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากดัชนีดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวไม่ไกลระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ 

ขณะที่ การเปิดเผยดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ของสหรัฐที่ลดลงสวนทางคาดการณ์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.275% เหล่านี้เป็นปัจจัยสกัดช่วงติดลบของราคาทองคำ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำมาเปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาบ้านเดือน มิ.ย.โดย S&P/CS, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโก และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ส.ค.จาก CB

Adblock test (Why?)


YLG ประเมิน "ราคาทองคำ" เคลื่อนไหวแกว่งตัวเพื่อสะสมแรงซื้อ หากยืนได้จะดีดตัวขึ้นต่อ - การเงินธนาคาร
Read More

กพท. เตรียมเปิดบินเข้า-ออก 29 จังหวัดพื้นที่แดงเข้ม เริ่ม 1 ก.ย. 64 - Tnews - ทีนิวส์

วันนี้ (30 ส.ค.2564) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) เตรียมมาตรการรองรับเพื่อเปิดเที่ยวบินโดยสารในประเทศได้พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป โดยการเดินทางด้วยเครื่องบินจะเป็นไปในรูปแบบระบบปิดซึ่งสามารถคัดกรองผู้โดยสารและสอดรับกับมาตรการของ ศบค. ผู้โดยสารสามารถเดินทางออกจากพื้นที่สีแดงเข้มได้ในต้นเดือนกันยายนนี้ โดยสายการบินจะดำเนินการตรวจสอบเอกสารเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ของมาตรการการเข้าออกจังหวัดพื้นที่ปลายทาง ผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางสามารถตรวจสอบมาตรการของ แต่ละจังหวัดได้จาก https://ift.tt/3Dtp8qU

กพท. เตรียมเปิดบินเข้า-ออก 29 จังหวัดพื้นที่แดงเข้ม

ลาซาด้าแจกคูปองส่วนลด

เอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อการเดินทาง (รายละเอียดตามมาตรการของแต่ละจังหวัด) สรุปได้ดังนี้

– เอกสารยืนยันการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือ

– เอกสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR หรือ Antigen Test Kit (ATK) หรือ

– เอกสารที่แสดงถึงการได้รับการยกเว้น ตามที่จังหวัดปลายทางกำหนด เช่น ผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วไม่เกิน 90 วัน ผู้ผ่านการกักตัวแล้ว หรือผู้โดยสารตามโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) เป็นต้น

สำหรับเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีน ให้แสดงผลการฉีดวัคซีนที่ได้รับจากโรงพยาบาลหรืออาจใช้หลักฐานจากแอปพลิเคชันหมอพร้อมเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ ส่วนผู้ที่ต้องการตรวจหาการติดเชื้อ สามารถค้นหาสถานที่ตรวจได้จากเว็บไซต์ https://ift.tt/3BqjBzl 

ซึ่งจะมีรายชื่อห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองและสามารถออกเอกสารที่สายการบินยอมรับ ซึ่งปัจจุบันสมาคมสายการบินกำลังดำเนินการร่วมกับผู้จัดทำแอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อให้สามารถแสดงหลักฐานการดำเนินการทั้งหมดบนแอปพลิเคชัน หากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะสามารถนำมาใช้ประกอบการเดินทางได้ ทั้งนี้ มาตรการสำหรับจำนวนผู้โดยสารในเที่ยวบิน ให้มีผู้โดยสารได้ไม่เกินร้อยละ 75 ของขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารของเครื่องบินที่ใช้ในเที่ยวบินนั้น ๆ และสายการบินจะพิจารณาการจัดที่นั่งในเครื่องบิน โดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่าง แต่หากผู้โดยสารเดินทางมาด้วยกันสายการบินสามารถลดการเว้นระยะห่างได้แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย 

กพท. เตรียมเปิดบินเข้า-ออก 29 จังหวัดพื้นที่แดงเข้ม

กพท. เตรียมเปิดบินเข้า-ออก 29 จังหวัดพื้นที่แดงเข้ม

กพท. เตรียมเปิดบินเข้า-ออก 29 จังหวัดพื้นที่แดงเข้ม

กพท. เตรียมเปิดบินเข้า-ออก 29 จังหวัดพื้นที่แดงเข้ม

ลาซาด้าแจกคูปองส่วนลด


ติดตามข่าวสารทาง Line

เพิ่มเพื่อน

Adblock test (Why?)


กพท. เตรียมเปิดบินเข้า-ออก 29 จังหวัดพื้นที่แดงเข้ม เริ่ม 1 ก.ย. 64 - Tnews - ทีนิวส์
Read More

ทบทวนสิทธิ เยียวยาผู้ประกันตนทุกมาตรา ยืนยันเริ่มยื่น 1-30 ก.ย.นี้ - Thaiger ข่าวประเทศไทย

เช็คสิทธิประกันสังคม ทบทวนสิทธิ ประกันสังคม ทุกมาตรา ม.33 ม.39 ม.40 กลุ่มตกหล่น ต้องยื่นทบทวนสิทธิอย่างไร เริ่มวันไหนถึงวันไหน ดูที่นี่

เช็คสิทธิประกันสังคม – อัปเดตความคืบหน้า เงินเยียวยาล่าสุด สำนักงานประกันสังคม จ่ายเงินเยียวยา นายจ้างและผู้ประกันตน ม.33 ม.39 และ ม.40 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ใน 29 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้ม ที่ประกาศ ล็อกดาวน์

โดยล่าสุด ประกันสังคม พบกลุ่มผู้ประกันตนทุกมาตรา ทั้ง ม.33 ม.39 และ ม.40 ตกหล่นอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นทางสำนักงานประกันสังคมจึงแจ้งว่า จะเปิดให้ยื่นทบทวนสิทธิอีกครั้งทั้งสามมาตรา ตั้งแต่วันที่ 1 – 30 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นเพียงการย้อนกลับไปพิจารณารายเดิมที่พลาดการรับเงินเยียวยาในเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ในกลุ่ม

– 19จังหวัดหลัง (กลุ่มสอง) ที่สมัคร ม.40 พร้อมจ่ายเงินสมทบ 1 งวด ภายใน 24 ส.ค.64

– 3 จังหวัด สมัครช่วง1-24 ส.ค.64 (ขึ้น”ไม่ได้รับสิทธิ”)

– 16 จังหวัดหลัง ที่สมัคร 4-24ส.ค.64 (“ไม่ได้รับสิทธิ)

ยังไม่ต้องไปยื่นทบทวนสิทธิในครั้งนี้ ให้เข้าไปตรวจสอบสิทธิได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปที่ https://bit.ly/3sSagxv ซึ่งจะมีการโอนเงินเยียวยาให้แก่ผู้มีสิทธิกลุ่มนี้ ช่วงกลางเดือนกันยายน64 นี้ และจะมีการแจ้งให้ทบทวนสิทธิกลุ่มนี้ ในโอกาสต่อไป

ยื่นทบทวนสิทธิ ต้องใช้อะไรบ้าง

  • บัตรประชาชนเพียงในเดียวเท่านั้น

วิธีการทบทวนสิทธิ

  • ติดต่อสายด่วนประกันสังคม 1506
  • ติดต่อที่สำนักงานประกันสังคมจังหวัดพื้นที่สีแดงที่ตนเองอยู่
  • เตรียม “บัตรประชาชน” เพื่อแจ้งเลขประจำตัว 13 หลักแก่เจ้าหน้าที่

ม.40 ผู้ที่จ่ายเงินสมทบ ระหว่างวันที่ 4-24 ส.ค.64 เงินจะเข้าวันไหน ?

  • ผู้ประกันตน มาตรา 40 ที่สมัครและจ่ายเงินสมทบระหว่าง วันที่ 4-24 ส.ค.64 ประกันสังคม จะทำการโอนเงินเยียวยาให้ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.64 เป็นต้นไป

สำหรับผู้ที่พึ่งลงทะเบียนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 4-24 ส.ค.64 จะสามารถเช็คสิทธิของตนเองได้ตั้งแต่วันที่ 26 ส.ค.เป็นต้นไป ตรวจสอบสถาะสิทธิเยียวยา มาตรา 40 คลิก

ทั้งนี้ สำหรับการยื่นทบทวนสิทธิเยียวยา ผู้ที่ยื่นทบทวนต้องเช็คสถานะของตนเองอีกครั้ง โดยต้องขึ้น “ไม่ได้รับสิทธิ” ณ วันที่ 31 ส.ค.64 ถึงจะสามารถยื่นทบทวนสิทธิได้

นอกจากนี้ ประกันสังคม ยังแนะนำอีกหนึ่งช่องทางในการสอบถามปัญหาการรับเงินเยียวยากับทางประกันสังคม ตามลิงค์ข้างล่างนี้

สอบถามปัญหา > https://www.facebook.com/groups/1624115367795909/

วางแผนชีวิต เพื่อความมั่นคงในบั้นปลาย เลือกทำประกันชีวิตกับ Tadoo คลิกที่นี่

ทบทวนสิทธิ เยียวยาผู้ประกันตนทุกมาตรา ยืนยันเริ่มยื่น 1-30 ก.ย.นี้ | ข่าวโดย Thaiger

Adblock test (Why?)


ทบทวนสิทธิ เยียวยาผู้ประกันตนทุกมาตรา ยืนยันเริ่มยื่น 1-30 ก.ย.นี้ - Thaiger ข่าวประเทศไทย
Read More

กพท.เปิดเงื่อนไข-ขั้นตอน "เดินทางโดยเครื่องบิน" ตั้งแต่ 1 ก.ย.64 ต้องทำอย่างไรบ้าง? - การเงินธนาคาร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) หรือ ศบค. ได้ผ่อนผันให้มีการเดินทางออกจากพื้นที่สีแดงเข้ม ด้านสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ประสานกับหน่วยงานด้านการบินที่เกี่ยวข้อง ร่วมหารือเตรียมมาตรการรองรับเพื่อเปิดเที่ยวบินโดยสารในประเทศได้พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้เป็นต้นไป

โดยการเดินทางด้วยเครื่องบินจะเป็นไปในรูปแบบระบบปิด ซึ่งสามารถคัดกรองผู้โดยสารและสอดรับกับมาตรการของ ศบค. ในการผ่อนผันให้เดินทางได้แต่ยังต้องเป็นไปด้วยความรัดกุม เพื่อให้ปลอดภัยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้โดยสาร 

ซึ่งสายการบินต่างๆ จะเริ่มทำการบินเพื่อให้บริการผู้ที่มีความจำเป็น สามารถเดินทางออกจากพื้นที่สีแดงเข้มได้ในต้นเดือนกันยายนนี้ โดยสายการบินจะดำเนินการตรวจสอบเอกสารเพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ของมาตรการการเข้าออกจังหวัดพื้นที่ปลายทาง ผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางสามารถตรวจสอบมาตรการของ แต่ละจังหวัดได้จาก https://ift.tt/3Dtp8qU 

สำหรับเอกสารที่ต้องเตรียมเพื่อการเดินทาง (รายละเอียดตามมาตรการของแต่ละจังหวัด) ได้แก่ 

– เอกสารยืนยันการได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือ 

– เอกสารแสดงผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี RT-PCR หรือ Antigen Test Kit (ATK) หรือ

– เอกสารที่แสดงถึงการได้รับการยกเว้น ตามที่จังหวัดปลายทางกำหนด เช่น ผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วไม่เกิน 90 วัน ผู้ผ่านการกักตัวแล้ว หรือผู้โดยสารตามโครงการพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ (Sandbox) เป็นต้น

สำหรับเอกสารยืนยันการได้รับวัคซีน ให้แสดงผลการฉีดวัคซีนที่ได้รับจากโรงพยาบาลหรืออาจใช้หลักฐานจากแอปพลิเคชันหมอพร้อมเพื่อแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้ 

ส่วนผู้ที่ต้องการตรวจหาการติดเชื้อ สามารถค้นหาสถานที่ตรวจได้จากเว็บไซต์ https://ift.tt/3BqjBzl ซึ่งจะมีรายชื่อห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองและสามารถออกเอกสารที่สายการบินยอมรับ ซึ่งปัจจุบันสมาคมสายการบินกำลังดำเนินการร่วมกับผู้จัดทำแอปพลิเคชันหมอพร้อม เพื่อให้สามารถแสดงหลักฐานการดำเนินการทั้งหมดบนแอปพลิเคชัน หากดำเนินการเรียบร้อยแล้วจะสามารถนำมาใช้ประกอบการเดินทางได้

อย่างไรก็ตามจากมาตรการนี้ มีการจำกัดจำนวนผู้โดยสารในเที่ยวบิน ให้มีผู้โดยสารได้ไม่เกิน 75%  ของขีดความสามารถในการรับผู้โดยสารของเครื่องบินที่ใช้ในเที่ยวบินนั้นๆ และสายการบินจะพิจารณาการจัดที่นั่งในเครื่องบิน โดยคำนึงถึงมาตรการเว้นระยะห่าง แต่หากผู้โดยสารเดินทางมาด้วยกันสายการบินสามารถลดการเว้นระยะห่างได้แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย 

นอกจากนี้ CAAT และผู้ให้บริการด้านการบินทุกหน่วยงานได้หารือและร่วมมือกันจัดทำมาตรการให้ครอบคลุมด้านการบริการทางอากาศเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร เช่น การตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าอาคารผู้โดยสาร การจัดระเบียบในอาคารผู้โดยสาร การจัดระเบียบการขึ้นลงอากาศยาน การจัดที่นั่งให้มีความเหมาะสมเพื่อสร้างระยะห่าง การวางแนวทางเดินของผู้โดยสาร รวมถึงขอความร่วมมือกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่เพื่อความสะดวกในการเดินทาง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้โดยสารทุกท่านจะร่วมมือปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การเดินทางโดยเครื่องบินเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยสูงสุดและยังสามารถอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางได้ แม้ในสถานการณ์ที่ยังคงต้องระมัดระวังและให้ความร่วมมือในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่ยังต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัดต่อไปในขณะนี้

ในส่วนของขั้นตอนการเตรียมตัวมีดังนี้

1. เตรียมตัวก่อนเดินทาง

- ตรวจสอบมาตรการที่จังหวัดปลายทางกำหนด >> https://www.moicovid.com/

- เตรียมเอกสารและหลักฐานตามที่จังหวัดปลายทางกำหนด  (ตรวจสอบรายชื่อห้องแฏิบัติการที่ได้รับรอง >> https://service.dmsc.moph.go.th/labscovid19/ )

- ตรวจสอบมาตรการที่จังหวัดปลายทางกำหนดอีกครั้งก่อนเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

2. ระหว่างเดินทาง

- แจ้งความจำเป็นในการเดินทางผ่านเว็บไซต์ >> https://covid-19.in.th/

- ปฏิบัติตามมาตรการ D-M-H-T-T-A

3. ขณะอยู่จังหวัดปลายทาง

- ปฏิบัติตามคำสั่งและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่จังหวัดปลายทาง

- ปฏิบัติตามมาตรการที่จังหวัดปลายทางกำหนด เช่น สังเกตอาการของตนเองตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดปลายทาง

Adblock test (Why?)


กพท.เปิดเงื่อนไข-ขั้นตอน "เดินทางโดยเครื่องบิน" ตั้งแต่ 1 ก.ย.64 ต้องทำอย่างไรบ้าง? - การเงินธนาคาร
Read More

'ประกันสังคม ม.40' เช็คสิทธิ รับเงินเยียวยาแล้วกว่า 4 ล้านคน ย้ำกลุ่มตกหล่น ผูก 'พร้อมเพย์' ด่วน - กรุงเทพธุรกิจ

30 สิงหาคม 2564

1,151

สปส.เผย "อาชีพอิสระ" สมัครเข้าระบบ "ประกันสังคม ม.40" รับเงินเยียวยาแล้วกว่า 4 ล้านคนกลุ่มตกหล่น ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน ด่วน!

จากการโอนเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกันตนมาตรา 40 'อาชีพอิสระ' ให้แก่คนในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ใน 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา ชลบุรี ฉะเชิงเทรา พระนครศรีอยุธยา ที่สมัครภายในวันที่ 31 กรกฎาคม และชำระเงินสมทบภายในวันที่ 10 สิงหาคม

ผู้ประกันตนมาตรา 40 ใน 16 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สุพรรณบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี อ่างทอง นครนายก ปราจีนบุรี ลพบุรี ระยอง สิงห์บุรี สระบุรี นครราชสีมา เพชรบูรณ์ และตาก ที่มีสถานะเป็นผู้ประกันตนโดยสมบูรณ์ (สมัครและชำระเงินสมทบ) ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564

  • โอนเงินเยียวยาแก่ 'อาชีพอิสระ' แล้ว 4 ล้านกว่าคน

เรืออากาศเอกหญิง ศุภพร อยู่วัฒนา รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่าผลการโอนเงินเยียวยาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (24- 26 สิงหาคม 2564) สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้โอนเงินเข้าบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน ให้ผู้ประกันตนมาตรา 40 หรือ 'อาชีพอิสระ' คนละ 5,000 บาท ไปแล้วจำนวน 4,496,381 คน ปรากฏว่า โอนสำเร็จ จำนวน 4,096,790 คน และโอนไม่สำเร็จ จำนวน 399,591 คน

ส่วนใหญ่ที่โอนไม่สำเร็จมาจากสาเหตุ ยังไม่ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชนสูงถึง 379,701 คน และสาเหตุอื่น ๆ จำนวน 19,890 คน ทำให้ไม่ได้รับเงินช่วยเหลือทันในการโอนรอบนี้

  • กลุ่มตกหล่น รีบผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชนด่วน

รองโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อไปว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มีความห่วงใย และกำชับให้นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เร่งประชาสัมพันธ์มายังผู้ประกันตน ที่ตกหล่นในการโอนเงิน หากเช็คแล้วว่าเงินยังไม่เข้าบัญชี ให้รีบไปติดต่อธนาคารด่วน ท่านที่ยังไม่ผูกพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน ให้รีบไปดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน หรือเปลี่ยนจากพร้อมเพย์เบอร์โทรศัพท์เป็นพร้อมเพย์เลขบัตรประชาชน

ส่วนท่านที่ไม่ได้รับเงินโอนเนื่องจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น บัญชีปิด หรือยังไม่เปิดบัญชี ก็ให้รีบไปติดต่อธนาคาร และดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ นายจ้างและ ผู้ประกันตน ทุกมาตรา ทั้งมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ตรวจสอบข้อมูลได้ที่ https://ift.tt/2JMxJds และในส่วนของผู้ประกันตนมาตรา 40 ใน 19 จังหวัดที่ขยายวันสมัครและชำระเงินถึงวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เมื่อระบบประมวลผลข้อมูลเรียบร้อยแล้ว จะแจ้งวันที่การโอนเงินให้ทราบต่อไป หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

Adblock test (Why?)


'ประกันสังคม ม.40' เช็คสิทธิ รับเงินเยียวยาแล้วกว่า 4 ล้านคน ย้ำกลุ่มตกหล่น ผูก 'พร้อมเพย์' ด่วน - กรุงเทพธุรกิจ
Read More

หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นเช้า พุ่งขึ้น 22.64 ดัชนีอยู่ที่ 1,633 จุด - ไทยรัฐ

ไทยรัฐออนไลน์

30 ส.ค. 2564 12:42 น.


การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือหุ้นไทยวันนี้ ประจำวันที่ 30 ส.ค. 2564 ครึ่งวันเช้า พบว่าดัชนีปรับขึ้น 22.64 จุด เปลี่ยนแปลง 1.41% ดัชนีอยู่ที่ 1,633.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 69,500.00 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 5. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน).

อ่านเพิ่มเติม...

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นเช้า พุ่งขึ้น 22.64 ดัชนีอยู่ที่ 1,633 จุด - ไทยรัฐ
Read More

หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นเช้า พุ่งขึ้น 22.64 ดัชนีอยู่ที่ 1,633 จุด - เอ็มเอสเอ็น

© สนับสนุนโดย ไทยรัฐ

หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นเช้า ปรับขึ้น 22.64 ดัชนีอยู่ที่ 1,633.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 69,500.00 ล้านบาท

การเคลื่อนไหวของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือหุ้นไทยวันนี้ ประจำวันที่ 30 ส.ค. 2564 ครึ่งวันเช้า พบว่าดัชนีปรับขึ้น 22.64 จุด เปลี่ยนแปลง 1.41% ดัชนีอยู่ที่ 1,633.84 จุด มูลค่าการซื้อขาย 69,500.00 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขาย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) 2. บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 3. บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) 4. บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) 5. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน).

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ตามข่าวก่อนใครได้ที่

- Website : www.thairath.co.th

- LINE Official : Thairath

Adblock test (Why?)


หุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดหุ้นเช้า พุ่งขึ้น 22.64 ดัชนีอยู่ที่ 1,633 จุด - เอ็มเอสเอ็น
Read More

เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย - ประชาชาติธุรกิจ

[unable to retrieve full-text content] เงินบาทผันผวน จับตาปัจจัยสำคัญสัปดาห์หน้า-เงินเฟ้อเดือนม.ค.ของไทย    ประชาชาติธุรกิจ ดูเรื่องราวจากท...